กระบี่จงมา 837.3 เทพอัคคีขอไฟ

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 837.3 เทพอัคคีขอไฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่​สกุล​เฉิน​ลำธาร​หลง​เหว่​ย​มีภูเขา​แท่น​ฝน​หมึก​ที่​เป็น​ผลผลิต​ส่วนตัว​ของ​ตระกูล​อยู่​หลาย​ลูก​ นั่น​ต่างหาก​จึงจะเป็น​ภูเขา​เงิน​ภูเขา​ทอง​ที่​แท้จริง​ สามารถ​นำ​ไป​ขาย​ตาม​บน​และ​ล่าง​ภูเขา​ของ​ทั้ง​ทวีป​ได้​

ต่งสุ่ย​จิ่งก็ได้​แบ่ง​น้ำแกง​มาถ้วย​หนึ่ง​ รับผิดชอบ​ช่วย​นำ​ไป​ขาย​ให้​ที่​อุตรกุรุทวีป​ แต่​เขา​จะไม่แตะต้อง​ของ​อย่าง​พวก​เกลือ​ เหล็ก​ ฯลฯ​ เด็ดขาด​ ต่งสุ่ย​จิ่งแค่​ทุ่มเท​ความคิด​จิตใจ​ให้​กับ​เรื่อง​หยุมหยิม​อย่าง​การ​กิน​การ​อยู่​ของ​พวก​ขุนนาง​ชนชั้นสูง​และ​พวก​ชาวบ้าน​เท่านั้น​

กรม​คลัง​ของ​ต้า​หลี​คือ​กรม​ที่​อเนจอนาถ​ที่สุด​ใน​ที่ว่าการ​หก​แห่ง​ของ​ราชสำนัก​ ราวกับว่า​ต้อง​ถูก​ด่า​ทุกวัน​ กรม​กลาโหม​ด่า​เสร็จ​ก็​กรม​พิธีการ​ด่า​ กรม​พิธีการ​ด่า​เสร็จ​ก็​เป็น​กรม​โยธา​…

ตาม​คำกล่าว​ของ​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ กรม​กลาโหม​คือ​ที่ว่าการ​ของ​ท่าน​ปู่​ คว้า​ตัว​ใคร​มาได้​ก็​ด่า​คน​นั้น​ กรม​พิธีการ​คือ​บิดา​ กรม​โยธา​คือ​ลูกชาย​ มีเพียง​กรม​คลัง​ที่​ดูแล​เงินทอง​เท่านั้น​ที่​เป็น​หลาน​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​สามารถ​พ่น​น้ำลาย​ใส่ได้​

กวน​อี้​หรา​น​รับ​จาน​ฝน​หมึก​อันนั้น​มาอย่าง​ไม่เกรงใจ​ ชั่งน้ำหนัก​ใน​มือ​ ใช้นิ้วมือ​ลูบไล้​อยู่​พัก​หนึ่ง​ เนื้อ​หิน​เนียน​ละเอียด​ จากนั้น​เขา​ก็​ยกขึ้น​ ใช้นิ้ว​ทั้ง​ห้า​ประคอง​แท่น​ฝน​หมึก​อัน​เล็ก​ไว้​ข้าง​หู​ ใช้นิ้ว​หนึ่ง​ดีด​ มีเสียง​ใสกังวาน​เหมือน​เสียงทอง​เสียง​หยก​เหมือน​อย่าง​ที่​กล่าว​ใน​ตำรา​ กวน​อี้​หรา​น​เป่า​ลมใส่​เบา​ๆ อีกที​ มอง​ไอ​น้ำ​ที่อยู่​บน​ผิว​ของ​จาน​ฝน​หมึก​ มีภาพ​ปราก​ฎการณ์​เป่า​ลม​เมฆก่อกำเนิด​ จุด​สีทอง​สีม่วง​แผ่รัศมี​สีทอง​เป็น​วง​ๆ จากนั้น​ใช้เล็บ​กรีด​เบา​ๆ เพ่ง​ตา​มอง​ กวน​อี้​หรา​น​ก็​พยักหน้า​ ใช้ได้​ เป็น​ของ​ใน​หลุม​หิน​เก่า​จริงๆ​ มีมูลค่า​แค่​ไหน​ เอาเป็นว่า​หาก​อาศัย​เงินเดือน​ของ​ตน​ก็​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​ต้อง​ซื้อ​ไม่ไหว​แน่นอน​

ทำเอา​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​มองดู​อยู่​หนังตา​กระตุก​ ลูกหลาน​ชนชั้นสูง​ที่​ชอบ​พิถีพิถัน​ใน​เรื่องไม่เป็นเรื่อง​พวก​นี้​ช่างหลอก​ได้​ยาก​จริงๆ​

รับ​ของขวัญ​ด้วย​ท่าทาง​หยาบกระด้าง​ โอ้อวด​กัน​ให้​เห็น​เช่นนี้​ จะดี​จะชั่ว​ก็​น่าจะ​รอ​ให้​แขก​กลับ​ไป​ก่อน​ค่อย​อวด​ฝีมือ​ผู้เชี่ยวชาญ​อันน้อย​นิด​นั่น​ของ​ตน​

กวน​อี้​หรา​น​วาง​จาน​ฝน​หมึก​ลง​บน​โต๊ะ​เบา​ๆ ยิ้ม​ถามว่า​ “สี่สมบัติ​ใน​ห้อง​หนังสือ​มีพู่กัน​ หมึก​ กระดาษ​ จาน​ฝน​หมึก​ จาน​ฝน​หมึก​มีแล้ว​ แล้ว​อย่างไร​ต่อ​? ไม่ได้​ช่วย​ข้า​รวบรวม​มาให้​ครบ​หรือ​ไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “น่าจะ​ยัง​แวะเวียน​ไป​เยี่ยม​ญาติ​ตาม​บ้าน​ต่างๆ​ อยู่​กระมัง​ จะรีบร้อน​ไป​ไย​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ถามว่า​ “ที่นี่​คง​ดื่มเหล้า​ไม่ได้​ใช่ไหม​?”

กวน​อี้​หรา​นพ​ยัก​หน้า​ “ควบคุม​เข้มงวด​ ห้าม​ดื่มเหล้า​ หาก​ถูก​จับได้​โดน​ลงโทษ​ด้วย​การ​ปรับ​เงินเดือน​ยัง​เป็น​เรื่องเล็ก​ แต่​หาก​ถูก​บันทึก​ลง​เอก​สารคดี​กลับเป็น​เรื่องใหญ่​”

เฉิน​ผิง​อัน​จึงตบ​ป้าย​ของ​กรม​อาญา​ที่อยู่​ตรง​เอว​ บิด​หมุน​ข้อมือ​ หยิบ​เหล้า​กา​หนึ่ง​ออกมา​ “บังเอิญ​จริง​ บังคับ​ข้า​ไม่ได้​”

เสมียน​ผู้ช่วย​คน​หนึ่ง​พก​เอกสารราชการ​เดิน​มาด้วย​ฝีเท้า​รีบร้อน​ ประตู​เปิด​อ้า​ แต่​เขา​ก็​ยัง​เคาะ​ประตู​เบา​ๆ กวน​อี้​หรา​น​เอ่ย​ “เข้ามา​”

เสมียน​ผู้ช่วย​ของ​ที่ว่าการ​มอง​บุรุษ​ชุด​เขียว​แวบ​หนึ่ง​ กวน​อี้​หรา​น​ลุกขึ้น​ยืน​ เดิน​ไป​รับ​เอกสาร​ หันหลัง​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ พลิก​เปิด​ดู​แล้ว​เก็บ​ใส่ชาย​แขน​เสื้อ​ พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​ยัง​ต้อง​รับรอง​แขก​อีก​พัก​หนึ่ง​ เดี๋ยว​จะไปหา​เจ้าทีหลัง​”

เสมียน​พยักหน้า​แล้ว​ถอยหลัง​ออก​ไป​ มาอย่าง​รีบร้อน​ จากไป​อย่าง​รีบร้อน​

หลังจากนั้น​ก็​มีลูกน้อง​อีก​สอง​คน​มาประชุม​งาน​ กวน​อี้​หรา​น​ล้วน​บอ​กว่า​ไว้​ค่อย​ประชุม​ทีหลัง​

กวน​อี้​หรา​น​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​คนละ​ตัว​ ต่าง​ก็​ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ ท่าทาง​ผ่อนคลาย​อย่าง​เห็นได้ชัด​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​หยอกล้อ​ “ไม่มีเวลาว่าง​สักนิด​เลย​จริงๆ​”

กวน​อี้​หรา​น​เหลือบตา​มอง​กา​เหล้า​ใน​มือ​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​น้ำลายสอ​ยิ่งนัก​ แมลง​สุรา​ใน​ท้อง​ใกล้​จะก่อ​กบฏ​เต็มที​แล้ว​ คน​ชอบ​ดื่มเหล้า​ หาก​ไม่ดื่ม​ก็​ไม่คิดถึง​ แต่กลับ​เห็น​คนอื่น​ดื่มเหล้า​แล้ว​สอง​มือ​ของ​ตัวเอง​ว่างเปล่า​ไม่ได้​มาก​ที่สุด​ จึงเอ่ย​อย่าง​ระอา​ใจว่า​ “ตอนที่​เพิ่ง​ออกจาก​กองทัพ​ชายแดน​ เข้ามา​ทำงาน​ใน​ที่ว่าการ​แห่ง​นี้​ ต้อง​หัวหมุน​หา​ทิศทาง​ไม่ถูก​ ยุ่ง​วุ่นวาย​หัวไม่วางหางไม่เว้น​อยู่​ทุกวัน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ชวน​คุย​ “เสมียน​ เสมียน​ อันที่จริง​ก็​ยัง​จับ​ดาบ​อยู่ดี​ไม่ใช่หรือ​ (เสมียน​ ภาษาจีน​คือ​เตา​ปี่​ลี่​ 刀笔吏 คำ​ว่า​เตา​ใน​คำ​นี้​แปล​ว่า​ดาบ​)

กวน​อี้​หรา​น​ส่ายหน้า​ “พอ​เป็นงาน​ที่​เป็น​รูปธรรม​จริงๆ​ ทั้งสอง​อย่างนี้​ยัง​ห่าง​ชั้น​กัน​ไกล​นัก​”

คุย​เล่น​กัน​ได้​พัก​หนึ่ง​ก็​มีสหาย​ร่วมงาน​ใน​ที่ว่าการ​แวะ​มาหา​อีก​ ดู​จาก​ชุด​ขุนนาง​แล้ว​น่าจะเป็น​ขุนนาง​ระดับ​ขั้น​เดียว​กับ​กวน​อี้​หรา​น​ คน​ผู้​นี้​ตะโกน​โหวกเหวก​มาตั้งแต่​ตอน​อยู่​หน้า​ประตู​แล้ว​ “รายงาน​ รายงาน​บน​ภูเขา​จาก​สำนัก​ซาน​ไห่​ของ​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​! นี่​เป็นข่าว​ที่​ข้า​ได้​มาจาก​รอง​เจ้ากรม​หม่า​เชียว​นะ​ อี้​หรา​น​ รีบ​มาดู​เร็ว​เข้า​ ข่าว​แต่ละ​อย่าง​ล้วน​ห้าม​กะพริบตา​เด็ดขาด​”

ขุนนาง​หนุ่ม​เห็น​บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่นั่ง​ดื่มเหล้า​อยู่​ก็​อึ้ง​ตะลึง​ไป​ แต่​ก็​ไม่ถือสา​ คิด​แค่​ว่า​เป็น​ลูกหลาน​ตระกูล​ชั้นสูง​บางคน​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​กองทัพ​ชายแดน​ เป็น​สหาย​ของ​กวน​อี้​หรา​น​ ธรณีประตู​ไม่มีทาง​ต่ำ​ ไม่ได้​พูดถึง​แค่​ชาติกำเนิด​ แต่​พูดถึง​นิสัยใจคอ​ด้วย​ ดังนั้น​เมื่อ​ขุนนาง​หนุ่ม​เห็น​ว่า​คน​ผู้​นั้น​ไม่เพียงแต่​รีบ​ยก​ขา​ที่​นั่งไขว่ห้าง​ลง​ ยัง​เป็น​ฝ่าย​ผงกศีรษะ​ส่งยิ้ม​บาง​ๆ ให้​ตน​ด้วย​ ก็​ไม่รู้สึก​แปลกใจ​อีกต่อไป​ ยิ้ม​ผงกศีรษะ​กลับ​คืนให้​คน​ผู้​นั้น​

เห็นได้ชัด​ว่า​กวน​อี้​หรา​น​สนิท​กับ​คน​ผู้​นี้​มาก​ จึงพูด​อย่าง​ไม่ใส่ใจว่า​ “ไม่มีเก้าอี้​ให้​เจ้านั่ง​แล้ว​”

คน​ผู้​นั้น​โยน​รายงาน​ข่าว​ให้​กวน​อี้​หรา​น​เบา​ๆ แล้วจึง​นั่งลง​บน​ธรณีประตู​ง่ายๆ​ “เจ้าไม่ได้​บอ​กว่า​ใน​อดีต​เจ้ามีสหาย​ใน​ยุทธ​ภพ​หรอก​หรือ​ เฉิน​ผิง​อัน​คน​นี้​ใช่เฉิน​ผิง​อัน​คน​นั้น​หรือเปล่า​? น่าจะ​ใช่แล้ว​ล่ะ​ ร้ายกาจ​มาก​ อี้​หรา​น​เจ้าเคย​ดื่มเหล้า​กับ​เขา​มาก่อน​ แล้ว​เขา​ยัง​ถูก​เจ้ามอมเหล้า​จน​ลง​ไป​นอน​อยู่​ใต้โต๊ะ​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ด้วย​? วันหน้า​หาก​เซียน​กระบี่​เฉิน​ผู้​นี้​มาเป็น​แขก​ที่​เมืองหลวง​ เจ้าช่วย​จัด​งานเลี้ยง​สุรา​ให้​ที​ ให้​ข้า​ได้​แสดง​ความ​องอาจ​สักครั้ง​ ฝีมือ​ต่อสู้​สู้เขา​ไม่ได้​ แต่​จะยัง​ดื่มเหล้า​แพ้​เขา​อีก​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​เงียบ​ไม่ส่งเสียง​ หาก​จะพูดถึง​แค่​บน​โต๊ะ​สุรา​ นอกจาก​หลิว​จิ่งหลง​แล้ว​ ข้า​ก็​ไม่เคย​กลัว​ใคร​จริงๆ​

ถึงอย่างไร​ที่ว่าการ​ของ​กรม​คลัง​ก็​ไม่ใช่กรม​พิธีการ​และ​กรม​อาญา​ที่​การ​ข่าว​ว่องไว​ อีก​ทั้ง​หก​กรม​ยัง​แบ่งงาน​กัน​อย่าง​ชัดเจน​ บางที​นอกจาก​ใต้เท้า​เจ้ากรม​ของ​กรม​คลัง​ที่​ถูก​เรียก​ว่า​ ‘ขุนนาง​ในท้องถิ่น​’ แล้ว​ ขุนนาง​หลัก​ของกอง​งาน​อื่นๆ​ ที่​เหลือ​ก็​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะรู้เรื่อง​วงใน​ของ​มรสุม​ที่​เกิดขึ้น​ใกล้​กับ​ตรอก​อี้​ฉือ​ก่อนหน้านี้​

แต่​ขุนนาง​ระดับ​กลาง​ของ​ที่ว่าการ​หก​กรม​ใน​เมืองหลวง​แต่ละคน​ต่าง​ก็​ขึ้นชื่อว่า​ ‘ตำแหน่ง​ต่ำต้อย​’ อำนาจ​หนา​หนัก​กัน​จริงๆ​ หาก​ออก​ไป​เป็น​ขุนนาง​ประจำ​ท้องถิ่น​นอกเมือง​ แล้ว​ยัง​ถูก​โยกย้าย​กลับมา​ที่​เมืองหลวง​ได้​อีก​ เส้นทาง​อนาคต​ก็​ราวกับ​ปู​ไว้​ด้วย​ผ้าแพร​เลย​ทีเดียว​

กวน​อี้​หรา​นก​ระ​แอม​หนึ่ง​ที​ เตือน​เจ้าหมอ​นี่​ว่า​พูด​ให้​น้อย​ๆ หน่อย​

เฉิน​ผิง​อัน​คลี่​ยิ้ม​บาง​ๆ

ถึงอย่างไร​เรื่อง​มาถึงขั้น​นี้​ กวน​อี้​หรา​น​ก็​ไม่รู้สึก​เป็น​วัวสันหลังหวะ​อีกต่อไป​ ใบหน้า​ไร้​ซึ่งความละอายใจ​ เอ่ย​กับ​สหาย​ร่วมงาน​ว่า​ “ก็​ไม่ถือว่า​ทุกครั้ง​หรอก​ บน​โต๊ะ​เหล้า​ก็​มีบ้าง​บางครั้ง​ที่​เสมอ​กับ​เขา​ หาก​ครั้งหน้า​มีโอกาส​ หาก​เขา​มาเมืองหลวง​แล้ว​ไม่รีบ​กลับ​ จะต้อง​นัด​เจ้าไป​ดื่มเหล้า​กับ​เขา​แน่นอน​”

ขุนนาง​หนุ่ม​พยักหน้า​ จากนั้น​ก็​หันไป​มอง​บุรุษ​ชุด​เขียว​ ถามว่า​ “อี้​หรา​น​ ท่าน​ผู้​นี้​คือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​นั่ง​ตัวตรง​จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​ให้​เรียบร้อย​นาน​แล้ว​ เขา​ยิ้ม​ตอบ​ด้วยตัวเอง​ว่า​ “ข้า​คือ​น้องชาย​ที่​ใต้เท้า​กวน​รับ​มาใน​ยุทธ​ภพ​ ไม่ใช่คน​ของ​เมืองหลวง​ นี่​เพิ่งจะ​มาถึงเมืองหลวง​ก็​รีบ​มาหา​เขา​ทันที​เลย​”

กวน​อี้​หรา​น​โบกมือ​ พูด​บ่นว่า​ “น้องชาย​อะไร​กัน​ คำพูด​ประโยค​นี้​ไม่น่าฟัง​เอา​เสีย​เลย​ ล้วน​เป็น​พี่น้อง​ที่​ดี​ที่​แค่​เห็น​หน้า​ก็​เหมือน​รู้จัก​กัน​มานาน​ ได้​แต่​เจ็บใจ​ที่​เจอกัน​ช้าไป​”

ขุนนาง​หนุ่ม​เช็ดหน้า​ตัวเอง​ “อี้​หรา​น​ เจ้าดู​สิ คนรัก​บน​ภูเขา​ของ​เจ้าหมอ​นี่​คือ​หนิง​เหยา​แห่ง​นคร​บิน​ทะยาน​ หนิง​เหยา​เชียว​นะ​! ข้า​ผู้อาวุโส​อิจฉา​จะตาย​อยู่แล้ว​ ใช้ได้​ๆ ร้ายกาจ​ๆ!”

จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ยัง​แขก​คน​นั้น​ ยิ้ม​กล่าว​ “พี่น้อง​ เจ้าว่า​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยัก​หน้ายิ้ม​รับ​ “อิจฉา​ๆ ต้อง​อิจฉา​แน่​อยู่แล้ว​”

กวน​อี้​หรา​น​โบกมือ​ไล่​คน​ “ก็​แค่​รายงาน​ข่าว​ฉบับ​เดียว​ไม่ใช่หรือ​ มีอะไร​ให้​ต้อง​ตกอกตกใจ​กัน​ เจ้ารีบ​กลับ​ไป​ทำงาน​เถอะ​”

กวน​อี้​หรา​น​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​แนะนำ​เฉิน​ผิง​อัน​ “ไอ้​หมอ​นี่​คือ​หนึ่ง​ใน​ขุนนาง​หลัก​กอง​ชิงลี่​ของ​บรรดา​สิบ​กว่า​กอง​ในกรม​คลัง​ อย่า​เห็น​ว่า​เขา​อายุ​ยัง​น้อย​ แท้จริง​แล้ว​ดูแล​จังหวัด​ใหญ่​ๆ ทาง​ทิศเหนือ​ซึ่งรวมถึง​จังหวัด​หง​โจว​ด้วย​ อยู่​ห่าง​จาก​จังหวัด​หลง​โจว​บ้านเกิด​เจ้าไม่ไกล​ ทุกวันนี้​ยัง​ควบ​ตำแหน่ง​ดูแล​สมุด​ภาพอ​วี๋​หลิน​ทั้งหมด​ใน​ฝ่าย​เป่ย​ตั้ง​ชั่วคราว​ด้วย​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ชาติกำเนิด​จาก​หมู่​ชาวบ้าน​เช่นเดียวกับ​เจ้า”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ “มองออก​แล้ว​”

เป็นการ​ ‘มองออก​’ ตาม​คำพูด​อย่าง​แท้จริง​ เพราะ​ด้านหลัง​ขุนนาง​หนุ่ม​คน​นี้​มีโคม​สีแดง​ดวง​ใหญ่​ที่เกิด​จาก​การปกป้อง​คุ้มครอง​ของ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ภูเขา​สายน้ำ​ฝ่าย​ต่างๆ​ ลอย​อยู่​หลาย​ดวง​ บน​ร่าง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​บุ๋น​

กวน​อี้​หรา​น​ถาม “หาก​เจ้าไม่ยุ่ง​ วันหน้า​ข้า​จะช่วย​จัด​งานเลี้ยง​สุรา​ให้​พวก​เจ้าสอง​คน​ที่​ริม​ลำคลอง​ชางผู​จริงๆ​ เป็น​อย่างไร​ จะไว้หน้า​ข้า​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ย่อม​ไม่มีปัญหา​ แต่​งานเลี้ยง​สุรา​นี้​ต้อง​เป็น​อีก​ครึ่ง​เดือน​ให้หลัง​”

กวน​อี้​หรา​น​เอง​ก็​ไม่ถามถึงสาเหตุ​ เพียงแค่​กะพริบตา​ปริบๆ​ “ถึงเวลา​นั้น​อยู่​เบื้องหน้า​บุปผา​เบื้อง​ใต้​แสงจันทร์​ พวกเรา​สามคน​ดื่มเหล้า​ด้วยกัน​? นัก​บัญชี​เฉิน​ เจ้ามีความกล้า​นี้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​หนักแน่น​ “ดื่ม​สุรา​เคล้า​บุปผา​อะไร​กัน​ ข้า​ไม่ชอบ​ดื่ม​แบบนี้​”

ขุนนาง​หนุ่ม​ไม่รู้​ว่า​คน​ทั้งสอง​ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​กัน​ เขา​มัวแต่​ปลด​หมวก​ขุนนาง​ของ​ตัวเอง​ ใช้ฝ่ามือ​ดัน​มวยผม​ให้​เข้าทรง​ เอ่ย​อย่าง​เสียใจ​ว่า​ “งาน​ใน​มือ​ทำ​เสร็จ​ชั่วคราว​แล้ว​ ข้า​ไม่ยุ่ง​เลย​ จะไม่ยอมให้​ข้า​ได้​พัก​หาย​ใจหาย​คอ​บ้าง​เลย​หรือ​ กิจธุระ​มากมาย​ทำให้​กาย​ใจเหนื่อยล้า​ อี้​หรา​น​ หาก​ยัง​ทำงาน​หามรุ่งหามค่ำ​เช่นนี้​ วันหน้า​หาก​ข้า​ไป​ที่​หน่วย​แปล​คัมภีร์​ก็​คง​ไม่ถูก​มอง​เป็น​คนนอก​หรอก​”

หลังจากนั้น​ก็​มีเสมียน​เอา​เอกสารราชการ​มาส่งให้​อย่าง​ว่องไว​ ขุนนาง​หนุ่ม​ที่​กลิ่นอาย​บุ๋น​เข้มข้น​ก็​เอา​รายงาน​กลับมา​ ขอตัว​ลา​จากไป​ เฉิน​ผิง​อัน​รู้​ว่า​ทำงาน​อยู่​ในกรม​คลัง​ของ​ต้า​หลี​ต้อง​ยุ่ง​มาก​แน่นอน​ เพียงแต่​คิดไม่ถึง​ว่า​กวน​อี้​หรา​น​จะยุ่ง​ถึงขั้น​นี้​ จึงทิ้ง​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​ไว้​ให้​กวน​อี้​หรา​น​หนึ่ง​กา​ อย่าง​มาก​คราวหน้า​ก็​แค่​ไป​ขอ​จาก​เฟิงอี๋​เพิ่ม​มาอีก​สอง​สามกา​ กวน​อี้​หรา​น​เอง​ก็​ไม่เกรงใจ​ เพียงแค่​เดิน​ไป​ส่งเฉิน​ผิง​อัน​ถึงหน้า​ประตู​

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ไป​ตลอดทาง​จน​กลับ​ไป​ถึงโรงเตี๊ยม​ ทาง​ฝั่งของ​ตรอก​เล็ก​ เด็กหนุ่ม​จ้าวต​วน​หมิง​กวักมือ​ เรียก​ “อาจารย์​เฉิน​ มีธุระ​กับ​ท่าน​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​เบา​ๆ สอง​มือ​สอด​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เดิน​ไปหา​อย่าง​เอ้อระเหย​ลอยชาย​ เมื่อ​เขา​ก้าว​เข้าไป​ใน​ตรอก​เล็ก​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “โอ้โห​ ร้ายกาจ​ๆ ถึงกับ​เป็น​ค่าย​กล​ฟ้าดิน​เล็ก​ทับซ้อน​กัน​สามชั้น​ อีก​ทั้ง​แม้แต่​ยันต์​กัก​กระบี่​ก็​ยัง​เอา​มาใช้ด้วย​แล้ว​ พวก​เจ้ามีเงิน​กัน​จริงๆ​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ เป็น​เพราะว่า​สิบเอ็ด​คน​นี้​อยาก​กอบกู้​ศักดิ์ศรี​กลับคืน​มา วันนี้​ก็​เลย​ตั้งใจ​วางแผน​เล่นงาน​ตน​ เหมือนกับ​ที่​ตอนนั้น​ตน​เล่นงาน​อู๋ซวงเจี้ยงบน​เรือ​ราตรี​?

ตอนนี้​เฉิน​ผิง​อัน​อยู่​ท่ามกลาง​ซาก​ปรัก​จวน​เซียน​ของ​อาจารย์​ค่าย​กล​หัน​โจ้วจิ่น​ คง​เป็น​เพราะ​ก่อนหน้านี้​ตอน​ที่อยู่​ใน​โรงเตี๊ยม​ตระกูล​เซียน​ที่​ผี​สาว​ก่าย​เยี่ยน​เป็น​ผู้​เปิดกิจการ​ รู้สึก​ว่า​เพราะ​พลาดโอกาส​ใน​การชิง​ลงมือ​ก่อน​ไป​ พวกเขา​ถึงได้​พ่ายแพ้​ ดังนั้น​จึงไม่ยินยอม​สัก​เท่าไร​ ตอนนี้​เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​บน​คาน​หิน​ ใต้​ฝ่าเท้า​คือ​เมฆขาว​กว้างใหญ่​ไพศาล​ราวกับ​มหาสมุทร​ ด้าน​ข้าง​มีน้ำตก​สีขาว​หิมะ​ตก​เท​ลงมา​ ปลาย​สุด​ด้าน​หนึ่ง​ของ​คาน​หิน​มี ‘เซียน​กระบี่​’ ที่​เมื่อ​แรก​เคย​ยืน​อยู่​บน​ไห​ล่อ​วี๋อวี๋​ยืน​อยู่​ ยังคง​มีรูปลักษณ์​เป็น​เด็กหนุ่ม​ เพียงแต่ว่า​ตัว​สูงกว่า​เดิม​เล็กน้อย​ บน​ศีรษะ​สวม​กวาน​เต๋า​ พก​กระบี่​สวม​ชุด​สีชาว​ บน​ชุด​ประดับ​ด้วย​ไข่มุก​

เฉิน​ผิง​อัน​กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​ “พวก​เจ้าทั้งหลาย​โดน​ซ้อม​แล้ว​ไม่หลาบจำ​ใช่ไหม​”

เซียน​กระบี่​เด็กหนุ่ม​ปาด​กระบี่​ฟัน​ออก​มาน​แนว​ขวาง​ ฟัน​ให้​ ‘เฉิน​ผิง​อัน​’ ที่​ไร้​เรี่ยวแรง​จะตอบโต้​กลายเป็น​…ยันต์​แผ่น​หนึ่ง​

ราวกับว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่เคย​ได้​เดิน​เข้ามา​ใน​ตรอก​เล็ก​เลย​

ใน​พื้น​ที่ลับ​แห่ง​หนึ่ง​นอก​ตรอก​เล็ก​ ภิกษุ​น้อย​พนม​สอง​มือ​ “พระพุทธเจ้า​โปรด​ปกป้อง​คุ้มครอง​ ขอให้​เซียน​กระบี่​เฉิน​ไปหา​คนอื่น​ แล้ว​ข้า​จะไปหา​กล่อง​รับบริจาค​เอง​”

จากนั้น​ด้านหลัง​ก็​มีคน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ได้​สิ ข้า​จะไปหา​คนอื่น​”

บน​หลังคาเรือน​ของ​จุด​อื่น​ โก่​ว​ฉุน​เกา​หัว​ เพราะ​อาจารย์​เฉิน​มานั่ง​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​ เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “บอก​กับ​หยวน​ฮว่า​จิ้งและ​ซ่งซวี่​สัก​คำ​ วันหน้า​เอา​ยันต์​กัก​กระบี่​มามอบให้​ข้า​หลาย​ๆ แผ่น​ บัญชี​ครั้งนี้​ก็​จะถือว่า​หายกัน​แล้ว​”

เด็กหนุ่ม​พยักหน้า​รับ​ด้วย​สีหน้า​เขินอาย​ ก่อนหน้านี้​เขา​ก็​บอก​แล้ว​ว่า​ไม่มีทาง​กู้​ศักดิ์ศรี​กลับคืน​มาได้​แน่​ แน่นอน​ว่า​หาก​ต้อง​ตี​กัน​จริงๆ​ เด็กหนุ่ม​ไม่มีทาง​ออม​กำลัง​ ถึงอย่างไร​ก็​สู้อาจารย์​เฉิน​ไม่ได้​อยู่แล้ว​

ใน​ตรอก​เล็ก​ คน​สามคน​ที่​มีหัน​โจ้วจิ่น​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ต่าง​ก็​ถอน​ฟ้าดิน​หนา​ชั้น​ที่​ตั้งใจ​จัดวาง​ไว้​ทิ้ง​ไป​ ทุกคน​ต่าง​รู้สึก​จนใจ​กัน​ไม่น้อย​

จากนั้น​ก็​พลัน​เบิกตา​กว้าง​ เห็น​เพียง​ว่า​บริเวณ​ใกล้เคียง​กับ​แผ่น​ยันต์​ที่​หล่น​ร่วง​ลงพื้น​มีคน​ชุด​เขียว​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ส่วน​อาจารย์​เฉิน​ที่อยู่​ข้าง​กาย​เด็กหนุ่ม​โก่​ว​ฉุน​กลับ​กลายเป็น​ยันต์​แผ่น​หนึ่ง​ กลายร่าง​เป็น​สายรุ้ง​เส้น​หนึ่ง​ที่​ถูก​คน​ผู้​นั้น​เก็บ​ไป​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​

“หาก​พวก​เจ้าอยู่​บน​สนามรบ​แล้ว​เจอ​กับ​เฝ่ย​หรา​น​ หรือ​เจอ​กับ​พวก​ตะพาบ​ชั่วร้าย​อย่าง​โซ่วเฉิน​ พวก​เจ้าก็​คง​ต้อง​เรียงแถว​กันเอา​หัว​ไป​ส่งให้​พวกเขา​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​บาง​ๆ “อย่า​ให้​มีคราวหน้า​อีก​”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด