กระบี่จงมา 931.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (สิบเอ็ด)

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 931.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (สิบเอ็ด) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

และ​การปกป้อง​คนกันเอง​ของ​สาย​เห​วิน​เซิ่งก็​เป็นเรื่อง​ที่​หลาย​ๆ ใต้​หล้า​ต่าง​รู้กัน​ชัดเจน​ดี​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​กับ​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ที่​ซิ่ว​ไฉเฒ่ารัก​และ​เอ็นดู​จน​ถึงขั้น​ที่​ไร้​ขื่อ​ไร้​แป​แล้ว​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ใน​เมื่อ​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ลูกศิษย์​ปิด​สำนัก​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่า ถ้าอย่างนั้น​เขา​ก็​คือ​ศิษย์​น้อง​เล็ก​ที่​พวก​ ‘ตัว​ประหลาด​’ ทั้งหลาย​มีร่วมกัน​

เนื่อง​จากห​ย่าง​จื่อ​รู้​ชัดเจน​ดี​ว่า​ เกี่ยวกับ​สภาพการณ์​ของ​ตัวเอง​ในเวลานี้​ ใน​บรรดา​อริยะ​ปราชญ์​ผู้​มีเทวรูป​ใน​ศาล​บุ๋น​ หรือ​แม้กระทั่ง​ใน​กลุ่ม​เจ้าลัทธิ​หลัก​รอง​ทั้ง​สามท่าน​ของ​ศาล​บุ๋น​ ก็​ใช่ว่า​จะไม่มีใคร​ที่​ไม่มีความเห็น​ต่าง​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ห​ลี่​เซิ่งเปิดปาก​ พูดถึง​แค่​รอง​เจ้าลัทธิ​ที่​ร่วมมือ​กับ​หลิ่ว​ชีดักจับ​ตน​บน​มหาสมุทร​ ก็​คง​ลง​มือสังหาร​ตน​ทิ้ง​ไป​ตั้งแต่​ตอนนั้น​แล้ว​

คาดไม่ถึง​ว่า​ซิ่ว​ไฉเฒ่าจะยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ตามมา​อี​กว่า​ “ยังคง​เป็น​ประโยค​นั้น​ ทำดี​มีความชอบ​ ทำชั่ว​มีความผิด​ ดี​ๆ เลว​ๆ ล้วน​ต้อง​ชดใช้​ พูดถึง​แค่​การ​แก้​ไขความ​ชั่ว​ชดใช้​ความผิด​นี้​ ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะผ่อนคลาย​ไป​กว่า​การ​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ แนะนำ​เจ้าว่า​ควร​เตรียมใจ​ไว้​แต่​เนิ่นๆ​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​ในอนาคต​มาโทษ​ว่า​ข้า​หลอก​เจ้าลง​คลอง​ ข้า​คน​นี้​ถูก​คน​ด่า​ แต่ไหนแต่ไร​มาก็​มีนิสัย​ดี​ๆ อย่าง​การ​ปล่อย​ให้​น้ำลาย​บน​ใบหน้า​แห้ง​ไป​เอง​เสมอ​ มีเพียง​อย่าง​เดียว​ที่​รับ​ไม่ได้​ก็​คือ​ ความหวังดี​และ​การทำดี​ของ​คน​บน​โลก​ที่​เดิน​อยู่​บน​วิถีทาง​ถูก​ผู้​แข็งแกร่ง​ผู้​ที่​มีพละกำลัง​มหาศาล​ลาก​ไป​เหยียบย่ำ​อยู่​ใน​โคลนตม​ตามใจชอบ​ ขอ​แค่​ข้า​ได้​เห็น​เข้า​ ไฟโทสะ​ของ​ข้า​ก็​มักจะ​ผุด​พุ่ง​ และ​พอ​ข้า​มีไฟโทสะ​ เจ้าก็​ต้อง​แบกรับ​ผล​ที่​ตามมา​เอา​เอง​ อย่า​ว่าแต่​ห​ลี่​เซิ่งเลย​ ต่อให้​เป็น​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ที่มา​ขอร้อง​แทน​เจ้าก็​ไม่มีประโยชน์​”

ถึงอย่างไร​ห​ลี่​เซิ่งก็​ไม่อยู่​ ตา​เฒ่าก็​ไม่รู้​ว่า​ไป​อยู่​ที่ไหน​ ข้า​ดื่มเหล้า​เมาแล้ว​พูดจา​ภาษาคนเมา​สัก​สอง​สามประโยค​จะเป็นไรไป​

หย่า​งจื่อ​ได้ยิน​ถ้อยคำ​ข่มขู่​ที่​ตรงไปตรงมา​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​นี้​ นาง​ก็​ไม่หงุดหงิด​แม้แต่น้อย​ แล้วก็​ไม่กล้า​หงุดหงิด​ด้วย​ ไม่ว่า​อย่างไร​ เห​วิน​เซิ่งก็​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​ได้​กลับคืน​สู่ระบบ​ของ​ศาล​บุ๋น​แล้ว​

นาง​เป็น​ฝ่าย​ลุกขึ้น​ยืน​ด้วยตัวเอง​ ริน​เหล้า​ให้​ซิ่ว​ไฉเฒ่าเต็ม​ชามอีกครั้ง​ ซิ่ว​ไฉเฒ่าขอบคุณ​นาง​ จากนั้น​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “นอกจาก​จะขาย​เหล้า​และ​อ่าน​ตำรา​เบ็ดเตล็ด​แล้ว​ยัง​ควร​อ่าน​ตำรา​ที่​เป็นการเป็นงาน​ให้​มาก​หน่อย​ อย่า​ให้​ตัวเอง​กลายเป็น​คน​ไม่มีความรู้​”

หย่า​งจื่อ​ยัง​จะทำ​อย่างไร​ได้​อีก​ ได้​แต่​พยักหน้า​ตอบรับ​เท่านั้น​

ก่อนหน้านี้​ชิงถงทิ้ง​ตำรา​เบ็ดเตล็ด​กอง​ใหญ่​เอาไว้​ให้​นาง​ใช้อ่าน​ฆ่าเวลา​จริงๆ​

แม่ย่า​ลำคลอง​เฉาชิว​อึ้ง​ตะลึง​ นาย​ท่าน​เห​วิน​เซิ่งไม่ได้​พูด​กระทบกระเทียบ​ข้า​อยู่​หรอก​หรือ​? นับแต่​เด็ก​มาข้า​ก็​รู้สึก​ว่าการ​อ่านหนังสือ​น่าเบื่อ​นี่​นา​ เป็น​อย่างนี้​มาตั้งแต่​เกิด​เลย​ นาย​ท่าน​เห​วิน​เซิ่งท่าน​โทษ​ข้า​ แล้ว​ข้า​จะไป​โทษ​ใคร​เล่า​

กง​ซิน​โจว​เห็น​สีหน้า​ของ​กาน​โจว​ก็​กังวล​ว่า​นาง​จะเข้าใจ​นาย​ท่าน​เห​วิน​เซิ่งผิด​ไป​ จึงรีบ​พูด​คล้อยตาม​ทันที​ “สาวงาม​แสน​ดี​เป็นที่​หมายปอง​ของ​บุรุษ​ เมื่อ​ภายใน​ดีงาม​ภายนอก​ก็​งดงาม​ตาม​ไป​ด้วย​ นี่​จึงเป็นเหตุให้​เรื่อง​ของ​การ​อ่านหนังสือ​สามารถ​เพิ่ม​ความงาม​ให้​กับ​สตรี​ได้​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​อ่าน​ตำรา​อริยะ​ปราชญ์​ นี่​เรียก​ว่า​นิสัย​อ่อนโยน​ดุจ​หยก​ขาว​ ผ่าน​ไฟเผา​กี่​ครา​ก็​มิแปรเปลี่ยน​ บทความ​ดุจ​เสียง​สาย​พิณ​ ยิ่ง​ดีด​ยิ่ง​นุ่ม​ลึก​ ดังนั้น​ใน​บท​หนึ่ง​ของ​ตำรา​ ‘ว่าด้วย​จารีต​’ ของ​นาย​ท่าน​เห​วิน​เซิ่งที่​บอ​กว่า​ ‘บท​ขับร้อง​ใน​ชิงเมี่ยว​ หนึ่ง​คน​ร้อง​สามคนรับ​’ แม้แต่​คน​หูหนวก​ก็​ยัง​ได้ยิน​ เพราะ​ดังก้อง​มาจาก​ส่วนลึก​ภายใน​ สอดคล้อง​อยู่​ไกลๆ​ กับ​ประโยค​ของ​นาย​ท่าน​ห​ลี่​เซิ่งที่​บอ​กว่า​ ‘เสียง​พิณ​ใน​ชิงเมี่ยว​ กังวาน​ก้อง​ไกล​’ คำ​ว่า​บทกวี​ขับร้อง​ของ​ปัญญาชน​ใน​ทุกวันนี้​ ไหน​เลย​จะเทียบเคียง​ได้​ อยู่​ห่าง​ชั้น​กัน​ไกล​นัก​”

หย่า​งจื่อ​ฟังแล้ว​ถึงกับ​ขมวดคิ้ว​ คำ​โบราณ​กล่าว​ไว้​ว่า​ฟังท่าน​บรรยาย​หนึ่ง​ครั้ง​ถ้อยคำ​มากกว่า​การ​อ่าน​ตำรา​สิบ​ปี​ แต่​ได้​ฟังเทพ​ภูเขา​กง​ผู้​นี้​เทกระเป๋า​ตำรา​ร่าย​บทความ​แล้ว​รู้สึก​เสียวฟัน​จริงๆ​ ฟังเขา​บรรยาย​หนึ่ง​ครั้ง​ ตำรา​สิบ​ปี​ที่​อ่าน​มานับว่า​เสียเปล่า​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าเปลี่ยน​คำพูด​เสีย​ใหม่​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “อยาก​พ้นไป​จาก​สามแดน​ ไม่อยู่​ใน​ห้า​ธาตุ​ ก็​แค่​อ่าน​ตำรา​เท่านั้น​ อยาก​เดิน​ขึ้น​หอ​สูงอีก​ชั้น​ ใน​สายตา​ไม่มีสามแดน​ห้า​ธาตุ​ ก็​มีเพียง​อ่าน​ตำรา​หมดสิ้น​แล้ว​ ไม่เหลือ​อุปสรรค​ทาง​ตัวอักษร​อีกแล้ว​”

เด็กสาว​ฟังด้วย​ความ​มึนงง​ เทพ​ภูเขา​ผู้เฒ่า​กำลัง​คิด​ว่า​ควรจะ​พูด​ประจบ​ตาม​ไป​อย่างไร​ มีเพียง​หย่า​งจื่อ​ที่​สีหน้า​เปลี่ยน​มาเป็น​เคร่งเครียด​ทันใด​

ซิ่ว​ไฉเฒ่าคิด​ว่า​จะดื่มเหล้า​ที่​ร้าน​นี้​สามชามแล้วก็​จะกลับ​ศาล​บุ๋น​ ดังนั้น​ชามสุดท้าย​ที่อยู่​ใน​มือ​นี้​เขา​จึงดื่ม​ช้าลง​แล้ว​

บน​โลก​มีการ​พบ​พราก​จากลา​ที่​ทั้ง​รีบร้อน​ทั้ง​ขมขื่น​ พบ​เจอกัน​ครั้งหนึ่ง​ อีก​ครั้งหนึ่ง​ก็​แก่​ชรา​แล้ว​

ประวัติศาสตร์​ก็​เหมือน​กระถาง​ไฟใบ​หนึ่ง​ที่​บรรจุ​ขี้เถ้า​ซึ่งยัง​เหลือ​ไอ​ร้อน​เอาไว้​จน​เต็ม​

ขี้เถ้า​ทั้งหมด​ล้วน​เป็น​คน​ที่​จากไป​แล้ว​ซึ่งถูก​ลืม​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​ ส่วน​สะเก็ด​ไฟเหล่านั้น​ก็​คือ​ร่องรอย​ที่​คน​ซึ่งจากไป​ได้​ทิ้ง​ไว้​ใน​ฟ้าดิน​

ยกตัวอย่างเช่น​ตัวอักษร​ที่​แกะสลัก​ไว้​บน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ผลงาน​ที่​สืบทอด​ต่อกัน​มารุ่น​แล้ว​รุ่น​เล่า​ของ​เหล่า​อริยะ​ปราชญ์​ วลี​บทกวี​ของ​ป๋า​ย​เห​ย่​ซูจื่อ​ ภาพ​แขวน​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์บน​ภูเขาทั้งหลาย​ อักษร​แกะสลัก​บน​หน้าผา​ บน​ป้าย​ศิลา​ระหว่าง​ขุนเขา​สายน้ำ​ใหญ่​ ชื่อ​บน​ป้าย​หิน​หน้า​หลุมศพ​ที่​มีลูกหลาน​มาเซ่นไหว้​หน้า​หลุมศพ​ทุกปี​…ร้อย​ปี​พันปี​ให้หลัง​ ทุกอย่าง​ก็​ยังคง​เป็น​เรื่องราว​เก่า​ก่อน​เป็น​คนโบราณ​ที่​ถูก​คนรุ่นหลัง​พูดถึง​จาก​ปาก​คิดถึง​จาก​ใจ

อยู่ดีๆ​ หย่า​งจื่อ​ก็​โพล่ง​ประโยค​หนึ่ง​ออกมา​ว่า​ “เห​วิน​เซิ่งรับ​ลูกศิษย์​ที่​ดี​มา”

“คำพูด​ไร้สาระ​แบบนี้​…”

ซิ่ว​ไฉเฒ่าหยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ กระดก​ดื่มเหล้า​ใน​ชามจน​หมด​ “ต่อให้​ต้อง​ฟังอีก​หมื่น​รอบ​ก็​ไม่รู้สึก​เบื่อหน่าย​”

ธรรมชาติ​มิยาวนาน​ สหาย​นั่ง​กัน​เต็ม​ห้องโถง​ต้อง​จากลา​เหมือน​สายน้ำ​

แขก​ใน​โถงวันนี้​มือไว​ปาน​สายฟ้า​ ขับ​ภูเขา​ไล่​สายน้ำ​มิเปลือง​แรง​

ความสัมพันธ์​เก่า​ก่อน​ยัง​ไล่ตาม​ได้​ทัน​ ลม​ภูเขา​พัด​กระโชก​กลับ​มิอาจ​ไขว่คว้า​

ใคร​หนอ​สวม​ชุด​เขียว​ขี่​กระบี่​กลาง​เมฆา หลุบ​ตา​มอง​ห้า​มหา​บรรพต​บน​ปฐพี​

……

ภาค​กลาง​ของ​ใบ​ถงทวีป​ ใน​หอ​สยบ​ปีศาจ​เบื้อง​ใต้​ต้น​อู๋ถง​

เฉิน​ผิง​อัน​นั่งขัดสมาธิ​หลับตา​ทำสมาธิ​ประหนึ่ง​ใน​อยู่​ใน​เรือน​แห่ง​ใจ ปล่อย​จิต​เดินทางไกล​นับ​พัน​หมื่น​ลี้​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​

ร่าง​จริง​และ​จิต​หยิน​ของ​ชิงถงก็ได้​ติดตาม​เข้าไป​ใน​ความฝัน​ของ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ เดิน​ท่อง​ไป​ทั่วหล้า​ มีเพียง​ผู้เฒ่า​ร่าง​กำยำ​ที่​เป็น​จิต​หยาง​กาย​นอกกาย​เท่านั้น​ที่​ยังอยู่​ที่​เดิม​ด้วย​ความ​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​

เพราะ​เสี่ยว​โม่ผู้​นั้น​ถึงกับ​เผย​ร่าง​ที่อยู่​ใน​สภาวะ​ขั้นสูงสุด​อีกครั้ง​ รวบรวม​กาย​ธรรม​ที่​ล่องลอย​ให้​เป็น​ร่าง​ของ​คน​ชุด​ขาว​ผม​ขาว​สูงจั้งกว่า​ เปลือย​เท้า​ถือ​กระบี่​ จ้องมอง​จิต​หยาง​ของ​ชิงถงอยู่​อย่างนั้น​ บางครั้ง​ก็​เหลือบมอง​ต้นไม้​โบราณ​สูงเสียดฟ้า​

วางท่า​ชัดเจน​ว่า​ไม่เชื่อใจ​ชิงถง ขอ​แค่​มีความผิดปกติ​สัก​เล็กน้อย​เกิดขึ้น​ ผู้ฝึก​กระบี่​ขั้นสูงสุด​ผู้​นี้​ก็​จะฟัน​ต้น​อู๋ถง​ให้​หัก​โค่น​ทันที​

ผู้เฒ่า​ร่าง​กำยำ​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​ “เป็น​พันธมิตร​กัน​แล้ว​ ยัง​ทำท่า​เหมือน​ป้องกัน​โจร​อย่างไร​อย่างนั้น​ มัน​ต้อง​ถึงขั้น​นี้​เลย​หรือ​?”

เสี่ยว​โม่วาง​กระบี่​พาด​ไว้​ตรงหน้า​ สอง​นิ้ว​ลูบ​แสงกระบี่​ที่​บริสุทธิ์​ ยิ้ม​บาง​ๆ ถามว่า​ “ทุกวันนี้​เผย​หมิ่น​แห่ง​เวท​กระบี่​อยู่​ที่ใด​?”

ชิงถงส่ายหน้า​ “หลังจาก​การ​ถามกระบี่​ท่ามกลาง​สายฝน​ครานั้น​ เผย​หมิ่น​ก็​หายตัว​ไป​”

ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ เสี่ยว​โม่ถึงมักจะ​รู้สึก​ว่า​ใน​หอ​สยบ​ปีศาจ​ที่​ไร้​ผู้คน​มีบางอย่าง​แปลก​ๆ

เพียงแต่ว่า​เขา​แบ่ง​ดวงจิต​ไป​ตรวจตรา​ทุกซอกทุกมุม​ของ​สิ่งปลูกสร้าง​ที่​กว้างใหญ่​แห่ง​นี้​หลาย​ต่อ​หลายครั้ง​ก็​ยัง​ไม่พบ​ร่องรอย​ความผิดปกติ​แม้แต่น้อย​

เสี่ยว​โม่ถาม “ม้วน​ภาพ​สิบสอง​ภาพ​ที่​เจ้าตั้งใจ​จัดหา​มา ล้วน​เป็น​โจว​จื่อ​ที่​จัดการ​เตรียม​ไว้​ให้​ล่วงหน้า​ก่อน​แล้ว​ ส่วน​เจ้าก็​แค่​ทำตาม​เท่านั้น​?”

ชิงถงเงียบ​ไม่ตอบ​

เสี่ยว​โม่ถามอี​กว่า​ “แล้ว​โจว​จื่อ​รับ​ ‘กระดาษ​คำตอบ​’ สิบสอง​แผ่น​นั้น​กลับ​ไป​อย่างไร​?”

ชิงถงยังคง​ไม่เอ่ย​อะไร​

สายตา​ของ​เสี่ยว​โม่เปลี่ยน​มาเป็น​เย็นชา​ “ข้า​ถามเจ้า อย่า​แสร้ง​ทำเป็น​หูหนวก​เป็น​ใบ้​ ต้อง​ให้​ข้า​ถามกระบี่​กับ​เจ้าก่อน​ถึงจะยอม​พูด​หรือ​ไร​?”

ชิงถงไม่กล้า​ทำตัว​เป็น​คน​ใบ้​อีก​ พูด​ด้วย​สีหน้า​จนใจ​ว่า​ “ข้า​จะรู้​ได้​อย่างไร​ว่า​โจว​จื่อ​คิด​อะไร​อยู่​ แล้ว​ในอนาคต​เขา​จะทำ​อะไร​อีก​ เขา​คือ​โจว​จื่อ​นะ​! โจว​จื่อ​ไม่ใช่ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ทั่วไป​เสียหน่อย​!”

คำกล่าว​ที่​ชิงถงให้​การประเมิน​โจว​จื่อ​นี้​แทบจะ​เรียก​ได้​ว่า​สูงเทียมฟ้า​แล้ว​

ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ใน​ใต้​หล้า​ เดิมที​ก็​มีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​ อันที่จริง​จะเอา​อะไร​มาพูดว่า​ ‘ทั่วไป​’? แต่​เป็น​เพราะ​โจว​จื่อ​ที่​คน​คนเดียว​ยึด​ครองแผ่นดิน​ของ​สำนัก​หยิน​หยาง​ไป​เพียงลำพัง​ผู้​นี้​ประหลาด​เกินไป​จริงๆ​

ชิงถงพึมพำ​เสียง​เบา​ต่อไป​ว่า​ “ไม่แน่​ว่า​ตอนนี้​พวกเรา​พูดถึง​ชื่อ​ของ​โจว​จื่อ​ก็​คือ​เสียง​ที่​ดังก้อง​ทั่ว​ฟ้าดิน​อย่างหนึ่ง​จน​ไป​เข้าหู​โจว​จื่อ​นาน​แล้ว​ก็ได้​ สามารถ​มอง​เมิน​ปราการ​กั้น​ขวาง​หนา​หนัก​ระหว่าง​ฟ้าดิน​ไป​ได้​เลย​”

เรื่อง​ของ​การ​หลบเลี่ยง​ ราชวงศ์​ล่าง​ภูเขา​บางแห่ง​ไม่เพียงแต่​ต้อง​หลบเลี่ยง​ที่จะ​เอ่ย​นาม​ของ​ฮ่องเต้​ใน​ตำรา​ ยัง​ต้อง​หลบเลี่ยง​การ​เอ่ย​ชื่อ​และ​นาม​ของ​ผู้อาวุโส​ใน​ตระกูล​ด้วย​ ทว่า​บน​ภูเขา​มีผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​บน​ยอดเขา​อยู่​แค่​หยิบมือ​เท่านั้น​ที่​ถึงจะได้รับ​การปฏิบัติ​เช่นนี้​

หาก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​เอ่ย​เรียกชื่อ​ใคร​สัก​คน​อย่าง​มุทะลุ​ก็​มีความเป็นไป​ได้มา​กว่า​จะเห็นผล​ทันตา​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​เอ่ย​วาจา​ไร้​ความ​ยำเกรง​ ยิ่ง​ขอบเขต​สูงมาก​เท่าไร​ก็​ดูเหมือนว่า​ ‘เสียง​จะยิ่ง​ดัง​มาก​เท่านั้น​’ ความเป็นไป​ได้ที่​จิต​ของ​อีก​ฝ่าย​จะรับสัมผัส​ได้​จะยิ่ง​มีสูง

และ​เวลานี้​เอง​ เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ดวงจิต​ยังคง​จมจ่อม​อยู่​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​ยังคง​ไม่ได้​ลืมตา​ แค่​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ตั้งแต่​แรกเริ่ม​ข้า​ก็​จงใจทำให้​โจว​จื่อ​เก็บ​กระดาษ​คำตอบ​ไป​ได้​อย่าง​สะดวก​ เสี่ยว​โม่ ยัง​จำตอนที่​พวกเรา​เพิ่ง​มาถึงที่นี่​ได้​ไหม​ว่า​สหาย​ชิงถงเอ่ย​ว่า​อะไร​?”

เสี่ยว​โม่กระจ่างแจ้ง​ใน​ฉับพลัน​

ก่อนที่​ชิงถงผู้​นี้​จะจัดวาง​ม้วน​ภาพ​ แรกเริ่ม​ก็ได้​ถามเฉิน​ผิง​อันว่า​ ‘เคย​ได้ยิน​คำทำนาย​ประโยค​หนึ่ง​ของ​โจว​จื่อ​มาก่อน​หรือไม่​’

ทว่า​นับตั้งแต่​นาที​นั้น​มาก็​เหมือน​ฟ้าดิน​ได้​แผ่​ปู​ออก​ไป​

เหมือน​การ​สอบ​เค​อจวี่​ครั้งหนึ่ง​ที่​ชิงถงเป็น​แค่​ขุนนาง​ผู้ตรวจ​กระดาษ​ข้อสอบ​ใน​สนามสอบ​ คน​ที่​ตั้งคำถาม​ข้อสอบ​และ​ขุนนาง​ผู้ตัดสิน​ซึ่งดำเนินการ​สอบ​อย่าง​แท้จริง​ล้วน​เป็น​โจว​จื่อ​

คำถาม​ของ​ข้อสอบ​ก็​คือ​คำทำนาย​ประโยค​นั้น​ของ​โจว​จื่อ​

ดังนั้น​เมื่อ​ย้อน​มองดู​ประโยค​ที่​ไข​คำถาม​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เท่ากับ​ว่า​เป็นการ​จรด​พู่กัน​เขียน​ลง​บน​กระดาษ​คำตอบ​ไป​นาน​แล้ว​เช่นกัน​

ก็​คือ​อาศัย​ประโยค​นั้น​ของ​เจิ้งจวี​จงที่​บอ​กว่า​ ‘ก็​แค่​ไม่ต้อง​คิด​เป็นจริงเป็นจัง​’

นี่​หมายความว่า​ จะคิด​เป็นจริงเป็นจัง​หรือไม่​ จะเชื่อ​หรือไม่​เชื่อ​ก็แล้วแต่​เจ้าโจว​จื่อ​

ใน​ฟ้าดิน​สิบสอง​แห่ง​ต่อจากนั้น​ คำพูด​และ​การกระทำ​ทั้งหลาย​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ จิต​แห่ง​มรรคา​ที่​มีขึ้น​มีลง​ สรุป​แล้ว​ออก​มาจาก​เจตจำนง​เดิม​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​หรือไม่​ คือ​จริง​หรือ​เท็จ​ ก็​เหมือนว่า​เฉิน​ผิง​อัน​กำลัง​ย้อนถาม​โจว​จื่อ​อยู่​

ใน​เมื่อ​คุณชาย​บ้าน​ตน​สัมผัส​ได้​นาน​แล้ว​ แล้วก็​มีวิธี​รับมือ​ ถ้าอย่างนั้น​เสี่ยว​โม่ก็​ไม่คิด​จะเป็น​คน​เขลา​เบาปัญญา​ที่​ได้​แต่​เป็นทุกข์​อีกแล้ว​

อีก​ทั้ง​การ​ที่​ชิงถงพูด​ขึ้น​มาเอง​ก็​พอ​จะถือว่า​เป็นการ​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​ที่ทำการ​ล้อมคอก​เมื่อ​วัว​หาย​ครั้งหนึ่ง​ได้​

เสี่ยว​โม่เพียงแค่​ใช้สายตา​มอง​คนปัญญาอ่อน​มอง​ชิงถง

ชิงถงอึ้ง​งัน​ไป​ทันใด​ ก็ได้​ ข้า​คือ​คนปัญญาอ่อน​

เพียงแต่​เจ้าเสี่ยว​โม่ดีกว่า​ข้า​สัก​เท่าไร​กัน​เชียว​?

เสี่ยว​โม่หัวเราะ​

ไม่บังเอิญ​เลย​ ข้า​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​

การ​คิด​เรื่อง​ต่างๆ​ และ​การ​แก้ไข​ปริศนา​ไม่ใช่เรื่อง​ที่​ข้า​ถนัด​ แต่​หาก​จะพูดถึง​เรื่อง​ถามกระบี่​ฟัน​คน​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ต้อง​นับ​ข้า​ไป​ด้วย​คน​หนึ่ง​

ใน​ระเบียง​ชั้น​บนสุด​ของ​ห้อง​แห่ง​หนึ่ง​ใน​หอ​สยบ​ปีศาจ​

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ยืน​พิง​ราว​รั้ว​อยู่​กับ​นักพรต​ฉุน​หยาง​ แต่​ดูเหมือนว่า​พวกเขา​ทั้งสองฝ่าย​จะใช้สถานะ​และ​สายตา​ของ​คนใน​อดีต​มามอง​เรื่องราว​ในอนาคต​ เสี่ยว​โม่ในเวลานี้​จึงมิอาจ​ค้นพบ​ตัว​พวกเขา​

นักพรต​วัยกลางคน​ที่​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​เรียก​ด้วย​ความเคารพ​ว่า​หลวี่​จู่ถือ​แส้สะพาย​กระบี่​ เห็น​เหตุการณ์​นี้​แล้วก็​เอ่ย​ชมชมเชย​ว่า​ “สหาย​สี่จู๋ผู้​นี้​ มีการ​รับสัมผัส​ที่​เฉียบ​ไว​มาก​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​พยักหน้า​ “ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​พวก​นี้​ ไม่มีใคร​สัก​คน​ที่​กิน​หญ้า​”

รอ​กระทั่ง​ฉุน​หยาง​เจิน​เห​ริน​ได้ยิน​ประโยค​นั้น​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​พลัน​รู้สึก​ประหลาดใจ​อย่าง​มาก​ อด​พูด​อย่าง​สะท้อนใจ​ไม่ได้​ว่า​ “ประหนึ่ง​มนุษย์​ธรรมดา​ที่​เดิน​วนเวียน​อยู่​ตาม​ขุนเขา​ตระหง่าน​โอฬาร​ใน​วันที่​ฝน​และ​หิมะ​ตก​ หาก​ไม่ทัน​ระวัง​เท้า​ลื่นไถล​ก็​จะพลัดตก​จาก​หน้าผา​ ร่างกาย​แหลก​ยับ​ไม่เหลือ​ชิ้น​ดี​ ประลอง​ปัญญา​ปัดแข้งปัดขา​กับ​โจว​จื่อ​เช่นนี้​ช่างอันตราย​เหลือเกิน​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “นี่​ก็​เป็น​ดั่ง​คำกล่าว​ของ​โค่ว​หมิง​ที่ว่า​ ‘เมื่อ​ปล่อยไป​ตาม​ธรรมชาติ​ ย่อม​ตระหนัก​และ​เข้าใจ​ได้​ตาม​ธรรมชาติ​’ แน่นอน​ว่า​สามารถ​มอง​เป็น​ประโยค​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่าที่​บอ​กว่า​ ‘ผู้​ที่​รู้​ตัวเอง​ไม่โทษ​คน​ ผู้​ที่​รู้​ชะตากรรม​ไม่บ่น​ฟ้า’ ก็ได้​เหมือนกัน​ หาก​จะพูด​ให้​ตรงไปตรงมา​อีกหน่อย​ก็​หนี​ไม่พ้น​ว่า​แดด​ส่อง​สูงตากผ้า​ ฝนตก​ออกจาก​บ้าน​เก็บ​ผ้า​ แต่​หากว่า​…ลืม​แล้ว​ ลืม​ไป​แล้ว​”

ฉุน​หยาง​เจิน​เห​ริน​ไม่อยาก​ให้​ประโยค​นี้​ทอด​ยาว​ออก​ไป​จริงๆ​ จึงถือโอกาส​นี้​ขอ​ความรู้​เกี่ยวกับ​ราก​ฐานความรู้​ของ​สามลัทธิ​จาก​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​เพิ่มเติม​อีกหน่อย​

แต่​ดูเหมือน​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​จะไม่อยาก​คุย​เรื่อง​นี้​ จึงเปลี่ยน​เรื่อง​ด้วย​การยิ้ม​ถามแล้ว​ว่า​ “เจ้าเดินทาง​ท่อง​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​มานาน​ ไม่เคย​แอบ​ไป​ฟังการ​ถ่ายทอด​มรรคา​ของ​โค่ว​หมิง​ที่​นค​รอ​วี้​หวง​บ้าง​เลย​หรือ​?”

ระหว่าง​ที่​สาย​ตาพร่า​เลือน​ยัง​พอ​จะมีมองเห็น​ได้​อย่าง​เลือนราง​ว่า​มีนักพรต​คน​หนึ่ง​ดื่มเหล้า​เพียงลำพัง​อยู่​ใต้​ต้น​อู๋ถง​ ลม​เย็น​แดด​อ่อน​จาง สหาย​เก่า​ไม่มา ยืน​รอ​จน​เงาต้น​อู๋ถง​ลาลับ​

เกา​เจิน​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ที่​มีรูปโฉม​เป็น​วัยกลางคน​ผู้​นี้​สมกับ​คำกล่าว​ที่ว่า​ ‘ต้นไม้​หยก​รับลม​ ต้นไม้​ใหญ่​เรียก​ลม​’ อย่างยิ่ง​

นักพรต​ฉุน​หยาง​ยิ้ม​เอ่ย​ “เคย​ไป​ฟังมาสามครั้ง​ แต่​ทุกครั้ง​ล้วน​มีเจ้าลัทธิ​ลู่​อยู่​เป็นเพื่อน​ด้วย​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​กล่าว​ “เพราะ​ตอนนั้น​ลู่​เฉิน​คาดการณ์​ถึงเรื่องราว​ในอนาคต​ได้​นาน​แล้ว​ ยัง​กังวล​ว่า​อนาคต​เมื่อ​เจ้าหวนกลับ​มายัง​ไพศาล​จะแบ่ง​เอา​ปราณ​เต๋า​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​และ​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงไป​มากเกินไป​”

นักพรต​ฉุน​หยาง​กล่าว​ “หากว่า​ลู่​เฉิน​ไม่เคย​จากไป​ อย่าง​น้อย​ก็​สามารถ​เพิ่ม​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​อีก​ครึ่ง​แห่ง​ให้​กับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ยิ้ม​บาง​ๆ “ได้มา​คือ​ความโชคดี​ของ​ข้า​ เสีย​ไป​คือ​ชะตา​ของ​ข้า​ บุปผา​ที่​ไป​เบ่งบาน​นอก​กำแพง​ก็​ถือว่า​ได้​เบ่งบาน​เหมือนกัน​”

นักพรต​ฉุน​หยาง​ถอนหายใจ​ “จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ลู่​เฉิน​ยาก​จะคาดเดา​ มีเพียง​กับ​ศิษย์​พี่​ที่​เป็น​เจ้าลัทธิ​ผู้​นี้​เท่านั้น​ที่​เขา​ชื่นชอบ​มาก​เป็นพิเศษ​”

หาก​อิง​ตาม​คำกล่าว​ของ​ลู่​เฉิน​ใน​ปี​นั้น​คือ​ อาจารย์​ของ​เขา​ มรรค​กถา​เป็นธรรมชาติ​ แทบจะ​ใกล้​หนึ่ง​แล้ว​ มรรค​กถา​สูงมาก​เท่าไร​ ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​ก็​มาก​เท่านั้น​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด