กระบี่จงมา 831.2 ฝึกฝน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 831.2 ฝึกฝน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียง​ใน​ใจที่​เฉิน​ผิง​อัน​และ​เฟิงอี๋​ผู้​นี้​พูดคุย​กัน​ คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​อีก​หก​คน​ต่าง​ก็​ขอบเขต​ไม่สูง แน่นอน​ว่า​ไม่มีทาง​ได้ยิน​ จึงได้​แต่​ทำ​เหมือน​นั่ง​ดู​ไฟชายฝั่ง​ อาศัย​การเปลี่ยนแปลง​ทาง​แววตา​และ​สีหน้า​ของ​สอง​ฝ่าย​ พยายาม​ค้นหา​ความจริง​ให้ได้​มาก​ที่สุด​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ผู้อาวุโส​ใส่ร้าย​กัน​เสียแล้ว​”

จะพูดว่า​เป็น​การข่มขู่​ได้​อย่างไร​ ก็​แค่​มีอะไร​ก็​พูด​ไป​อย่างนั้น​เท่านั้นเอง​

เฟิงอี๋​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​คือ​เทพ​ซือเฟิง​ (เทพ​แห่ง​สายลม​) หรือ​ควรจะ​พูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​หนึ่ง​ใน​เทพ​ซือเฟิง​

ดังนั้น​ถึงได้​อยู่​คนเดียว​ตัดขาด​โลก​ภายนอก​ ไม่แปดเปื้อน​ธุลี​ใน​โลกีย์​เช่นนี้​ เหตุผล​ก็​เรียบง่าย​อย่างยิ่ง​ การ​หมุนเวียน​ของ​สายลม​ใน​ใต้​หล้า​ล้วน​ต้อง​ฟังคำสั่ง​จาก​นาง​

ส่วน​พวก​ลม​ยี่สิบ​สี่ระลอก​ที่​โชย​มาเมื่อ​บุปผา​ผลิบาน​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​อยู่​ใน​ขอบเขต​การควบคุม​ของ​นาง​ด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​รับหน้าที่​เป็น​อิ่น​กวาน​ เข้าไป​อยู่​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ ถึงได้​เห็น​หัวข้อ​หลาย​ข้อ​ที่​เกี่ยวพัน​กับ​ ‘เฟิงอี๋​’ ซึ่งอธิบาย​คร่าวๆ​ ถึงรากฐาน​มหา​มรรคา​ของ​นาง​

เฟิงอี๋​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​ มีคนรัก​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ ยาม​พูดจา​น้ำเสียง​จึงแข็งกระด้าง​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยัก​หน้ายิ้ม​กล่าว​ “ลม​พัดผ่าน​โลก​มนุษย์​ จุด​ที่​ธงแดง​ไม่ตั้งอยู่​ ต้นไม้​เขียว​ยังคง​เศร้าโศก​ จะทำ​อย่างไร​ได้​ ไม่แข็งกระด้าง​เท่า​ผู้อาวุโส​จริงๆ​”

เฟิงอี๋​ผู้​นี้​เป็น​ฝ่าย​มาปรากฏตัว​ที่นี่​ ความเป็นไป​ได้ที่​ใหญ่​ที่สุด​ก็​เพื่อ​ออกหน้า​ให้​กับ​สกุล​ซ่งต้า​หลี​ เท่ากับ​เป็นการ​ท้าทาย​อย่าง​ที่​มองไม่เห็น​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่รู้สึก​ว่าการ​มาเยือน​ของ​ตัวเอง​จะเป็นเรื่อง​น่า​ประหลาดใจ​อะไร​สำหรับ​นาง​

หาก​จะบอก​ว่าการ​ปรากฏตัว​ของ​รอง​เจ้ากรม​พิธีการ​ต่ง​หู​คือ​การแสดง​ความเป็นมิตร​ ถ้าอย่างนั้น​การ​ปราก​ฎตัว​ของ​เฟิงอี๋​ก็​คือ​ลักษณะนิสัย​การ​ลงมือ​ที่​แข็งกระด้าง​แล้ว​

คล้าย​กับ​กำลัง​บอก​ตน​ว่า​ รากฐาน​ของ​สกุล​ซ่งและ​เมืองหลวง​แห่ง​นี้​ เจ้าเฉิน​ผิง​อัน​ไม่รู้​เลย​สักนิด​ อย่า​ได้คิด​จะมาเดินกร่าง​ที่นี่​

แม้เมื่อ​หนึ่ง​หมื่น​ปีก่อน​ เฟิงอี๋​ผู้​นี้​จะไม่ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ชั้นสูง​สิบสอง​ท่าน​ทดแทน​ตำแหน่ง​ที่​ขาด​ แต่​ใน​ตำรา​โบราณ​ของ​สำนัก​การทหาร​เล่ม​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​ ‘ไท่กง​อิน​ฝู’ ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ได้​บันทึก​เรื่องราว​ใน​อดีต​ของ​ช่วงเวลา​นั้น​เอาไว้​ เพียงแต่ว่า​ใช้วิธี​ ‘บันทึก​เรื่อง​พิสดาร​’ ซึ่งหายสาบสูญ​ไป​นาน​แล้ว​มาบันทึก​เรื่องราว​ใน​อดีต​ เล่าลือ​กัน​ว่า​เคย​มีเสินจ​วิน​ชั้นสูง​เจ็ด​ท่าน​ที่​มีอำนาจ​บารมี​ ต่าง​คน​ต่าง​ปกครอง​กรม​กอง​แห่ง​หนึ่ง​ ช่วยเหลือ​เผ่า​มนุษย์​ใน​การ​โจมตี​สวรรค์​ ส่วนใหญ่​ล้วน​ตาย​อยู่​ใน​สงคราม​ใหญ่​ หลงเหลือ​เทพ​ชั้นสูง​แค่​ไม่กี่​ท่าน​ จึงนำ​กรม​ของ​ตัวเอง​ไป​พักพิง​อยู่​ใน​ศาล​บรรพชน​ของ​สำนัก​การทหาร​แห่ง​ไพศาล​ คล้าย​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ขุนนาง​สวรรค์​ที่​ทำตาม​ตำแหน่งหน้าที่​ ต่าง​คน​ต่าง​โคจร​มหา​มรรคา​ใน​ส่วน​ของ​กรม​ตัวเอง​

เพียงแต่ว่า​เสินจ​วิน​ชั้นสูง​ใน​ตำรา​ไม่มีสถานะ​ที่​แน่ชัด​ ส่วน​จะถือว่า​เป็น​เทพ​ชั้นสูง​สิบสอง​องค์​ของ​ช่วง​แรกเริ่ม​สุด​ด้วย​หรือไม่​ก็​ยิ่ง​บอก​ได้​ยาก​แล้ว​

สมมติ​ว่า​ศาล​หลัก​ของ​สำนัก​การทหาร​ของ​แผ่นดิน​กลาง​คือ​ประตู​ใหญ่​ของ​เรือน​หลัง​ใหญ่​หลัง​หนึ่ง​ ถ้าอย่างนั้น​ศาล​บรรพชน​ของ​สำนัก​การทหาร​ใน​หนึ่ง​ทวีป​อย่าง​ภูเขา​เจิน​อู่​ ศาล​ลม​หิมะ​ ก็​เท่ากับ​เป็น​ประตู​ด้าน​ข้าง​ที่​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มา สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ยุค​บรรพกาล​เหล่านี้​จึงสามารถ​เดิน​เข้าออก​ได้​เช่นกัน​

นอกจากนี้​ใน​รวม​บทประพันธ์​โบราณ​เล่ม​หนึ่ง​ที่​คล้ายคลึง​นิยาย​เทพ​เซียน​ปรัมปรา​ก็​มีการ​บันทึก​ถึงภัยพิบัติ​ใหญ่​เทียมฟ้า​ เป็น​หายนะ​ครั้ง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ไว้​อย่าง​ละเอียด​ ก็​เป็น​เพราะ​นาง​ที่​ถูก​เทพี​บุปผา​ของ​พื้นที่​มงคล​เรียกขาน​อย่าง​แค้นเคือง​ว่า​ ‘ไพร่​ตระกูล​เฟิง’ ‘นัง​หญิง​ตระกูล​เฟิง’ ของ​พื้นที่​มงคล​ลี่​หลิน​ผู้​นี้​ที่มา​เป็น​แขก​ถึงบ้าน​ เดินผ่าน​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​พื้นที่​มงคล​ ทุกที่​ที่​ผ่าน​ล้วน​มีลม​พัด​กระโชก​แรง​ ตวาด​ก้อง​เดือดดาล​ สะเทือน​จน​ร้อย​บุปผา​ร่วงโรย​ ดังนั้น​ใน​ตำรา​โบราณ​เล่ม​นั้น​ ตรง​ช่วง​ท้าย​ยัง​เขียน​ถ้อยคำ​ฮึกเหิม​เอาไว้​ด้วยว่า​ ขอ​สาบาน​ว่า​จะรบ​กับ​เฟิงอี๋​จน​ตัว​ตาย​เพื่อ​ร้อย​บุปผา​ใน​ทั่วหล้า​

ตอนนั้น​ทุกครั้งที่​เฉิน​ผิง​อัน​มีเวลาว่าง​จาก​การศึก​ ยาม​อยู่​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​เขา​จะต้อง​เอา​เหล้า​กา​หนึ่ง​มาพร้อมกับ​ถั่วลิสง​หนึ่ง​จาน​ แล้ว​เอา​ปฏิทิน​เหลือง​ที่​ถูก​ปิดผนึก​มานาน​พวก​นี้​มาทำเป็น​กับแกล้ม​แกล้ม​เหล้า​

ดูเหมือนว่า​ใน​จารึก​ภูเขา​มหาสมุทร​และ​บันทึก​เสริม​ รวมไปถึง​ผลงาน​ส่วนตัว​ของ​นักประพันธ์​ที่​มีมากมาย​ราว​ขน​วัว​ต่าง​ก็​ไม่เคย​มีบันทึก​ใดๆ​ ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เฟิงอี๋​

มีเอกสารลับ​ที่​มีตัวอักษร​บันทึก​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ นอกจาก​สวน​กง​เต๋อ​ของ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​แล้ว​ สถาน​ที่อื่น​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ไม่ว่า​จะเป็น​หอ​เก็บ​ตำรา​แห่งใด​ ต่อให้​เป็น​สำนัก​บน​ภูเขา​และ​ใน​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ที่​มีอายุ​ยาวนาน​พันปี​ของ​ราชวงศ์​โลก​มนุษย์​ก็​ล้วน​หา​หนังสือ​ประเภท​นี้​ไม่เจอ​แม้แต่​เล่ม​เดียว​ ลูกหลาน​ทายาท​รุ่นหลัง​อยาก​จะรู้​ก็ได้​แต่​อาศัย​การ​บอกเล่า​จาก​บรรพบุรุษ​ปากต่อปาก​ แล้ว​ยัง​ต้อง​รับรอง​ว่า​จะไม่ถูก​สถานศึกษา​สำนักศึกษา​ของ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ได้ยิน​เข้าหู​ ไม่อย่างนั้น​ต่อให้​เป็น​เจ้าสำนัก​ของ​หนึ่ง​สำนัก​หรือ​เจ้าประมุข​ของ​หนึ่ง​ตระกูล​ก็​ล้วน​จำเป็นต้อง​ไป​เล่น​หมากล้อม​ ดื่มเหล้า​ที่​สวน​กง​เต๋อ​ของ​ศาล​บุ๋น​แล้ว​

และ​ใน​บรรดา​ผู้​ที่​ได้​ครอบครอง​เทพ​แห่ง​สายลม​อย่าง​สตรี​ผู้​นี้​ก็​ไม่ขาดแคลน​จักรพรรดิ​และ​ราชา​ที่​องอาจ​มาก​ความสามารถ​ใน​ประวัติศาสตร์​ ยกตัวอย่างเช่น​หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​มีเจ้าเมือง​ท่าน​หนึ่ง​ของ​เรือ​ราตรี​ เจ้าศาลา​ซื่อ​สุ่ย​ที่​เคย​สังหาร​งูขาว​คน​นั้น​

เฟิงอี๋​พลัน​เอ่ย​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ “เกือบจะ​ลืม​ไป​แล้ว​ว่า​เจ้าเคย​เป็น​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​”

อันที่จริง​ช่วงเวลา​หลาย​สิบ​ปี​ก่อนที่​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูจะปริ​แตก​แล้ว​หล่น​ร่วง​ลง​มายัง​พื้นดิน​ สำหรับ​บุคคล​จาก​ยุค​บรรพกาล​ที่​มีชีวิต​อยู่​มาอย่าง​ยาวนาน​เช่น​นาง​ ก็​เหมือน​ได้​เจอ​จุด​ที่​เป็น​กุญแจ​สำคัญ​ใน​ช่วงเวลา​ที่​ไม่สำคัญ​ จึงไม่ใคร่​จะยินดี​มอง​ให้​มาก​นัก​ บางที​อาจ​ทำ​เพียงแค่​กวาดตา​มอง​หนึ่ง​ที​ สำหรับ​สรรพ​ชีวิต​ที่​มีสติปัญญา​ทุก​ตน​ในเวลานั้น​ แค่​แน่ใจ​ว่า​ใน​ใจรู้​คร่าวๆ​ ว่า​ต้อง​ทำ​อย่างไร​ก็​พอแล้ว​ จากนั้น​อย่าง​มาก​สุด​ต่าง​คน​ต่าง​ก็​มีวิธี​ใน​การ​เดิมพัน​ บางที​อาจ​เกิด​จาก​ความสนใจ​ บางที​อาจ​เป็นการ​ประลอง​ด้าน​แววตา​ใน​การ​มอง​ หรือไม่​ก็​เป็นการ​งัดข้อ​กับ​คนอื่น​

เฉิน​ผิง​อัน​คลี่​ยิ้ม​ พูดคุย​กัน​ไม่รู้เรื่อง​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​เหมือน​แกล้ง​เลอะเลือน​ บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​ยัง​ดื่มเหล้า​ได้​ไม่ถึงระดับ​มาก​พอ​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​สามารถ​เชิญผู้อาวุโส​เฟิงอี๋​ไป​ดื่มเหล้า​รำลึก​ความหลัง​ที่​โรงเตี๊ยม​ด้วยกัน​ได้​

เฟิงอี๋​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ จึงคล้าย​จะรู้สึก​ประหลาดใจ​ต่อ​ความ​มีน้ำอดน้ำทน​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​บ้าง​ “ไม่อยาก​ถามบ้าง​หรือว่า​พวก​ตาแก่​หนังเหนียว​คน​ที่​เหลือ​ที่​เปิดปาก​พูด​ใน​ปี​นั้น​ ต่าง​คน​ต่าง​มีที่มา​อย่างไร​ และ​แต่ละคน​ต้องการ​สิ่งใด​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่าย​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “หาก​ผู้อาวุโส​ยินดี​พูด​ แน่นอน​ว่า​ผู้เยาว์​ย่อม​ต้อง​ซาบซึ้งใจ​อย่าง​ถึงที่สุด​ หาก​ผู้อาวุโส​ไม่ยินดี​จะพูด​ ผู้เยาว์​ย่อม​ไม่บังคับ​ฝืนใจ​”

นาง​ยื่น​นิ้ว​สอง​นิ้ว​ที่​ประกบ​กัน​ออกมา​เคาะ​ข้าง​แก้ม​เบา​ๆ ยิ้ม​ตาหยี​ คล้าย​กำลัง​ลังเล​ว่า​ควรจะ​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​ด​หรือไม่​

หม่า​ขู่​เสวียน​แห่ง​ตรอก​ซิ่งฮวา​ ซ่งจี๋ซิน​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​ จ้าว​เหยา​แห่ง​ถนน​ฝูลู่​ เซี่ยห​ลิง​แห่ง​ตรอก​เถาเย่…​นี่​เป็น​แค่​คน​รุ่น​ที่​อายุ​น้อยที่สุด​ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู หาก​ขยับ​ขึ้นไป​อีก​ อันที่จริง​ยังมี​การ​เดิมพัน​อีก​บางอย่าง​ บางส่วน​เกิด​จาก​ความเบื่อหน่าย​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​ เจอ​กับ​ใคร​ที่​ถูกชะตา​ตรง​ใจก็​แค่​ถือโอกาส​ประคับประคอง​ บ้าง​ก็​มีเป้าหมาย​บางอย่าง​จึงฝังเส้นสาย​ไกล​พัน​ลี้​ ยกตัวอย่างเช่น​มีตา​เฒ่าคน​หนึ่ง​ที่​เป็น​บรรพ​จารย์​ของ​สาย​คนเลี้ยง​มังกร​บน​โลก​มนุษย์​ยุคปัจจุบัน​ บรรพบุรุษ​ของ​ตระกูล​มีคุณ​ความชอบ​ใน​การ​เลี้ยง​มังกร​ ปี​นั้น​คน​ผู้​นี้​จึงปิดบัง​สถานะ​ เดินทาง​จาก​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​มาถึงแจกัน​สมบัติ​ทวีป​ สกัดกั้น​ฟ้าดิน​ ซ่อนตัว​อยู่​ท่ามกลาง​กลุ่ม​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​พิฆาต​มังกร​กลุ่ม​นั้น​

เฟิงอี๋​พลัน​กลั้น​ยิ้ม​ อยู่ดีๆ​ ก็​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ขึ้น​มาว่า​ “แบก​สตรี​ที่รัก​ไว้​บน​หลัง​ ต่อให้​ต้อง​เดิน​ไกล​แค่​ไหน​ก็​ไม่ทำให้​คน​รู้สึก​เหนื่อย​จริงๆ​ ตอนนั้น​ใจกล้า​ไม่เบา​ ทำไม​ทุกวันนี้​ขอบเขต​สูงแล้ว​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ขี้ขลาด​เสียแล้ว​ล่ะ​ ข้า​ยัง​รู้สึก​ร้อนใจ​แทน​เจ้าเลย​นะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​หน้า​เปลี่ยนสี​เล็กน้อย​

เฟิงอี๋​เห็น​ว่า​มือ​กระบี่​ชุด​เขียว​ในเวลานี้​ ในที่สุด​ก็​พอ​จะมีความรู้สึก​ที่​คุ้นเคย​อยู่​บ้าง​ มีลักษณะ​เหมือน​เด็กหนุ่ม​ขี้อาย​ใน​ปี​นั้น​บ้าง​แล้ว​

โอ้​ หน้าแดง​ด้วย​หรือ​นี่​

ประหลาด​นัก​ ไหน​พูด​กัน​ว่า​เฉินอิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ อาศัย​แค่​หนัง​หน้า​ก็​สามารถ​เฝ้าพิทักษ์​หัว​กำแพงเมือง​ได้​นาน​หนึ่ง​หมื่น​ปี​แล้ว​อย่างไรเล่า​?

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่จงใจทำให้​เรือน​กาย​งอ​งุ้มอีกต่อไป​ เขา​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ที​ กุม​หมัด​คารวะ​ ยิ้ม​กว้าง​เอ่ย​ว่า​ “ขอบคุณ​ที่​ผู้อาวุโส​ช่วยดูแล​ปกป้อง​มรรคา​ให้​”

เฟิงอี๋​พยักหน้า​รับ​ พูด​แค่​นิดหน่อย​ก็​เข้าใจ​กระจ่างแจ้ง​ เป็น​คน​ฉลาด​ที่​จิตใจ​ละเอียดอ่อน​ดุจ​เส้น​ผม​จริงๆ​ อีก​ทั้ง​ออกจาก​บ้าน​ตอน​อายุ​ยัง​น้อย​มานาน​หลาย​ปี​ ยัง​สามารถ​รักษา​สติปัญญา​ความเฉลียวฉลาด​ก่อน​วัย​ส่วน​นั้น​เอาไว้​ได้​ ฉีจิ้งชุน​ช่างสายตา​ดี​จริงๆ​

ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู มีทัศนียภาพ​และ​ม้วน​ภาพ​แห่ง​กาลเวลา​บางอย่าง​ หลังจากที่​ฉีจิ้งชุน​ตัดสินใจ​ไป​แล้ว​ นั่น​ก็​ถูก​กำหนด​ไว้​แล้ว​ว่า​จะไม่ใช่ว่า​ใคร​อยาก​เห็น​ก็​เห็น​ได้​

ก็​เหมือน​อย่าง​ที่​นาง​พูด​เอง​กับ​ปาก​ก่อนหน้านี้​ นิสัย​ของ​ฉีจิ้งชุน​ไม่ถือว่า​ดี​เท่าไร​เลย​จริงๆ​

หลังจากที่​ฉีจิ้งชุน​พา​เด็กหนุ่ม​เดิน​ข้าม​สะพาน​แบบ​คาน​นั้น​ไป​ ก็ได้​ตั้ง​กฎ​ข้อ​หนึ่ง​กับ​ทุกคน​ ควบคุม​ดวงตา​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ ไม่อนุญาต​ให้​มอง​เด็กหนุ่ม​แห่ง​ตรอก​หนี​ผิง​อีก​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​

ตา​เฒ่าคน​หนึ่ง​ทำผิด​กฎ​ จึงถูก​ฉีจิ้งชุน​จัดการ​จน​เกือบจะ​เป็น​ฝ่าย​ยอม​สละ​ร่าง​ไป​เกิด​ใหม่​

มีเพียง​นาง​ที่​เป็น​ข้อยกเว้น​

ไม่ใช่ว่า​นาง​เห็นดี​ใน​ตัว​เฉิน​ผิง​อัน​จึงมีการ​เดิมพัน​อะไร​ แต่​เป็น​เพราะ​เรื่อง​ ‘ใช้หญ้า​อ้าย​ฉ่าว​เผา​หน้าผาก​มังกร​หญิง​’ ใน​อดีต​นั้น​ เพราะ​นาง​เคย​ให้​การปกป้อง​มังกร​ที่​แท้จริง​ของ​ใต้​หล้า​มาก่อน​

เฟิงอี๋​พยักหน้า​ ไม่ใช่เสียง​ใน​ใจพูดคุย​อีกต่อไป​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ใน​เมืองหลวง​แห่ง​นี้​ ข้า​มีที่พัก​แห่ง​หนึ่ง​อยู่​ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​”

เฉิน​ผิง​อัน​กุม​หมัด​เอ่ย​ “หลังจาก​จัดการ​เรื่องส่วนตัว​เสร็จ​ต้อง​ไป​เยี่ยม​หา​ผู้อาวุโส​ที่นั่น​แน่นอน​”

นาง​เอ่ย​เตือน​ “ก่อน​จะมา จำไว้​ว่า​ให้​บอกกล่าว​กัน​ก่อน​ มีคน​อยาก​พบ​เจ้าอยู่​นาน​แล้ว​ ทุกครั้งที่​เขา​ออกจาก​บ้าน​ล้วน​ไม่ง่าย​ ล้วน​ต้อง​บอก​กับ​กรม​พิธีการ​ก่อน​”

อันที่จริง​ใน​ใจเฉิน​ผิง​อัน​มีตัวเลือก​ที่​คาดการณ์​ไว้​ก่อน​แล้ว​หลาย​คน​ ยกตัวอย่างเช่น​เถ้าแก่​ร้าน​ตระกูล​หยาง​ของ​บ้านเกิด​ รวมไปถึง​ซูเกา​ซาน​แม่ทัพ​ใหญ่​ที่​เทวรูป​ถูก​ตั้ง​บูชา​อยู่​ใน​ศาล​จักรพรรดิ​

เพียงแต่ว่า​เมื่อ​อยู่​กับ​ผู้อาวุโส​คน​นี้​คง​ไม่อวด​ฉลาด​เช่นนี้​แล้ว​ ถึงอย่างไร​ไม่ช้าก็เร็ว​ต้อง​ได้​พบ​เจอกัน​

เฟิงอี๋​มีสีหน้า​แววตา​อ่อนโยน​ซึ่งแสดงถึง​ความเป็นมนุษย์​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ เอ่ย​อย่าง​สะท้อนใจ​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ “เวลา​สั้น​ๆ แค่​ไม่กี่​สิบ​ปี​ เดิน​มาถึงก้าว​นี้​ก็ช่าง​ไม่ง่าย​เลย​จริงๆ​ ไป​ล่ะ​ๆ ไม่ถ่วงเวลา​การ​ทำ​ธุระ​สำคัญ​ของ​พวก​เจ้าแล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​จัด​เสื้อผ้า​ให้​เป็นระเบียบ​

คน​ชุด​เขียว​ประสานมือ​คารวะ​

ใน​อดีต​ที่​บ้านเกิด​มีสายลม​วสันต์​พัดผ่าน​บ่อยๆ​

เคย​มีอยู่​ปี​หนึ่ง​ที่​วสันต์​ฤดู​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​จากไป​ช้ามาก​ และ​ฤดูร้อน​ก็​มาถึงอย่าง​เชื่องช้า​

เฟิงอี๋​รับ​การ​คารวะ​นี้​ไว้​อย่าง​ผึ่งผาย​

ช่วยเหลือ​ฉีจิ้งชุน​ตั้ง​มาก​ขนาด​นั้น​ ก็​แค่​รับ​การ​คารวะ​ขอบคุณ​จาก​ศิษย์​น้อง​เล็ก​ของ​เขา​ทีเดียว​จะเป็นไรไป​ ไม่ต้อง​จ่าย​เงิน​เกล็ด​หิมะ​สัก​แดง​เดียว​

ก่อน​จะจากไป​ เฟิงอี๋​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​เตือน​คนหนุ่ม​ที่​ไม่เคย​ทำให้​ฉีจิ้งฉุน​ผิดหวัง​ผู้​นี้​ว่า​ “นอกจาก​ข้า​แล้ว​ต้อง​ระวังตัว​ ใช่แล้ว​ มีคน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ก็​อยู่​ที่​เมืองหลวง​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยืดตัว​ขึ้น​ตรง​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ผู้เยาว์​ระวัง​ตัวอย่าง​มาก​มาโดยตลอด​ ดังนั้น​พวกเขา​เอง​ก็​ต้อง​ระวัง​เหมือนกัน​”

เฟิงอี๋​พยักหน้า​รับ​ ครั้น​จึงทะยาน​ร่าง​จากไป​ดุจ​กระต่าย​กระโดด​ดุจ​เหยี่ยว​บิน​โฉบ​ ไม่เร็ว​ไม่ช้า ไม่ว่องไว​ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​เลย​แม้แต่น้อย​

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ปลงอนิจจัง​ยิ่งนัก​ ที่แท้​ผู้อาวุโส​ก็​เป็น​ผู้เชี่ยวชาญ​ที่​ชอบ​ลด​ขอบเขต​แล้ว​ยัง​ชอบ​อำพราง​ฝีมือ​อีกด้วย​

ภาพ​สุดท้าย​บน​หลัง​คาที่​เฉิน​ผิง​อัน​ประสานมือ​คารวะ​เฟิงอี๋​ ทำให้​พวก​ผู้​มีพรสวรรค์​รุ่นเยาว์​ตกตะลึง​กัน​อย่าง​หนัก​

เดิมที​นึก​ว่า​เจ้าสำนัก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​ไป​อาละวาด​ที่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ผู้​นี้​ เมื่อ​มาถึงเมืองหลวง​ต้า​หลี​แล้​วจะ​ต่อย​ตี​กับ​ผู้อื่น​เสีย​อีก​

กลับ​กลายเป็น​ว่า​พอได้​พบ​เจอ​เฟิงอี๋​เขา​กลับ​เคารพ​นอบน้อม​เช่นนี้​ ยาม​ที่​พูดจา​ไม่เพียง​ยึดหลัก​มารยาท​ของ​ผู้เยาว์​ ก่อน​จากกัน​ยัง​คารวะ​ด้วย​พิธีการ​ที่​ใหญ่​ขนาด​นี้​ด้วย​?

ในความเป็นจริง​แล้ว​ ใน​บรรดา​ผู้​ถ่ายทอด​มรรคา​ สตรี​ผู้​นี้​อยู่​กับ​ทั้ง​สิบเอ็ด​คน​มายาวนาน​ที่สุด​ แต่กลับ​ไม่ได้​ถ่ายทอด​เวท​คาถา​ที่​สูงส่งอะไร​มากมาย​นัก​ เพียงแค่​สอน​เวท​หลบหนี​สอง​สามบท​ให้​พวกเขา​ทั้ง​สิบเอ็ด​คน​เท่านั้น​

แม่นาง​น้อย​คน​นั้น​เบิกตา​กว้าง​ ดอก​ตา​กลอกกลิ้ง​ไปมา​ ยืด​คอ​ออกมา​ยาว​มาก​ แล้ว​ยัง​หัวเราะ​ร่า​โบกมือ​ตะโกนเรียก​ “เฟิงอี๋​ เฟิงอี๋​ วันหน้า​จะเลี้ยง​สุรา​ดี​ๆ ท่าน​นะ​ เหล้า​หมัก​ตระกูล​เซียน​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​แพง​มาก​เลย​ล่ะ​”

ภิกษุ​น้อย​พนม​สอง​มือ​ หันไป​ทาง​เงาร่าง​ของ​เฟิงอี๋​ที่​จากไป​ไกล​ พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “คน​ออกบวช​ไม่พูดปด​ คืนนี้​เฟิงอี๋​ช่างงดงาม​จริงๆ​”

ผู้ฝึก​กระบี่​ยื่น​นิ้ว​ออกมา​ดัน​ไว้​ตรง​หว่าง​คิ้ว​ มาเจอ​กับ​เพื่อนร่วมงาน​ที่​มีอุดมการณ์​ตรงกัน​พวก​นี้​ ไม่อยาก​จะมอง​ ไม่อยาก​จะฟังเลย​จริงๆ​

แต่​ขอ​แค่​ไม่ใช่คนโง่​ ต่อให้​จะรู้สึกตัว​ช้าแค่​ไหน​ก็​ควรจะ​เข้าใจ​เรื่อง​หนึ่ง​ ก่อนหน้านี้​ทุกคน​ต้อง​ประเมิน​ขอบเขต​และ​สถานะ​ของ​เฟิงอี๋​ผู้​นั้น​ต่ำ​เกินไป​เป็นแน่​

เฉิน​ผิง​อัน​เตรียม​จะจากไป​ เขา​ไม่มีเรื่อง​อะไร​ให้​พูดคุย​กับ​พวก​ผู้​มีพรสวรรค์​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​เหล่านี้​ ก็​แค่​หนี​ไม่พ้น​ว่าต่าง​คน​ต่าง​เดิน​บน​ทาง​ไม้คับแคบ​หรือไม่​ก็​เส้นทาง​กว้างขวาง​ของ​ตัวเอง​กัน​ไป​

ขอ​แค่​สกุล​ซ่งต้า​หลี​ไม่เสียสติ​ก็​ไม่มีทาง​ให้​ผู้​มีพรสวรรค์​อายุ​น้อย​ที่​มีความหวัง​บน​มหา​มรรคา​กลุ่ม​นี้​มาหาเรื่อง​ตน​เป็นแน่​

คิดไม่ถึง​ว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​นั้น​จะกุม​หมัด​เอ่ย​ว่า​ “คน​ของ​เมืองหลวง​ ผู้ฝึก​กระบี่​ซ่งซวี่​คารวะ​เจ้าขุนเขา​เฉิน”​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงได้​แต่​หยุด​เดิน​ ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​รับ​ “ผู้ฝึก​กระบี่​โอสถ​ทอง​อายุ​ไม่ถึงยี่สิบ​ปี​ เด็ก​รุ่นหลัง​ช่างน่ากลัว​ยิ่งนัก​”

สีหน้า​ของ​ซ่งซวี่​อึดอัด​ใจอยู่​บ้าง​

ใน​เมื่อ​พี่ใหญ่​ซ่งซวี่​ที่​เป็น​ผู้นำ​ของ​ทุกคน​ยัง​แนะนำ​ตัวเอง​แล้ว​ คน​ที่​เหลือ​อีก​ห้า​คน​จึงเอาอย่าง​ เพราะ​ถึงอย่างไร​โอกาส​นี้​ก็​หา​ได้​ยาก​ ได้​พูดคุย​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ที่​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​ผู้​นี้​สอง​สามประโยค​ก็​ถือว่า​ได้​กำไร​แล้ว​

ผู้ฝึก​ลมปราณ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​เรียก​คำ​หนึ่ง​ว่า​อาจารย์​เฉิน​ บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​บัณฑิต​จาก​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​เก่า​ของ​ต้า​หลี​ ไม่ได้​ไป​ศึกษา​ต่อ​ที่​ต้า​สุย​ เคย​รับหน้าที่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ติดตาม​กองทัพ​อยู่​สอง​สามปี​

อาจารย์​ค่าย​กล​อายุ​น้อย​ สตรี​มีนาม​ว่า​หัน​โจ้วจิ่น​ นาง​บอ​กว่า​ตัวเอง​มาจาก​พื้นที่​มงคล​ชิงถาน​ที่อยู่​ใต้​การปกครอง​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​

แม่นาง​น้อย​สำนัก​การทหาร​แซ่อวี๋​ หาก​ไม่ผิด​ไป​จาก​ที่​คาด​ หอ​เทียน​ลู่​แห่ง​นี้​ก็​น่าจะเป็น​ถิ่น​ของ​บ้าน​นาง​แล้ว​

นักพรต​เต๋า​มีสถานะ​ที่​เป็นทางการ​ รับหน้าที่​เป็น​เต้า​ลู่​ (ชื่อ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่​ดูแล​กิจธุระ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​) คือ​คน​สกุล​จวี้หรง​ทาง​เขต​ทิศตะวันออกเฉียงใต้​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ มีชื่อว่า​เก๋​อห​ลิ่ง​

ภิกษุ​น้อย​ที่​สวม​ชุด​คลุม​ผ้า​โปร่ง​สีพื้น​ บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​เณร​น้อย​ที่​มาจาก​หน่วย​แปล​คัมภีร์​

แม่นาง​น้อย​ดูเหมือน​จะอารมณ์​ลิงโลด​จึงหัวเราะ​ร่า​เอ่ย​เพิ่ม​มาสอง​สามประโยค​ว่า​ “ปรมาจารย์​ใหญ่​เฉิน​ ได้ยิน​ว่า​ท่าน​ผู้อาวุโส​ต่อสู้​กับ​เฉาสือ​ใน​สวน​กง​เต๋อ​ไป​รอบ​หนึ่ง​ สะเทือน​ฟ้าสะเทือน​ดิน​มาก​เลย​ ต่อย​จน​เฉาสือ​ที่​ได้ยิน​มาว่า​รูปลักษณ์​หล่อเหลา​ ออก​หมัด​สง่างามหน้า​ปูด​บวม​ ท่าน​ถือว่า​แพ้​อย่าง​สมเกียรติ​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่เคย​เจอ​กับ​แม่นาง​น้อย​ที่​ไม่รู้จัก​พูดคุย​กับ​คนอื่น​เช่นนี้​มาก่อน​ ด่า​ที​ด่า​ถึงสอง​คน​? เจ้าคิด​ว่า​ตัวเอง​คือ​กู้​เจี้ยน​หลง​หรือ​?

อีก​อย่าง​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​คน​พวก​นี้​คุย​เล่น​กัน​ก่อน​จะเริ่ม​เดิมพัน​ คำพูดคำจา​ก็​ไม่ค่อย​เกรงใจ​กัน​สัก​เท่าไร​ หาก​จำไม่ผิด​ก็​เป็น​แม่นาง​น้อย​ที่​มองดู​แล้ว​เป็น​คน​โผงผาง​ผู้​นี้​นี่แหละ​ที่​ป่าวประกาศ​ว่า​จะมาพบ​ตน​ เดินผ่าน​ทางได้​แต่​ไม่อาจ​ปล่อย​ผ่าน​ไป​ได้​เด็ดขาด​! พอ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ของ​เก๋​อห​ลิ่ง​ก็​ดูเหมือนว่า​นาง​เคย​ถามหมัด​กับ​เผย​เฉียน​ที่​เมืองหลวง​แห่ง​ที่สอง​มาก่อน​ ผล​คือ​หลัง​จบเรื่อง​ ทุกวัน​นาง​จะต้อง​โหวกเหวก​ว่า​เจ็บ​ว่า​ปวด​นาน​ถึงหนึ่ง​เดือน​เต็มๆ​ รอ​กระทั่ง​หัน​โจ้วจิ่น​เอ่ย​ประโยค​ที่​เป็นธรรม​บอ​กว่า​ ‘อิ่น​กวาน​ของ​พวกเรา​ท่าน​นี้​ รูปโฉม​ไม่เลว​เลย​นี่​นา​’ แม่นาง​น้อย​ก็​เริ่ม​โต้เถียง​ขึ้น​มาอีก​ บอ​กว่า​พี่​หญิง​หัน​สายตา​ท่าน​นี่​มัน​ธรรมดา​สามัญจริงๆ​

ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​จึงยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “คนใน​ยุทธ​ภพ​ ภัย​ออกจาก​ปาก​ พูดมาก​ย่อม​เกิด​ความผิดพลาด​”

นี่​ยัง​เป็น​เพราะ​ไม่สนิท​กัน​ ไม่อย่างนั้น​หาก​เปลี่ยน​มาเจอ​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​ตน​ล่ะ​ก็​ นาง​มักจะ​จับ​ปาก​ของ​สุนัข​ตัว​หนึ่ง​กด​ลง​กับ​พื้น​อยู่​นอ​กร้าน​ตรอก​ฉีหลง​ สั่งสอน​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายซ้าย​ของ​ตรอก​ฉีหลง​ บอก​มัน​ว่า​วันหน้า​ให้​รู้จัก​ไป​เยี่ยมเยือน​กัน​บ้าง​ อย่า​เอาแต่​โหวกเหวก​ส่งเดช​ พูดจา​หัด​ระวัง​ปาก​ ข้า​รู้จัก​สหาย​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่​ฆ่าหมา​เปิดร้าน​ขาย​เนื้อ​อยู่​หลาย​คน​ หนึ่ง​มีด​ฟัน​ลง​ไป​ก็​ต้อง​นอน​นิ่ง​อยู่​บน​เขียง​แล้ว​ หา​ เจ้าพูด​มาสิ แม้แต่​ผายลม​ก็​ยัง​ไม่กล้า​ปล่อย​ออกมา​ ไม่ยินยอม​ใช่ไห​ม…

ส่วน​เหตุใด​เฉิน​ผิง​อัน​ถึงได้​รู้​บทสนทนา​ของ​ฝ่าย​นี้​ราวกับ​เส้นลายมือ​ของ​ตัวเอง​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​เพราะ​วิชา​อภินิหาร​ของ​กระบี่​บิน​จันทร์​ใน​บ่อ​เล่ม​นั้น​

กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​นี้​สามารถ​จำแลง​ออกมา​เป็น​กระบี่​ได้​มากมาย​ จำนวนมาก​หรือ​น้อย​ก็​ต้อง​ดู​ที่​ขอบเขต​ของ​เฉิน​ผิง​อันว่า​สูงหรือ​ต่ำ​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด