กระบี่จงมา 940.2 ใบท้อพบเจอดอกท้อ

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 940.2 ใบท้อพบเจอดอกท้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นักพรต​เนิ่น​เห็น​เป็นเรื่อง​ปกติ​ไป​แล้ว​ ขอ​แค่​คุณชาย​ของ​ตน​ได้​อ่านหนังสือ​ก็​จะต้อง​ขมวดคิ้ว​ จริงจัง​ก็​จริงจัง​อยู่​หรอก​ แต่​จะอ่าน​เข้า​หัว​กี่มากน้อย​ หึหึ​

พูดถึง​แค่​ตำรา​ ‘หลอม​ภูเขา​’ เล่ม​ที่อยู่​ใน​มือ​ นักพรต​เนิ่น​อยาก​จะให้​คุณชาย​เปิด​อ่าน​ดู​ ผล​คือ​ห​ลี่​ไหว​โบกมือ​ส่ายหน้า​โดยตรง​ บอ​กว่า​จะให้​ข้า​อ่าน​ตำรา​เล่ม​นี้​ทำไม​? อ่าน​เข้าใจ​หรือ​? ต่อให้​อ่าน​เนื้อหา​เข้าใจ​ ด้วย​คุณสมบัติ​ของ​ข้า​จะสามารถ​ฝึก​ตน​ได้​หรือ​? นักพรต​เนิ่น​เจ้าคิด​อะไร​อยู่​ จงใจอยาก​เห็น​เรื่องตลก​ของ​ข้า​หรือ​?

แต่​บอก​ตามตรง​ นักพรต​เนิ่น​รู้สึก​ว่า​ต่อให้​ตัวเอง​ได้​ ‘หลอม​ภูเขา​’ ครึ่ง​เล่ม​ล่าง​มา สำหรับ​เรื่อง​ของ​การ​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ นักพรต​เนิ่น​ก็​ไม่มีความมั่นใจ​แม้แต่น้อย​

หยวน​โส่ว​ผู้​นั้น​อาศัย​สงคราม​ใหญ่​ครานั้น​กลืน​กิน​ภูเขา​ของ​สอง​ทวีป​อย่าง​ฝูเหยา​และ​ใบ​ถงไป​กี่มากน้อย​? แล้ว​อย่างไร​? ก็​ยัง​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​อยู่​เหมือนเดิม​ไม่ใช่หรือ​

อีก​อย่าง​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​แห่ง​นี้​ ก่อนหน้านี้​นักพรต​เนิ่น​ใช้ฉายา​ว่า​หลง​ซาน​กง​ ใช้สถานะ​ของ​คน​ที่​ชื่อว่า​โอ่​วหลู​เดินทาง​ท่อง​ไป​ทั่ว​ใต้​หล้า​ ก็​พอ​จะเดา​เบาะแส​ออก​ได้​แล้ว​ว่า​ เหวย​เซ่อ​แห่ง​ธวัล​ทวีป​ ผู้ฝึก​ตน​ที่​มีพรสวรรค์​อันดับ​หนึ่ง​ซึ่งเคย​ถูก​ขนานนาม​ว่า​คุณสมบัติ​บดขยี้​คน​ขอบเขต​เดียวกัน​ผู้​นี้​ เคย​เจอ​กับ​ความยากลำบาก​ใหญ่หลวง​บน​อักษร​คำ​ว่า​ ‘ภูเขา​’ มาก่อน​ มีความเป็นไปได้​อย่าง​มาก​ว่าการ​เลื่อนขั้น​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ครั้งหนึ่ง​ หรือ​อาจ​ถึงสอง​ขั้น​ล้วน​ไร้ผล​ เหวย​เซ่อ​ถึงได้​หมดอาลัยตายอยาก​เช่นนี้​

“เหล่า​เนิ่น​”

นักพรต​เนิ่น​ถามอย่าง​กังขา​ “คุณชาย​ มีอะไร​หรือ​?”

ห​ลี่​ไหว​กล่าว​ “ข้า​มีความคิด​ที่​ยัง​ไม่เป็นรูปเป็นร่าง​อย่างหนึ่ง​ เจ้าลอง​ฟังดู​ก็แล้วกัน​ หาก​พูดไม่ถูก​ แล้ว​เจ้ารู้สึก​ว่า​ไร้สาระ​ก็​อย่า​หัวเราะ​”

เวลานี้​นักพรต​เนิ่น​ก็​เริ่ม​ตีหน้า​เคร่ง​กลั้น​ขำ​แล้ว​ “เชิญคุณชาย​พูด​ได้​เลย​”

ห​ลี่​ไหว​เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “เหล่า​เนิ่น​ ขอบเขต​ของ​เจ้าสูงขนาด​นี้​ หาก​บอ​กว่า​อาศัย​การ​ขนย้าย​ภูเขา​ กิน​ราก​ภูเขา​แต่ละ​เส้น​ จากนั้น​อาศัย​วิชา​อภินิหาร​ใน​การ​ย่อย​พวก​มัน​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​เพิ่ม​ตบะ​ได้​ ค่อยๆ​ ขยับ​ขอบเขต​ให้​สูงทีละเล็กทีละน้อย​ แต่​ข้า​กลับ​รู้สึก​ว่า​…ห่าง​จาก​การ​เป็น​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ของ​พวก​เจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ห่าง​จาก​มหา​มรรคา​…สำหรับ​ใน​ใจของ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​บรรลุ​มรรคา​ ยังมี​ระยะห่าง​อยู่​อีก​มาก​ ตำรา​โบราณ​ใน​มือ​เจ้าเล่ม​นี้​ไม่ได้​ชื่อว่า​ ‘หลอม​ภูเขา​’ หรอก​หรือ​ หลังจาก​หลอม​มัน​แล้วก็​จะได้​เห็น​สถานที่​ที่​ไม่ขาดสาย​น้ำ​ ขาด​ก็​แต่​ภูเขา​หรือไม่​ ถ้าอย่างนั้น​บางครั้ง​เจ้าก็​พ่น​ภูเขา​ออกมา​สัก​สอง​สามลูก​เถอะ​…ก็​เหมือน​อย่าง​ใน​ตำรา​ที่​ข้า​เพิ่ง​อ่าน​เมื่อครู่นี้​ มีประโยค​หนึ่ง​บอ​กว่า​ ‘ฝึก​วิชา​สามพัน​ถึงขั้น​สมบูรณ์​ ก็​เพื่อ​สร้าง​รากฐาน​แห่ง​มรรค​กถา​’ คำ​ว่า​รากฐาน​ที่ว่า​นี้​ก็​คือ​พูดถึง​บ้านเรือน​ที่​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​พวกเรา​พักอาศัย​ ไม่ได้​พูดถึง​ราก​ภูเขา​ตีนเขา​สักหน่อย​ ข้า​รู้สึก​ว่า​มีเหตุผล​มาก​เลย​ เดี๋ยว​นะ​ ขอให้​ข้า​ได้​เปิด​ดูก่อน​ นี่​ไง ยังมี​ประโยค​นี้​ คน​ที่​เขียน​ตำรา​เล่ม​นี้​ยัง​บอก​ไว้​อีก​ประโยค​ว่า​ ‘ลง​น้ำ​หลอม​ไฟ พัก​ภูเขา​หลอม​หยก​ ไย​ต้อง​บอก​ท่าน​ว่า​เป็น​ถ้ำสวรรค์​’ …ดูเหมือนว่า​ยังมี​ประโยค​นี้​ด้วย​ ‘อาศัย​หิน​ของ​ภูเขา​ลูก​อื่น​มากลึง​เป็น​หยก​ หิน​ภูเขา​คือ​ภูเขา​นอกกาย​ หยก​นี้​คือ​ภูเขา​ใน​ใจ’ ไม่ว่า​จะเป็น​คำกล่าว​ที่ว่า​ฟ้าดิน​คือ​บิดา​มารดา​ของ​หมื่น​สรรพสิ่ง​ที่​ลัทธิ​เต๋า​กล่าวถึง​ หรือ​คำ​ว่า​นักเดินทาง​ใน​ฟ้าดิน​ของ​นักประพันธ์​ และ​ยังมี​คำ​ว่า​ ‘ฟ้าและ​คน​รวม​เป็นหนึ่ง​’ ที่สาม​ลัทธิ​อย่าง​ขงจื๊อ​พุทธ​เต๋า​ชอบ​พูดถึง​ ข้า​รู้สึก​ว่า​สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้ว​ คือ​อะไร​นั้น​บอก​ได้​ยาก​ แต่​อย่าง​น้อย​ข้า​ก็​มั่นใจ​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​ว่า​มัน​ต้อง​ไม่ใช่…เรื่อง​ที่​คล้ายคลึง​กับ​การ​เล่น​หมากล้อม​ ไม่จำเป็นต้อง​แบ่ง​แพ้ชนะ​ ไม่ใช่ว่า​เจ้ามาก​ข้าน้อย​ เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​ไม่ใช่ความสัมพันธ์​ใน​ทาง​ตรงข้าม​ที่ว่า​เจ้ามีข้า​ไม่มี เจ้าเพิ่ม​ข้า​จึงลด​ เมื่อ​เอา​มาใช้กับ​เจ้าเหล่า​เนิ่น​ หาก​เอาแต่​คอย​ค้นหา​เทือกเขา​ ขุนเขา​และ​เส้น​ชีพจร​มังกร​จาก​ฟ้าดิน​อยู่​ตลอด​ ต้อง​กิน​ไป​ตลอดทาง​ เมื่อไหร่​จะถึงจุดสิ้นสุด​? คง​ไม่อาจ​กิน​ห้า​ขุนเขา​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ใต้​หล้า​ลง​ไป​ทั้งหมด​หรอก​กระมัง​? ถ้าหาก​ ข้า​พูดว่า​ถ้าหาก​นะ​ ถ้าหาก​ตลอดทั้ง​ฟ้าดิน​สามารถ​ถูก​มอง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​บางคน​ที่​คล้ายคลึง​กับ​องค์​เทพ​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​หรือไม่​ก็​พระภิกษุ​สมณศักดิ์​สูงเปี่ยม​ไป​ด้วย​คุณธรรม​ คิดดู​แล้ว​เมื่อ​เขา​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​การ​เอาแต่ได้​ไม่รู้จัก​เสียสละ​อย่าง​ไม่มีวัน​หมดสิ้น​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ใน​โลก​มนุษย์​ก็​คง​รู้สึก​รำคาญ​เหมือนกัน​กระมัง​ ใช่เหตุผล​ข้อ​นี้​หรือไม่​? แต่​ข้า​เป็น​คนนอก​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​ ก็​แค่​พูดเหลวไหล​ไป​สอง​สามประโยค​เท่านั้นเอง​”

แรกเริ่ม​นักพรต​เนิ่น​ยังมี​สีหน้า​ผ่อนคลาย​ แต่​พอ​ได้ยิน​ห​ลี่​ไหว​พูด​คำ​ว่า​ ‘มหา​มรรคา​’ ออกมา​ จิต​แห่ง​มรรคา​ก็​พลัน​สั่นสะเทือน​ อยู่ดีๆ​ นักพรต​เนิ่น​ก็​กระปรี้กระเปร่า​ได้​ทันใด​ ยืด​เอว​ตรง​ นั่ง​สงบ​สำรวม​ตาม​จิตใต้สำนึก​ รอ​กระทั่ง​ห​ลี่​ไหว​เอ่ย​คำ​ว่า​ ‘รากฐาน​แห่ง​มรรค​กถา​’ สีหน้า​ของ​นักพรต​เนิ่น​ก็​แปรเปลี่ยน​ไม่แน่นอน​ พอ​เอ่ย​คำ​ว่า​ ‘พัก​ภูเขา​หลอม​หยก​’ นักพรต​เนิ่น​ก็​ดีใจ​จน​หลงระเริง​…หลงลืม​ทุกอย่าง​ไป​…

รอ​กระทั่ง​ห​ลี่​ไหว​พูด​จน​ปากคอ​แห้งผาก​แล้วจึง​หยุด​เสียง​ลง​ ก็​ไม่สน​ว่า​เหล่า​เนิ่น​ฟังแล้ว​จะหัวเราะเยาะ​รู้สึก​ว่า​น่าขัน​หรือไม่​ ถึงอย่างไร​ห​ลี่​ไหว​ก็ได้​พูด​จน​ตัวเอง​รู้สึก​กระอักกระอ่วน​เต็มที่​ไป​แล้ว​

พูดจา​สะเปะสะปะ​ไม่มีลำดับ​ เหยียบ​เปลือก​แตงโม​ลื่น​ไป​ถึงตรงไหน​ก็​ตรงนั้น​ ไม่มีระเบียบ​ขั้น​ตอ​น.​..

หาก​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​ด้วย​ก็ดี​น่ะ​สิ

ผู้เฒ่า​ชุด​เหลือง​พลัน​คืนสติ​ ยื่นมือ​มาตบ​ธรณีประตู​ที่อยู่​ใต้​ก้น​เบา​ๆ พึมพำ​ว่า​ “ข้า​บรรลุ​มรรคา​แล้ว​ ข้า​มองเห็น​มรรคา​แล้ว​”

ห​ลี่​ไหว​ก้มหน้า​ลง​มอง​หน้าปก​ของ​ตำรา​เล่ม​นั้น​ คน​ที่​เขียนหนังสือ​เล่ม​นี้​แซ่หลวี่​นาม​เหยียน​

นักพรต​เนิ่น​สีหน้า​สดใส​แช่มชื่น​ ดวงตา​ทั้งคู่​เหมือน​มีประกาย​แสงพริบ​พราว​กระเพื่อม​ไม่หยุด​ เงยหน้า​ถามว่า​ “คุณชาย​ ตำรา​เล่ม​นี้​ใคร​เป็น​คนเขียน​หรือ​?”

ห​ลี่​ไหว​ยิ้ม​กล่าว​ “หลวี่เหยียน​ ดูเหมือน​จะเป็น​นักพรต​คน​หนึ่ง​”

นักพรต​เนิ่น​ถามอย่าง​สงสัย​ “อักษร​ตัว​ไหน​ เหยียน​ที่​แปล​ว่า​ภาษาหรือ​? หรือว่า​เหยียน​ที่​แปล​ว่า​หิน​ผา​?”

ห​ลี่​ไหว​กล่าว​ “เหยียน​ที่​มีอักษร​ซาน​อยู่​ด้านล่าง​อักษร​ผิ่น​อยู่​ข้างบน​”

นักพรต​เนิ่น​ลุกขึ้น​ยืน​ สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ หันหน้า​เข้าหา​ห​ลี่​ไหว​และ​โต๊ะ​ตัว​นั้น​ ก้ม​คารวะ​สามกราบ​ กราบ​ห​ลี่​ไหว​ กราบ​ตำรา​ กราบ​หลวี่เหยียน​

เรือน​หลัง​ที่อยู่​ใกล้​กัน​ เฉินห​ลิง​จวิน​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​ขั้นบันได​ มอ​งก​วอ​จู๋จิ่ว​ที่​ฝึก​ท่า​หมัด​เดิน​นิ่ง​พลาง​ส่งเสียง​ฮื่อ​ฮ่าไป​ด้วย​

ทาง​ฝั่งของ​พรรค​หวง​เหลียง​นี้​ บน​ภูเขา​ไม่มีธรรมเนียม​กิน​อาหาร​คืน​ข้าม​ปี​ เฉินห​ลิง​จวิน​กับ​นักพรต​เนิ่น​ช่วยกัน​ออก​ความคิด​ว่า​เป็น​แขก​ควร​ตามใจ​เจ้าบ้าน​ จึงละเว้น​เอาไว้​ ไม่อย่างนั้น​จะดู​เรื่อง​มากเกินไป​ และ​มีแต่​จะทำให้​พรรค​หวง​เหลียง​รู้สึก​ลำบากใจ​

เฉินห​ลิง​จวิน​ถาม “กวอ​จู๋จิ่ว​ เจ้าเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​นะ​ ทำไม​ต้อง​ฝึก​ท่า​เดิน​นิ่ง​วิชา​หมัด​อยู่​ทุกวัน​ด้วย​?”

กวอ​จู๋จิ่ว​กระโดด​ขึ้น​สูง หมุนตัว​เหวี่ยง​เท้า​ พอ​พลิ้ว​กาย​ลง​บน​พื้น​แล้วก็​เอ่ย​ว่า​ “ความมานะ​ชดเชย​ข้อบกพร่อง​ได้​”

เฉินห​ลิง​จวิน​กลอกตา​มอง​บน​ ข้า​ถามเจ้าเรื่อง​นี้​หรือ​?

กวอ​จู๋จิ่ว​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “คน​ที่​ชื่อ​หวง​ชงผู้​นั้น​เป็น​ฮ่องเต้​จริงๆ​ หรือ​?”

หวง​ชงผู้​นั้น​คือ​ฮ่องเต้​คน​แรก​ที่​กวอ​จู๋จิ่ว​ได้​เห็น​หลังจาก​มาเยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​

เฉินห​ลิง​จวิน​ลุกขึ้น​ยืน​ สอง​มือ​เท้า​เอว​ฉับ​ เชิดหน้า​พูด​ “เจ้าหมายถึง​พี่น้อง​หวง​ชงของ​ข้า​น่ะ​หรือ​ เขา​ย่อม​ต้อง​เป็น​ฮ่องเต้​ของ​หนึ่ง​แคว้น​อยู่แล้ว​ ไม่มีมาด​อะไร​เลย​ใช่ไหม​ ก็​แค่​พฤติกรรม​ยาม​ดื่มเหล้า​แย่​ไป​สักหน่อย​ เรื่อง​อื่นๆ​ ที่​เหลือ​ก็​หา​ข้อบกพร่อง​ไม่เจอ​แล้ว​”

พูด​มาถึงตรงนี้​ เฉินห​ลิง​จวิน​ก็​เอ่ย​อย่าง​น่าสงสาร​ว่า​ “ข้า​ได้​ป่าวประกาศ​ออก​ไป​แล้ว​ กวอ​จู๋จิ่ว​ วันหน้า​หาก​อยู่​กับ​นาย​ท่าน​ เจ้าช่วย​พูดจา​ดี​ๆ แทน​ข้า​สัก​สอง​สามประโยค​ได้​ไหม​ล่ะ​”

กวอ​จู๋จิ่ว​อืม​รับ​ “แน่นอน​อยู่แล้ว​”

กลับ​กลายเป็น​ว่า​เฉินห​ลิง​จวิน​ต้อง​อึ้ง​งัน​เสีย​เอง​ “หา​? เจ้ายินดี​ช่วย​จริงๆ​ หรือ​?”

กวอ​จู๋จิ่ว​ถามอย่าง​สงสัย​ “ข้า​เจอ​อาจารย์​พ่อ​ก็​มีคำพูด​เป็น​กระบุง​ใหญ่​อยาก​จะพูด​ ก็​แค่​ช่วย​พูดจา​ดี​ๆ แทน​เจ้าไม่กี่​คำ​ เหมือน​ใส่ตะแกรง​ใบ​เล็ก​ลง​ไป​ใน​กระบุง​ใบ​ใหญ่​ มีอะไร​ให้​ยินดี​ไม่ยินดี​กัน”

เฉินห​ลิง​จวิน​พยักหน้า​รัว​เร็ว​เหมือน​ไก่​จิก​เมล็ด​ข้าวเปลือก​ ใน​ใจรู้สึก​อุ่น​ซ่าน​ เกือบจะ​น้ำตาไหล​ออกมา​เสียแล้ว​

เว่ย​ซาน​จวิน​ที่​ไร้​คุณธรรม​ใน​ยุทธ​ภพ​สิบ​คน​ก็​สู้กวอ​จู๋จิ่ว​ที่​มีใจของ​จอม​ยุทธ​ผู้​ผดุง​คุณธรรม​ไม่ได้​จริงๆ​!

กวอ​จู๋จิ่ว​พลัน​หยุด​ท่า​เดิน​นิ่ง​ “ไปหา​ห​ลี่​ไหว​นะ​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ลุกขึ้น​ยืน​ ถามอย่าง​ง่ายๆ​ “ไป​ทำ​อะไร​?”

แต่​กวอ​จู๋จิ่ว​เป็น​คน​คิด​เร็ว​ทำ​เร็ว​มาตั้ง​แต่ไหนแต่ไร​แล้ว​ ดีด​ปลายเท้า​หนึ่ง​ที​ก็​กระโดด​ขึ้นไป​บน​หัว​กำแพง​ เอ่ย​ว่า​ “ไปหา​ห​ลี่​ไหว​ ให้​เขา​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​น่ะ​สิ ศิษย์​พี่​หญิง​ใหญ่​เคย​บอ​กว่า​ศักดิ์สิทธิ์​มาก​เลย​ล่ะ​ ทดลอง​หลายครั้ง​ก็​ยัง​ไม่พลาด​!”

เฉินห​ลิง​จวิน​รู้สึก​หัวโต​ขึ้น​มาทันใด​ รู้​ว่า​กวอ​จู๋จิ่ว​พูด​เรื่อง​อะไร​อยู่​ นาง​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ทุกครั้งที่​ห​ลี่​ไหว​วาด​ยันต์​ผี​ลง​บน​พื้น​ เขียน​ชื่อว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ลง​ไป​ ก็​จะได้​พบ​นาย​ท่าน​บ้าน​ตน​ทุกครั้ง​ เฉินห​ลิง​จวิน​เงยหน้า​มอง​เจ้าคน​ที่​ไป​ยืน​อยู่​บน​หัว​กำแพง​เรียบร้อย​แล้ว​ เอ่ย​ว่า​ “ห​ลี่​ไหว​พูดจา​เหลวไหล​ เผย​เฉียน​ก็​ส่งต่อ​ข่าวลือ​อย่าง​ส่งเดช​ เจ้าก็​เชื่อ​จริงๆ​ หรือ​?”

เรือน​กาย​ขอ​งก​วอ​จู๋จิ่ว​เหมือน​นก​ที่​บิน​จากไป​ไกล​ ทิ้ง​ประโยค​หนึ่ง​ไว้​ว่า​ “เชื่อ​แล้​วจะ​เสียเงิน​หรือ​ไร​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ครุ่นคิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ฟังแล้วก็​เหมือน​จะถูก​อยู่​นะ​?

จึงรีบ​ตะเบ็งเสียง​ทันใด​ “รอ​ข้า​ด้วย​!”

เพียงแต่ว่า​ความเคยชิน​ที่​ชอบ​ปีน​ข้าม​กำแพง​ไม่เดิน​เข้า​ประตู​ใหญ่​นี้​ขอ​งก​วอ​จู๋จิ่ว​ก็ช่าง​ทำให้​คน​ยาก​จะบรรยาย​เป็น​คำพูด​ได้​จริงๆ​

คราว​หน้าที่​เจอ​อาจารย์​พ่อ​ของ​นาง​ นาย​ท่าน​ของ​ตน​ ตน​จะต้อง​แอบ​ฟ้อง​สักหน่อย​

ทาง​ฝั่งของ​หน้า​ประตู​ภูเขา​มีนก​ยันต์​ตัว​หนึ่ง​ส่งข่าว​ไป​ถึงศาล​บรรพ​จารย์​ภูเขา​โหล​ว​ซาน​ นก​กระดาษ​กระพือปีก​บิน​วาด​ลำแสง​สีเหลือง​อยู่​กลางอากาศ​ ตรง​ดิ่งไป​ที่​ภูเขา​บรรพบุรุษ​

ทั้ง​เป็นการ​ส่งข่าว​ และ​ยิ่ง​เป็นการ​รายงาน​ข่าวดี​

ผู้ฝึก​ตน​อายุ​น้อย​สอง​คน​ที่​รับหน้าที่​เฝ้าประตู​ชั่วคราว​ หนึ่ง​ชาย​หนึ่ง​หญิง​ ต่าง​ก็​เป็น​ขอบเขต​ถ้ำสถิต​ แต่​กลับเป็น​คน​ที่​พรรค​หวง​เหลียง​ฝาก​ความหวัง​ไว้​ให้​ในอนาคต​ อาศัย​โอกาส​นี้​มาฝึก​ประสบการณ์​ใน​โลก​มนุษย์​เล็ก​ๆ ครั้งหนึ่ง​ที่​ตีนเขา​ ส่วน​คน​เฝ้าประตู​ตัวจริง​ที่​ทำ​อะไร​รอบคอบ​รัดกุม​มากกว่า​คน​นั้น​ ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ได้​นำพา​แขก​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่มา​ร่วม​งานพิธี​ขึ้น​เขา​ไป​แล้ว​ ยัง​ไม่กลับ​ลงมา​

คน​ทั้ง​สองหน้า​แดงก่ำ​ เบิกตา​กว้าง​ ทำท่า​ราวกับว่า​หาก​มอง​น้อยกว่า​นี้​อีก​สักหน่อย​ก็​จะขาดทุน​ เขม้น​ตา​เพ่งมอง​คน​ชุด​เขียว​อย่าง​เต็มที่​

หาก​ไป​เจอ​คน​ชุด​เขียว​ตรงหน้า​ผู้​นี้​โดยบังเอิญ​นอก​ภูเขา​ คง​ไม่กล้า​เชื่อ​ว่า​เป็น​เขา​จริงๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​เพียงแค่​ผงกศีรษะ​ยิ้ม​บาง​ๆ ให้​พวกเขา​ บุรุษ​คลี่​ยิ้ม​กว้าง​ สตรี​เม้มปาก​ คง​เป็น​เพราะ​ยัง​คิด​ไม่ได้​ว่า​ควรจะ​เปิดปาก​อย่างไร​จึงจะเหมาะสม​ เลย​ยัง​ไม่มีใคร​พูด​อะไร​

สำนัก​โองการ​เทพ​ที่​มีฐานะ​เป็นอดีต​ผู้นำ​บน​ภูเขา​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ สำหรับ​ผู้ฝึก​ตน​ของ​ทั่ว​ทั้ง​ทวีป​แล้ว​ย่อม​เป็น​บุคคล​ที่​ชื่อเสียง​โด่งดัง​ดุจ​อสนีบาต​

เพียงแต่ว่า​ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​ ‘อาราม​ชิวหา​ว’​ มาก่อน​เลย​จริงๆ​

ส่วน​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาของ​ใบ​ถงทวีป​ก็​มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​เหมือนกัน​ เป็น​พื้นที่​ส่วนตัว​ของ​อดีต​เจ้าสำนัก​เจียง​แห่ง​สำนัก​กุย​หยก​ที่​มีชื่อเสียง​สูงส่งคุณธรรม​โดดเด่น​ผู้​นั้น​

หนี​เซียน​ซือ​ผู้​นี้​รับหน้าที่​เป็น​เค่อ​ชิงของ​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาได้​ อีก​ทั้ง​ยัง​จับมือ​มาเยือน​พร้อมกับ​อิ่น​กวาน​ ก็​จะต้อง​เป็น​คน​มหัศจรรย์​ที่​มรรค​กถา​สูงส่งคน​หนึ่ง​แน่นอน​

มีเพียง​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ที่​มีนาม​ว่า​ชิงถงผู้​นั้น​ นาง​บอ​กว่า​ตัวเอง​มาจาก​ภูเขา​เซียน​ตู​ใบ​ถงทวีป​ พวกเขา​กลับ​ไม่รู้​ความเป็นมา​แล้ว​

“โชค​จากไป​ทอง​เหมือน​เหล็ก​ โชค​มาเยือน​เหล็ก​เหมือน​ทอง​ พรรค​หวง​เหลียง​แห่ง​นี้​เจอ​กับ​ช่วงเวลา​อัน​ดี​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​เหมือน​คน​ตี​เหล็ก​ที่​ตัวเอง​ต้อง​แข็งแรง​เสีย​ก่อน​ อย่าง​น้อยที่สุด​ภายใน​เวลา​สามร้อย​ห้า​ร้อย​ปี​ เกา​เจิ่น​ก็​สามารถ​นอน​หนุน​หมอน​สูงอย่าง​ไร้กังวล​ได้​แล้ว​จริงๆ​”

ลู่​เฉิน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เงยหน้า​มอง​ไป​ทาง​ศาล​บร​รจพารย์​ของ​ภูเขา​โหล​ว​ซาน​ ใช้เสียง​ใน​ใจพูด​กลั้ว​หัวเราะ​คิกคัก​ว่า​ “ได้ยิน​ว่า​มาเกา​เจิ่น​ที่​เป็น​เจ้าประมุข​คน​ปัจจุบัน​ของ​พรรค​หวง​เหลียง​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ด้วย​? ชื่อ​นี้​ของ​เจ้าประมุข​เกา​ช่างตั้ง​ได้ดี​ ดี​จริงๆ​ (ชื่อ​เกา​เจิ่น​ออกเสียง​เหมือนกับ​คำ​ว่า​หมอน​สูง) รอ​ให้​ผิน​เต้า​กลับ​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ วันใด​เจอ​ตัวอ่อน​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ที่​ถูกใจ​ คิด​จะรับ​ไว้​เป็น​ลูกศิษย์​ก็​จะต้อง​ตั้งฉายา​ให้​เขา​ ให้​ชื่อว่า​ ‘อู๋​โย​ว’​ (ไร้กังวล​) ยัง​ต้อง​บอก​เขา​ หรือไม่​ก็​นาง​ด้วยว่า​ หาก​ในอนาคต​ฝึก​ตน​ประสบความสำเร็จ​ สามารถ​มาเที่ยว​เยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​จะต้อง​มาเป็น​แขก​ที่​พรรค​หวง​เหลียง​แห่ง​นี้​ เอ่ย​ขอบคุณ​เซียน​กระบี่​ที่​ชื่อว่า​เกา​เจิ่น​สัก​คำ​”

เฉิน​ผิง​อัน​เหล่​ตา​มอง​ลู่​เฉิน​

ลู่​เฉิน​เอาอย่าง​ เหล่​ตา​มอง​ชิงถง

ชิงถงรู้สึก​อ่อนใจ​เป็น​ทบ​ทวี​ ข้า​สู้พวก​เจ้าสอง​คน​ไม่ได้​ แต่​ข้า​ก็​ไม่ใช่คนโง่​หรอก​นะ​

แน่นอน​ว่า​ชิงถงฟังความนัย​ใน​ประโยค​ของ​ลู่​เฉิน​ออก​

ลู่​เฉิน​กลับ​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​แล้ว​อาศัย​โชค​และ​ความ​ถูกชะตา​รับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​คน​ใหม่​มาในอนาคต​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​วันหน้า​จะมีฉายา​ว่า​ ‘อู๋​โย​ว’​ ผู้​นี้​ ต่อให้​บน​เส้นทาง​ของ​การ​ฝึก​ตน​จะราบรื่น​อย่าง​ถึงที่สุด​ เรื่อง​ของ​การ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ก็​เหมือน​ผ่า​ลำ​ไม้ไผ่​ แต่​หาก​คน​ผู้​นี้​คิด​จะข้าม​ใต้​หล้า​เดินทางไกล​ ถ้าอย่างนั้น​อย่าง​น้อย​ก็​ต้อง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ จากนั้นมา​เยือน​ภูเขา​ลูก​นี้​ ได้​เห็น​เกา​เจิ่น​กับ​ตา​ตัวเอง​ เอ่ย​ขอบคุณ​กับ​ปาก​ตัวเอง​ นี่​ก็​หมายความว่า​เกา​เจิ่น​แห่ง​พรรค​หวง​เหลียง​จะต้อง​รอ​ให้ได้​ถึงวันนั้น​

และ​ผู้ฝึก​ตน​คน​หนึ่ง​ คิด​จะกลายเป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ อย่าง​น้อย​ก็​ต้อง​ใช้เวลานาน​เป็น​พันปี​ ถึงขั้น​ที่ว่า​สอง​สามพันปี​ก็​ยัง​ปกติ​อย่าง​มาก​ ต่อให้​คน​ผู้​นี้​จะเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ฐาน​กระดูก​ดี​ ลู่​เฉิน​ที่​เป็น​อาจารย์​เอง​ก็​ยินดี​จะถ่ายทอดวิชา​คาถา​ให้​ด้วยตัวเอง​ จากนั้น​มอบ​ทั้ง​โชควาสนา​และ​สมบัติ​วิเศษ​แห่ง​ฟ้าดิน​ให้​กับ​เขา​ไป​ทั้งหมด​ หนึ่ง​พันปี​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ต้อง​เป็นเรื่อง​อีก​หนึ่ง​พันปี​ให้หลัง​แล้ว​

พูดถึง​แค่​นักพรต​ฉุน​หยาง​ท่าน​นั้น​ เขา​เอง​ก็​เอ่ย​ประโยค​ว่า​ ‘บรรลุ​มรรคา​มาแปด​ร้อย​กว่า​สารทฤดู​ ยัง​ไม่เคย​ใช้กระบี่​บิน​ตัดหัว​คน​’ เหมือนกัน​ไม่ใช่หรือ​?

คำ​ว่า​ ‘บรรลุ​มรรคา​’ ของ​หลวี่เหยียน​หมายถึง​ตัวเอง​สร้าง​โอสถ​ ส่วน​คำ​ที่ว่า​แปด​ร้อย​ร้อน​หนาว​ที่​ไม่เคย​เรียก​กระบี่​บิน​ออกมา​ก็​พูดถึง​ช่วงเวลา​แห่ง​การ​ฝึก​ตน​ก่อนที่จะ​ได้​พิสูจน์​มรรคา​กลายเป็น​บิน​ทะยาน​

นอกจากนี้​คน​อย่าง​หนิง​เหยา​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เฝ่ย​หรา​น​แห่ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​กรณี​ยกเว้น​ที่​เป็นหนึ่ง​ไม่เป็น​สอง​ของ​ใต้​หล้า​แห่ง​หนึ่ง​

นี่​ทำให้​รู้​ได้​ว่า​กาลเวลา​ใน​การ​ฝึก​ตน​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​เกา​เจิ่น​ต้อง​ไม่มีทาง​สั้น​แน่นอน​

คิดดู​แล้ว​เจ้าประมุข​คน​ปัจจุบัน​ของ​พรรค​หวง​เหลียง​ที่​เรื่อง​ของ​การ​สร้าง​โอสถ​ถือว่า​ค่อนข้าง​มีอุปสรรค​ผู้​นี้​ วันหน้า​คง​ต้อง​มีโชควาสนา​อย่าง​อื่น​อีก​เป็นแน่​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “พวก​ต่ง​ซาน​เกิง​ล่ะ​ เจ้าลืม​ไป​แล้ว​หรือ​? ยังมี​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ที่อยู่​ใกล้​เพียง​ตรงหน้า​นี้​อีก​ เจ้ากล้า​มองไม่เห็น​หรือ​ไร​?”

ชิงถงกระวนกระวาย​ไม่เป็นสุข​ เจ้าลัทธิ​ลู่​ไม่ได้​บอก​ตน​อย่าง​เป็น​นัยว่า​นอกจาก​เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ใกล้​เพียง​ตรงหน้า​ผู้​นี้​แล้ว​ยังมี​อาจารย์​เจิ้งที่อยู่​ไกล​สุดขอบฟ้า​อยู่​อีก​คน​หรอก​หรือ​?

ลู่​เฉิน​กลอกตา​มอง​บน​ “สหาย​ชิงถง เจ้าคง​ไม่ฉลาด​เกินไป​หรอก​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “อีก​เดี๋ยว​พอ​ไป​ถึงบน​ภูเขา​ เจ้าอย่า​ก่อเรื่อง​อะไร​”

ลู่​เฉิน​หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “เวลา​ผิน​เต้า​ออกจาก​บ้าน​มักจะ​ทำ​ตัวดี​กับ​คนอื่น​เสมอ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​รับ​

ลู่​เฉิน​ถาม “เจ้าว่า​เกา​เจิ่น​จะระดมกำลัง​ใหญ่โต​ เรียก​เอา​สมาชิก​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ทั้งหมด​เฮโล​กัน​มารับ​ขบวน​เสด็จ​ที่​ตีนเขา​นี่​หรือไม่​?”

หนี​หยวน​จาน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่ว่า​อย่างไร​พรรค​หวง​เหลียง​ก็​เป็น​จวน​เซียน​ที่​เคย​เห็น​โลก​กว้าง​มาก่อน​ ไม่ใช่พวก​คนใน​หมู่​ชาวบ้าน​ร้าน​ตลาด​ที่​พอ​นายอำเภอ​เข้ามา​ใน​หมู่บ้าน​ชนบท​แล้​วจะ​ต้อง​ตี​ฆ้อง​ตี​กลอง​แสดงถึง​พิธีการ​อัน​ยิ่งใหญ่​”

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด