เซียนหมากข้ามมิติ 284 ความสุขของคนรวย

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 284 ความสุขของคนรวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 284 ความสุขของคนรวย

จี้หยวนยังคงมีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กอยู่บ้างเหมือนกัน เว่ยหยวนเซิงเดิมทีก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ส่วนซ่างอีอีและกวนเหอกลับสนใจใคร่รู้นัก

หนุ่มสาวสองคนที่เป็นผู้ฝึกเซียนอย่างไม่บกพร่อง เข้าไปใกล้หน้าประตูจวนตระกูลเว่ยเพื่อศึกษาการจุดประทัดเช่นกัน

ประทัดที่แต่เดิมยาวหลายฉื่อ เมื่อเชื่อมหัวกับท้ายเข้าด้วยกันแล้วกลายเป็นมังกรประทัดตัวยาวในทันที อย่างไรเสียถนนทั้งแถบฝั่งนี้ก็เป็นของตระกูลเว่ยทั้งหมด สิ่งก่อสร้างสองฟากล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเว่ย ดังนั้นประทัดถูกวางไว้หน้าจวนตระกูลเว่ย ยื่นออกไปไกลออกไปไกลมาก

ตอนเว่ยอู๋เว่ยออกมา เขาเห็นจี้หยวนและบุตรชายตนเองนั่งยองอยู่ใกล้พวงประทัดตรงประตู กวนเหอและซ่างอีอีอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของประทัด

ถึงจะเป็นผู้ฝึกเซียน ทว่าประสบการณ์นี้ยากจะได้รับทีเดียว โดยเฉพาะผู้สูงส่งอย่างจี้หยวนก็ทำเรื่องนี้ด้วยกัน ทั้งซ่างอีอีและกวนเหอพลันตั้งอกตั้งใจรับมือการจุดประทัดเช่นกัน

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ข้ารับใช้นำธูปดอกหนึ่งยืนให้เว่ยหยวนเซิง ฝ่ายหลังยืนมันเข้าไปใกล้จุดนำไฟอย่างระมัดะะวัง

“ศิษย์พี่อีอี ศิษย์พี่กวน รีบหลบเร็ว ข้าจะจุดแล้ว!”

เห็นคนหลบกันหมดแล้ว เว่ยหยวนเซิงจุดประทัดแล้ววิ่งไป แม้นับว่าเป็นผู้ฝึกเซียนคนหนึ่งแล้ว แต่เขาไม่มีประสบการณ์ด้านการจุดประทัด ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ซ่างอีอีและกวนเหอก็หลบไปไกลเช่นกัน

ปึงปังๆๆๆ…

เสียงประทัดระเบิดและแสงไฟเกิดขึ้นตามพวงประทัด เว่ยหยวนเซิงหัวเราะคิกคักพลางปรบมือ ความระมัดระวังในตอนแรงหายไปแล้วจึงค่อยเข้าไปใกล้

จี้หยวนยืนฟังเสียงประทัดอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงหันไปมองเว่ยหยวนเซิงที่อยู่ตรงประตูจวน อีกฝ่ายรีบประสานมือคารวะ ผายมือเชื้อเชิญเข้าประตู จี้หยวนพยักเพยิดหน้าไปทางเว่ยหยวนเซิงข้างหน้า บ่งบอกว่าจุดประทัดเสร็จแล้วจะเข้าไป

ผ่านไปใหญ่ประทัดถึงจุดทั้งหมด เว่ยหยวนเซิงตามทุกคนกลับเข้าไปในจวนอย่างพึงพอใจ ระหว่างทางพูดกับจี้หยวนไม่หยุดหย่อน

ตอนที่เว่ยหยวนเซิงยังไม่ได้ขึ้นเขาก่อนหน้านี้ก็อยากลองจุดประทัด แต่ตอนนั้นเขายังอายุไม่ครบสามปีเต็มด้วยซ้ำ คนในบ้านไม่มีทางปล่อยให้เขาทำเรื่องอันตรายแบบนี้ วันนี้กลับมาจากเขาล้อมหยก นับว่าเติบโตขึ้นมากแล้ว

หลังจากนั้นครึ่งเค่อ หน้าโถงรับแขกแห่งหนึ่งที่ลานด้านหลังจวนตระกูลเว่ย เว่ยอู๋เว่ยนำทางจี้หยวนและคนอื่นๆ มาที่นี่ เปิดประตูด้วยตนเอง

“มาๆๆ ท่านจี้เชิญ เชิญทุกคนเข้ามาข้างใน ท่านจี้มาได้พอดิบพอดีนัก ข้าคนแซ่เว่ยเตรียมของดีไว้เต็มโต๊ะ”

เมื่อครู่ยังไม่ได้เปิดประตู จี้หยวนก็ได้กลิ่นหอมจากข้างในแล้ว

ตอนนี้เขาและคนข้างๆ ล้วนมองเข้าไปในห้องโถง จี้หยวนมองเห็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่เป็นพิเศษวางอยู่ข้างใน แบ่งบนล่างสองชั้น ชั้นบนหมุนได้

“เชิญเข้ามาๆ!”

เว่ยอู๋เว่ยเชิญแขกเข้าไปในห้องโถง ทุกคนนั่งหน้าโต๊ะเต็มทุกที่นั่ง

ขนมจานเล็กๆ หลายจานวางเรียงราย น้ำชาที่นำมาวางไว้ถูกต้มเป็นอย่างดี แม้แต่ผู้ฝึกเซียนสองคนรวมถึงบิดาบุตรตระกูลเว่ยล้วนนั่งอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ไม่มีข้ารับใช้เลยสักคน

นี่เป็นครั้งแรกที่จี้หยวนเห็นสิ่งของเช่นโต๊ะกลมหมุนได้เหมือนกับชาติที่แล้ว ทว่านี่เป็นโต๊ะทำจากไม้ซึ่งเป็นของของจวนตระกูลเว่ย สั่งช่างฝีมือทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้อาหารหลากหลายไปถึงทุกคนอย่างทั่วถึง

โต๊ะนี้ใหญ่เกินธรรมดา นั่งเต็มที่ได้ยี่สิบคน ขอบโต๊ะกลมวางไว้ด้วยถ้วยขนาดเล็กมากมาย จี้หยวนนับดูคร่าวๆ อย่างน้อยต้องมีอาหารไม่ซ้ำกันหกหรือเจ็ดสิบอย่าง

‘ความสุขของคนรวยสินะ…’

จี้หยวนแอบทอดถอนใจ เว่ยอู๋เว่ยอธบายสิ่งของบนโต๊ะด้วยตนเอง

“ท่านจี้ ศิษย์พี่กวนและศิษย์พี่ซ่าง ข้าคนแซ่เว่ยไม่มีความชอบอะไรเป็นพิเศษ ทว่าเชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกินเพียงอย่างเดียว สิ่งที่หากินได้บนเขาล้อมหยกล้วนเป็นผลผลิตของจวนเซียน แต่ข้ายังคงโลภในอาหารรสเลิศอยู่ดี”

เว่ยอู๋เว่ยลูบท้องตนเอง

“อย่ามองว่าเป็นเพียงขนมเล็กน้อยเต็มโต๊ะ นี่เป็นสิ่งที่คนครัวสิบกว่าคนของตระกูลเว่ยทำตั้งแต่เช้า อาหารอันประณีตที่เพิ่งจะทำเสร็จตอนนี้ ข้าคนแซ่เว่ยเรียกว่างานเลี้ยงติ่มซำ”

ดูจากรูปร่างของเว่ยอู๋เว่ย จี้หยวนเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง

“มาๆๆ ทุกคนชิมเร็ว ข้าคนแซ่เว่ยไม่เกรงใจแล้ว”

มืออวบของเว่ยอู๋เว่ยเริ่มคว้าขนมอบเข้าปาก ท่าทางสบายๆ นั้นไม่ได้ดูแสร้งทำ แต่เขาไม่ได้เป็นเช่นนี้ตลอดเวลาจริงๆ ด้วยรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่ามีท่าทางสบายใจต่อหน้าจี้หยวนน่าจะดีกว่า

ความจริงพิสูจน์แล้วว่าการกินอาหารสร้างบรรยากาศได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือคนร่ำรวยล้วนเป็นเช่นนี้ จี้หยวนและคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ชิมอาหารว่างเลิศรสเหล่านี้แล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงยิ่งกลมเกลียวกันมากขึ้น

จี้หยวนรู้ว่าตระกูลเว่ยอยากพบเขาเพราะมีธุระอย่างแน่นอน แต่ก็ยินดีที่จะกินไปพลาง พูดคุยไปพลาง อีกทั้งพูดถึงเรื่องการฝึกปราณขณะอยู่บนเขาของบิดาบุตรตระกูลเว่ยตลอดห้าปีนี้ด้วย

บางเรื่องจี้หยวนถามละเอียดมาก ไม่ใช่เพราะใส่ใจพวกเขาเพียงอย่างเดียว ทว่าถือโอกาสทำความเข้าใจว่าพื้นฐานการฝึกปราณที่เขาล้อมหยกแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

ขั้นตอนในนั้นนับว่าเป็นระบบและสมเหตุสมผล ระดับความละเอียดกลับเหนือกว่าที่คาดไว้อยู่บ้าง นอกจากอาจารย์ชี้แนะเพื่อกำจัดความสับสนในการฝึกปราณ อีกทั้งอาจารย์ยืมใช้วิชาอาคมแดนอริยะ ชักนำปราณวิญญาณชะล้างกายเนื้อให้ศิษย์ด้วยตนเอง ไปจนถึงรับพลังดวงดาวกระตุ้นจุดลมปราณ ปกป้องวิชาขณะศิษย์กำลังสร้างเตาโอสถเขตแดนและเปิดสะพานทอง

นอกจากนี้ผู้อาวุโสใกล้ชิดยังคำนึงถึงสภาวะการฝึกปราณของศิษย์รุ่นเยาว์ หลักๆ ขึ้นอยู่กับวิชาขั้นพื้นฐานและสถานะของอุปกรณ์ป้องกันตัว

แดนอริยะเขาล้อมหยกแม้ไม่นับว่าเป็นถ้ำสวรรค์ที่ตัดขาดโลกภายนอก แต่กลับนับได้ว่าเป็นแดนเทพ ขาดความอัศจรรย์อันเป็นเอกลักษณ์ของโลกแห่งถ้ำสวรรค์อยู่บ้าง กระนั้นลมปราณเต็มเปี่ยมไม่บกพร่อง ถึงขนาดมีสถานที่บางแห่งเหนือกว่านั้น อย่างไรเสียเดิมทีแดนเทพก็อาศัยสภาพแวดล้อมและเรื่องราวพิเศษ เช่นเดียวกับยอดเขาหลอมหยกของเขาล้อมหยก

คำแนะนำอันรอบคอบของอาจารย์ รวมกับความพิเศษของสภาพแวดล้อมในการฝึกปราณ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเรียบง่าย แต่กลับเป็นหนึ่งในพื้นฐานของจวนเซียนแดนอริยะฝึกปราณ

จี้หยวนฟังเรื่องเล่าจากเว่ยอู๋เว่ยและเว่ยหยวนเซิง รวมถึงมีซ่างอีอีและกวนเหอกล่าวเสริมอยู่เรื่อยๆ เขาจึงเข้าใจการฝึกปราณของศิษย์เขาล้อมหยกอย่างครอบคลุมแล้ว

เทียบกันแล้ว จี้หยวนรู้สึกว่าตนเองนับว่าปล่อยปละละเลยการมีอยู่ของวาสนาเผยเพร่วิชาอย่างยิ่งยวด กระนั้นไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายแบ่งแยกมีสูงมีต่ำ เพียงแต่สัดส่วนของการมุ่งเน้นแตกต่างกัน อีกอย่างสิ่งที่จี้หยวนชี้แนะถือว่าครึ่งๆ กลางๆ สถานการณ์แตกต่างกัน

บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปมากพอสมควรแล้ว เว่ยอู๋เว่ยส่งสายตาให้บุตรชายตนเอง อีกฝ่ายกลืนขนมอบในกระพุ้งแก้มป่องๆ ลง ดื่มน้ำชาครึ่งถ้วยหมดเกลี้ยง คราวนี้พลันนึกอะไรขึ้นได้จึงถามจี้หยวน

“ท่านจี้ บูรพาจารย์ของข้ากลับมาแล้ว!”

จี้หยวนชะงักเล็กน้อย มองเว่ยหยวนเซิง

“บูรพาจารย์ของเจ้าเป็นใคร”

“บูรพาจารย์ของข้ามีนามว่าเผยเจิ้ง หลายปีก่อนอยู่ที่หอความลับสวรรค์ ครั้งนี้กลับมาข้าไปพบเขาเป็นคนแรก”

เมื่อฟังคำอธิบายของเว่ยหยวนเซิงแล้ว จี้หยวนเข้าใจในทันที มีผู้สูงส่งจากเขาล้อมหยกคนนั้นจริงๆ หลายปีก่อนหน้านี้เพราะหอความลับสวรรค์เกิดข่าวลือ จึงเดินทางไกลไปยังหอความลับสวรรค์แห่งเกาะทักษิณ

“ที่แท้เขาเพิ่งกลับมาหรือนี่”

จี้หยวนยิ้มพลางถาม จากนั้นใคร่ครวญในใจ เขาคิดว่าคนคนนั้นกลับมานานแล้วเสียอีก

ซ่างอีอีที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าก่อนกล่าว

“อย่างไรเสียบูรพาจารย์ก็ไปถึงเกาะทักษิณ มีแม่น้ำแยงซีขวางกั้น ข้ามมหาสมุทรกว้างใหญ่ ระหว่างทางมีเรื่องแปลกทั้งบนท้องฟ้าและในทะเลกีดขวาง เพื่อให้เดินทางได้รวดเร็ว เขาล้วนบินผ่านสถานที่หลายแห่งเพียงลำพัง ไม่เคยอาศัยเขตแดนก้าวข้ามไป ไปกลับเที่ยวหนึ่งไม่ง่ายเลยจริงๆ”

“อ้อ เช่นนั้นก็ลำบากเขาแล้ว”

จี้หยวนพูดไปอย่างนั้น สิ่งที่คิดอยู่ในใจคือนี่หมายความว่าอย่างไร แต่เขายังไม่ทันถาม ซ่างอีอีก็เล่าต่อแล้ว

“บูรพาจารย์อยู่ที่หอความลับสวรรค์ร่วมกับชายเครายาวหลายคน ย้อนดวงชะตาราศีหลายปี สุดท้ายเลือกการเปลี่ยนแปลงดวงดาวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในสามปีนั้น ได้ข้อสรุปทุกวันทุกคืนในนั้นอีกครั้ง ใช้เวลาหนึ่งปีในการพยายามหาจำนวนฟ้าดินจักรวาล หนึ่งปีผันผ่านเป็นสี่ปี ถึงคำนวณชะตานั้นได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นพักฟื้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว จึงค่อยรีบเดินทางกลับมา”

บนใบหน้าจี้หยวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ความจริงพอฟังแล้วตื่นตะลึงอยู่ในใจ นี่นับว่าเป็นการคำนวณดวงชะตาครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งฟังดูเหมือนว่าการคำนวณชะตาในครั้งนี้ถูกพวกเขาจับประเด็นอะไรได้

“เช่นนั้นท่านเซียนเผยนำข้อมูลอะไรกลับมา เขาล้อมหยกอนุญาตให้พวกเจ้าบอกข้าคนแซ่จี้หรือไม่”

จี้หยวนมุ่นคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

เว่ยหยวนเซิงที่อยู่ข้างๆ แย่งพูด

“จะโทษก็ต้องโทษตรงนี้ บูรพาจารย์บอกว่าตอนนั้นชายชราเครายาวสามท่านคำนวณดวงชะตาแล้วต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวเตรียมใจเต็มที่ล่วงหน้าที่หอความลับสวรรค์ เสียเวลาคำนวณอยู่หลายปีมาก กลับล้ำลึกได้มากไม่เท่าพริบตานั้น ฟังคนจากหอความลับสวรรค์เล่าว่า นี่คือความลับสวรรค์ปั่นป่วน หากไม่ใช่เพราะสวรรค์เปลี่ยนแปลงก็เป็นเพราะพฤติกรรมคน สรุปว่าไม่ง่ายเลย ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าใจผิด”

เว่ยหยวนเซิงมองจี้หยวนก่อนกล่าวต่อ

“จากนั้นหลังบูรพาจารย์กลับมาแล้ว ได้ฟังเรื่องราวของท่านจี้แล้วพลันรู้สึกว่าวิเศษมาก ปีนี้ข้าได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่พอดี จึงให้พวกข้าถามท่านจี้ถึงความเห็นที่มีต่อการคำนวณดวงชะตานี้…”

พูดถึงตรงนี้แล้ว เว่ยหยวนเซิงมองจี้หยวนอีกครั้งพร้อมกล่าวเสียงเบา

“ท่านจี้ ความจริงแล้วบูรพาจารย์บอกว่าเพราะอาจเกี่ยวพันถึงชะตาของเขาล้อมหยก ในเขาอาจเกิดเหตุการณ์เดียวกับหอความลับสวรรค์ซ้ำสอง เริ่มการคำนวณดวงชะตาอีกครั้งในอาณาจักรต้าเจินแห่งนี้ แต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดผลสำเร็จ จึงให้ข้ามากล่าวกับท่านอย่างลับๆ หากเป็นไปได้ ท่านก็เตือนผู้อาวุโสบนเขาเหล่านั้น หรือไม่ก็บอกว่าท่านคิดว่าบนเขาทำเช่นนี้ก็เหมาะสมเหมือนกัน”

จี้หยวนคิดดูแล้ว จากนั้นมองคนหลายคน สุดท้ายถามเว่ยหยวนเซิงว่า

“เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ท่านเซียนเผยให้พวกเจ้ามาบอกอย่างลับๆ แล้วคนอื่นบนเขาล้อมหยกไม่รู้หรือ”

เว่ยอู๋เว่ยรู้ว่าหลบไม่พ้น พลันฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้น

“ข้ามองว่าแม้สิ่งที่บอกกับพวกข้าคือคำพูดลับๆ ของท่านเซียนเผย แต่ความจริงแล้วบนเขาก็สืบค้นเรื่องราวของท่านจี้เช่นกัน หนึ่งอาจรู้สึกว่าท่านจี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้าง สองหากท่านจี้สนใจก็คำนวณดวงชะตาร่วมกันได้…”

จี้หยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ

“เขาล้อมหยกทำเช่นนี้ ข้าคนแซ่จี้กลับไม่มีความสนใจใดๆ ข้าคนแซ่จี้อยู่ที่ต้าเจินมานานพอดู ไม่แน่ว่าวันไหนเวลาไหนจะออกเดินทาง การคำนวณชะตาความลับสวรรค์นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าคนแซ่จี้ กลับไปบอกท่านเซียนทั้งหลายบนเขาเถอะ ว่าข้าคนแซ่จี้ยังไม่มีความสามารถแข็งแกร่งถึงขั้นรบกวนความลับสวรรค์ได้”

“เทียบกับเรื่องพวกนี้ ข้าคนแซ่จี้สนใจมากกว่าว่าผู้นำตระกูลเชิญข้ามาแล้วจะรับแขกข้าอย่างไร”

เว่ยอู๋เว่ยชะงัก ทำอะไรไม่ถูกอย่างหาได้ยากโดยพลัน จากนั้นถามอย่างระมัดระวัง

“เอ่อ ข้าน้อยควรรับแขกอย่างไร มิสู้ท่านจี้บอกข้าว่าต้องการอะไรดีกว่า”

จี้หยวนหัวเราะ ในเมื่อมีพ่อครัวแม่ครัวสิบกว่าคน เช่นนั้นก็ต้องลิ้มลองความสุขของคนรวยสักหน่อย

“ไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แต่นำปลากับเนื้อชิ้นใหญ่มาเถอะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด