กระบี่จงมา 939.1 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (แปด)

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 939.1 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (แปด) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ ประสานมือ​คารวะ​ “ผู้เยาว์​หลู​เซิงคารวะ​เจ้าลัทธิ​ลู่​”

ทั้งสองฝ่าย​กลับมา​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​หลังจาก​ลา​กัน​ไป​นาน​ คน​หนึ่ง​เรียก​พี่​ซีโจว​ อีก​คน​หนึ่ง​เรียก​ตัวเอง​ว่า​ผู้เยาว์​

เพราะ​บัณฑิต​ไม่ได้​ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​กับ​นักพรต​ เป็นเหตุให้​เด็กสาว​ได้ยิน​อย่าง​ชัดเจน​ พริบตา​นั้น​หัว​คิ้ว​ก็​ขมวด​เข้าหา​กัน​ เจ้าลัทธิ​ลู่​?

เจ้าลัทธิ​

นักพรต​หนุ่ม​ที่​บอ​กว่า​ตัวเอง​มี ‘วิชา​เซียน​ติด​กาย​’ ผู้​นี้​ หรือว่า​แท้จริง​แล้วก็​คือ​คนใน​ยุทธ​ภพ​? หาไม่​แล้ว​พรรค​บน​ภูเขา​ ใคร​จะกล้า​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เจ้าลัทธิ​?

เพียงแต่ว่า​หาก​เขา​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​คน​หนึ่ง​ ยันต์​ที่อยู่​บน​ไหล่​นาง​แผ่น​นั้น​ก็​หนัก​นับ​หมื่น​ชั่ง กด​ทับ​จน​นาง​มิอาจ​กระดุกกระดิก​ได้​ คง​ไม่ใช่ว่า​มีฐาน​กำลัง​ทรัพย์​หนา​ลึก​ มือเติบ​ใจป้ำ​ จ่าย​เงินก้อน​ใหญ่​ซื้อ​มาจาก​เซียน​ซือบน​ภูเขา​หรอก​กระมัง​?

ลู่​เฉิน​ขยับ​เส้น​สายตา​มอง​ไป​ยัง​เด็กสาว​ พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “แม่นาง​มีสายตา​ที่​ดี​ เดา​ไม่ผิด​หรอก​ นอกจาก​จะเป็น​วิชา​เซียน​ปลายแถว​สอง​สามบท​แล้ว​ อันที่จริง​เสี่ยว​เต้า​ (คำ​เรียก​ตัวเอง​อย่าง​ถ่อมตัว​ของ​นักพรต​คล้าย​คำ​ว่า​ผิน​เต้า​) ก็​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ที่​ไม่เปิดเผย​ตัวตน​คน​หนึ่ง​ด้วย​ คำกล่าว​ที่ว่า​ ‘ปรมาจารย์​ใหญ่​’ ก็​คือ​คำ​ที่​สร้าง​ขึ้น​โดย​วัด​มาจาก​ตัว​เสี่ยว​เต้า​เลย​ทีเดียว​”

บัณฑิต​เฒ่าได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​อย่าง​รู้ทัน​ เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงท่าน​นี้​เคย​เขียน​บท​ ‘ปรมาจารย์​ใหญ่​’ จริง​ เพียงแต่ว่า​เวลา​ผัน​ผ่าน​ สุดท้าย​ก็​กลาย​มาเป็น​คำ​เรียกขาน​อย่าง​ให้​ความเคารพ​ต่อ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ไป​แล้ว​

บัณฑิต​เฒ่าเดิน​เข้าไป​ใน​ห้องครัว​ นั่งลง​ตรงข้าม​กับ​ลู่​เฉิน​ บน​โต๊ะ​มีตะเกียบ​และ​ชามอีก​ชุด​หนึ่ง​เพิ่ม​มาไว้​นาน​แล้ว​ แม้แต่​กา​เหล้า​ก็​ยังมี​อยู่​สอง​กา​ เห็นได้ชัด​ว่า​เอาไว้​รับรอง​คนรู้จัก​เก่า​ที่​ได้มา​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​ใน​ต่างบ้านต่างเมือง​ผู้​นี้​

ลู่​เฉิน​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “อดีต​เจ้าสำนัก​เจียง​ตัดใจ​ปล่อย​ให้​เจ้าออก​มาจาก​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาได้​อย่างไร​?”

หลู​เซิงริน​เหล้า​ให้​ตัวเอง​หนึ่ง​ชาม ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “เคย​มีข้อตกลง​กับ​เจียง​ซ่างเจิน​ หลังจากที่​ข้า​สะสางความปรารถนา​เดิม​เรื่อง​หนึ่ง​สำเร็จ​แล้วก็​ยัง​ต้อง​กลับ​ไป​เป็น​คนพาย​เรือต่อ​อีกครั้ง​”

ใน​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาแห่ง​นั้น​ใช้นามแฝง​ว่า​หนี​หยวน​จาน​ ถ่อ​เรือ​ประทัง​ชีพ​

ใน​ประวัติศาสตร์​ หาด​หิน​หวง​เฮ้อ​หนึ่ง​ใน​สิบ​แปด​ทัศนียภาพ​ของ​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆา เคย​มีเซียน​กระบี่​บรรพกาล​ไม่ทราบ​นาม​คน​หนึ่ง​มาร่ำสุรา​อยู่​ใน​ศาลา​

สุดท้าย​ขณะที่​กำลัง​เมามาย​ก็​ส่งเสียง​เรอ​ดังลั่น​ เม็ด​กระบี่​เม็ด​หนึ่ง​ถูก​พ่น​ออกจาก​ปาก​ แสงกระบี่​เหมือน​สายรุ้ง​ที่​พุ่ง​ไป​ฟัน​ยุง​เหนือ​แม่น้ำ​

ตอนนั้น​ชุยตง​ซาน​กับ​คนพาย​เรือ​เฒ่าอยู่​บน​เรือ​ลำ​เล็ก​ข้าม​แม่น้ำ​ด้วยกัน​ บทสนทนา​ของ​ทั้งสองฝ่าย​เหมือน​เป็นการ​เล่น​ทาย​ปริศนาธรรม​กัน​ไม่หยุดหย่อน​ ล้วน​เป็นการ​เปิดโปง​ ‘สถานะ​’ ส่วนหนึ่ง​ของ​อีก​ฝ่าย​ทั้งสิ้น​

คน​หนึ่ง​คือ​ ‘วัว​ดำ​ไป​เยี่ยมเยือน​ตำหนัก​หยก​เพียงลำพัง​ แต่กลับ​ทิ้ง​กระเรียน​เหลือง​ (หวง​เฮ้อ​) ให้​เฝ้าโอสถ​ทอง​’ เนื้อหนัง​เคย​เป็น​คราบ​ร่าง​นก​กระเรียน​เหลือง​แห่ง​ยุค​บรรพกาล​ที่​ ‘ใน​อดีต​ชื่อเสียง​สูงเหนือ​ดวงดาว​’

ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​คือ​มังกร​เฒ่าแคว้น​สู่โบราณ​ที่​ ‘ราชัน​แห่ง​ดาว​ตัก​เหล้า​เลิศ​รส​ โน้มน้าว​ให้​เหล่า​มังกร​ดื่ม​กัน​ให้​เต็มคราบ​’ เจ้าของ​เนื้อหนังมังสา​เคย​เดินทางไกล​ท่อง​ไป​ใน​ทางช้างเผือก​ ถูก​เซียน​จวิน​แห่ง​ดาว​เป่ย​โต้​ว​โน้มน้าว​ให้​ดื่มเหล้า​

คนพาย​เรือ​เฒ่าที่​ใช้นามแฝง​ว่า​หนี​หยวน​จาน​ ปี​นั้น​หลังจาก​เมามาย​ก็ได้​สังหาร​ปีศาจ​ ร่าง​จริง​คือ​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ที่​แม้แต่​เจียง​ซ่างเจิน​ตอนที่​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ก็​ยัง​ทำ​อะไร​ไม่ได้​ กิน​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​เป็น​อาหาร​ ไปมา​ไร้​ร่องรอย​ ยาก​ที่จะ​จับตัว​ได้​ คนพาย​เรือ​เฒ่ากลับ​สามารถ​อาศัย​เวท​กระบี่​ที่​ลี้ลับ​และ​วิชา​อภินิหาร​เฉพาะ​สยบ​กำราบ​ปีศาจ​ตน​นั้น​เอาไว้​ได้​ สุดท้าย​ใช้กระบี่​สังหาร​มัน​ทิ้ง​ เท่ากับ​ช่วย​กำจัด​ภัย​ร้าย​ให้​กับ​สกุล​เจียง​แห่ง​ถ้ำเมฆาไป​ได้​

ลู่​เฉิน​ถาม “อาจารย์​ซีโจว​ไม่เคย​ได้​เจอ​กับ​แม่นาง​สุย​ที่​เดิน​ออก​มาจาก​ภาพวาด​เลย​หรือ​? หาก​ผิน​เต้า​จำไม่ผิด​ ก่อนที่​แม่นาง​สุย​จะกลายเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​สำนัก​เจินจิ้ง​เคย​ไป​ฝึก​ตน​อยู่​ที่​ภูเขา​บรรพบุรุษ​ของ​สำนัก​กุย​หยก​อยู่​นาน​หลาย​ปี​ นาง​กับ​อาจารย์​ซีโจว​ห่าง​กัน​แค่​ก้าว​เดียว​ เหตุใด​อาจารย์​และ​ศิษย์​อย่าง​พวก​เจ้าถึงไม่ยอม​มาพบ​เจอกัน​? หากว่า​ได้​กลับมา​สานต่อ​วาสนา​เดิม​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ กลับคืน​มามีสถานะ​เป็น​อาจารย์​และ​ศิษย์​กัน​อีกครั้ง​ ก็​จะไม่กลาย​เป็นเรื่อง​เล่าขาน​งดงาม​บน​ภูเขา​หรอก​หรือ​?”

หลู​เซิงส่ายหน้า​ “เรื่อง​ของ​เมื่อ​ชาติก่อน​และ​วาสนา​ของ​เมื่อ​ชาติก่อน​ หาก​หยุด​ใน​ชาติ​นี้​ได้​ก็​ควร​หยุด​ ไม่อย่างนั้น​ชาติหน้า​จะต้อง​เจอ​กับ​บัญชี​เลอะเลือน​อีก​บัญชี​หนึ่ง​ แล้ว​เมื่อไหร่​จะถึงจุดสิ้นสุด​เสียที​”

ลู่​เฉิน​ทอดถอนใจ​ ตบ​โต๊ะ​ร้อง​ดัง​ “ฟังคำบรรยาย​ของ​ท่าน​หนึ่ง​ครั้ง​เหมือน​ได้​กรอก​เท​สติปัญญา​ ปลุก​ให้​คน​บน​ภูเขา​ที่อยู่​ใน​ความฝัน​ไม่รู้​กี่มากน้อย​สะดุ้ง​ตื่นขึ้น​มา”

หลู​เซิงส่าย​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “ไย​เจ้าลัทธิ​ลู่​ต้อง​จงใจพูด​เยินยอ​ด้วย​เล่า​”

โจว​จื่อ​พูดถึง​ฟ้า ลู่​เฉิน​พูดถึง​ฝัน​ ล้วน​มีเอกลักษณ์​เพียง​หนึ่งเดียว​

ลู่​เฉินยก​ชามเหล้า​ขึ้น​แกว่ง​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​กลัดกลุ้ม​ สายตา​ฉายแวว​ไม่พอใจ​ “ใน​เรื่อง​ของ​การ​รับ​ลูกศิษย์​ ผิน​เต้า​ละอายใจ​ที่​สู้ไม่ได้​ พวก​ลูกศิษย์​ที่​ไม่เป็นโล้เป็นพาย​พวก​นั้น​ จนถึง​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​ไม่มีใคร​ที่​ได้​ครอบครอง​คำ​เรียกขาน​ว่า​ ‘บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ใต้​หล้า​’ เลย​ ทำเอา​คน​ที่​เป็น​อาจารย์​อย่าง​ข้า​ เดิน​ไป​ที่ไหน​ก็​ล้วน​ไม่เป็นที่นิยม​ ดู​อย่าง​ซิ่ว​ไฉเฒ่าสิ ต่อให้​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ อยู่​ใน​อาราม​เสวียน​ตู​แห่ง​นั้น​ก็​ยัง​ทำ​เหมือน​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ตัวเอง​ได้​”

หลู​เซิงไม่รู้​ว่า​ควรจะ​หัวเราะ​หรือ​ร้องไห้​ดี​ บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ใต้​หล้า​ของ​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​จะเอา​มาทัดเทียม​กับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​อย่างไร​ หมวก​สูงใบ​นี้​ของ​เจ้าลัทธิ​ลู่​ หลู​เซิงไม่กล้า​เอา​มาสวม​ลง​บน​ศีรษะ​ของ​ตัวเอง​จริงๆ​

พวก​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​ลู่​เฉิน​ มีใคร​บ้าง​ที่​ไม่มีมรรค​กถา​มีความสำเร็จ​ยิ่งใหญ่​ พูดถึง​แค่​เฉาหรง​ เฮ้อ​เสี่ยว​เหลียง​ที่อยู่​ต่อ​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ก็​เป็น​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ที่​มีหวัง​จะเป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​แล้ว​

พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ ใน​อาราม​กวาน​เต๋า​ นอกจาก​เจ้าแห่ง​ถ้ำปี้​เซียว​ที่​เป็น​เจ้าบ้าน​แล้ว​ บางครั้ง​ก็​จะมีแขก​ผู้สูงศักดิ์​อย่างเช่น​พวก​นักพรต​ฉุน​หยาง​ และ​ยังมี​พวก​ ‘เจ๋อ​เซียน​’ แห่ง​ใบ​ถงทวีป​ที่​ไป​ฝึก​ประสบการณ์​ใน​โลก​โลกีย์​ขัดเกลา​จิต​แห่ง​มรรคา​ใน​พื้นที่​มงคล​ นอกจากนี้​เดิมที​พื้นที่​มงคล​เอง​ก็​ไม่เคย​ขาด​บุคคล​ผู้​มีคุณสมบัติ​โดดเด่น​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​จงใจเก็บ​รวบรวม​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​มาไว้​ ไม่อนุญาต​ให้​คนธรรมดา​ฝึก​ตน​ คาด​ว่า​คงจะ​ต้อง​เป็น​เหมือน​พื้นที่​มงคล​ห​ลิง​ส่วง​แห่ง​ฝูเหยา​ทวีป​หรือไม่​ก็​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาของ​เจียง​ซ่างเจิน​ที่​ต้อง​มีเซียน​ดิน​กลุ่ม​ใหญ่​ปราก​ฎตัว​นาน​แล้ว​ และ​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ที่​ผู้คน​ให้การ​ยอมรับ​ว่า​ขยับ​เข้าใกล้​ ‘วิถี​ฟ้า’ มาก​ที่สุด​ แท้จริง​แล้วก็​คือ​สตรี​คน​หนึ่ง​

สุย​โย่ว​เปีย​น​

นาง​คือ​ ‘ผู้อาวุโส​’ แห่ง​ยุทธ​ภพ​คน​หนึ่ง​ที่​สามารถ​ทำให้​อวี๋เจิน​อี้​แห่ง​พรรค​หู​ซาน​เลื่อมใส​บูชา​อย่างยิ่ง​

วนเวียน​อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​ ถูก​เรียกขาน​เป็น​ผู้​กล้า​ใน​ยุทธ​ภพ​ ได้​ครองตำแหน่ง​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ วกวน​ไปมา​ ตาม​ความเห็น​ของ​อวี๋เจิน​อี้​ที่​จิตใจ​ทะเยอทะยาน​เห่อเหิม​แล้วก็​เป็น​แค่​ผี​บังตา​เท่านั้น​ สุดท้าย​ก็​ยาก​จะหนี​พ้น​กฎ​ตายตัว​ของ​ ‘โลกีย์​’ ไป​ได้​

แต่​สุย​โย่ว​เปีย​นก​ลับ​ไม่เหมือนกัน​ ปี​นั้น​สตรี​ผู้​นี้​พก​กระบี่​บิน​ทะยาน​ ปล่อย​กระบี่​สู่ม่าน​ฟ้าสามครั้ง​

และ​อันที่จริง​ชาติกำเนิด​ของ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ก็​ถือว่า​ไม่เลว​ ค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​จูเหลี่ยน​คุณชาย​ผู้สูงศักดิ์​ใน​ภายหลัง​ และ​พวก​ผู้อาวุโส​ใน​ตระกูล​ปัญญาชน​ของ​นาง​ก็​ไม่ใช่พวก​ที่​หู​ตา​คับแคบ​ แต่​เหตุใด​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ตั้งชื่อ​นาง​ถึงได้​ทำ​อย่าง​ขอไปที​เช่นนี้​

แน่นอน​ว่า​เพราะ​มียอด​ฝีมือ​ฝาก​ความหวัง​ไว้​ให้​กับ​ ‘สุย​โย่ว​เปีย​น’​ มาก​ หวัง​ว่า​นาง​จะสามารถ​บุกเบิก​เส้นทาง​อีก​สาย​ที่​แตกต่าง​ไป​จาก​คนธรรมดา​สามัญ

คำ​ว่า​ ‘โย่ว​เปีย​น’​ (ขวามือ​) ของ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ คือ​ตำแหน่ง​ตรงข้าม​กับ​ ‘คน​ทางซ้าย​ของ​เส้นทาง​หา​น​ตัน​’

และ​บัณฑิต​ตรง​หน้าที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​ ‘หลู​เซิง’ ผู้​นี้​ก็​คือ​อาจารย์​ผู้​มีพระคุณ​ที่​ถ่ายทอด​ความรู้​ วร​ยุทธ​และ​เวท​กระบี่​ให้​กับ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​

หลู​เซิงที่​มีฐานะ​เป็นหนึ่ง​ใน​ตัวละคร​หลัก​ของ​ความฝัน​หวง​เหลียง​ ย่อม​ต้อง​หวัง​ให้​ในอนาคต​ลูกศิษย์​สุย​โย่ว​เปีย​น​ได้​บุกเบิก​โฉมหน้าใหม่​ เดิน​ไป​บน​เส้นทาง​มหา​มรรคา​ที่​แตกต่าง​ไป​จาก​ของ​ตนเอง​

“ทาง​สาย​ใหญ่​ตรี​วิสุทธิ์​คน​เดิน​น้อย​ เส้นทาง​ด้าน​ข้าง​คน​แย่งชิง​กัน​เข้าไป​ นับแต่​โบราณ​มาโลก​มนุษย์​ก็​มีทางแยก​หลาย​สาย​ เทพ​เซียน​พบ​เจอยาก​ เส้นทาง​หา​เจอยาก​”

ลู่​เฉิน​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ บิ​น่อง​ไก่​มันเยิ้ม​น่อง​หนึ่ง​ออกมา​กิน​ พูด​เสียง​อู้อี้​ว่า​ “ผิน​เต้า​รู้สึก​ว่า​แม่นาง​สุย​ผู้​นั้น​ ผลสำเร็จ​ในวันหน้า​ต้อง​ไม่ต่ำ​แน่​ หาก​เปลี่ยน​ข้า​มาเป็น​พี่​ซีโจว​ ต่อให้​ทำผิด​ต่อ​การ​จัดการ​ของ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ก็​จะต้อง​มอบ​โอสถ​ทอง​เม็ด​นั้น​ให้​แม่นาง​สุย​ให้ได้​ อาศัย​สิ่งนี้​มาเป็น​แรงผลักดัน​ ตำแหน่ง​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ของ​แม่นาง​สุย​ก็​จะกลายเป็น​ของ​ใน​กระเป๋า​ หาก​นาง​โชค​ดีกว่า​นั้น​อีก​สักนิด​ ใน​อดีต​การ​ที่​ ‘หล่น​ลง​’ ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ ก็​จะเป็นการ​ ‘ลอย​ขึ้น​’ ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ เรื่อง​ที่​ปี​นั้น​ทำ​ไม่สำเร็จ​ วันหน้า​ก็​สามารถ​ชดเชย​ได้​”

หลู​เซิงเอ่ย​อย่าง​จนใจ​ “หาก​เจ้าลัทธิ​ลู่​อธิบาย​คำศัพท์​เช่นนี้​ก็​จะตก​เป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​ยก​เอา​ทั้งดุ้น​มาอ้าง​โดย​ไม่สน​ความเหมาะสม​แล้ว​”

เพราะ​คำ​ว่า​ ‘สุย​’ หาก​ไม่พูดถึง​ต้นกำเนิด​ของ​แซ่สกุล​ พูดถึง​แค่​ตำรา​ ‘โส่ว​เทียว​’ ของ​ศาล​บุ๋น​ ความหมาย​ใน​ยุค​โบราณ​ก็​คือ​ภาชนะ​เซ่นไหว้​ที่​เหลืออยู่​หลัง​การ​เซ่นไหว้​ ‘เมื่อ​เซ่นไหว้​เสร็จสิ้น​ก็​เก็บ​เนื้อ​ (สุย​) เอาไว้​’ เป็นเหตุให้​มีอริยะ​ปราชญ์​เพิ่ม​คำอธิบาย​ไว้​อี​กว่า​ ‘ของ​ที่​ใช้เซ่นไหว้​มีปอด​กระดูก​และ​ธัญพืช​’ นอกจากนี้​หาก​อิง​ตาม​ ‘เส้าห​ลิง​จื้อเซิ่ง’​ พจนานุกรม​อธิบาย​ศัพท์​ของ​อาจารย์​สวี่​ ตัวอักษร​คำ​ว่า​สุย​ก็​ยัง​มีความหมาย​อีก​ชั้นหนึ่ง​ที่​แปล​ว่า​ ‘ย้อย​ลง​’ ได้​ด้วย​

ลู่​เฉิน​หัวเราะ​หึหึ​ “จริง​หรือ​? สุย​โย่ว​เปีย​นพ​กก​ระ​บี่​บิน​ทะยาน​ล้มเหลว​ สภาพ​ที่​ ‘เนื้อหนัง​สลาย​สิ้น​เหลือ​เพียง​โครงกระดูก​ยืน​อยู่​ แหลก​สลาย​กลายเป็น​ผุยผง​’ เหมือน​การ​ ‘สละ​ศพ​’ ครั้งแรก​ของ​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​หรือไม่​? แล้วก็​เพราะ​มีการกระทำ​นี้​ของ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ ถึงได้​มีความทะเยอทะยาน​ของ​อวี๋เจิน​อี้​ใน​ภายหลัง​ จาก​ผู้ฝึก​ยุทธ​ที่​ฝึก​หมัด​เปลี่ยน​มาเป็น​เดิน​ขึ้น​เขา​ฝึก​เซียน​ ตั้ง​ปณิธาน​ว่า​จะต้อง​ทำ​วีรกรรม​ที่​คนใน​อดีต​ไม่เคย​ทำได้​สำเร็จ​”

อวี๋เจิน​อี้​เลื่อมใส​ใน​ตัว​สุย​โย่ว​เปีย​น​มาก​จริงๆ​ เคย​เอ่ย​ประโยค​เย้ยหยัน​ตัวเอง​ไว้​ว่า​ วีรบุรุษ​ผู้​กล้า​ใน​ใต้​หล้า​ ถึงกับ​ล้วน​เป็น​ขุนนาง​ใต้​กระโปรง​ทั้งสิ้น​

หาก​จะพูดถึง​คนใน​ประวัติศาสตร์​ที่​ขอบเขต​วร​ยุทธ​สูงกว่า​สุย​โย่ว​เปีย​น​ก็​ใช่ว่า​จะไม่มี แต่​คน​ที่​งัดข้อ​กับ​เทพ​เทวดา​บน​สวรรค์​อย่าง​สุย​โย่ว​เปีย​น​นี้​ กลับ​ไม่เคย​มีใคร​ทำ​จริงๆ​

“พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ของ​พวก​เจ้า หาก​จะต้อง​คัดเลือก​ปรมาจารย์​ใหญ่​สิบ​คนใน​ประ​วัต​ศาสตร์​ออกมา​จริงๆ​”

ลู่​เฉิน​สามารถ​ให้​ประโยค​ที่​เป็น​ข้อสรุป​แบบ​ตอก​ปิด​ฝาโลง​ต่อ​ตลอดทั้ง​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ใน​อดีต​ได้​ว่า​ “เว้น​จาก​ติง​อิง​ผู้​รวบรวม​ความสำเร็จ​ด้าน​วิถี​วร​ยุทธ​ใน​ใต้​หล้า​แล้ว​ นอกจากนี้​ก็​คือ​คน​สี่คนใน​ภาพวาด​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​พา​ออก​มาจาก​พื้นที่​มงคล​ บวก​กับ​อวี๋เจิน​อี้​ที่​ไม่มีคุณธรรม​ใน​ยุทธ​ภพ​แม้แต่น้อย​ วิ่ง​ขึ้น​เขา​ไป​ฝึก​เซียน​เพียงลำพัง​ ก็​ล้วน​สามารถ​เลื่อน​อยู่​ใน​อันดับ​นี้​ได้​”

คนใน​ภาพวาด​สี่คน​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ แม้แต่​ตัว​สุย​โย่ว​เปีย​น​เอง​ อยู่​ใน​วัน​เวลา​ที่​ต่าง​ยุค​ต่าง​สมัย​ก็​ล้วน​เคย​เป็น​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​อย่าง​สมชื่อ​

เว่ย​เซียน​นั้น​ตามหา​เซียน​ไม่สำเร็จ​ สุดท้าย​จึงแก่​ตาย​ แต่​ก็​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ได้​นาน​ถึงหนึ่งร้อย​ยี่สิบ​ปี​ อายุ​มาก​ถึงสอง​รอบ​เจี่ยจื่อ​ (หนึ่ง​เจี่ยจื่อ​คือ​เวลา​หกสิบ​ปี​ หรือ​แซยิด​) หลู​ป๋า​ยเซี่ยง​เจ้าประมุข​พรรค​มาร​ตาย​อยู่​ท่ามกลาง​วงล้อม​สังหาร​

จูเหลี่ยนคน​คลั่ง​วร​ยุทธ​…รนหาที่​ตาย​เอง​ ใน​ศึก​ของ​นคร​ เขา​สังหาร​คน​เก้า​คน​จาก​สิบ​คนใน​ใต้​หล้า​เกือบ​หมดสิ้น​

สุดท้าย​ถูก​ติง​อิง​ที่​อายุ​น้อย​ๆ โชคดี​ ‘เก็บตก​ของดี​’ ไป​ ได้​กวาน​ดอกบัว​สีเงิน​บน​ศีรษะ​ของ​จูเหลี่ยน​ไป​ครอง​

ส่วน​สุย​โย่ว​เปีย​น​ก็​สร้าง​วีรกรรม​อัน​น่า​ตะลึงพรึงเพริด​อย่าง​การ​ ‘พก​กระบี่​บิน​ทะยาน​อย่าง​ที่​ไม่เคย​มีใคร​ทำ​มาก่อน​’ ดึง​เอา​โชคชะตา​บู๊​ครึ่งหนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​มาไว้​ที่​ตัวเอง​ ประหนึ่ง​เซียน​เห​ริน​ขี่​กระบี่​โผ​บินขึ้น​ฟ้า น่าเสียดาย​ที่​ต้อง​เรือ​ล่ม​เมื่อ​จอด​ นาง​ไม่อาจ​ฝ่าคอขวด​ที่​เป็น​ปราการ​ธรรมชาติ​ซึ่งแข็งแกร่ง​มิอาจ​ทำลาย​นั้น​ไป​ได้​ หลังจากที่​นาง​ส่งกระบี่​ซึ่งส่อง​ประกาย​แสงพร่างพราว​อย่าง​ถึงที่สุด​ไป​สามครั้ง​ กลับ​ต้อง​เจอ​กับ​จุดจบ​อัน​น่าสังเวช​ที่​เนื้อหนัง​หลอมละลาย​ เหลือ​เพียง​โครงกระดูก​ตั้งอยู่​ ระหว่าง​ที่​โครงกระดูก​หล่น​ร่วง​ลงมา​ใน​โลก​มนุษย์​ก็ได้​สลาย​กลายเป็น​เถ้าอัฐิ​ แล้วก็​กระจาย​หาย​ไป​ทั้งอย่างนั้น​

หลัง​จากนั้นมา​ วิถี​ฟ้ามิอาจ​ละเมิด​ก็​ราวกับว่า​ได้​กลาย​มาเป็น​กฎ​เหล็ก​ข้อ​หนึ่ง​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ใน​ใต้​หล้า​ของ​โลก​ยุค​หลัง​ไป​แล้ว​

จนกระทั่ง​ติง​อิง​ปรากฏตัว​ รวมไปถึง​อวี๋เจิน​อี้​ ‘เซียน​เห​ริน​’ คน​แรก​ของ​พื้นที่​มงคล​ที่​เดิน​ขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​ตาม​ความหมาย​ที่​แท้จริง​

หลู​เซิงยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​รับ​ “ไม่มีอะไร​ให้​โต้เถียง​”

ลู่​เฉิน​กล่าว​ “คิด​คำนวณ​ตาม​ศักยภาพ​บน​ยอดเขา​ของ​แต่ละคน​ พี่​ซีโจว​ เจ้าคิด​ว่า​สามอันดับ​แรก​ควร​จัดลำดับ​อย่างไร​?”

หลู​เซิงส่ายหน้า​ “ออก​มาจาก​พื้นที่​มงคล​นาน​เกินไป​ ไม่เคย​เห็น​วีรบุรุษ​พวก​นั้น​ลงมือ​กับ​ตา​ตัวเอง​มาก่อน​ หลู​เซิงมิกล้า​วิจารณ์​ส่งเดช​”

อันที่จริง​อาจารย์​หลู​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ แน่นอน​ว่า​สามารถ​ยึด​ครองตำแหน่ง​หนึ่ง​ของ​สิบ​คน​ได้​ อีก​ทั้ง​ลำดับ​รายชื่อ​ยัง​ไม่ต่ำ​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​เลื่อน​เป็น​สามอันดับ​แรก​ได้​ด้วย​

คู่ควร​กับ​คำ​กล่าวว่า​ ‘เวท​กระบี่​ล้ำเลิศ​’ แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​ก็​ไม่มีทาง​สั่งสอน​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ที่​เป็น​อย่าง​สุย​โย่ว​เปีย​นอ​อก​มาได้​

อันที่จริง​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ถามกระบี่​กับ​ฟ้า หลู​เซิงเดิน​นำ​ลูกศิษย์​อย่าง​สุย​โย่ว​เปีย​น​ไป​ก้าว​หนึ่ง​ด้วยซ้ำ​ เพียงแต่​ไม่ได้​เป็นที่​จับตามอง​อย่าง​สุย​โย่ว​เปีย​น​ก็​เท่านั้น​ เพราะ​เขา​ถามกระบี่​กับ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​

ส่วน​จุดจบ​ก็​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ลุ้น​ สูญเสีย​เนื้อหนังมังสา​ไป​เช่นเดียวกับ​สุย​โย่ว​เปีย​น​ หลังจาก​พ่ายแพ้​ก็​จำต้อง​ ‘สวมใส่​’ ชุด​คลุม​ขนนก​ตัว​หนึ่ง​ หรือ​ก็​คือ​เนื้อหนังมังสา​ที่​มีรูปลักษณ์​เป็น​ผู้เฒ่า​ในเวลานี้​แล้ว​

ภายหลัง​คล้าย​ทำ​ความดี​ชดใช้​ความผิด​ ปฏิบัติ​ตามคำสั่ง​ข้อ​หนึ่ง​ของ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ ออกจาก​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​มายัง​ใบ​ถงทวีป​ และ​เรื่อง​การ​ ‘บิน​ทะยาน​’ ของ​หลู​เซิงก็​มีความหมาย​เหมือน​บุปผา​บาน​อยู่​ใน​กำแพง​แต่​ส่งกลิ่นหอม​ไปนอก​กำแพง​อยู่​หลาย​ส่วน​ เหมือนกับ​ปี​นั้น​ที่​สิงกวาน​หาว​ซู่พก​กระบี่​บิน​ทะยาน​ออกจาก​พื้นที่​มงคล​บ้านเกิด​ตัวเอง​ทำให้เกิด​ความเคลื่อนไหว​รุนแรง​ เนื่องจาก​ร่องรอย​เซียน​ครั้งนี้​ทำให้​ชาวบ้าน​ใน​พื้นที่​เมืองหลวง​ของ​ราชวงศ์​ต้า​เฉวียน​ พูด​ต่อกัน​ไป​ปากต่อปาก​ว่า​มีเมือง​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ชื่อว่า​นคร​ฉีเฮ้อ​เคย​มีเซียน​ขี่​กระเรียน​บิน​ทะยาน​ คำ​ว่า​ร่องรอย​เซียน​ที่​ผู้คน​กล่าวถึง​ก็​เป็น​แค่​เนินเขา​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ จนถึง​ทุกวันนี้​ใน​หมู่​ชาวบ้าน​ของ​ต้า​เฉวียน​ก็​ยังมี​เพลง​พื้นบ้าน​ที่​ค่อนข้าง​แพร่หลาย​ประโยค​ว่า​ ‘วัว​ดำ​ใคร​ขี่​ไป​ กระเรียน​เหลือง​ก็​บิน​มา’

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด