กระบี่จงมา 846.1 เผด็จศึกไร้ศัตรู

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 846.1 เผด็จศึกไร้ศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกวันนี้​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่มา​ท่องเที่ยว​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ล้วน​จับกลุ่ม​กัน​มา ผู้คน​สัญจร​ขวักไขว่​ ครึกครื้น​จน​คน​ปรับตัว​ไม่ทัน​ เห็น​ทัศนียภาพ​ทุกแห่ง​ได้​อย่าง​ถ้วน​ทั่ว​ ไม่สิ้น​เปลืองเงิน​แม้แต่​เห​วิน​เดียว​

คาด​ว่า​คง​ต้อง​ยก​คุณ​ความชอบ​ให้​กับ​ชื่อเสียง​ที่​เลื่อง​ระบือ​ไป​ทั่ว​ใต้​หล้า​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​กระมัง​ แต่กลับ​ไม่มีใคร​กล้า​ขยับ​เข้ามา​ใกล้​พื้นที่​แถบ​นี้​ ยาม​ที่​เดินผ่าน​ต่าง​ก็​ขยับ​ไป​ทางหัว​กำแพงเมือง​อีก​ฝั่งหนึ่ง​คล้าย​ตั้งใจ​คล้าย​ไม่ได้​เจตนา​

เวลานี้​มีคน​กำลัง​คาดเดา​แล้ว​ว่า​นั่น​คือ​คู่รัก​บน​ภูเขา​คู่​ใด​ ถึงได้​กล้า​ถึงขั้น​มานั่ง​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ระหว่าง​เว่ย​จิ้น​กับ​เฉาจวิ้น​

อันที่จริง​เฉาจวิ้น​นั้น​ถือว่า​ได้​พึ่งใบบุญ​ของ​เว่ย​จิ้น​ ถึงได้​ถูก​ผู้คน​สงสัย​ใคร่รู้​ใน​สถานะ​ของ​เขา​ ถึงเวลา​นั้น​ก็​หนี​ไม่พ้น​คำพูด​สอง​อย่าง​ หนึ่ง​คือ​ที่แท้​ก็​เป็น​ลูกหลาน​ของ​เซียน​กระบี่​ผู้เฒ่า​เฉาซีแห่ง​หอ​พิทักษ์​มหาสมุทร​ของ​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ ส่วน​อีก​คำกล่าว​หนึ่ง​ ที่แท้​ก็​คือ​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​ก่อน​กำเนิด​ที่​ใน​อดีต​เคย​ถูก​จั่ว​โย่ว​ทำลาย​จิต​แห่ง​กระบี่​จน​แหลก​สลาย​ หรือ​อย่าง​มาก​สุด​ก็​จะถามเพิ่ม​มาเรื่อง​หนึ่ง​ ตอนนั้น​จั่ว​โย่ว​ออก​กระบี่​ครั้งหนึ่ง​หรือ​สอง​ครั้ง​?

ดังนั้น​ใน​ช่วงเวลา​ที่มา​ฝึก​กระบี่​อยู่​ที่นี่​ เฉาจวิ้น​จึงหงุดหงิด​ใจอย่าง​มาก​ ใน​ใจคิด​ว่า​จะดี​จะชั่ว​ข้า​ผู้อาวุโส​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​ตัวจริง​คน​หนึ่ง​ นอกจาก​อยู่​ที่​ซาก​ปรัก​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แห่ง​นี้​แล้ว​ มีที่ใด​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​บ้าง​ที่​ไม่อาจ​ช่วงชิง​ยศ​เซียน​กระบี่​มาได้​?

เฉาจวิ้น​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​ได้​ก็​พูด​กับ​เฉิน​ผิง​อันว่า​ “ใช่แล้ว​ ก่อนหน้านี้​มีนักพรต​พเนจร​คน​หนึ่ง​ บอ​กว่า​เป็น​ท่าน​ลุง​ของ​เจ้า เขา​มาพูดคุย​กับ​ข้า​และ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​สอง​สามคำ​ น้ำเสียง​โอหัง​นัก​ วางมาด​เสีย​ใหญ่โต​ เขา​มีความเป็นมา​อย่างไร​?”

ปี​นั้น​เฉาจวิ้น​เคย​ไป​เยือน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​บ้าน​บรรพบุรุษ​สกุล​เฉาก็​อยู่​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​ เขา​ย่อม​รู้​ถึงพื้นฐาน​ครอบครัว​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ดี​ รู้​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่มีญาติ​ที่ไหน​อีกแล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่ท่าน​ลุง​ของ​ข้า​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​เป็น​ของ​เจ้าถึงจะถูก​ คราวหน้า​พวก​เจ้าได้​พบ​กับ​เขา​อีกครั้ง​ เจ้าก็​เรียก​เขา​อย่างนี้​ รับรอง​ว่า​ไม่มีเรื่อง​ร้าย​อะไร​แน่นอน​ จะเชื่อ​หรือไม่​ก็​ตามใจ​เจ้า”

ต้อง​เป็น​อู๋ซวงเจี้ยง​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​แล้ว​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เขา​หา​เฒ่าหูหนวก​เจอ​หรือไม่​

ใต้​หล้า​นี้​ไม่มีผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่คนใด​ที่​ควร​ไป​มีเรื่อง​ด้วย​ ผู้ฝึก​บำเพ็ญตน​ ยิ่ง​เดิน​ขึ้น​เขา​ได้​สูงเท่าไร​ก็​ยิ่ง​รู้เรื่อง​นี้​ชัดเจน​ดี​

และ​ทุกวันนี้​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เพิ่งจะ​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​เท่านั้น​ หาก​บน​เส้นทาง​การฝึก​ตน​ในอนาคต​อีก​ร้อย​ปี​ยัง​นับว่า​ราบรื่น​ ก็​อาจ​ได้​เลื่อน​เป็น​เซียน​เห​ริน​ หรือ​กลายเป็น​บิน​ทะยาน​ แต่​หาก​จะพูดถึง​โชควาสนา​ใน​การผสาน​มรรคา​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​ ‘ลี้ลับ​มหัศจรรย์​’ นั้น​ กลับ​ไม่มีเบาะแส​แม้แต่น้อย​ นี่​ทำให้​เฉิน​ผิง​อัน​ยิ่ง​รู้สึก​จนใจ​เป็น​ทบ​ทวี​ เพราะ​สามารถ​แน่ใจ​ได้​เลย​ว่า​ บุคคล​อย่าง​เจิ้งจวี​จงและ​อู๋ซวงเจี้ยง​ไม่ใช่คน​ที่จะ​กอด​ขา​พระ​เมื่อ​จวนตัว​ พวกเขา​ต้อง​วางแผน​เตรียมการ​มาตั้งแต่​ตอน​เป็น​ห้า​ขอบเขต​กลาง​ คิด​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​ว่า​เส้นทาง​การผสาน​มรรคา​ควรจะ​เดิน​ไป​อย่างไร​

เฉาจวิ้น​อัดอั้น​นัก​ สอง​คน​นี้​ดูเหมือน​จะชอบ​พูดคุย​กับ​คนอื่น​ด้วย​ลักษณะ​ทำนอง​นี้​ หรือว่า​นักพรต​คน​นั้น​จะเป็น​ญาติห่างๆ​ ของ​เฉิน​ผิง​อัน​จริงๆ​?

เฉาจวิ้น​ถามหยั่งเชิง​ “เจ้าหมอ​นั่น​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​อำพราง​ตัวตน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ไม่ใช่ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ แล้วก็​ไม่ใช่ผู้ฝึก​กระบี่​”

แต่​เจ้าตำหนัก​สุ้ยฉู​แห่ง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ท่าน​นั้น​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่คน​หนึ่ง​ แล้ว​ยัง​ทำ​กระบี่​เลียนแบบ​กระบี่​เซียน​ขึ้น​มาสี่เล่ม​

เฉาจวิ้น​ยิ้ม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ยัง​ต้อง​นับ​ญาติ​กะ​ผายลม​อะไร​กัน​ เป็นเรื่อง​ที่​มีแต่​จะเสียเปรียบ​ ไม่ได้ประโยชน์​เลย​แม้แต่น้อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่สนใจ​ ถึงอย่างไร​บัญชี​ที่​หลอก​เจ้ามากำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ถือว่า​หายกัน​แล้ว​ เป็น​เจ้าเฉาจวิ้น​ที่​ไม่รู้จัก​คว้า​โอกาส​เอาไว้​เอง​

เฉาจวิ้น​หัวเราะ​ร่า​ถามว่า​ “ทุกวันนี้​บน​หัว​กำแพงเมือง​จะต้อง​มีพวก​พี่สาว​เทพธิดา​มาเปิด​บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​กัน​ทุกวัน​ เมื่อ​ครู่​ระหว่าง​ที่​เจ้าเดินทาง​มาก็​น่าจะ​เห็น​แล้ว​ ไม่โกรธ​สักนิด​เลย​หรือ​?”

กลิ่น​เครื่อง​ประทิน​โฉมลอย​ฟุ้ง เสียง​คน​คุย​กัน​เจื้อยแจ้ว​ เจ้าและ​ข้า​แนบชิด​คลอเคลีย​ ท่อง​ภูเขา​เล่น​น้ำ​ ผ่อนคลาย​สบายอารมณ์​ ทุกหน​แห่ง​คือ​ทัศนียภาพ​งดงาม​ เนิบนาบ​สบาย​อุรา​ ผู้ฝึก​กระบี่​มีน้อย​เพียง​หยิบมือ​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​กลับ​มาก​ดุจ​ขน​วัว​

ต่อให้​ก่อนหน้านี้​เฉาจวิ้น​จะไม่เคย​มาเยือน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​มาก่อน​ก็​ยัง​รู้​ว่า​สิ่งเหล่านี้​ขัดต่อ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​ฟ้าดิน​เคย​เต็มไปด้วย​ความ​เคร่งขรึม​ของ​ไอ​สังหาร​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​

เฉาจวิ้น​มอง​สีหน้า​เจ้าหมอ​นี่​ ดู​ไม่เหมือนว่า​จะแสร้ง​ทำเป็น​ไม่ใส่ใจ ใน​ใจเขา​จึงยิ่ง​กังขา​ อดไม่ไหว​ถามว่า​ “ทำไม​ล่ะ​? หาก​ข้า​เป็น​เจ้า รับรอง​ว่า​เจอ​คน​หนึ่ง​ต้อง​ซ้อม​คน​หนึ่ง​ เจอ​สอง​คน​จะอัด​ให้​น่วม​กัน​ทั้งคู่​”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “นี่​ก็​คือ​ความหมาย​ใน​การดำรงอยู่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​”

มีกำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ที่นี่​มานาน​หมื่น​ปี​ ก็​มีความ​สงบสุข​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​นาน​หมื่น​ปี​

เฉาจวิ้น​ถอนหายใจ​หนึ่ง​ที​ สอง​มือ​นวด​คลึง​ข้าง​แก้ม​ ตน​มาช้าไป​แล้ว​ หาก​มาถึงเร็ว​กว่า​นี้​ไม่ต้อง​พลาด​สงคราม​ใหญ่​ครั้งนั้น​ไป​แน่​

เฉิน​ผิง​อัน​หัน​ไปหา​หนิง​เหยา​ ถามว่า​ “เมื่อครู่นี้​เจ้าหมอ​นี่​พูด​เรื่อง​อะไร​ ข้า​ใจลอย​ไป​เล็กน้อย​ ไม่ได้ยิน​จริงๆ​”

พยายาม​อาศัย​ความสัมพันธ์​จาก​การ​ที่​ถูก​มหา​มรรคา​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​สยบ​กำราบ​ หมาย​จะตรวจสอบ​ดู​สถานการณ์​การ​สู้รบ​ของ​พื้นที่​ใจกลาง​ใต้​หล้า​แห่ง​นี้​ น่าเสียดาย​ที่​ต้อง​เหนื่อย​เปล่า​ เพราะ​เมื่อ​ครู่​ทำ​เรื่อง​นี้​อยู่​จึงแบ่ง​สมาธิไป​สนใจ​สิ่งอื่น​ไม่ได้​

หนิง​เหยา​กล่าว​ “เขา​บอ​กว่า​มีคน​แอบ​มาขโมย​เศษหิน​ด้าน​ใต้​หัว​กำแพงเมือง​แถบ​นี้​ เอา​กลับ​ไป​ใต้​หล้า​ไพศาล​”

อันที่จริง​หนิง​เหยา​ไม่ถือสา​เรื่อง​นี้​ เพราะ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ใน​ใจของ​นาง​ก็​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​

ส่วน​อีก​ครึ่งหนึ่ง​นั้น​ เพราะ​เฉิน​ผิง​อัน​ผสาน​มรรคา​กับ​มัน​ ทาง​ฝั่งศาล​บุ๋น​จึงไม่ได้​ตั้ง​กฎ​อะไร​ขึ้น​มาเป็นการ​เฉพาะ​ ไม่มีกฎเกณฑ์​ที่​แน่ชัด​บอ​กว่า​ไม่อนุญาต​ให้​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ต่างถิ่น​ขึ้นไป​บน​หัว​กำแพงเมือง​แถบ​นั้น​ แต่​บอก​ไว้​แค่​สี่คำ​ว่า​ เป็น​ตาย​รับผิดชอบ​กันเอง​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​เดินทางไกล​มาถึงที่​แห่ง​นี้​ต่าง​ก็​รู้​หนัก​เบา​และ​ผลดี​ผลเสีย​ของ​เรื่อง​นี้​ดี​ แน่นอน​ว่า​ไม่มีใคร​กล้า​ไป​หาเรื่อง​ซวย​ใส่ตัว​ที่นั่น​ สวรรค์​เท่านั้น​ที่​รู้​ว่า​ที่นั่น​จะมีตรา​ผนึก​โบราณ​แปลกประหลาด​น่า​เหลือเชื่อ​อะไร​อยู่​หรือไม่​ มีเพียง​เรื่อง​วงใน​เรื่อง​เดียว​ที่​สามารถ​แน่ใจ​ได้​ นั่น​ก็​คือ​หัว​กำแพง​แถบ​นั้น​คล้าย​กับ​จะเป็น​สถานที่​ฝึก​ตน​ของ​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

หนิง​เหยา​ขมวดคิ้ว​ถาม “ทำไม​ศาล​บุ๋น​ถึงไม่สั่งห้าม​เรื่อง​นี้​? ที่นี่​มีอริยะ​ปราชญ์​ที่​มีเทวรูป​อยู่​ด้วย​ไม่ใช่หรือ​?”

นาง​ไม่สนใจ​ ไม่ได้​หมายความว่า​ศาล​บุ๋น​จะสามารถ​แยกแยะ​ไม่ชัดเจน​เช่นนี้​ได้​ ใน​เมื่อ​แยกแยะ​ได้​ไม่ชัดเจน​ แล้ว​ยัง​จะมีหน้า​มาอยู่​ที่นี่​อีก​หรือ​?

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “นี่​คือ​ความเคารพ​อย่างหนึ่ง​ที่​ศาล​บุ๋น​มีต่อ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ของ​พวกเรา​”

หนิง​เหยา​สงสัย​ “หมายความว่า​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เรื่องราว​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ไม่ว่า​จะเล็ก​หรือ​ใหญ่​ล้วน​มอบให้​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เป็น​ผู้จัดการ​ จะปล่อยมือ​ไม่สนใจ​ก็​ตามใจ​ แต่​หาก​ยินดี​จะมาจัดการ​ก็​เชิญจัดการ​ได้​ตามสบาย​”

หนิง​เหยา​พยักหน้า​ พอ​เฉิน​ผิง​อัน​อธิบาย​แบบนี้​ ใน​ใจนาง​ก็​ไม่เหลือ​ความขัดเคือง​น้อย​นิด​นั้น​อีก​

นาง​พลัน​ยื่นมือ​ออกมา​กุมมือ​เฉิน​ผิง​อัน​ไว้​เบา​ๆ

ตอน​ที่อยู่​โรงเตี๊ยม​แล้ว​หนิง​เหยา​เป็น​ฝ่ายเสนอ​ว่า​จะมาที่นี่​เป็นเพื่อน​เขา​ ก็​เพื่อให้​เขา​พอ​จะวางใจ​ได้​บ้าง​ ไม่ใช่ทำให้​เขา​เป็นกังวล​ยิ่งกว่า​เดิม​

เพราะ​นาง​สัมผัส​ได้​ว่า​พอ​มาถึงที่นี่​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ยิ่ง​กลุ้มใจ​มากกว่า​เก่า​

เฉิน​ผิง​อัน​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ “ไม่เป็นไร​ ก็​แค่​ชิน​ที่จะ​นั่ง​เหม่อ​อยู่​ที่นี่​ เปลี่ยน​นิสัย​ไม่ได้​ทันที​ ส่วน​ความกังวล​ส่วน​นี้​ของ​ข้า​ อันที่จริง​ยัง​นับว่า​ดี​ กังวล​มากเกินไป​กับ​ไม่กังวล​เลย​ ระหว่าง​สอง​อย่างนี้​แค่​พบกัน​ครึ่งทาง​ก็​พอ​ ข้า​จะกะ​น้ำหนัก​อย่าง​ระมัดระวัง​”

ก็​เหมือน​อุปสรรค​ทั้งหลาย​ระหว่าง​ความรัก​ชาย​หญิง​ อันที่จริง​อารมณ์​ความรู้สึก​ของ​สตรี​ที่​ทำให้​บุรุษ​มึนงง​ไม่เข้าใจ​นั้น​ เดิมที​ก็​เป็น​หลักการ​เหตุผล​อย่างหนึ่ง​ ยอมรับ​ใน​อารมณ์​นี้​ของ​นาง​แล้ว​ค่อย​ช่วย​คลายอารมณ์​นี้​ให้​นาง​ รอ​ให้​สตรี​เริ่ม​หาย​โมโห​แล้วก็​ค่อย​บอก​เหตุผล​ของ​ตัวเอง​กับ​นาง​ด้วย​น้ำเสียง​และ​จิตใจ​ที่​สงบ​เป็นกลาง​ นี่​ต่างหาก​จึงจะเป็น​เส้นทาง​ที่​ถูกต้อง​ นี่​เรียก​ว่า​ถอย​หนึ่ง​ก้าว​ไป​ครุ่นคิด​ เอา​ความ​รู้เรื่อง​ลำดับ​ก่อน​หลัง​ที่​เรียน​มามาใช้ให้​เกิด​ประโยชน์​ หาก​กระโดด​ข้าม​ขั้นตอน​ก่อนหน้านี้​ไป​ ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​ก็​อย่า​หวัง​เลย​

หนิง​เหยา​หันหน้า​ไป​มอง​หัว​กำแพงเมือง​ครึ่งหนึ่ง​ที่อยู่​ฝั่งตรงข้าม​ ถามว่า​ “หาก​เจ้าถามกระบี่​กับ​คนอื่น​อยู่​ที่นั่น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​สามารถ​งัดข้อ​กับ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ได้​แล้ว​ล่ะ​ หาก​แค่​แบ่ง​แพ้ชนะ​ ต้อง​ยัง​เป็น​ข้า​ที่​แพ้​อย่าง​แน่นอน​ แต่​หาก​กำหนด​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​ห้าม​ออก​ไป​จาก​หัว​กำแพงเมือง​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ลุ้น​แล้ว​ ข้า​รอด​เขา​ตาย​”

จิต​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​ที่​วาง​กระบี่​พาด​ขวาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ขยับ​ไหว​เล็กน้อย​

บทสนทนา​ระหว่าง​หนิง​เหยา​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ ไม่ได้​ใช้เสียง​ใน​ใจ

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​มายิ้ม​กล่าว​ “คุยโว​คง​ไม่ผิดกฎหมาย​กระมัง​?”

เว่ย​จิ้น​หัวเราะ​ร่า​ “ถึงอย่างไร​อยู่​ที่นี่​ ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใคร​ใหญ่​กว่า​คน​นั้น​ก็​มีสิทธิ์​มีเสียง​”

เฉิน​ผิง​อัน​โยน​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​ที่​เพิ่งจะ​ได้มา​ไม่นาน​กา​หนึ่ง​ไป​ให้​เว่ย​จิ้น​ “เว่ยเค่อ​ชิงเป็น​ลูกค้า​หลัก​ลูกค้า​เก่าแก่​ของ​ร้านเหล้า​ข้า​แล้ว​ เมื่อก่อน​เจ้าถูก​คนอื่น​เรียก​ว่า​เป็น​คน​มือเติบ​อันดับ​หนึ่ง​ ทำเอา​ข้า​โมโห​แทบตาย​ แล้วก็​เพราะ​ข้า​ปลีกตัว​มาจาก​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ไม่ได้​ ไม่อย่างนั้น​หนึ่ง​คน​คง​ต้อง​เจอ​หนึ่ง​ถุงกระสอบ​แล้ว​ ใช่แล้ว​ นี่​ไม่ใช่เหล้า​หมัก​ของ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​ทั่วไป​นะ​ ขนาด​ห​ลี่​เซิ่งก็​ยัง​ไม่ได้​ดื่ม​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​ ดังนั้น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ต้อง​ค่อยๆ​ ดื่ม​ ไม่อย่างนั้น​จะเป็นการ​เหยียบย่ำ​สุรา​ดี​ที่​มีราคา​แต่​ไร้​ตลาด​กา​นี้​ไป​เสีย​”

ชีวิต​คน​มีที่ใด​ที่จะ​ขาดแคลน​สุรา​ ขาด​ก็​แต่​สหาย​ที่​ยินยอมพร้อมใจ​จะเลี้ยง​เหล้า​ต่างหาก​

อีก​อย่าง​มีเรื่อง​หนึ่ง​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่เคย​เล่า​ให้​เว่ย​จิ้น​ฟังกับ​ปาก​ตัวเอง​มาก่อน​ ใน​ชีวิต​ของ​เขา​ ครั้งแรก​ที่​ได้​เห็น​มาด​ของ​เซียน​กระบี่​ซึ่งชวน​ให้​คน​เลื่อมใส​ อันที่จริง​ไม่ใช่จาก​อา​เหลียง​ที่​เดินทาง​เคียงข้าง​ไป​ตลอดทาง​ แต่​เป็น​ตอน​อยู่​ที่​จวน​แห่ง​นั้น​ของ​ผี​สาว​สวม​ชุดแต่งงาน​ แล้ว​มีเซียน​กระบี่​จาก​ศาล​ลม​หิมะ​คน​หนึ่ง​ใช้กระบี่​แหวก​ผ่า​ม่าน​ฟ้า เพียงแต่​คำพูด​ประโยค​นี้​วันหน้า​ยัง​มีโอกาส​ เมื่อ​ต่าง​คน​ต่าง​ดื่มเหล้า​บน​โต๊ะ​กัน​จน​เมามาย​แล้ว​ค่อย​พูด​ก็​ยัง​ไม่สาย​

เว่ย​จิ้น​รับ​กา​เหล้า​มา เปิดผนึก​ดิน​และ​กระดาษ​แดง​ออก​ เงยหน้า​ดื่ม​ไป​หนึ่ง​อึก​ ดวงตา​พลัน​เป็นประกาย​วาบ​ พยักหน้า​เอ่ย​ชื่นชม​ว่า​ “ถึงกับ​เป็น​สุรา​ดีจริง​เสีย​ด้วย​!”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่มีเวลา​มาถือสา​คำ​ว่า​ ‘ถึงกับ​’ อะไร​นั่น​ของ​เว่ย​จิ้น​ เขา​รีบ​ยื่นมือ​ออก​ไป​ บังคับ​กระดาษ​แดง​ที่จะ​ลอย​ไกล​ไป​ตาม​ลม​ให้​เข้ามา​อยู่​ใน​มือ​แล้ว​เก็บ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ไม่ลืม​เอ่ย​เสริม​ไป​ว่า​ “หาก​ไม่ถือสา​ ดื่มเหล้า​หมด​แล้ว​ วันหน้า​เอา​กา​เหล้า​ที่ว่างเปล่า​มาคืนให้​ข้า​ด้วย​นะ​”

เว่ย​จิ้น​ถามด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “เจ้ายังมี​เหลือ​อีก​หรือไม่​? ไห​ถัดไป​ข้า​สามารถ​จ่าย​เงิน​ซื้อ​ได้​ เจ้าเรียก​ราคา​มาได้​ตามใจ​ มีกี่​ไห​ข้า​ก็​จะซื้อ​เท่านั้น​ หาก​เงิน​ฝน​ธัญพืช​ไม่พอ​ ข้า​สามารถ​ไป​ยืม​มาจาก​คนอื่น​ได้​”

เฉาจวิ้น​เห็น​แล้ว​น้ำลายสอ​ ถูมือ​ถามว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าปฏิบัติ​อย่าง​ไม่เสมอภาค​เช่นนี้​ ไม่เหมาะสม​กระมัง​? อย่า​ลืม​ล่ะ​ว่า​พวกเรา​สอง​คน​เป็น​คนบ้านเดียวกัน​นะ​ แล้ว​ยัง​เป็น​เพื่อนบ้าน​ที่อยู่​ใน​ตรอก​เดียวกัน​ด้วย​!”

เฉิน​ผิง​อัน​กระตุก​มุมปาก​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​คือ​เค่อ​ชิงของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ข้า​ เจ้าเป็น​ใคร​กัน​? หาก​อยาก​จะขอ​เหล้า​จาก​ข้า​ดื่ม​จริงๆ​ ข้า​มีเหล้า​หมัก​ข้าวเหนียว​ของ​บ้านเกิด​ เจ้าจะเอา​หรือไม่​? อร่อย​นะ​ แล้ว​ยัง​ไม่แพง​ด้วย​ รับรอง​ว่า​เป็น​ของดี​ราคา​ถูก​”

มารดา​มัน​เถอะ​ บัญชี​เก่า​ใน​ตรอก​หนี​ผิง​ปี​นั้น​ ข้า​ยัง​ไม่ได้​ชำระ​กับ​เจ้าเลย​ ถึงกับ​ยัง​มีหน้า​มาพูดว่า​เป็น​เพื่อนบ้าน​เป็น​คนบ้านเดียวกัน​ เซียน​กระบี่​เฉาท่าน​นี้​ช่างขี้หลงขี้ลืม​เสีย​จริง​

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เห็นแก่​ที่​เฉาจวิ้น​เคย​ไป​เยือน​ใบ​ถงทวีป​ เคย​ติดตาม​ศิษย์​พี่​จั่ว​ไป​เฝ้าประตู​ใหญ่​ที่​เชื่อมโยง​ไป​ถึงใต้​หล้า​ห้า​สี ถ้าอย่างนั้น​ภายหลัง​ตอน​อยู่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​จะถือโอกาส​นั้น​เข้าใจผิด​เห็น​ว่า​เขา​เป็น​เซียน​กระบี่​ผู้สืบทอด​บางคน​ของ​ยอดเขา​อี​เซี่ยน​ไป​แล้ว​

เฉาจวิ้น​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “เค่อ​ชิงบน​ภูเขา​จะนับ​เป็น​อะไร​ได้​ มีแต่​พวก​รับเงิน​ไม่ทำงาน​ แน่นอน​ว่า​ข้า​ไม่ได้​พูดถึง​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ของ​พวกเรา​ เฉิน​ผิง​อัน​ มาปรึกษา​กัน​หน่อย​ เจ้าให้​ตำแหน่ง​ผู้​ถวายงาน​ที่​ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แก่​ข้า​ ต่อให้​ลำดับ​จะอยู่​ท้ายสุด​ก็​ไม่เป็นไร​ ยกตัวอย่างเช่น​วันหน้า​ใคร​อยาก​จะเป็น​ผู้​ถวายงาน​ก็​ต้อง​ผ่าน​ด่าน​เฉาจวิ้น​ผู้​ถวายงาน​ลำดับ​สุดท้าย​ไป​ก่อน​ หาก​เรื่อง​นี้​แพร่​ออก​ไป​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวก​เจ้าก็​มีหน้ามีตา​จะตาย​ไป​ ว่า​ไหม​ จะดี​จะชั่ว​ทุกวันนี้​ข้า​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​แล้ว​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ไม่แน่​ว่า​วันพรุ่งนี้​วัน​มะรืน​ข้า​อาจจะ​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ก็ได้​ เอา​เหล้า​กา​หนึ่ง​มาแลก​กับ​ตำแหน่ง​ผู้​ถวายงาน​ เป็น​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​นวด​คลึง​ปลาย​คาง​ “การ​สร้าง​สำนัก​เบื้องล่าง​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ยัง​ขาด​คน​อยู่​จริงๆ​”

เฉาจวิ้น​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ข้อดี​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​ชีวิต​นี้​ของ​ข้า​เฉาจวิ้น​ก็​คือ​ไม่ค่อย​สนใจ​ชื่อเสียง​จอมปลอม​เท่าใด​นัก​ ได้​เป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​สุดท้าย​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ย่อ​มดี​ยิ่งกว่า​!”

เฉิน​ผิง​อัน​โยน​เหล้า​ร้อย​บุปผา​กา​หนึ่ง​ไป​ให้​เฉาจวิ้น​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ตกลง​ตาม​นี้​”

หนิง​เหยา​เอ่ย​เตือน​ “หาก​เจ้ายัง​มอบให้​คนอื่น​แบบนี้​ คง​เก็บ​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​พวก​นั้น​ไว้​ไม่อยู่แล้ว​ล่ะ​ คราวหน้า​สามารถ​แวะ​ไปหา​เฟิงอี๋​อี​กรอบ​ได้​ หา​เหตุผล​สัก​ข้อ​ ยกตัวอย่างเช่น​บอ​กว่า​ยินดีต้อนรับ​ให้​นาง​ไป​เป็น​แขก​ที่​นคร​บิน​ทะยาน​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยัก​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “เหตุผล​ข้อ​นี้​ดี​ คาด​ว่า​คง​ต้อง​ได้มา​อีก​อย่าง​น้อย​ห้า​กา​”

เฉาจวิ้น​พิถีพิถัน​กว่า​เว่ย​จิ้น​มาก​นัก​ เขา​หยิบ​จอก​เหล้า​มาหนึ่ง​ใบ​ ริน​เหล้า​ลง​ไป​ สูด​ดมกลิ่น​ ยก​เหล้า​จิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ ละเลียด​รสชาติ​ของ​สุรา​อยู่​พัก​หนึ่ง​

เขา​ดื่มเหล้า​พลาง​ใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​ “เว่ย​จิ้น​ หนิง​เหยา​เป็น​สตรี​แบบนี้​มาโดยตลอด​หรือ​?”

ไม่ค่อย​เหมือนกับ​หนิง​เหยา​ที่​เล่าลือ​กัน​ว่า​ยาม​อยู่​บน​สนามรบ​สังหาร​ปีศาจ​เป็น​ผัก​ปลา​ นอก​สนามรบ​ก็​ดีแต่​ฝึก​กระบี่​อย่าง​เดียว​ สมกับ​คำ​ว่า​ได้ยิน​ชื่อ​ไม่สู้พบ​หน้า​จริงๆ​

เว่ย​จิ้น​ตอบ​ “ข้า​ไม่รู้​”

เฉาจวิ้น​ยัง​จะถามต่อ​ เว่ย​จิ้น​กลับ​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​รู้​แค่​ว่า​ แทนที่​เจ้าจะใช้เสียง​ใน​ใจแอบ​ถามข้า​ ไม่สู้เปิดปาก​ถามหนิง​เหยา​ไป​ตามตรง​เลย​ดีกว่า​”

จนกระทั่ง​ถึงบัดนี้​ เว่ย​จิ้น​ถึงพลัน​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ที่​อายุ​น้อย​คน​นั้น​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​

นั่น​เป็น​เพราะ​ยาม​ที่​หนิง​เหยา​อยู่​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ นาง​ไม่ค่อย​เหมือน​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​เลย​จริงๆ​ เก็บ​ประกาย​เฉียบคม​ไว้​ภายใน​ คิ้ว​ตา​อ่อนโยน​ บรรยากาศ​รอบ​ตัวอ่อน​จาง ไหน​เลย​จะเหมือน​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ห้า​สี

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ยัง​พื้นดิน​นอก​หัว​กำแพงเมือง​ ปี​นั้น​เคย​ถูก​สหาย​เถาถิงขุดคุ้ย​อย่าง​ละเอียด​มาก่อน​แล้ว​ นั่น​ก็​แสดงว่า​ต้อง​ไม่มีโอกาส​ได้​เก็บตก​ของดี​อีก​แน่นอน​

อีก​ทั้งหลาย​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​ ผู้ฝึก​ตน​ต่างถิ่น​ไปๆ มาๆ​ ใน​บรรดา​นั้น​ย่อม​ไม่ขาด​ยอด​ฝีมือ​ผู้​เร้น​กาย​จาก​โลก​ภายนอก​ บน​สนามรบ​ที่​กว้างขวาง​นอก​หัว​กำแพงเมือง​แห่ง​นี้​ต้อง​ถูก​คน​ขุด​ดิน​ลึก​ลง​ไป​สามฉื่อ​เหมือน​ถูก​ไถคราด​ถูก​หมา​แทะ​ไป​นาน​แล้ว​แน่นอน​

มือหนึ่ง​กุมมือ​หนิง​เหยา​เบา​ๆ อีก​มือหนึ่ง​ยกขึ้น​ชี้ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจแนะนำ​ท่าเรือ​ทั้งหลาย​และ​ประตู​ใหญ่​กุย​ซวี​ให้​นาง​ฟัง อยู่​ที่นี่​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​บุกเบิก​ท่าเรือ​ไว้​สามแห่ง​ได้แก่​ปิ่ง​จู๋ โจ่ว​หม่า​ ตี้​ม่าย​ ทุกวันนี้​ยัง​ขยับขยาย​ไป​ทางทิศใต้​อย่าง​ต่อเนื่อง​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​นคร​ของ​ท่าเรือ​ตี้​ม่าย​ที่​โจว​จื่อ​แห่ง​สำนัก​โม่เป็น​ผู้สร้าง​ที่​ยิ่ง​นาน​ก็​ยิ่ง​กว้างใหญ่​ สูงตระหง่าน​เสียดแทง​เข้าไป​ใน​ชั้น​เมฆ คือ​ทัศนียภาพ​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​พอ​จะมองเห็น​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ตอน​ที่อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​แห่ง​นี้​ ได้ยิน​มาว่า​นคร​แห่ง​นี้​สามารถ​รองรับ​ทหาร​ได้​ถึงสอง​แสน​นาย​ เมื่อ​นคร​ขยาย​กว้าง​ขึ้น​ สุดท้าย​ก็​จะสามารถ​บรรจุ​กองกำลัง​ทหาร​ของ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​จาก​ราชสำนัก​สามแสน​นาย​ รวมถึง​อาวุธ​ที่​นำมา​เพิ่ม​ใน​คลัง​ยุทโธปกรณ์​

นอกจากนี้​ผู้ฝึก​ตน​ของ​สามสาย​สำนัก​โม่และ​ของ​สำนัก​ช่าง ผู้ฝึก​ลมปราณ​รวม​แล้ว​หนึ่ง​หมื่น​สอง​พัน​กว่า​คน​ที่​เชี่ยวชาญ​ด้าน​การ​ก่อสร้าง​ เชี่ยวชาญ​ด้าน​ศาสตร์​กลไก​บน​ภูเขา​ แยกกัน​ไป​พักอาศัย​อยู่​ที่​ท่าเรือ​สอง​แห่ง​ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​สร้าง​นคร​ใหญ่โต​โอฬาร​ที่​สามารถ​เคลื่อนย้าย​ได้​ขึ้น​มาแห่ง​หนึ่ง​

บวก​กับ​ประตู​ใหญ่​เชื่อมโยง​ไป​ถึงกุย​ซวี​สี่แห่ง​ที่​ตั้งอยู่​ไกล​ยิ่งกว่า​อย่าง​เทียน​มู่ เสินเซียง​ ฉิงจีและ​รื่อ​จุ้ย​ บริเวณ​โดยรอบ​ของ​สถานที่​แต่ละ​แห่ง​ล้วน​มีการ​ก่อสร้าง​เกิดขึ้น​ ผู้ฝึก​ตน​ของ​ไพศาล​และ​กองทัพ​ล่าง​ภูเขา​พา​กัน​เคลื่อน​ขบวน​เดินทาง​เข้าสู่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​อย่าง​ไม่ขาดสาย​

เรือ​กระบี่​ เรือข้ามฟาก​ขุนเขา​และ​เรือ​ข้าม​ทวีป​อาศัย​ช่องทาง​ที่​เชื่อมโยง​กับ​กุย​ซวี​ มีเทพ​วารี​คล้าย​ผู้คุ้มกัน​ให้การ​คุ้มครอง​นำ​กองกำลัง​ทัพ​ของ​แต่ละ​แคว้น​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ไป​ส่งยัง​เปลี่ยว​ร้าง​ ใน​อดีต​มีเพียง​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ถึงจะข้าม​ผ่าน​สอง​ใต้​หล้า​ได้​ ทุกวันนี้​กลับ​ไม่ใช่เรื่อง​น่า​ประหลาดใจ​แม้แต่น้อย​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด