กระบี่จงมา 721.6 จะปล่อยให้เหนื่อยเปล่าไม่ได้

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 721.6 จะปล่อยให้เหนื่อยเปล่าไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถนนทั้งสองสายนี้ในเมืองหลวงขึ้นชื่อว่ามีเมล็ดพันธ์แม่ทัพมากมายดุจก้อนเมฆ

ในดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยแวววาดฝัน “เป็นอย่างไร มีการป้องกันเข้มงวดใช่หรือไม่? ทำให้คนที่เดินอยู่บนถนนไม่กล้าหายใจดัง แม้แต่จะผายลมก็ยังต้องรายงานให้กรมกลาโหมทราบก่อนด้วยใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นก็จะอาจจะหัวหลุดดังกร๊อบ?”

พูดมาถึงตรงนี้ นายกองหนุ่มคนนั้นก็หัวเราะอยู่กับตัวเอง คำพูดหยอกล้อเช่นนี้ค่อนข้างจะได้มาตรฐานแล้ว ควรค่าให้เอาไปพูดกับเจ้าพวกลูกกระต่ายใต้อาณัติของตน อายุมากแล้วอย่างไร ก็ยังเป็นพลทหารใต้ฝ่ามือของนายท่านใหญ่เช่นข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

หวังจี้ส่ายหน้า “ตอนแรกก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ กลัวยิ่งกว่าตอนลงสนามรบเสียอีก เดินไปเดินมาก็ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง ก็แค่ว่าต้นไม้สองข้างทางค่อนข้างจะมีอายุ เวลาฤดูร้อนอากาศร้อนระอุไปเดินอยู่ที่นั่น เดินอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ทำให้คนไม่ร้อนเท่าไร”

ตูเว่ยผู้นี้ไม่กล้าบอกว่า ตอนนั้นที่ตนหันหน้าไปมองก็เห็นว่าสองตาของท่านแม่ทัพเป็นประกายเจิดจ้า ไม่มีท่าทีขลาดกลัวแม้แต่น้อย สมกับคำว่ามังกรเยื้องพยัคฆ์ย่าง ตนถึงได้ไม่ตื่นเต้นตามอีกฝ่ายไปด้วย

ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนั้นท่านแม่ทัพสุขุมเยือกเย็นจริงหรือไม่ เมื่อก่อนไม่เคยคิดมาก แล้วก็ไม่เคยได้ถาม คิดว่าวันหน้าหากยังมีโอกาสจะต้องลองถามดูสักที

เด็กหนุ่มคนนั้นปรายตามองเฉิงชิง พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ตรอกอี้ฉือ ถนนฉือเอ๋อร์ เจ้าฟังดูสิ! พวกเจ้าสามารถตั้งชื่อดีๆ แบบนี้ได้ไหม?”

เฉิงชิงพยักหน้า “สามารถตั้งชื่อดีๆ ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร์มีเพียงต้าหลีเท่านั้นที่มีได้”

นี่คือคำพูดที่มาจากใจจริง

นายกองหนุ่มเดือดดาลทันควัน “คอยดูสิว่าท่านปู่เจ้าจะตั้งได้ไหม อยากโดนซ้อมหรือไร?! ข้าผู้อาวุโสมือเปล่า ยอมให้เจ้าใช้ดาบ มาประลองฝีมือกันดูสักตั้ง? ใครแพ้คนนั้นก็เป็นหลาน…”

หวังจี้ยื่นมือไปกดหัวเด็กหนุ่มอีกครั้ง ไม่ให้เขาทำตัวน่าขายหน้าต่อไป ด่ายิ้มๆ ว่า “คนเขาพูดดีขนาดนี้ เจ้าก็มีสติปัญญาหน่อยเถอะ วันหน้าอ่านหนังสือให้มาก”

คนหนุ่มผู้นั้นขยับหัวมาใกล้ กระซิบเอ่ยเสียงเบา “คำพูดดีหรือไม่ดียังจะฟังไม่ออกอีกหรือ ถึงอย่างไรท่านตูเว่ยของพวกเราก็เป็นคนสั่งสอนมาเอง ข้าก็แค่เห็นพวกเขาแล้วหงุดหงิด เลยหาข้ออ้างมาระบายโทสะใส่เท่านั้น”

ตูเว่ยเพียงเอ่ยย้ำว่า “วันหน้าอ่านหนังสือให้มาก”

นายกองหนุ่มผู้นี้ ในสายตาของตูเว่ย แท้จริงแล้วก็คือเด็กคนหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุสิบหกปี สิบหกปีอายุมากแล้วหรือ?

คนหนุ่มคนหนึ่ง ขอแค่สามารถอยู่ในยุคที่วิถีทางโลกสงบสุขได้ก็จะได้อ่านหนังสือมากๆ

ให้พวกคนที่อายุมาก ตำแหน่งขุนนางใหญ่หน่อยอย่างพวกเขา ตายไปก่อน

ตูเว่ยไม่ได้เล่าให้นายกองหนุ่มฟังว่า มือข้างที่ผู้เฒ่าซึ่งทำงานในจวนที่ว่าการคนนั้นหยิบอุปกรณ์ชงชาและกล่องใบชายื่นส่งให้ นิ่งมาก แต่กลับจงใจปิดบังมืออีกข้างที่สั่นระริกเอาไว้

เพราะเอ็นข้อมือถูกตัดขาดตอนอยู่ในสนามรบ

ส่วนมือข้างที่ไม่สั่นของผู้เฒ่านั้น สองนิ้วกลับหายไปครึ่งหนึ่ง

ทหารลาดตระเวนกองทัพชายแดน ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ ทหารผ่านศึกของต้าหลี

คนเหล่านี้คือผู้ที่ราชวงศ์ต้าหลีให้ความสำคัญที่สุด

เอะอะก็ตายก่อน คนที่ได้เป็นเทพเซียนแล้วก็ยังไม่ทะนุถนอมชีวิต รวมไปถึงคนที่มีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนานบนสนามรบ

นายท่านผู้เฒ่าขุนนางบุ๋น เทพเซียนผู้สง่างาม ปัญญาชนผู้มีเสน่ห์

ทุกวันนี้ราชวงศ์ต้าหลีก็ยอมรับเช่นกัน แต่ขอแค่เจอกับฝ่ายแรกก็ล้วนต้องขยับหลีกทางให้ข้าผู้อาวุโส!

กองทัพม้าเหล็กต้าหลีและกองกำลังแคว้นใต้อาณัติแต่ละแห่งที่มารวมตัวกันอย่างพวกเขา ช่วงแรกเริ่มของการจับกลุ่มย่อมต้องมีความขัดแย้งน้อยใหญ่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูดคำจา ทั้งสองฝ่ายยังมักจะลงมือต่อกันบ่อยๆ เขาเองก็เคยออกหน้าปกป้องลูกน้องของตัวเองด้วยเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง จะดีจะชั่วก็ต้องทวงความยุติธรรมที่ฟังขึ้นเสียบ้าง ขอแค่คำพูดของเหล่าทหารกล้าฝ่ายกองทัพชายแดนต้าหลีไม่ได้เกินกว่าเหตุมากนักก็เพียงพอแล้ว ไม่กล้าคาดหวังอะไรที่มากไปกว่านั้น โชคดีที่กฎในกองทัพชายแดนต้าหลีวางไว้ตรงนั้นมาโดยตลอด พวกกองทัพชายแดนแคว้นใต้อาณัติย่อมสู้ไม่ได้

พวกทหารชายแดนต้าหลีที่พูดจาไร้ความยำเกรงก็ไม่กล้าอาละวาดสร้างเรื่องใหญ่โตเกินไปนัก อีกทั้งหากซัดฝ่ายตรงข้ามจนหมอบบนสนามประลองยุทธได้แล้ว กลับไปก็ต้องถูกหิ้วกลับมาที่สนามประลองยุทธ โดนไม้กระบองของกองทัพฟาดเต็มๆ แบบไม่มีหักลบ กองทัพชายแดนต้าหลีมองเห็น กองกำลังแคว้นใต้อาณัติก็เห็นเช่นกัน

หรือบางครั้งก็จะอิงตามธรรมเนียมนิยมของกองทัพชายแดนตาหลี ถูกสันหลังดาบฟาดลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าแรงๆ หากมีร้ายแรงกว่านั้น คนที่ละเมิดกฎรุนแรงก็จะถูกม้าศึกลากตัวไป ทั่วทั้งแผ่นหลังถลอกปอกเปิกเลือดนองเนื้อเหวอะ

ที่น่าประหลาดก็คือ ยามที่ไปรวมกลุ่มกันดูเรื่องสนุก ทหารของแคว้นใต้อาณัติมักจะเงียบงันไม่พูดไม่จา กองทัพชายแดนต้าหลีกลับเป็นฝ่ายที่ร้องเฮให้กับคนบ้านเดียวกันมากที่สุด เป่าปากดังสุดเสียง พูดจาระคายหูเสียงกึกก้อง โอ้โหแหะ ก้นทั้งขาวทั้งนวล ตอนกลางคืนมาช่วยให้พี่น้องได้หายอยากสักหน่อยเถอะ กองทัพชายแดนต้าหลีมีเรื่องประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง หัวหน้ากองทหารลาดตระเวนที่อายุมากแล้ว หรือหัวหน้ากองผู้เฒ่าที่มาจากค่ายอักษรเหล่า ระดับขุนนางไม่สูง ถึงขั้นพูดได้ว่าต่ำมาก ทว่ามาดของแต่ละคนกลับใหญ่ยิ่งกว่าผืนฟ้า โดยเฉพาะฝ่ายแรก ต่อให้เจ้าจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพบู๊ต้าหลีที่เป็นยศขุนนางในกรมกลาโหมตามระบบที่ถูกต้องแล้ว เวลาเจอกันบนถนนหนทาง ส่วนใหญ่มักจะต้องเป็นฝ่ายกุมหมัดคารวะก่อน ส่วนอีกฝ่ายจะคารวะกลับคืนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในเวลานั้น

ถึงขั้นที่ว่าเขายังเคยได้เห็นภาพนี้กับตาตัวเอง แม่ทัพบู๊หนุ่มระดับห้าขั้นรองคนหนึ่งขี่ม้าจากค่ายอื่นมาปรึกษาธุระที่นี่ พอออกจากกระโจมทัพ ระหว่างทางเจอกับหัวหน้ากองวัยชราผู้หนึ่ง เขาถึงขั้นพลิกตัวลงจากหลังม้า ลงมากุมหมัดคารวะนายกองผู้เฒ่าทันที คนผู้นี้อายุน้อยมาก ว่ากันว่ายังมีชาติกำเนิดจากตระกูลเมล็ดพันธ์แม่ทัพบนถนนฉือเอ๋อร์ด้วย ทุกวันนี้ในมือกุมกองกำลังทหารฝีมือดีห้าพันนาย แล้วยังเป็นค่ายอักษรเหล่าอีกด้วย!

หากนำไปวางไว้ในแคว้นใต้อาณัติของแจกันสมบัติทวีป อำนาจที่มากมายของคนผู้นี้ บางทีอาจจะเหนือกว่าแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเสียอีก

นายกองผู้เฒ่ากลับทำเพียงแค่ยื่นหมัดออกมาต่อยลงบนเสื้อเกราะวาววับของแม่ทัพบู๊ แล้วยังบิดแก้มของแม่ทัพหนุ่มเต็มแรง ยิ้มด่าขำๆ ว่า ‘เจ้าตะพาบน้อย คุณความชอบมีไม่มาก แต่ตำแหน่งขุนนางกลับไม่เล็ก มิน่าเล่าตอนนั้นถึงจะออกไปจากกองลาดตระเวนของพวกเรา ไปเจอกับบิดาที่ดีที่เป็นขุนนางใหญ่ก็ถือมีความสามารถ จะไปไหนก็ไป มารดามันเถอะ คราวหน้าที่ไปเกิดใหม่จะต้องหาเจ้าให้เจอ เจ้าเป็นพ่อ เดี๋ยวข้าจะเป็นลูกชายเจ้าเอง’

จากนั้นนายกองผู้เฒ่าก็สะบัดฝ่ามือออกไปเบาๆ ‘ไสหัวไปให้ไกลหน่อย ไม่ได้เป็นพลทหารน้อยที่ได้แต่พาตัวไปตายเท่านั้นแล้ว วันหน้าจงเป็นขุนนางให้ดี ถึงอย่างไรก็ยังได้อยู่บนหลังม้า แบบนี้ดียิ่งกว่า’

หวังจี้พลันกวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายเอ่ยว่า “ทุกท่าน อันที่จริงบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเรามีมากมายแล้วก็ใหญ่หลวงนัก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกวันนี้เราต่างก็เป็นสหายร่วมรบกัน ล้วนเป็นคนที่พกดาบศึกของต้าหลี คำพูดไพเราะพูดไม่ออก และข้าหวังจี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ดาบศึกของต้าหลีพวกเราก็คือภรรยาที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ได้ไปกันคนละเล่ม อย่าได้รังเกียจว่าน้อยไป!”

เฉิงชิงรองตูเว่ยและนายกองเด็กหนุ่ม รวมไปถึงคนอื่นๆ ทุกคนที่เหลือต่างก็พากันคลี่ยิ้ม บางคนก็หัวเราะออกเสียง บางคนแค่ยิ้มเฉยๆ ก็เท่านั้น

ภูเขาสายน้ำของแจกันสมบัติทวีปซึ่งเป็นทวีปเล็กๆ แห่งหนึ่ง กีบเท้าม้าของกองทัพม้าเหล็กแต่ละแคว้นพากันสดับรับฟังเสียงของคลื่นทะเล เทพเซียนบนภูเขาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกทางโลกหวนกลับมายังล่างภูเขา ชายชาตรีและวีรบุรุษในยุทธภพทั้งหลายพากันเดินเข้าสู่สนามรบ…

และบนอาณาเขตของใบถงทวีปที่บริเวณกว้างขวางยิ่งกว่า มีหนึ่งในร้อยเซียนกระบี่ของภูเขาทัวเยว่ ตัวอยู่บนภูเขาตระกูลเซียนอันห่างไกลที่ใหญ่เท่าก้นลูกหนึ่ง ฝ่ามือค้ำยันด้ามกระบี่ ปลายกระบี่แทงทะลุศีรษะของศพหนึ่ง แต่ยังรู้สึกเสียดายไม่สาแก่ใจมากพอ ปลดชีพโอสถทองคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย

เบื้องหลังผู้ฝึกกระบี่คนนี้คือสิ่งปลูกสร้างของศาลบรรพจารย์ที่พังยับเยินไม่เหลือสภาพดี มีผู้ฝึกตนหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากกระโจมทัพเดียวกันยกมือข้างหนึ่งขึ้น นิ้วเรียวยาวเป็นสีขาวซีด แต่กลับมีเล็บสีแดงสด ในศาลบรรพจารย์มีหุ่นเชิดห้าตนกำลังขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตัว คล้ายกับถูกผู้ฝึกตนคนนั้นบังคับให้ร่ายระบำ

มีปีศาจใหญ่นั่งอยู่บนซากปรักของเมืองหลวงขนาดใหญ่ยักษ์ เรือนกายใหญ่โตมโหฬารแผ่ปกคลุมเมืองหลวงไปเกือบครึ่ง บางครั้งที่ขยับกายเล็กน้อยก็บดขยี้เรื่องราวเก่าๆ ไปนับไม่ถ้วน

แสงสีทองแต่ละเส้นพากันแหวกม่านฟ้า ข้ามประตูใหญ่มาหล่นลงบนอาณาเขตของใบถงทวีป

เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลร่างใหญ่โตตนหนึ่งเดินเข้ามาในโลกมนุษย์ เรือนกายด้านหลังก็ลากเอากาลเวลาที่เป็นแก้วใสเจ็ดสีมาด้วย

กระโจมเจี่ยจื่อป่าวประกาศไปทั่วใบถงทวีปว่า ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจในท้องถิ่นของใบถงทวีปทุกคน ขอแค่สามารถหากระโจมทัพที่อยู่ใกล้เคียงได้เจอ จะได้รับแต่งตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำระดับไม่เท่าเทียมกันโดยอิงตามขอบเขตสูงต่ำ

หลังจากที่ได้หวนกลับคืนมายังมาตุภูมิเดิม ทุบทำลายศาลบุ๋นของสถานที่ต่างๆ จนย่อยยับ เก็บไว้แค่ศาลบู๊ เมื่อได้เป็นท่านเทพอภิบาลเมือง เทพแห่งขุนเขาสายน้ำตามระบบที่ถูกต้อง แต่ละคนสามารถสร้างศาลขึ้นมาเพื่อรวบรวมควันธูปได้ด้วยตัวเอง

และยังมีคนบอกว่าในเมื่อพวกเราข้ามผ่านกำแพงเมืองปราณกระบี่มาได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะผ่านนครมังกรเฒ่าเล็กๆ แห่งหนึ่งไปไม่ได้

โจวมี่ยืนอยู่ตรงท่าเรือแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุดของใบถงทวีป มองไปยังชุยฉานที่อยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปแล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แม้จะบอกว่าทำให้ซิ่วหู่ผิดหวังเสียแล้ว แต่กลับไม่อาจทำให้ซิ่วหู่ผิดหวังได้เกินไปนัก”

ชุยฉานหันหน้าไปมองจุดที่ห่างไกล เบี่ยงสายตาออกไปด้านข้างเล็กน้อย มองไปยังฝูเหยาทวีปและเกราะทองทวีป

โจวมี่พยักหน้า “หากจะให้วางแผนใหม่คงไม่ทันกาลแล้ว”

ทางฝั่งของฝูเหยาทวีป ก่อนหน้านี้มีแสงกระบี่นับพันนับหมื่นพากันพุ่งไปยังสถานที่ที่เป็นโรงเรียนและสำนักศึกษาทุกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกมนุษย์

เกราะทองทวีปที่ยอมยกขุนเขาสายน้ำให้เกินครึ่ง กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจยังคงผลักดันรุดหน้าไปทางเหนืออย่างมั่นคงต่อเนื่อง

บนสนามรบแห่งหนึ่งที่สถานการณ์โดยรวมมั่นคงดีแล้ว

ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งมาเจอะกับกลุ่มของเฉาสือ

ปีศาจใหญ่ออกคำสั่งให้กระจายกองทัพใหญ่ออกไป ในมือถือน้ำเต้าสีแดงเพลิงลูกหนึ่ง พัดโหมอัคคีสมาธิ ในรัศมีหลายร้อยจั้งล้วนไหม้เกรียม

ทว่าคนชุดขาวกลับยังคงไม่ออกหมัด

บนสนามรบยังมีหญิงสาวที่ไม่รู้จักกลัวตายอยู่อีกคนหนึ่งได้เจอกับผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้ายอดเขาผู้บังคับบัญชาใต้อาณัติของปีศาจใหญ่ที่หาได้ยากยิ่งคนหนึ่ง มาเล่นสนุกกับนาง จับคู่ต่อสู้กันได้พอดี

สนามรบใหญ่แห่งนี้รวบรวมกองกำลังชั้นยอดที่หลงเหลืออยู่และกำลังการสู้รบบนภูเขาที่เป็นห้าขอบเขตบนและเซียนดินมากมายของเกราะทองทวีปเอาไว้แทบทั้งหมดแล้ว

เข่นฆ่ากับกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจมานานถึงหนึ่งเดือน เดิมทีมีโอกาสทั้งแพ้และชนะ ทว่าสุดท้ายเกราะทองทวีปกลับต้องปิดฉากสงครามลงด้วยความพ่ายแพ้อเนจอนาถเพราะผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานเฒ่าของเกราะทองทวีปคนหนึ่งทรยศ

มหามรรคาเดินมาถึงจุดสิ้นสุด มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ผู้ฝึกตนเฒ่าจึงต้องการให้ขุนเขาสายน้ำเก่าในโลกมนุษย์เผชิญชะตากรรมโศกสลดไปพร้อมกับเขา

ในช่วงเวลาของการเข่นฆ่าระหว่างผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจห้าขอบเขตบนคนหนึ่งหดย่อขุนเขาสายน้ำมาโผล่อยู่ด้านหลังผู้ฝึกยุทธหญิง มือถือหอกยาว ปลายหอกสองด้านล้วนเป็นหัวหอกคมกริบประหนึ่งดาบเล่มยาว

หมายจะสะบั้นฟันหัวของสตรีผู้นั้นให้หลุด

ส่วนเรื่องที่ว่าจะพลาดไปทำร้ายโดนผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าที่เป็นคนกันเองหรือไม่ ขอให้ได้ผลงานการสู้รบมาก่อนค่อยว่ากัน

และในขณะที่ผู้ฝึกยุทธหญิงเพิ่งจะโน้มตัวไปด้านหน้า ขณะเดียวกันก็เบี่ยงศีรษะเล็กน้อยนั้นเอง

บนปลายหอกอันแหลมคมด้านหนึ่งในมือของเผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบก็พลันมีผู้เฒ่าร่างเล็กผอมแห้งคนหนึ่งโผล่พรวดออกมา เท้าเหยียบอยู่บนปลายหอก

ผมขาว ชุดม่วง เปลือยเท้า

ด้านหลังชุดคลุมตัวยาวสีม่วงของผู้เฒ่าปักเป็นภาพปากว้าหยินหยางสองสีขาวดำ

ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าหนึ่งลูก ใสแวววาวจนมองเห็นภาพด้านในอย่างชัดเจน ในนั้นมีแสงดาวระยิบระยับประหนึ่งเก็บเอาธารดาราทั้งเส้นบนท้องฟ้ามาไว้ในกาเหล้า

ผู้เฒ่าร่างผ่ายผอมราวท่อนฟืนเพิ่งจะเร่งรุดเดินทางมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เคยมีความแค้นเล็กๆ กับขอบเขตบินทะยานของเกราะทองทวีปผู้นั้น ทว่าก็ยังมาช้าไปก้าวหนึ่ง

ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนนั้นหดย่อพื้นที่อีกครั้ง เพียงแต่ว่าตาแก่ร่างเล็กเตี้ยกลับตามติดเป็นเงา ยังยิ้มถามด้วยว่า “รู้จักข้าหรือไม่?”

ขอบเขตหยกดิบที่ลอบโจมตีไม่สำเร็จจึงถอยร่น ครั้งนี้ถึงขั้นสละหอกเหล็กแห่งชะตาชีวิตไปโดยตรง พริบตาเดียวก็ขยับร่างห่างออกไปหลายร้อยลี้ คาดไม่ถึงว่าหอกยาวเล่มนั้นจะตามผู้เฒ่าไปยังสถานที่ใหม่ด้วย

ผู้เฒ่ายิ้มถาม “ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ไปตายซะ”

ปีศาจขอบเขตหยกดิบตนหนึ่ง ทั้งเรือนกาย โอสถทอง ทารกก่อกำเนิดและจิตหยินจิตหยางล้วนแหลกกระจุยกระจายคาที่ไปในเวลาเดียวกัน

สรุปแล้วตาเฒ่าสกปรกผู้นั้นร่ายวิชาอภินิหารอะไรกันแน่ ก่อนตายเขาก็ยังไม่อาจรู้ได้แม้แต่น้อย

หอกเหล็กหล่นลงพื้น ผู้เฒ่ายังคง ‘ยืน’ อยู่ตรงจุดที่ห่างไปไกล เขาตบศีรษะตัวเอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการขออภัย “ลืมไปว่าเจ้าฟังภาษาบ้านเกิดของข้าไม่เข้าใจ รู้อย่างนี้แต่แรกคงใช้ภาษากลางของใต้หล้าไพศาลไปแล้ว”

ผู้เฒ่าชำเลืองตามองสนามรบอีกสองแห่งที่เหลือ ดูท่าคงไม่ต้องให้ตนไปร่วมวงด้วย

ท่าเรือทางทิศเหนือของใบถงทวีป โจวมี่ผายฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา บอกเป็นนัยให้ชุยฉานรับกระบวนท่า

เซียวสวิ้นที่มองดูเหมือนตกอยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่ใคร่จะดีนัก บนร่างในตอนนี้สวม ‘ชุดคลุมอาคม’ เอาไว้ เป็นปราณแห่งความยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมที่โจวมี่จงใจลอกดึงออกมาจากใบถงและฝูเหยาทวีป จั่วโย่วผู้นั้นเชิญออกกระบี่เต็มแรงได้ตามสบาย ถึงอย่างไรครึ่งหนึ่งก็ต้องไปหล่นอยู่บนร่างเหวินเซิ่งอยู่แล้ว แต่หากไม่ออกแรงเต็มกำลัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองดูการออกกระบี่อย่างเต็มฝีมือของเซียวสวิ้นบ้างแล้ว

นอกจากนี้เขายังใช้วิธีการของคนอื่นมาทำร้ายคนผู้นั้นเอง เจ้าซิ่วหู่ให้จั่วโย่วข้ามทวีปได้ในเสี้ยววินาที ถ้าอย่างนั้นข้าโจวมี่ก็จะใช้วิธีการที่ใหญ่กว่าเจ้าสักหน่อย

บนสนามรบของเกราะทองทวีป ผู้เฒ่าพลันขมวดคิ้วเป็นปม เรือนกายทะยานสูงไปยังม่านฟ้า มองไปทางฝูเหยาทวีปที่อยู่ทิศใต้ด้วยความเป็นกังวล

ผู้เฒ่าคนนี้มีนามว่าอวี๋เสวียน

หรือจะเรียกว่า ‘ฝูลู่อวี๋เสวียน’ ก็ได้

ก็เหมือนยามที่กล่าวถึงเซียนกวีย่อมต้องหมายถึงผู้ที่เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุด ยามพูดถึงเทพีแห่งการต่อสู้ย่อมต้องหมายถึงเผยเปยสตรีแห่งราชวงศ์ต้าตวน พูดถึงชาติสุนัขก็ย่อมต้องหมายถึงใครบางคน

เฉินฉุนอันแห่งสายหย่าเซิ่งยึดครองคำว่ารอบรู้ไปเพียงผู้เดียว เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ยึดครองเวทอสนี

ผู้เฒ่าคนนี้ก็ยึดครอง ‘ยันต์’ (ฝูลู่) แห่งใต้หล้าไปเพียงลำพัง

เจ้าตัวดี สัตว์เดรัจฉานหกตัวไปรวมตัวกันอยู่ในทวีปเดียว

ป๋ายเหย่จะทำอย่างไร?

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 721.6 จะปล่อยให้เหนื่อยเปล่าไม่ได้

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 721.6 จะปล่อยให้เหนื่อยเปล่าไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถนนทั้งสองสายนี้ในเมืองหลวงขึ้นชื่อว่ามีเมล็ดพันธ์แม่ทัพมากมายดุจก้อนเมฆ

ในดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยแวววาดฝัน “เป็นอย่างไร มีการป้องกันเข้มงวดใช่หรือไม่? ทำให้คนที่เดินอยู่บนถนนไม่กล้าหายใจดัง แม้แต่จะผายลมก็ยังต้องรายงานให้กรมกลาโหมทราบก่อนด้วยใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นก็จะอาจจะหัวหลุดดังกร๊อบ?”

พูดมาถึงตรงนี้ นายกองหนุ่มคนนั้นก็หัวเราะอยู่กับตัวเอง คำพูดหยอกล้อเช่นนี้ค่อนข้างจะได้มาตรฐานแล้ว ควรค่าให้เอาไปพูดกับเจ้าพวกลูกกระต่ายใต้อาณัติของตน อายุมากแล้วอย่างไร ก็ยังเป็นพลทหารใต้ฝ่ามือของนายท่านใหญ่เช่นข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

หวังจี้ส่ายหน้า “ตอนแรกก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ กลัวยิ่งกว่าตอนลงสนามรบเสียอีก เดินไปเดินมาก็ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง ก็แค่ว่าต้นไม้สองข้างทางค่อนข้างจะมีอายุ เวลาฤดูร้อนอากาศร้อนระอุไปเดินอยู่ที่นั่น เดินอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ทำให้คนไม่ร้อนเท่าไร”

ตูเว่ยผู้นี้ไม่กล้าบอกว่า ตอนนั้นที่ตนหันหน้าไปมองก็เห็นว่าสองตาของท่านแม่ทัพเป็นประกายเจิดจ้า ไม่มีท่าทีขลาดกลัวแม้แต่น้อย สมกับคำว่ามังกรเยื้องพยัคฆ์ย่าง ตนถึงได้ไม่ตื่นเต้นตามอีกฝ่ายไปด้วย

ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนั้นท่านแม่ทัพสุขุมเยือกเย็นจริงหรือไม่ เมื่อก่อนไม่เคยคิดมาก แล้วก็ไม่เคยได้ถาม คิดว่าวันหน้าหากยังมีโอกาสจะต้องลองถามดูสักที

เด็กหนุ่มคนนั้นปรายตามองเฉิงชิง พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ตรอกอี้ฉือ ถนนฉือเอ๋อร์ เจ้าฟังดูสิ! พวกเจ้าสามารถตั้งชื่อดีๆ แบบนี้ได้ไหม?”

เฉิงชิงพยักหน้า “สามารถตั้งชื่อดีๆ ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร์มีเพียงต้าหลีเท่านั้นที่มีได้”

นี่คือคำพูดที่มาจากใจจริง

นายกองหนุ่มเดือดดาลทันควัน “คอยดูสิว่าท่านปู่เจ้าจะตั้งได้ไหม อยากโดนซ้อมหรือไร?! ข้าผู้อาวุโสมือเปล่า ยอมให้เจ้าใช้ดาบ มาประลองฝีมือกันดูสักตั้ง? ใครแพ้คนนั้นก็เป็นหลาน…”

หวังจี้ยื่นมือไปกดหัวเด็กหนุ่มอีกครั้ง ไม่ให้เขาทำตัวน่าขายหน้าต่อไป ด่ายิ้มๆ ว่า “คนเขาพูดดีขนาดนี้ เจ้าก็มีสติปัญญาหน่อยเถอะ วันหน้าอ่านหนังสือให้มาก”

คนหนุ่มผู้นั้นขยับหัวมาใกล้ กระซิบเอ่ยเสียงเบา “คำพูดดีหรือไม่ดียังจะฟังไม่ออกอีกหรือ ถึงอย่างไรท่านตูเว่ยของพวกเราก็เป็นคนสั่งสอนมาเอง ข้าก็แค่เห็นพวกเขาแล้วหงุดหงิด เลยหาข้ออ้างมาระบายโทสะใส่เท่านั้น”

ตูเว่ยเพียงเอ่ยย้ำว่า “วันหน้าอ่านหนังสือให้มาก”

นายกองหนุ่มผู้นี้ ในสายตาของตูเว่ย แท้จริงแล้วก็คือเด็กคนหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุสิบหกปี สิบหกปีอายุมากแล้วหรือ?

คนหนุ่มคนหนึ่ง ขอแค่สามารถอยู่ในยุคที่วิถีทางโลกสงบสุขได้ก็จะได้อ่านหนังสือมากๆ

ให้พวกคนที่อายุมาก ตำแหน่งขุนนางใหญ่หน่อยอย่างพวกเขา ตายไปก่อน

ตูเว่ยไม่ได้เล่าให้นายกองหนุ่มฟังว่า มือข้างที่ผู้เฒ่าซึ่งทำงานในจวนที่ว่าการคนนั้นหยิบอุปกรณ์ชงชาและกล่องใบชายื่นส่งให้ นิ่งมาก แต่กลับจงใจปิดบังมืออีกข้างที่สั่นระริกเอาไว้

เพราะเอ็นข้อมือถูกตัดขาดตอนอยู่ในสนามรบ

ส่วนมือข้างที่ไม่สั่นของผู้เฒ่านั้น สองนิ้วกลับหายไปครึ่งหนึ่ง

ทหารลาดตระเวนกองทัพชายแดน ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ ทหารผ่านศึกของต้าหลี

คนเหล่านี้คือผู้ที่ราชวงศ์ต้าหลีให้ความสำคัญที่สุด

เอะอะก็ตายก่อน คนที่ได้เป็นเทพเซียนแล้วก็ยังไม่ทะนุถนอมชีวิต รวมไปถึงคนที่มีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนานบนสนามรบ

นายท่านผู้เฒ่าขุนนางบุ๋น เทพเซียนผู้สง่างาม ปัญญาชนผู้มีเสน่ห์

ทุกวันนี้ราชวงศ์ต้าหลีก็ยอมรับเช่นกัน แต่ขอแค่เจอกับฝ่ายแรกก็ล้วนต้องขยับหลีกทางให้ข้าผู้อาวุโส!

กองทัพม้าเหล็กต้าหลีและกองกำลังแคว้นใต้อาณัติแต่ละแห่งที่มารวมตัวกันอย่างพวกเขา ช่วงแรกเริ่มของการจับกลุ่มย่อมต้องมีความขัดแย้งน้อยใหญ่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูดคำจา ทั้งสองฝ่ายยังมักจะลงมือต่อกันบ่อยๆ เขาเองก็เคยออกหน้าปกป้องลูกน้องของตัวเองด้วยเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง จะดีจะชั่วก็ต้องทวงความยุติธรรมที่ฟังขึ้นเสียบ้าง ขอแค่คำพูดของเหล่าทหารกล้าฝ่ายกองทัพชายแดนต้าหลีไม่ได้เกินกว่าเหตุมากนักก็เพียงพอแล้ว ไม่กล้าคาดหวังอะไรที่มากไปกว่านั้น โชคดีที่กฎในกองทัพชายแดนต้าหลีวางไว้ตรงนั้นมาโดยตลอด พวกกองทัพชายแดนแคว้นใต้อาณัติย่อมสู้ไม่ได้

พวกทหารชายแดนต้าหลีที่พูดจาไร้ความยำเกรงก็ไม่กล้าอาละวาดสร้างเรื่องใหญ่โตเกินไปนัก อีกทั้งหากซัดฝ่ายตรงข้ามจนหมอบบนสนามประลองยุทธได้แล้ว กลับไปก็ต้องถูกหิ้วกลับมาที่สนามประลองยุทธ โดนไม้กระบองของกองทัพฟาดเต็มๆ แบบไม่มีหักลบ กองทัพชายแดนต้าหลีมองเห็น กองกำลังแคว้นใต้อาณัติก็เห็นเช่นกัน

หรือบางครั้งก็จะอิงตามธรรมเนียมนิยมของกองทัพชายแดนตาหลี ถูกสันหลังดาบฟาดลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าแรงๆ หากมีร้ายแรงกว่านั้น คนที่ละเมิดกฎรุนแรงก็จะถูกม้าศึกลากตัวไป ทั่วทั้งแผ่นหลังถลอกปอกเปิกเลือดนองเนื้อเหวอะ

ที่น่าประหลาดก็คือ ยามที่ไปรวมกลุ่มกันดูเรื่องสนุก ทหารของแคว้นใต้อาณัติมักจะเงียบงันไม่พูดไม่จา กองทัพชายแดนต้าหลีกลับเป็นฝ่ายที่ร้องเฮให้กับคนบ้านเดียวกันมากที่สุด เป่าปากดังสุดเสียง พูดจาระคายหูเสียงกึกก้อง โอ้โหแหะ ก้นทั้งขาวทั้งนวล ตอนกลางคืนมาช่วยให้พี่น้องได้หายอยากสักหน่อยเถอะ กองทัพชายแดนต้าหลีมีเรื่องประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง หัวหน้ากองทหารลาดตระเวนที่อายุมากแล้ว หรือหัวหน้ากองผู้เฒ่าที่มาจากค่ายอักษรเหล่า ระดับขุนนางไม่สูง ถึงขั้นพูดได้ว่าต่ำมาก ทว่ามาดของแต่ละคนกลับใหญ่ยิ่งกว่าผืนฟ้า โดยเฉพาะฝ่ายแรก ต่อให้เจ้าจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพบู๊ต้าหลีที่เป็นยศขุนนางในกรมกลาโหมตามระบบที่ถูกต้องแล้ว เวลาเจอกันบนถนนหนทาง ส่วนใหญ่มักจะต้องเป็นฝ่ายกุมหมัดคารวะก่อน ส่วนอีกฝ่ายจะคารวะกลับคืนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในเวลานั้น

ถึงขั้นที่ว่าเขายังเคยได้เห็นภาพนี้กับตาตัวเอง แม่ทัพบู๊หนุ่มระดับห้าขั้นรองคนหนึ่งขี่ม้าจากค่ายอื่นมาปรึกษาธุระที่นี่ พอออกจากกระโจมทัพ ระหว่างทางเจอกับหัวหน้ากองวัยชราผู้หนึ่ง เขาถึงขั้นพลิกตัวลงจากหลังม้า ลงมากุมหมัดคารวะนายกองผู้เฒ่าทันที คนผู้นี้อายุน้อยมาก ว่ากันว่ายังมีชาติกำเนิดจากตระกูลเมล็ดพันธ์แม่ทัพบนถนนฉือเอ๋อร์ด้วย ทุกวันนี้ในมือกุมกองกำลังทหารฝีมือดีห้าพันนาย แล้วยังเป็นค่ายอักษรเหล่าอีกด้วย!

หากนำไปวางไว้ในแคว้นใต้อาณัติของแจกันสมบัติทวีป อำนาจที่มากมายของคนผู้นี้ บางทีอาจจะเหนือกว่าแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเสียอีก

นายกองผู้เฒ่ากลับทำเพียงแค่ยื่นหมัดออกมาต่อยลงบนเสื้อเกราะวาววับของแม่ทัพบู๊ แล้วยังบิดแก้มของแม่ทัพหนุ่มเต็มแรง ยิ้มด่าขำๆ ว่า ‘เจ้าตะพาบน้อย คุณความชอบมีไม่มาก แต่ตำแหน่งขุนนางกลับไม่เล็ก มิน่าเล่าตอนนั้นถึงจะออกไปจากกองลาดตระเวนของพวกเรา ไปเจอกับบิดาที่ดีที่เป็นขุนนางใหญ่ก็ถือมีความสามารถ จะไปไหนก็ไป มารดามันเถอะ คราวหน้าที่ไปเกิดใหม่จะต้องหาเจ้าให้เจอ เจ้าเป็นพ่อ เดี๋ยวข้าจะเป็นลูกชายเจ้าเอง’

จากนั้นนายกองผู้เฒ่าก็สะบัดฝ่ามือออกไปเบาๆ ‘ไสหัวไปให้ไกลหน่อย ไม่ได้เป็นพลทหารน้อยที่ได้แต่พาตัวไปตายเท่านั้นแล้ว วันหน้าจงเป็นขุนนางให้ดี ถึงอย่างไรก็ยังได้อยู่บนหลังม้า แบบนี้ดียิ่งกว่า’

หวังจี้พลันกวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายเอ่ยว่า “ทุกท่าน อันที่จริงบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเรามีมากมายแล้วก็ใหญ่หลวงนัก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกวันนี้เราต่างก็เป็นสหายร่วมรบกัน ล้วนเป็นคนที่พกดาบศึกของต้าหลี คำพูดไพเราะพูดไม่ออก และข้าหวังจี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ดาบศึกของต้าหลีพวกเราก็คือภรรยาที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ได้ไปกันคนละเล่ม อย่าได้รังเกียจว่าน้อยไป!”

เฉิงชิงรองตูเว่ยและนายกองเด็กหนุ่ม รวมไปถึงคนอื่นๆ ทุกคนที่เหลือต่างก็พากันคลี่ยิ้ม บางคนก็หัวเราะออกเสียง บางคนแค่ยิ้มเฉยๆ ก็เท่านั้น

ภูเขาสายน้ำของแจกันสมบัติทวีปซึ่งเป็นทวีปเล็กๆ แห่งหนึ่ง กีบเท้าม้าของกองทัพม้าเหล็กแต่ละแคว้นพากันสดับรับฟังเสียงของคลื่นทะเล เทพเซียนบนภูเขาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกทางโลกหวนกลับมายังล่างภูเขา ชายชาตรีและวีรบุรุษในยุทธภพทั้งหลายพากันเดินเข้าสู่สนามรบ…

และบนอาณาเขตของใบถงทวีปที่บริเวณกว้างขวางยิ่งกว่า มีหนึ่งในร้อยเซียนกระบี่ของภูเขาทัวเยว่ ตัวอยู่บนภูเขาตระกูลเซียนอันห่างไกลที่ใหญ่เท่าก้นลูกหนึ่ง ฝ่ามือค้ำยันด้ามกระบี่ ปลายกระบี่แทงทะลุศีรษะของศพหนึ่ง แต่ยังรู้สึกเสียดายไม่สาแก่ใจมากพอ ปลดชีพโอสถทองคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย

เบื้องหลังผู้ฝึกกระบี่คนนี้คือสิ่งปลูกสร้างของศาลบรรพจารย์ที่พังยับเยินไม่เหลือสภาพดี มีผู้ฝึกตนหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากกระโจมทัพเดียวกันยกมือข้างหนึ่งขึ้น นิ้วเรียวยาวเป็นสีขาวซีด แต่กลับมีเล็บสีแดงสด ในศาลบรรพจารย์มีหุ่นเชิดห้าตนกำลังขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตัว คล้ายกับถูกผู้ฝึกตนคนนั้นบังคับให้ร่ายระบำ

มีปีศาจใหญ่นั่งอยู่บนซากปรักของเมืองหลวงขนาดใหญ่ยักษ์ เรือนกายใหญ่โตมโหฬารแผ่ปกคลุมเมืองหลวงไปเกือบครึ่ง บางครั้งที่ขยับกายเล็กน้อยก็บดขยี้เรื่องราวเก่าๆ ไปนับไม่ถ้วน

แสงสีทองแต่ละเส้นพากันแหวกม่านฟ้า ข้ามประตูใหญ่มาหล่นลงบนอาณาเขตของใบถงทวีป

เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลร่างใหญ่โตตนหนึ่งเดินเข้ามาในโลกมนุษย์ เรือนกายด้านหลังก็ลากเอากาลเวลาที่เป็นแก้วใสเจ็ดสีมาด้วย

กระโจมเจี่ยจื่อป่าวประกาศไปทั่วใบถงทวีปว่า ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจในท้องถิ่นของใบถงทวีปทุกคน ขอแค่สามารถหากระโจมทัพที่อยู่ใกล้เคียงได้เจอ จะได้รับแต่งตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำระดับไม่เท่าเทียมกันโดยอิงตามขอบเขตสูงต่ำ

หลังจากที่ได้หวนกลับคืนมายังมาตุภูมิเดิม ทุบทำลายศาลบุ๋นของสถานที่ต่างๆ จนย่อยยับ เก็บไว้แค่ศาลบู๊ เมื่อได้เป็นท่านเทพอภิบาลเมือง เทพแห่งขุนเขาสายน้ำตามระบบที่ถูกต้อง แต่ละคนสามารถสร้างศาลขึ้นมาเพื่อรวบรวมควันธูปได้ด้วยตัวเอง

และยังมีคนบอกว่าในเมื่อพวกเราข้ามผ่านกำแพงเมืองปราณกระบี่มาได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะผ่านนครมังกรเฒ่าเล็กๆ แห่งหนึ่งไปไม่ได้

โจวมี่ยืนอยู่ตรงท่าเรือแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุดของใบถงทวีป มองไปยังชุยฉานที่อยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปแล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แม้จะบอกว่าทำให้ซิ่วหู่ผิดหวังเสียแล้ว แต่กลับไม่อาจทำให้ซิ่วหู่ผิดหวังได้เกินไปนัก”

ชุยฉานหันหน้าไปมองจุดที่ห่างไกล เบี่ยงสายตาออกไปด้านข้างเล็กน้อย มองไปยังฝูเหยาทวีปและเกราะทองทวีป

โจวมี่พยักหน้า “หากจะให้วางแผนใหม่คงไม่ทันกาลแล้ว”

ทางฝั่งของฝูเหยาทวีป ก่อนหน้านี้มีแสงกระบี่นับพันนับหมื่นพากันพุ่งไปยังสถานที่ที่เป็นโรงเรียนและสำนักศึกษาทุกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกมนุษย์

เกราะทองทวีปที่ยอมยกขุนเขาสายน้ำให้เกินครึ่ง กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจยังคงผลักดันรุดหน้าไปทางเหนืออย่างมั่นคงต่อเนื่อง

บนสนามรบแห่งหนึ่งที่สถานการณ์โดยรวมมั่นคงดีแล้ว

ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งมาเจอะกับกลุ่มของเฉาสือ

ปีศาจใหญ่ออกคำสั่งให้กระจายกองทัพใหญ่ออกไป ในมือถือน้ำเต้าสีแดงเพลิงลูกหนึ่ง พัดโหมอัคคีสมาธิ ในรัศมีหลายร้อยจั้งล้วนไหม้เกรียม

ทว่าคนชุดขาวกลับยังคงไม่ออกหมัด

บนสนามรบยังมีหญิงสาวที่ไม่รู้จักกลัวตายอยู่อีกคนหนึ่งได้เจอกับผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้ายอดเขาผู้บังคับบัญชาใต้อาณัติของปีศาจใหญ่ที่หาได้ยากยิ่งคนหนึ่ง มาเล่นสนุกกับนาง จับคู่ต่อสู้กันได้พอดี

สนามรบใหญ่แห่งนี้รวบรวมกองกำลังชั้นยอดที่หลงเหลืออยู่และกำลังการสู้รบบนภูเขาที่เป็นห้าขอบเขตบนและเซียนดินมากมายของเกราะทองทวีปเอาไว้แทบทั้งหมดแล้ว

เข่นฆ่ากับกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจมานานถึงหนึ่งเดือน เดิมทีมีโอกาสทั้งแพ้และชนะ ทว่าสุดท้ายเกราะทองทวีปกลับต้องปิดฉากสงครามลงด้วยความพ่ายแพ้อเนจอนาถเพราะผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานเฒ่าของเกราะทองทวีปคนหนึ่งทรยศ

มหามรรคาเดินมาถึงจุดสิ้นสุด มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ผู้ฝึกตนเฒ่าจึงต้องการให้ขุนเขาสายน้ำเก่าในโลกมนุษย์เผชิญชะตากรรมโศกสลดไปพร้อมกับเขา

ในช่วงเวลาของการเข่นฆ่าระหว่างผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจห้าขอบเขตบนคนหนึ่งหดย่อขุนเขาสายน้ำมาโผล่อยู่ด้านหลังผู้ฝึกยุทธหญิง มือถือหอกยาว ปลายหอกสองด้านล้วนเป็นหัวหอกคมกริบประหนึ่งดาบเล่มยาว

หมายจะสะบั้นฟันหัวของสตรีผู้นั้นให้หลุด

ส่วนเรื่องที่ว่าจะพลาดไปทำร้ายโดนผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าที่เป็นคนกันเองหรือไม่ ขอให้ได้ผลงานการสู้รบมาก่อนค่อยว่ากัน

และในขณะที่ผู้ฝึกยุทธหญิงเพิ่งจะโน้มตัวไปด้านหน้า ขณะเดียวกันก็เบี่ยงศีรษะเล็กน้อยนั้นเอง

บนปลายหอกอันแหลมคมด้านหนึ่งในมือของเผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบก็พลันมีผู้เฒ่าร่างเล็กผอมแห้งคนหนึ่งโผล่พรวดออกมา เท้าเหยียบอยู่บนปลายหอก

ผมขาว ชุดม่วง เปลือยเท้า

ด้านหลังชุดคลุมตัวยาวสีม่วงของผู้เฒ่าปักเป็นภาพปากว้าหยินหยางสองสีขาวดำ

ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าหนึ่งลูก ใสแวววาวจนมองเห็นภาพด้านในอย่างชัดเจน ในนั้นมีแสงดาวระยิบระยับประหนึ่งเก็บเอาธารดาราทั้งเส้นบนท้องฟ้ามาไว้ในกาเหล้า

ผู้เฒ่าร่างผ่ายผอมราวท่อนฟืนเพิ่งจะเร่งรุดเดินทางมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เคยมีความแค้นเล็กๆ กับขอบเขตบินทะยานของเกราะทองทวีปผู้นั้น ทว่าก็ยังมาช้าไปก้าวหนึ่ง

ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนนั้นหดย่อพื้นที่อีกครั้ง เพียงแต่ว่าตาแก่ร่างเล็กเตี้ยกลับตามติดเป็นเงา ยังยิ้มถามด้วยว่า “รู้จักข้าหรือไม่?”

ขอบเขตหยกดิบที่ลอบโจมตีไม่สำเร็จจึงถอยร่น ครั้งนี้ถึงขั้นสละหอกเหล็กแห่งชะตาชีวิตไปโดยตรง พริบตาเดียวก็ขยับร่างห่างออกไปหลายร้อยลี้ คาดไม่ถึงว่าหอกยาวเล่มนั้นจะตามผู้เฒ่าไปยังสถานที่ใหม่ด้วย

ผู้เฒ่ายิ้มถาม “ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ไปตายซะ”

ปีศาจขอบเขตหยกดิบตนหนึ่ง ทั้งเรือนกาย โอสถทอง ทารกก่อกำเนิดและจิตหยินจิตหยางล้วนแหลกกระจุยกระจายคาที่ไปในเวลาเดียวกัน

สรุปแล้วตาเฒ่าสกปรกผู้นั้นร่ายวิชาอภินิหารอะไรกันแน่ ก่อนตายเขาก็ยังไม่อาจรู้ได้แม้แต่น้อย

หอกเหล็กหล่นลงพื้น ผู้เฒ่ายังคง ‘ยืน’ อยู่ตรงจุดที่ห่างไปไกล เขาตบศีรษะตัวเอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการขออภัย “ลืมไปว่าเจ้าฟังภาษาบ้านเกิดของข้าไม่เข้าใจ รู้อย่างนี้แต่แรกคงใช้ภาษากลางของใต้หล้าไพศาลไปแล้ว”

ผู้เฒ่าชำเลืองตามองสนามรบอีกสองแห่งที่เหลือ ดูท่าคงไม่ต้องให้ตนไปร่วมวงด้วย

ท่าเรือทางทิศเหนือของใบถงทวีป โจวมี่ผายฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา บอกเป็นนัยให้ชุยฉานรับกระบวนท่า

เซียวสวิ้นที่มองดูเหมือนตกอยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่ใคร่จะดีนัก บนร่างในตอนนี้สวม ‘ชุดคลุมอาคม’ เอาไว้ เป็นปราณแห่งความยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมที่โจวมี่จงใจลอกดึงออกมาจากใบถงและฝูเหยาทวีป จั่วโย่วผู้นั้นเชิญออกกระบี่เต็มแรงได้ตามสบาย ถึงอย่างไรครึ่งหนึ่งก็ต้องไปหล่นอยู่บนร่างเหวินเซิ่งอยู่แล้ว แต่หากไม่ออกแรงเต็มกำลัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองดูการออกกระบี่อย่างเต็มฝีมือของเซียวสวิ้นบ้างแล้ว

นอกจากนี้เขายังใช้วิธีการของคนอื่นมาทำร้ายคนผู้นั้นเอง เจ้าซิ่วหู่ให้จั่วโย่วข้ามทวีปได้ในเสี้ยววินาที ถ้าอย่างนั้นข้าโจวมี่ก็จะใช้วิธีการที่ใหญ่กว่าเจ้าสักหน่อย

บนสนามรบของเกราะทองทวีป ผู้เฒ่าพลันขมวดคิ้วเป็นปม เรือนกายทะยานสูงไปยังม่านฟ้า มองไปทางฝูเหยาทวีปที่อยู่ทิศใต้ด้วยความเป็นกังวล

ผู้เฒ่าคนนี้มีนามว่าอวี๋เสวียน

หรือจะเรียกว่า ‘ฝูลู่อวี๋เสวียน’ ก็ได้

ก็เหมือนยามที่กล่าวถึงเซียนกวีย่อมต้องหมายถึงผู้ที่เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุด ยามพูดถึงเทพีแห่งการต่อสู้ย่อมต้องหมายถึงเผยเปยสตรีแห่งราชวงศ์ต้าตวน พูดถึงชาติสุนัขก็ย่อมต้องหมายถึงใครบางคน

เฉินฉุนอันแห่งสายหย่าเซิ่งยึดครองคำว่ารอบรู้ไปเพียงผู้เดียว เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ยึดครองเวทอสนี

ผู้เฒ่าคนนี้ก็ยึดครอง ‘ยันต์’ (ฝูลู่) แห่งใต้หล้าไปเพียงลำพัง

เจ้าตัวดี สัตว์เดรัจฉานหกตัวไปรวมตัวกันอยู่ในทวีปเดียว

ป๋ายเหย่จะทำอย่างไร?

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+