กระบี่จงมา 843.1 ใครล้อมฆ่าใคร

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 843.1 ใครล้อมฆ่าใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนิง​เหยา​เอ่ย​ “โจว​ไห่​จิ้งผู้​นี้​ต่อสู้​ได้​น่าดู​มาก​”

เดี๋ยว​ก็​ปล่อย​หมัด​เหมือน​หัก​กิ่ง​หลิว​ เดี๋ยว​ก็​ปล่อย​ฝ่ามือ​เหมือน​ถือ​ดอกไม้​ เรือน​กาย​แผ่ว​พลิ้ว​ลอย​ล่อง​ดุจ​เมฆหลาก​สี

ใน​ความเห็น​ของ​หนิง​เหยา​ การต่อสู้​กัน​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ เจ้าหนึ่ง​หมัด​ข้า​หนึ่ง​เท้า​ อันที่จริง​น่าดู​ชมเสีย​ยิ่งกว่า​การ​ประลอง​เวท​คาถา​บน​ภูเขา​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​เสีย​อีก​ ส่วน​การ​ถามกระบี่​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ แท้จริง​แล้ว​กลับ​น่าเบื่อ​มาก​

เมื่อ​เทียบ​กับ​โจว​ไห่​จิ้งที่​ออก​หมัด​ด้วย​ลวดลาย​ฉูดฉาด​ เรือน​กาย​คล่องแคล่ว​ว่องไว​แล้ว​ หมัด​เท้า​ของ​อวี๋หง​เห็นได้ชัด​ว่า​เปิดกว้าง​ปิด​ใหญ่​ ปณิธาน​หมัด​หนา​ข้น​ พายุ​ลมกรด​ประหนึ่ง​เจียว​หลง​หลาย​ตัว​ที่​ล้อม​ขด​อยู่​รอบด้าน​ มีหลายครั้ง​ที่​ประมือ​กับ​โจว​ไห่​จิ้งแบบ​ประชิดตัว​ ล้วน​ได้รับ​ผล​เก็บเกี่ยว​ ทำลาย​กำไล​ข้อมือ​และ​ปิ่นปักผม​ของ​ปรมาจารย์​ใหญ่​หญิง​ให้​แหลก​สลาย​ไป​หลาย​ชิ้น​แล้ว​ ผู้​ที่​ชมศึก​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ลูกหลาน​ขุนนาง​ของ​ตรอก​อี้​ฉือ​และ​ถนน​ฉือเอ๋อร์​ที่​ไม่อาจ​เงยหน้า​มอง​เต็มๆ​ ตา​ได้​ พอ​เห็น​ว่า​โจว​ไห่​จิ้งใช้หลัง​เท้า​เตะ​เข้าที่​ชายโครง​ของ​อวี๋หง​เต็มแรง​ พละกำลัง​หนักหน่วง​ จน​ร่าง​ของ​อวี๋หง​กระเด็น​หวือ​ออกจาก​ลาน​ประลอง​ยุทธ​ใน​แนว​ขวาง​ไป​ไกล​สิบ​กว่า​จั้ง ทุกคน​ก็​พา​กัน​ตบ​โต๊ะ​โห่ร้อง​เสียงดัง​อย่าง​ชอบใจ​

อวี๋หง​หยุด​ร่าง​ยืน​นิ่ง​ ยกมือ​ตบ​เสื้อผ้า​ง่ายๆ​ บน​ใบหน้า​มีรอย​เลือด​เส้น​หนึ่ง​ที่​เลือด​สด​ไหล​ซึมออกมา​ช้าๆ เป็น​บาดแผล​เล็ก​ๆ ที่​ถูก​โจว​ไห่​จิ้งใช้ฝ่ามือ​มีด​กรีด​ผ่าน​ใบหน้า​ก่อนหน้านี้​ หญิงสาว​ผู้​นี้​ใช้วิธีการ​ที่​อำมหิต​จริงๆ​ ฝ่ามือ​มีด​ก่อนหน้า​นั้น​มีพลัง​อำนาจ​น่า​ครั่นคร้าม​ มอง​ดูเหมือน​ตรง​มาบั่น​คอ​ แต่​ทั้งหมด​ล้วน​เป็น​ภาพลวงตา​ ท่า​ไม้ตาย​คือ​นิ้วโป้ง​ของ​นาง​ที่​ตวัด​งอ​หมาย​จะควัก​ลูกตา​ข้าง​หนึ่ง​ของ​อวี๋หง​ออกมา​ ตอนนั้น​อวี๋หง​ไร้​ซึ่งความลังเลใจ​ ยก​เท้า​ถีบ​เข้าที่​หน้าท้อง​ของ​โจว​ไห่​จิ้ง เพื่อ​ลด​แรง​ปะทะ​ส่วน​นั้น​ทิ้ง​ไป​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​เท้า​ของ​เขา​ถีบ​ทะลุ​ร่าง​ ฝ่าย​หลัง​จึงจำต้อง​ถอยหลัง​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ ไม่อย่างนั้น​การ​ประมือ​ครั้งนี้​ก็​เท่ากับ​ว่า​อวี๋หง​ใช้การ​สูญเสีย​ดวงตา​ข้าง​หนึ่ง​มาสังหาร​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ยอดเขา​คน​หนึ่ง​ได้​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​หลับตา​ทำสมาธิ​ แค่​แยกแยะ​จาก​การฟังเสียง​ สำหรับ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​ที่​เลื่อน​เป็น​ขั้น​คืน​ความจริง​แล้ว​ เรื่อง​นี้​ไม่ยาก​แม้แต่น้อย​ เขา​เอ่ย​อธิบาย​กับ​หนิง​เหยา​ว่า​ “โจว​ไห่​จิ้งกำลัง​ตกปลา​ ไม่ถึงครึ่ง​ก้านธูป​นาง​ก็​จงใจใช้หลักเกณฑ์​ของ​วิชา​หมัด​หก​ชนิด​ที่​ไม่เหมือนกัน​แล้ว​ กระบวนท่า​หมัด​สิบ​เจ็ด​อย่าง​ล้วน​เรียนรู้​มาจาก​คนอื่น​ ชนะ​ที่​กระบวนท่า​หมัด​แปลกประหลาด​ แพ้​ตรง​ที่​ปณิธาน​หมัด​บางเบา​ ปะปนกัน​ซับซ้อน​แล้ว​น้ำหนัก​ยัง​ไม่มาก​พอ​ เพราะ​ต่าง​ก็​ไม่ใช่วิชา​หมัด​แท้จริง​ของ​โจว​ไห่​จิ้งเอง​ นาง​ไม่แบ่ง​สูงต่ำ​ใน​เรื่อง​ของ​พละกำลัง​กับ​อวี๋หง​ บวก​กับ​ที่​ฝ่ามือ​มีด​ท่า​เมื่อครู่นี้​ เกิน​ครึ่ง​ก็​เพื่อ​เพิ่ม​ความทรงจำ​ใน​ใจของ​อวี๋หง​ให้​ลึกล้ำ​กว่า​เดิม​ว่า​ ‘โจว​ไห่​จิ้งคือ​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​คน​หนึ่ง​’ ข้า​เดา​ว่า​รอ​ให้​อวี๋หง​ต้อง​เปลี่ยน​ลมปราณ​ครั้งแรก​ก็​คือ​ช่วงเวลา​ที่​โจว​ไห่​จิ้งจะแบ่ง​แพ้ชนะ​กับ​เขา​ หาก​ไม่ทัน​ระวัง​ก็​จะเป็น​นาง​ที่​ใช้อาการ​บาดเจ็บสาหัส​มาแลก​ชีวิต​กับ​อวี๋หง”​

หนิง​เหยา​ถามอย่าง​สงสัย​ “สอง​ฝ่าย​มีความแค้น​ต่อกัน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คิด​ก่อน​ตอบ​ว่า​ “บอก​ได้​ยาก​ เพราะ​ก็​มีพวก​คน​คลั่งไคล้​วร​ยุทธ​บางส่วน​ที่​แค่​ชอบ​ใช้หมัด​มาแบ่ง​เป็น​ตาย​อย่าง​เดียว​ เพื่อ​จะได้​เอา​สิ่งนี้​มาขัดเกลา​วิถี​วร​ยุทธ​”

ยกตัวอย่างเช่น​พ่อครัว​เฒ่าบน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​บ้าน​ตน​

โจว​ไห่​จิ้งกำ​ไข่มุก​หลาย​เม็ด​ไว้​ใน​มือ​ ออกแรง​บีบ​เบา​ๆ จน​เกิด​เสียงดัง​เปรี๊ยะ​ ก่อนหน้านี้​ถูก​พายุ​หมัด​ของ​อวี๋หง​ซัด​มาโดน​ เชือก​ของ​กำไล​ข้อมือ​จึงขาด​ ไข่มุก​ส่วนใหญ่​ล้วน​หล่น​กระจาย​ลงพื้น​

นาง​คลี่​ยิ้ม​หวาน​ “เอว​ของ​ผู้อาวุโส​อวี๋​ช่างแข็งแกร่ง​ทรงพลัง​ยิ่งนัก​ มิน่าเล่า​ถึงแตก​กิ่งก้านสาขา​มีลูกหลาน​มากมาย​ ครั้งนี้​ระหว่าง​ที่​เดินทาง​มาเมืองหลวง​ ได้ยิน​ว่า​ราชวงศ์​จูอิ๋ง​เก่า​แห่ง​นั้น​ ผู้ฝึก​ยุทธ​แซ่อวี๋​ของ​พวก​เจ้ามีอำนาจ​บารมี​แผ่​ไป​แปด​ทิศ​ หมัด​สยบ​ครึ่ง​แคว้น​”

พวก​ผู้ชม​พา​กัน​หัวเราะ​ครืน​

อวี๋หง​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ “ผู้ฝึก​ยุทธ​ต่อสู้​กัน​ พูดจา​ไร้สาระ​ให้​น้อย​หน่อย​”

โจว​ไห่​จิ้งยก​มือขึ้น​ คลาย​หมัด​ออก​ ไข่มุก​หลาย​เม็ด​ถูก​บีบ​จน​กลายเป็น​ผุยผง​ที่​ปลิว​กระจาย​ตาม​ลม​ไป​สี่ทิศ​

นาง​ชูหมัด​ขึ้น​สูง ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “สามารถ​มอง​เป็น​ยา​ชนิด​หนึ่ง​ได้​ ช่วย​ให้​อายุขัย​ยืนยาว​ สตรี​ก็​สามารถ​นำ​ไป​ทำ​เป็นผง​ประทิน​โฉมทา​หน้า​ได้​”

คำพูด​ประโยค​นี้​ของ​เหล่า​เหนียง​ ทาง​ร้าน​ต้อง​เพิ่ม​เงิน​ให้​ด้วย​

อวี๋หง​เริ่ม​แสดง​โทสะ​ออกมา​ทาง​สีหน้า​บ้าง​แล้ว​ “ผู้ฝึก​ยุทธ​ประลอง​ฝีมือ​กัน​ไม่ใช่เด็ก​เล่น​สนุก​ โจว​ไห่​จิ้ง การเรียน​วร​ยุทธ​ของ​เจ้าฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ราบรื่น​เกินไป​ เป็นเหตุให้​ไม่เคารพ​วิถี​วร​ยุทธ​ถึงเพียงนี้​ วันนี้​ข้า​ผู้อาวุโส​จะสอน​เจ้าว่า​ควรจะเป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​อย่างไร​!”

โจว​ไห่​จิ้งปัด​มือ​ “อย่า​สอน​ข้า​ว่า​ควร​เป็น​สตรี​อย่างไร​ก็​พอ​”

เสียง​ผิวปาก​ดัง​ขึ้น​ลง​เป็น​ระลอก​

อวี๋หง​หัวเราะ​หยัน​ “ปากคอ​เราะร้าย​ ยัง​จะเป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​อะไร​อีก​?! ต่อจากนี้​ข้า​ผู้อาวุโส​จะไม่เกรงใจ​เจ้าแล้ว​ หาก​ไม่ระวัง​ต่อย​ให้​ขอบเขต​ยอดเขา​ของ​เจ้าหาย​ไป​ก็​อย่า​มาโทษ​ฟ้าตำหนิ​คน​ เป็น​เจ้าที่​รนหาที่​เอง​”

หนิง​เหยา​หัวเราะ​ งอ​นิ้ว​เขก​ลง​ไป​บน​หน้าผาก​ของ​คน​บางคน​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​อย่าง​จนใจ​ “ข้า​ไม่ใช่หม่า​ขู่​เสวียน​สักหน่อย​ ต่อย​ตี​กับ​คนอื่น​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ยาม​ที่​ต้อง​ถามหมัด​ก็​มีน้อย​นัก​ที่จะ​พูดคุย​กับ​ฝ่าย​ศัตรู​”

โจว​ไห่​จิ้งแสร้ง​ทำท่า​ตกใจ​ขวัญ​ผวา​ ยกมือ​ตบ​หัวใจ​จน​เกิด​แรง​กระเพื่อม​เบา​ๆ

บน​หลังคาเรือน​อีก​หลัง​หนึ่ง​ จ้าวต​วน​หมิง​พลัน​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​หนึ่ง​ เด็กหนุ่ม​ตกใจ​อย่าง​หนัก​ กระตุก​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​เฉาเกิง​ซิน​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “ผี​ขี้เหล้า​เฉา ทั้ง​ฮ่องเต้​และ​ฮองเฮา​เหนียง​เนียง​ก็​มาด้วย​ อวี๋หง​กับ​พี่​หญิง​โจว​ช่างหน้าใหญ่​นัก​ แค่นี้​ก็​พอ​จะสร้าง​ความรุ่งโรจน์​เกียรติยศ​ให้​กับ​วงศ์ตระกูล​ได้​แล้ว​ การเรียน​หมัด​ดีจริง​ดัง​คาด​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​อย่าง​พวกเรา​ต่อสู้​กัน​ ไหน​เลย​จะทำให้​ฮ่องเต้​หันมา​มอง​ได้​”

เฉาเกิง​ซิน​ไม่แม้แต่​จะมอง​ไป​ยัง​ตำแหน่ง​ที่​สายตา​ของ​เด็กหนุ่ม​มอง​ไป​ เพียงแค่​จ้องมอง​การ​ถามหมัด​อัน​ตระการตา​ที่อยู่​ใน​สถาน​ประกอบ​พิธีกรรม​เปลือกหอย​ตา​ไม่กะพริบ​ ก่อนหน้านี้​ตอนที่​พี่​หญิง​โจว​ยืน​นิ่ง​ไม่ขยับ​ ขา​ก็​ดู​ยาว​มาก​แล้ว​ ตอนที่​ถามหมัด​กับ​คนอื่น​ ท่วงท่า​องอาจ​ผึ่งผาย​ ฟาด​ขา​เตะ​ที​หนึ่ง​ เฉาเกิง​ซิน​ก็​นึก​อยาก​จะผลัก​เจ้าเฒ่าอวี๋​ออก​ไป​ให้​ไกล​ ให้​ตน​ไป​รับ​ลูก​เตะ​นั้น​ของ​นาง​แทน​ เขา​เอ่ย​เตือน​เด็กหนุ่ม​ว่า​ “ควบคุม​ดวงตา​ให้​ดี​ อะไร​ที่​ไม่ควร​มอง​ สามารถ​อดทน​ไว้​ไม่หันไป​มอง​ได้​ก็​คือ​การฝึกฝน​จิตใจ​”

จ้าวต​วน​หมิง​ถอน​สายตา​กลับมา​ หัวเราะ​อย่าง​ฉุนๆ​ ว่า​ “เจ้ามีความสามารถ​ก็​ควบคุม​ปาก​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​สิ อย่า​ดื่มเหล้า​”

เฉาเกิง​ซิน​จิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ก็​ข้า​ต้อง​ใช้เหล้า​อุด​ปาก​นี่​นา​ ดื่มเหล้า​ทำให้​ตาปรือ​พร่ามัว​ มอง​บุปผา​สาวงาม​ใน​ม่าน​หมอก​จะยิ่ง​งดงาม​มากกว่า​เดิม​”

หญิง​ออกเรือน​แล้ว​ท่าทาง​สุภาพอ่อนโยน​ โฉมหน้า​อ่อนเยาว์​ ข้าง​กาย​มีแม่นาง​น้อย​คน​หนึ่ง​ติด​ตามมา​ด้วย​ คน​ทั้ง​สามเพิ่งจะ​มาถึงก็​นั่งลง​ตรง​ตำแหน่ง​ติด​หน้าต่าง​ของ​เหลา​สุรา​แห่ง​หนึ่ง​ที่อยู่​ด้านนอก​ลาน​ประลอง​ยุทธ​พอดี​ บน​โต๊ะ​วาง​ผลไม้​และ​ของ​ทาน​เล่น​เอาไว้​เรียบร้อย​ หลาย​โต๊ะ​ที่อยู่​ใกล้เคียง​ย่อม​ต้อง​เป็น​ผู้​ถวายงาน​เชื้อพระวงศ์​ต้า​หลี​ที่​ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​เอาไว้​ สามคน​เจ้าของ​โต๊ะ​ก็​คือ​ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ ไทเฮา​อวี๋เหมี่ยน​ อวี๋อวี๋​ผู้ฝึก​ตน​สำนัก​การทหาร​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ เพียงแต่ว่า​ซ่งซวี่​ที่​เป็น​องค์​ชาย​กลับ​ไม่ได้​ปรากฏตัว​

เหลา​สุรา​ไม่ได้​ไล่​คน​ที่มา​จับจอง​โต๊ะ​อยู่​ก่อน​แล้ว​ออก​ไป​

อวี๋อวี๋​เด็กสาว​อายุ​น้อย​ ลำดับ​อาวุโส​ของ​นางใน​ตระกูล​สกุล​อวี๋​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ไม่ต่ำ​ ยัง​สูงกว่า​อวี๋เหมี่ยน​หนึ่ง​รุ่น​ ดังนั้น​หาก​ฮองเฮา​เหนียง​เนียง​กลับบ้าน​ไป​เยี่ยม​ญาติ​ เจอ​กับ​เด็กสาว​ก็​ยัง​ต้อง​เรียก​นาง​คำ​หนึ่ง​ว่า​ท่าน​น้า​เล็ก​ด้วยซ้ำ​ และ​ใน​บรรดา​แคว้น​มากมาย​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​เว้น​จาก​ต้า​หลี​ ตามกฎหมาย​ของ​ราชวงศ์​ ฮองเฮา​แทบ​ไม่อาจ​กลับบ้าน​ไป​เยี่ยม​ญาติ​ได้​ เพียงแต่ว่า​สกุล​ซ่งต้า​หลี​มักจะ​เปิดกว้าง​ใน​เรื่อง​ทำนอง​นี้​ ไม่ว่า​จะเป็น​ปี​นั้น​ที่​หนัน​จาน​กลับ​ไป​ยัง​เข​ตอ​วี้​จาง หรือ​จะเป็น​อวี๋เหมี่ยน​ที่​ออกจาก​วังหลวง​ไป​ยัง​ตรอก​อี้​ฉือ​สอง​ครั้ง​ ฝ่าย​กรม​พิธีการ​ก็​ล้วน​ไม่คัดค้าน​

อวี๋อวี๋​กำลัง​แอบ​ดื่มเหล้า​ต่อหน้า​ฮ่องเต้​ แอบ​ดื่ม​ไป​กา​หนึ่ง​แล้วก็​ดื่ม​เพิ่ม​อีก​กา​ ดื่มเหล้า​หมัก​ตำหนัก​ฉางชุน​ที่​รส​เหล้า​จืดจาง​แต่กลับ​เหนือกว่า​ตรง​รส​ที่​ติดค้าง​อยู่​นาน​หมด​แล้ว​ เด็กสาว​ก็​เริ่ม​จับจ้อง​ใบชา​ตระกูล​เซียน​หลาย​กระปุก​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​ด้าน​ข้าง​ คน​ที่มา​รับหน้าที่​ไม่อาจ​ดื่มเหล้า​ได้​ ทว่า​กลับ​ได้​ดื่ม​ชาชั้นดี​อันดับ​หนึ่ง​

หนิง​เหยา​กล่าว​ “เจ้าเดา​ผิด​แล้ว​ ดูเหมือนว่า​โจว​ไห่​จิ้งจะไม่ได้​อยาก​แบ่ง​เป็น​ตาย​กับ​อวี๋หง​ ยาม​ลงมือ​จึงกะ​น้ำหนัก​ได้​ดีมาก​ หรือ​นาง​เอง​ก็​รู้​ชัดเจน​อยู่แล้ว​ว่า​ตัวเอง​จะต้อง​กลายเป็น​ผู้ฝึก​ตน​คน​สุดท้าย​ของ​สาย​แผนภูมิ​ดิน​?”

การ​ถามหมัด​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ครั้งนี้​ถึงกับ​ใช้เวลา​ต่อสู้​กัน​นาน​ถึงสอง​ก้านธูป​ เกือบ​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ สุดท้าย​โจว​ไห่​จิ้งแพ้​ไป​หนึ่ง​กระบวน​หมัด​ สอง​ฝ่าย​ที่​ถามหมัด​กัน​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​

อวี๋หง​กุม​หมัด​คารวะ​แด่​สี่ทิศ​

โจว​ไห่​จิ้งยื่นมือ​มากุม​ซีก​แก้ม​ข้าง​หนึ่ง​ ถ่มเลือด​ลงพื้น​ ชวน​ให้​คน​ทะนุถนอม​เอ็นดู​

เมื่อ​ครู่​นาง​ถูกอ​วี๋หง​ปล่อย​หมัด​ต่อย​เข้าที่​ข้าง​แก้ม​ ตอนที่​ร่าง​ของ​นาง​โซเซก็ถูก​ศอก​ของ​อวี๋หง​ถอง​เข้าที่​หัวใจ​ด้านหลัง​เบา​ๆ อีกที​

หาก​ลงมือ​อำมหิต​จริงๆ​ โจว​ไห่​จิ้งไม่ตาย​ก็​ต้อง​ขอบเขต​ถดถอย​

โจว​ไห่​จิ้งคลี่​ยิ้ม​ “รอ​ข้า​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​เรียบร้อย​ จะไป​ขอ​ความรู้​จาก​ผู้อาวุโส​อวี๋​อีก​สักหน่อย​ได้​หรือไม่​?”

ก่อนหน้านี้​ทุบ​หม้อ​ขาย​เหล็ก​ ถึงขนาด​ยืม​เงิน​เทพ​เซียน​จาก​ซูหลา​งมาไม่น้อย​ เพื่อ​ลง​เดิมพัน​ว่า​ตัวเอง​ต้อง​แพ้​ ได้​กำไร​ก้อน​ใหญ่​แล้ว​!

อวี๋หง​พยักหน้า​ “ตามใจ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ลุกขึ้น​นั่ง​ หรี่ตา​ลง​ มอง​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​ที่​ไม่ใส่ใจผล​แพ้ชนะ​เลย​แม้แต่น้อย​ ครั้น​จึงใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​กับ​หนิง​เหยา​ “พอ​จะมั่นใจ​ได้​คร่าวๆ​ แล้ว​ว่า​โจว​ไห่​จิ้งมีแค้น​ที่​ต้อง​ตัดสิน​เป็น​ตาย​กับ​อวี๋หง​ บางที​การ​ฆ่าอวี๋หง​คนเดียว​อาจ​ไม่ทำให้​นาง​หาย​แค้น​ได้​มาก​พอ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​หันไป​มอง​ยัง​ทิศทาง​ของ​ร่อง​เจียว​หลง​ ภูเขา​ห้อย​หัวใน​อดีต​ สีหน้าซีด​ขาว​เล็กน้อย​

หนิง​เหยา​ถาม “ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มีใคร​ลงมือ​หรือ​? อา​เหลียง?​ จั่ว​โย่ว?”​

เพราะ​ความสัมพันธ์​สองชั้น​จาก​การผสาน​มรรคา​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​และ​การ​ถูก​มหา​มรรคา​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​สยบ​กำราบ​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงสัมผัส​ได้​ถึงเบาะแส​เสี้ยว​หนึ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​ เอ่ย​เสียงทุ้ม​หนัก​ “สอง​คน​ร่วมมือ​กัน​”

หนิง​เหยา​ไม่จำเป็นต้อง​คิด​อะไร​ก็​เอ่ย​ออกมา​ตามตรง​ว่า​ “เจ้าพอ​จะกะ​ตำแหน่ง​สนามรบ​คร่าวๆ​ ได้​หรือไม่​? ข้า​สามารถ​ใช้กระบี่​แหวก​ม่าน​ฟ้า กลับ​ไป​ที่​ใต้​หล้า​ห้า​สีก่อน​ แล้ว​ค่อย​ไป​เยือน​สนามรบ​ที่​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​นั้น​”

แต่​หนิง​เหยา​เอง​ก็​รู้​ชัดเจน​ดี​ว่า​ ต่อให้​ตัวเอง​ไป​ทัน​ อันที่จริง​ก็​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะช่วย​อะไร​ได้​ หาก​แผนการ​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​เหมา​รวม​ตน​ไว้​ตั้งแต่แรก​แล้ว​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​ยิ่ง​ช่วย​ให้​เสีย​เรื่อง​ด้วยซ้ำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ จู่ๆ ก็​หัวเราะ​ขึ้น​มา “พวกเรา​ต้อง​เชื่อมั่น​ใน​ตัว​อา​เหลียง​และ​ศิษย์​พี่​”

อา​เหลียง​กับ​จั่ว​โย่ว​ร่วมมือ​กัน​ออก​กระบี่​

คาด​ว่า​คง​เหมือนกับ​การ​ที่​…เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​เฉิน​ชิงโต​ออกจาก​เมือง​ไป​เข่นฆ่า​ ทุ่ม​แรง​ออก​กระบี่​อย่าง​เต็มกำลัง​กระมัง​

เพิ่ม​ความเสียดาย​ใหญ่หลวง​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ให้​กับ​โลก​มนุษย์​แล้ว​

……

การ​ล้อม​สังหาร​ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​วางแผน​ไว้​อย่าง​ตั้งใจ​

ขุนเขา​สายน้ำ​ปริ​แตก​ พื้นดิน​พลิกตัว​ร้าว​ระแหง​ ปราณ​วิญญาณ​ซัด​กระเพื่อม​วุ่นวาย​ ทุกคน​ที่​ซ่อนตัว​เพื่อ​หวัง​ลอบ​จู่โจมล้วน​ไม่อาจ​หลบหนี​ไป​ไหน​ได้​

ปีศาจ​ใหญ่​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​ปรากฏตัว​ก่อน​ใคร​คือ​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่ เซียน​กระบี่​โซ่วเฉิน​หนึ่ง​ใน​ราชา​บน​บัลลังก์​คน​ใหม่​ ตาเดียว​ สะพาย​กล่อง​กระบี่​ ซ่อน​กระบี่​หก​เล่ม​ บน​ร่าง​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​สีเขียว​มรกต​อย่าง​ ‘ซูเจียว​เลี่ยน​’

โซ่วเฉิน​มีสีหน้า​เคร่งเครียด​ ต่อให้​ฝ่าย​ของ​ตน​จะได้​ครอบครอง​ฟ้าอำนวย​ดิน​อวยพร​คน​สามัคคี​ทั้งหมด​ แต่กลับ​ไม่มีความประมาท​แม้แต่น้อย​ โซ่วเฉิน​มอง​ไป​ยัง​อา​เหลียง​ที่​พก​กระบี่​สี่เล่ม​ไว้​ตรง​เอว​ การต่อสู้​ครั้งนี้​ไม่ว่า​ใคร​ก็​อาจ​กาย​ดับ​มรรคา​สลาย​ได้​

คน​ที่​ปรากฏตัว​ตามหลัง​โซ่วเฉิน​มาติดๆ​ คือ​ปีศาจ​ใหญ่​หญิง​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​คน​หนึ่ง​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ มีนามแฝง​ว่า​ซิน​จวง​ เป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ นาง​รู้จัก​กับ​อา​เหลียง​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​ เป็น​คอขวด​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ ใน​ฐานะ​อาจารย์​ค่าย​กล​ เมื่อ​อยู่​ใน​ค่าย​กล​ใหญ่​ของ​ฟ้าดิน​เล็ก​ พลัง​การต่อสู้​ของ​นาง​สามารถ​มอง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ได้​เลย​

ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​คน​ทั้งสอง​ปรากฏ​เป็น​ค่าย​กล​ขนาดใหญ่​ ประหนึ่ง​ปลา​หยิน​หยาง​หนึ่ง​ขาว​หนึ่ง​ดำ​สอง​ตัว​ที่​พัวพัน​กันและกัน​ โซ่วเฉิน​และ​ซิน​จวง​ยืน​อยู่​บน​หัว​ของ​ปลา​หยิน​หยาง​พอดี​ เรือน​กาย​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​หมุน​เคลื่อน​ไป​ตาม​ค่าย​กล​

ค่าย​กล​ใหญ่​เรียบง่าย​อย่างยิ่ง​ เป็น​ภาพ​ปลา​หยิน​หยาง​คู่​หนึ่ง​เท่านั้น​ ไม่มีรูปแบบ​อะไร​มากมาย​ไป​กว่า​นั้น​ แต่​กลิ่นอาย​มหา​มรรคา​ส่วน​นั้น​กลับ​ยิ่งใหญ่​ไพศาล​ลี้ลับ​มหัศจรรย์​นัก​ ราวกับว่า​เป็นระบบ​สืบทอด​ดั้งเดิม​ที่​ย่อย​มหา​มรรคา​ของ​ฟ้าดิน​ให้​เรียบง่าย​ขึ้น​

ซิน​จวง​ถอนหายใจ​เบา​ๆ มอง​บุรุษ​คน​ที่​รู้​ว่า​ฟ้าสูงแผ่นดิน​กว้างไกล​ดี​ยิ่งกว่า​ใคร​ แต่กลับ​ยัง​มุ่งหน้า​ลง​ใต้​ดิ่ง​ลึก​เข้า​มายัง​ใจกลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ แล้ว​เอ่ย​เสียง​เบา​ “อา​เหลียง​ เจ้าไม่ควร​ท้าทาย​ใต้​หล้า​แห่ง​หนึ่ง​เช่นนี้​”

ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​และ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​คุมเชิง​กัน​มาหมื่น​ปี​ ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ยาก​จะสังหาร​ได้​ ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​กลับ​ตาย​ยาก​ยิ่งกว่า​

ฝั่งซ้ายมือ​ของ​อา​เหลียง​ ห่าง​ออก​ไป​สอง​ร้อย​ลี้​ วานร​เฒ่าย้าย​ภูเขา​ตัว​หนึ่ง​ที่​เท้า​เหยียบ​อยู่​บน​กระบี่​บิน​บ่า​แบก​กระบอง​ยาว​ใช้เวท​คาถา​สยบ​กำราบ​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ที่อยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​ ภูเขา​ลูก​นี้​จึงไม่ถึงขั้น​ถูก​ปณิธาน​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​กระเทือน​ให้​ปริ​แตก​

ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​คน​เก่า​ที่​มีชื่อจริง​ว่า​จูเยี่ยน​ผู้​นี้​ยิ้ม​เหี้ยม​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าชาติ​สุนัข​ผู้​นี้​ ใน​เมื่อ​เบื่อ​ที่จะ​มีชีวิต​อยู่แล้ว​ วันนี้​ท่าน​ปู่​ก็​จะส่งเจ้าออกเดินทาง​เอง​ ไป​อยู่​เป็นเพื่อน​ต่ง​ซาน​เกิง​ข้างล่าง​แล้วกัน​ น่าเสียดาย​ที่​ไม่ใช่ขอบเขต​สิบ​สี่ ไม่อย่างนั้น​คุณ​ความชอบ​ของ​ท่าน​ปู่​คง​ใหญ่​กว่า​นี้​”

ห่าง​จาก​ฝั่งขวามือ​ของ​อา​เหลียง​ไป​หลาย​ร้อย​ลี้​คือ​กวาน​เซี่ยง​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ที่​ทั้ง​เส้น​ผม​ขนคิ้ว​และ​ชุด​คลุม​อาคม​ล้วน​เป็น​สีขาว​ มัน​คือ​หนึ่ง​ใน​ราชา​บน​บัลลังก์​คน​ใหม่​เช่นกัน​ เวลานี้​ได้​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ออกมา​แล้ว​ บิด​หมุน​แม่น้ำ​ยาว​หลาย​ร้อย​ลี้​เส้น​หนึ่ง​แล้ว​เอา​มาเชื่อม​ติดกัน​ สุดท้าย​กักกัน​เอาไว้​เป็น​เบาะ​รอง​นั่ง​ขนาดเล็ก​จิ๋ว​ใบ​หนึ่ง​

กวาน​เซี่ยง​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เสียงดัง​กังวาน​กับ​อา​เหลียง​ “น้อง​อา​เหลียง​ มาด​ไม่น้อยลง​จาก​ใน​อดีต​เลย​นะ​ เพียงแต่ว่า​ครั้งนี้​ดูเหมือน​ยาก​จะถูก​เจ้าจูงเดิน​ไป​ได้​อีก​ ไม่อย่างนั้น​ถึงเวลา​นั้น​เจ้าก็​คง​สามารถ​ช่วย​ข้า​นำ​ความ​ไป​บอก​แก่​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ว่า​ เรื่อง​ที่​ข้า​พูดถึง​ตอนที่​เข้าร่วม​การประชุม​ก่อนหน้านี้​ยัง​คงเดิม​”

นั่น​คือ​โน้มน้าว​ให้​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​หันมา​เข้าพวก​กับ​เปลี่ยว​ร้าง​ แต่ง​บุตรสาว​คน​เล็ก​ของ​เขา​มาเป็น​ภรรยา​ แล้วจึง​กลาย​เป็นหนึ่ง​ใน​ราชา​บน​บัลลังก์​คน​ใหม่​อย่าง​ที่​ไม่ต้อง​ลุ้น​อะไร​ ลำดับ​รายชื่อ​ต้อง​สูงมาก​อย่าง​แน่นอน​ กวาน​เซี่ยง​ยินดี​ที่จะ​ยก​ตำแหน่ง​ให้​ ให้​อีก​ฝ่าย​ได้​กลายเป็น​เจ้าประมุข​ของ​ตระกูล​ ทุกวันนี้​อาณาเขต​ขุนเขา​สายน้ำ​ใต้​การปกครอง​ของ​สาย​กวาน​เซี่ยง​ไม่เป็นรอง​ดินแดน​ของ​หนึ่ง​ทวีป​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​แล้ว​ สักวันหนึ่ง​รอ​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​เลื่อน​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​สิบ​สี่แล้ว​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​ได้​ครอง​ใต้​หล้า​ร่วมกับ​เฝ่ย​หรา​น​ก็​เป็นได้​

อา​เหลียง​ยก​นิ้วกลาง​ชูให้​ไกลๆ​

ตา​เฒ่ากวาน​เซี่ยง​ผู้​นี้​ดวงตา​ไร้​แวว​ยิ่งกว่า​เฒ่าตาบอด​เสีย​อีก​ ตน​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ใคร​หล่อเหลา​กว่า​กัน​ก็​ยัง​ไม่รู้​หรือ​?

ปีศาจ​ใหญ่​กวาน​เซี่ยง​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​กัก​ปณิธาน​กระบี่​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่อยู่​ข้าง​กาย​เอาไว้​ ให้​มัน​ล้อ​มวน​อยู่​บน​ปลายนิ้ว​ ถึงกับ​มีภาพ​บรรยากาศ​ประหลาด​ที่​ฟ้าร้อง​ฟ้าแลบ​เกิดขึ้น​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด