กระบี่จงมา 847.1 สองคนเคียงข้าง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 847.1 สองคนเคียงข้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมที​ฤดูกาล​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​กับ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​ตรงกันข้าม​กัน​พอดี​ ที่นี่​กลางวัน​ที่นั่น​กลางคืน​ ที่นี่​ฤดูร้อน​ที่นั่น​ฤดูหนาว​ เพียงแต่ว่า​ทุกวันนี้​สอง​ใต้​หล้า​เชื่อมโยง​กัน​ค่อน​ข้างมาก​ ภาพ​ปราก​ฎการณ์​ธรรมชาติ​จึงมีความคลาดเคลื่อน​อย่าง​ที่​ยาก​จะสังเกต​ได้​

เฉิน​ผิง​อัน​ควัก​เหล้า​หมัก​ของ​ร้าน​บ้าน​ตัวเอง​ออกมา​หนึ่ง​กา​ สัมผัส​ได้​ถึงการเคลื่อนไหว​อัน​เล็ก​ละเอียด​ของ​ปราก​ฎการณ์​ฟ้าดิน​ได้​อย่าง​เฉียบ​ไว​ ดูเหมือนว่า​หิมะ​กำลังจะ​ตก​ หันหน้า​มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​หัว​กำแพงเมือง​ฝั่งขวามือ​ สถานที่​ผสาน​มรรคา​ ไม่มีใคร​แม้แต่​คนเดียว​

หาก​อยู่​ที่นี่​เพิ่ม​อีก​สามสี่วัน​ก็​คือ​หนึ่ง​คน​กับ​อีก​ครึ่ง​กำแพง​ ได้​พบ​ท่าน​อีกครั้ง​ยาม​หิมะ​ร่วงหล่น​

ดื่มเหล้า​ไป​พลาง​ อยู่ดีๆ​ ก็​นึกถึง​ประโยค​หยอกล้อ​ประโยค​หนึ่ง​ของ​ชุยตง​ซาน​ ใน​สายตา​ของ​คน​บางคน​ โลก​มนุษย์​คือ​นคร​ที่ว่างเปล่า​

เฉิน​ผิง​อัน​ทอดสายตา​มอง​ไป​ไกล​อีกครั้ง​ ต่อให้​จะถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​เป็น​การกระทำ​ที่​เปลือง​แรง​เปล่า​ แต่​ก็​ยัง​อด​หันไป​มอง​หลาย​ที​ไม่ได้​

ไม่รู้​ว่า​อา​เหลียง​ออก​กระบี่​เป็น​อย่างไรบ้าง​ แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​ศิษย์​พี่​จั่ว​ไป​ถึงสนามรบ​แล้ว​หรือยัง​

ใน​พื้นที่​ใจกลาง​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​

อันที่จริง​ขุนเขา​สายน้ำ​หมื่น​ลี้​ต่าง​ก็​กลายเป็น​สมรภูมิ​รบ​หมด​แล้ว​

การ​ล้อม​ฆ่าอันตราย​ครั้งหนึ่ง​ที่​ลำพัง​เพียงแค่​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่ก็​มีสอง​คน​แล้ว​ แต่​คน​ที่​ถูก​ล้อม​ฆ่ากลับ​ได้เปรียบ​ใน​ทุก​ด้าน​

มังกร​เพลิง​ตัว​หนึ่ง​ที่เกิด​จาก​การ​จำแลง​ของ​ปณิธาน​กระบี่​ลอยตัว​อยู่​สูงกลางอากาศ​ บินวน​เป็น​วง​ๆ เหมือน​งูขดตัว​ แสงไฟสาด​สะท้อน​ไป​ทั่ว​รัศมี​พัน​ลี้​ประหนึ่ง​ตกลง​สู่กระถาง​ไฟ

ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​นี้​ก็ได้​สร้างภาพ​บรรยากาศ​ที่​เจียว​และ​มังกร​ป่าเถื่อน​อย่าง​สมชื่อ​

บน​พื้นดิน​กลับ​มีกระจก​สีทอง​ส่องแสง​แวววาว​ ริ้ว​คลื่น​แผ่​กระเพื่อม​เป็น​ระลอก​ ตัวอักษร​นับ​ล้าน​ตัว​ล่องลอย​อยู่​ภายใน​ ตัวอักษร​ทุก​ตัว​คล้าย​กับ​เป็น​ท่าเรือ​แห่ง​หนึ่ง​

การ​จำแลง​บน​วิถี​กระบี่​ของ​คน​ผู้​หนึ่ง​ พลัง​ชีวิต​เปี่ยมล้น​ บน​ฟ้ามีเปลวเพลิง​ บน​พื้นดิน​มีสายน้ำ​

ซิน​จวง​เคียดแค้น​อา​เหลียง​ที่​ลงมือ​อำมหิต​ผู้​นี้​อย่าง​หนัก​ นาง​เรียก​สมบัติ​หนัก​ชิ้น​หนึ่ง​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ออกมา​โดยตรง​ คือ​คัมภีร์​กระบี่​ที่​เขียน​ด้วย​ตัวอักษร​งดงาม​ซึ่งดำรงอยู่​มาอย่าง​ยาวนาน​ มีชื่อว่า​ ‘งูเขียว​ใน​กล่อง​’ น่าเสียดาย​ที่​ถือว่า​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​ซึ่งหาก​ใช้แล้ว​จะหมดค่า​ทันที​

มือหนึ่ง​ของ​นาง​ทำ​มุทรา​ อีก​มือหนึ่ง​ถือ​แกน​ม้วน​ภาพ​ สะบัด​กาง​ม้วน​ภาพ​ออกมา​ พริบตา​นั้น​ก็​มีผู้ฝึก​กระบี่​ชุด​เขียว​สามพัน​คน​ขี่​กระบี่​พร้อมใจกัน​กระโจน​ออกมา​จากม้วน​ภาพ​อย่าง​พร้อมเพรียง​ เป็น​ขบวน​ที่​ยิ่งใหญ่​เอิกเกริก​ ค่าย​กล​กระบี่​ประหนึ่ง​น้ำท่วม​ทำนบ​ที่​กรู​กัน​มาสังหาร​อา​เหลียง​

ท่ามกลาง​ฟ้าดิน​ที่​พลัง​อำนาจ​ยิ่งใหญ่​เกรียงไกร​แห่ง​นี้​ บุรุษ​คน​หนึ่ง​ที่​เรือน​กาย​ไม่สูง ใช้สอง​มือถือ​กระบี่​ เรือนร่าง​พุ่ง​ทะยาน​รวดเร็ว​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​ แต่ละครั้ง​ล้วน​เหยียบ​อยู่​บน​ท่าเรือ​ตัวอักษร​ กระโดด​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ที​ก็​เท่ากับ​เป็น​การหด​ย่อ​พื้นที่​ซึ่งเป็น​ความสามารถ​ประจำตัว​อย่างหนึ่ง​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ ในขณะที่​พลิกตัว​กลับไปกลับมา​ กระบี่​คู่​ที่อยู่​กลางอากาศ​ก็​ลาก​เอา​แสงกระบี่​แวววาว​สอง​สีจำนวน​นับไม่ถ้วน​ออกมา​กลางอากาศ​ เป้าหมาย​ที่​พุ่ง​ไป​สังหาร​ก็​คือ​หุ่นเชิด​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ประหนึ่ง​หน่อไม้​ฤดูใบไม้ผลิ​ซึ่งแตกหน่อ​หลัง​ฝนตก​

ใน​ค่าย​กล​กระบี่​ ตรง​ลำคอ​ ตรง​เอว​ของ​หุ่นเชิด​ผู้ฝึก​กระบี่​ทุก​ตน​ล้วน​ถูก​อา​เหลียง​ที่​ถือ​กระบี่​ซึ่งคล้าย​จะเอาแต่​ฟาดฟัน​มั่วซั่ว​ปล่อยแสง​กระบี่​สอง​เส้น​หนึ่ง​เขียว​หนึ่ง​ม่วง​ปาด​ผ่าน​ไป​ บ้าง​ก็​หัว​กลิ้ง​หลุนๆ​ บ้าง​ก็​ถูก​ฟัน​เอว​ขาด​ครึ่ง​ท่อน​

เห็น​เพียง​ว่า​อา​เหลียง​ผู้​นั้น​ก้มหัว​วิ่ง​ตะบึง​ด้วย​ท่าทาง​สนุกสนาน​สุดขีด​ บางครั้ง​ยัง​บิด​ตัว​ปาด​กระบี่​ออกมา​ใน​แนว​ขวาง​ ใช้แสงกระบี่​พร่างพราว​ซัด​ผู้ฝึก​กระบี่​หลาย​ตน​ที่อยู่​รอบด้าน​จน​แหลก​เละ​ทั้งหมด​

ออก​กระบี่​ตามใจ​ปรารถนา​ ทั้งๆ ที่​ไม่มีระเบียบ​กฎเกณฑ์​ใดๆ​ ให้​พูดถึง​ แต่กลับ​มีปณิธาน​ดุจ​เมฆคล้อย​น้ำ​ไหล​เช่นนั้น​

ผลลัพธ์​สุดท้าย​บน​สนามรบ​ แทบจะ​เป็นการ​บดขยี้​สังหาร​ที่​ถือ​ไพ่​เหนือกว่า​อย่าง​สิ้นเชิง​

หุ่นเชิด​ยันต์​สามพัน​ตน​ที่​เทียบ​เท่ากับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ห้า​ขอบเขต​กลาง​

ไม่มาก​พอ​จะฆ่าคน​คน​หนึ่ง​

พวก​แม่นาง​อายุ​น้อย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ส่วนใหญ่​ล้วน​ไม่เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​พวก​ผู้อาวุโส​หญิง​ทั้งหลาย​ถึงได้​ชื่นชอบ​บุรุษ​เนื้อตัว​มอมแมม​ ตัว​ไม่สูง เจ้าเล่ห์​กลิ้งกลอก​ นิสัย​ก็​แย่​แสน​แย่​ ไม่ใกล้เคียง​กับ​คำ​ว่า​หล่อเหลา​สง่างามเลย​แม้แต่น้อย​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ แล้ว​ยัง​จะชอบ​อา​เหลียง​ไป​ทำไม​?

สตรี​หลาย​คน​ที่​ออกเรือน​เป็น​ภรรยา​ของ​ผู้อื่น​นาน​แล้ว​ ส่วนใหญ่​มักจะ​ทำ​เพียง​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​ สตรี​ที่​พอ​จะมีความอดทน​มาก​หน่อย​ถึงจะเอ่ย​ประโยค​ที่​ความหมาย​ไม่ต่างกัน​สัก​เท่าไร​เหมือนกัน​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย​ พวก​เจ้าไป​ถึงสนามรบ​ก็​จะรู้​คำตอบ​เอง​

ขณะเดียวกัน​นั้น​ โหร​ว​ถีก็ได้​ปลด​กวาน​ดอกบัว​บน​ศีรษะ​ลงมา​เรียบร้อย​แล้ว​ กวาน​เต๋า​ชิ้น​นี้​คือ​ฝีมือ​ชิ้น​ใหญ่​ของ​อดีต​ปีศาจ​บน​บัลลังก์​หวง​หลวน​ เลียนแบบ​กวาน​ดอกบัว​ของ​ลู่​เฉิน​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง โหร​ว​ถีถือ​กวาน​เต๋า​ไว้​ใน​มือ​แล้ว​โยน​ไป​กลางอากาศ​เบา​ๆ

ดอกบัว​แต่ละ​กลีบ​หลุด​ออกมา​ด้วยตัวเอง​ ตอนที่​กลีบ​ดอกไม้ร่วง​ลงพื้น​ก็ได้​กลายเป็น​เจิน​เห​ริน​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงคน​แล้ว​คน​เล่า​ รวม​แล้ว​แปด​คน​ แต่ละคน​ได้​ครอบครอง​พื้นที่​แห่ง​หนึ่ง​ เหยียบ​อยู่​บน​ผัง​ทำนาย​แถบ​หนึ่ง​พอดี​ (ผัง​ทำนาย​มาจาก​คำ​ว่า​ปาก​ว้า​ หนึ่ง​ผัง​จะมีแปด​ช่อง​)

แต่​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ของ​เลียนแบบ​ อย่าง​มาก​สุด​เกา​เจิน​ลัทธิ​เต๋า​พวก​นี้​ก็​ประคับประคอง​ตัว​อยู่​ได้​แค่​หนึ่ง​ก้านธูป​เท่านั้น​

แต่​หนึ่ง​ก้านธูป​นั้น​มาก​พอ​จะเปลี่ยนแปลง​สถานการณ์​การ​สู้รบ​แล้ว​ หุ่นเชิด​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ถูก​สอง​กระบี่​ของ​อา​เหลียง​สังหาร​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​พา​กัน​บิน​เข้าไป​ใน​ประตู​แห่ง​ความตาย​ของ​ปาก​ว้า​ จากนั้น​สร้าง​ค่าย​กล​ขึ้น​มาใหม่​แล้ว​ขี่​กระบี่​ออก​มาจาก​ประตู​เกิด​

มหา​มรรคา​ลี้ลับ​ สู่ความตาย​แล้ว​ถือกำเนิด​

ฉวยโอกาส​ตอนที่​เจ้าชาติ​สุนัข​ผู้​นั้น​ยัง​ปลีกตัว​ออกมา​ไม่ได้​ จูเยี่ยน​เผย​ร่าง​จริง​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ มือหนึ่ง​ถือ​กระบอง​ยาว​ ทุกครั้งที่​ยก​ภูเขา​ขยับ​ก้อนหิน​ล้วน​รวดเร็ว​ว่องไว​เหมือน​กระบี่​บิน​ขนาดใหญ่​ยักษ์​ที่​พา​กัน​บิน​เข้าหา​เรือน​กาย​นั้น​

ขณะเดียวกัน​บรรพ​จารย์​ย้าย​ขุนเขา​ท่าน​นี้​ก็​ยกมือ​อีก​ข้างขึ้น​มา ร่าย​วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​ สอง​แขน​เหมือน​แส้ที่​ฟาด​โบย​ใส่กลุ่ม​ภูเขา​ ห้า​นิ้ว​เป็น​เชือก​ที่​เคลื่อนย้าย​ก้อนหิน​นับ​หมื่น​ ประหนึ่ง​รถ​ขว้าง​หิน​นับ​พัน​นับ​หมื่น​คัน​ที่​ร่วมแรง​กัน​โจมตีเมือง​

จูเยี่ยน​หัวเราะ​ฮ่าๆ พลาง​เอ่ย​ว่า​ “อา​เหลียง​ ท่าน​ปู่​ช่วย​เพิ่ม​ความสนุก​ให้​เจ้าเช่นนี้​ ตาย​ไป​จะขอบคุณ​ข้า​อย่างไร​?”

ยิ่ง​มีปีศาจ​ใหญ่​กวาน​เซี่ยง​ที่​ขึ้นชื่อว่า​มีเวท​คาถา​มากมาย​หลากหลาย​ วิชา​อภินิหาร​ยิ่งใหญ่​ นิ้วชี้​ไป​ก็​มีกองทัพ​หยิน​เดิน​ทางข้าม​ผ่าน​ดินแดน​ ภูเขา​ปริ​ร้าว​ ขยับ​ปาก​เป่า​ลม​ เมฆรวมตัว​เมฆสลาย​ ควัน​ดำ​กลิ้ง​หลุนๆ​ ปราณ​ชั่วร้าย​เข้มข้น​ถึงขีดสุด​

กวาน​เซี่ยง​กลับ​ไม่ชอบ​โหวกเหวก​โวยวาย​เหมือน​บรรพบุรุษ​ย้าย​ภูเขา​ อีก​ทั้ง​สีหน้า​ยัง​จริงจัง​มากกว่า​หลาย​ส่วน​ เขา​เหลือบตา​มอง​น้ำวน​ประหลาด​บน​ม่าน​ฟ้าที่​เหมือนกับ​กระบี่​ยาว​ไร้​รูปลักษณ์​ซึ่งลอย​ค้าง​อยู่​ไม่หล่น​ลงมา​ ท่ามกลาง​ความ​มืดมิด​ที่​มองไม่เห็น​ กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​นั้น​ของ​อา​เหลียง​ก็​ยิ่ง​เหมือน​ทวยเทพ​ที่​…เดินทางไกล​ไป​ท่องเที่ยว​นอก​ฟ้า

ถึงอย่างไร​ซิน​จวง​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​บังคับ​ม้วน​ภาพ​ใน​มือ​ ปล่อย​ให้​มัน​ลอย​อยู่​ตรงหน้า​ตัวเอง​ นาง​มอง​ม่าน​ฟ้าและ​พื้นดิน​ “อา​เหลียง​อาละวาด​สร้างภาพ​ปราก​ฎการณ์​ฟ้าดิน​เช่นนี้​ขึ้น​มา มีความหมาย​ตรง​ใด​?”

โซ่วเฉิน​เป็น​ผู้ให้​คำตอบ​ “การต่อสู้​ยิ่ง​น่าดู​กว่า​เดิม​ไงล่ะ​ หาก​ใช้คำพูด​ของ​เขา​ก็​คือ​หาก​ต่อสู้​กัน​แล้ว​ไม่มีคน​โห่ร้อง​ให้กำลังใจ​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ก็ช่าง​เงียบเหงา​เกินไป​”

ระหว่าง​ที่​อา​เหลียง​เงื้อ​กระบี่​ฟาดฟัน​อุตลุด​ได้​เหลือบมอง​กระบี่​ยาว​สอง​เล่ม​ใน​มือ​ไป​ด้วย​ ทนไม่ไหว​อีก​เล่ม​หนึ่ง​แล้ว​ กระบี่​คู่​กระทบ​กัน​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​เหมือน​ตอน​ใช้ถ้วย​เหล้า​ชน​กับ​ถ้วย​ของ​คนอื่น​นับไม่ถ้วน​บน​โต๊ะ​สุรา​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ใน​อดีต​

กระบี่​สอง​เล่ม​หักออก​เป็น​สี่ท่อน​ แบ่ง​กัน​พุ่ง​ไป​ยัง​สี่ทิศ​ของ​ฟ้าดิน​

ส่วน​หุ่นเชิด​กระบี่​ชุด​เขียว​อะไร​ กลุ่ม​ภูเขา​หมื่น​ก้อนหิน​เหมือน​กระบี่​บิน​อะไร​ อยู่​ต่อหน้า​เขา​หนึ่ง​คน​สอง​กระบี่​แล้วก็​ล้วน​เป็น​เพียง​ภาพลวงตา​ที่​เทียบ​ไม่ได้​แม้แต่​กระดาษ​เปียก​

ไม่ใช่ว่า​ปีศาจ​ใหญ่​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​พลัง​สู้รบ​อ่อนด้อย​ เวท​คาถา​วิชา​อภินิหาร​เหมือน​กระดาษ​เปียก​ สมบัติ​หนัก​อาวุธ​เซียน​ไม่ได้เรื่อง​ ตรงกันข้าม​กัน​เลย​ด้วยซ้ำ​ หาก​จะพูดถึง​พลัง​การต่อสู้​ส่วนตัว​ ว่า​กัน​โดยปกติ​ทั่วไป​แล้ว​ ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​พลัง​การ​สู้รบ​สู้ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ไม่ได้​ แต่​เป็น​เพราะ​วันนี้​คน​ที่​ถูก​ล้อม​ฆ่าเป็น​ข้อยกเว้น​เกินไป​จริงๆ​

แน่นอน​ ไม่ว่า​จะเป็น​ใต้​หล้า​แห่งใด​หาก​ใคร​ได้​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ โดยเฉพาะ​พวก​คน​ที่​มีหวัง​ว่า​จะเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​ ก็​ล้วน​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​บน​ยอดเขา​ที่​ตอแย​ได้​อย่าง​ยาก​ถึงที่สุด​เหมือนกัน​หมด​โดย​ไม่มีข้อยกเว้น​ ยกตัวอย่างเช่น​อดีต​ราชา​บน​บัลลังก์​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ เจ้าอาราม​ดอกบัว​ที่​ตาย​ด้วย​น้ำมือ​ของ​ต่ง​ซาน​เกิง​ ไม่ว่า​จะเป็น​เรือน​กาย​หรือ​มรรค​กถา​ก็​ล้วน​แข็งแกร่ง​อย่าง​ถึงที่สุด​ ในความเป็นจริง​แล้ว​ไม่ว่า​จะเป็นอดีต​ราชา​บน​บัลลังก์​คนใด​ก็ตาม​ ล้วน​ไม่ใช่ตะเกียง​ขาด​น้ำมัน​ ผล​คือ​คู่ต่อสู้​ของ​พวกเขา​นอกจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​แล้ว​ ยังมี​ป๋า​ย​เห​ย่​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยังมี​โจว​มี่มหาสมุทร​ความรู้​ซึ่งถือว่า​เป็น​คน​ของ​ฝ่าย​ตัวเอง​ด้วย​

ส่วน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ นอกจาก​พวก​ฝูลู่​อวี๋​เสวียน​ เทียน​ซือ​ใหญ่​แห่ง​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ของ​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​แล้ว​ อีก​แปด​ทวีป​ที่​เหลือ​ ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ที่​คู่ควร​กับ​คำ​ว่า​ ‘ยอดเขา​’ กลับ​มีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​ ล้วน​เป็น​บุคคล​ที่​เป็น​ผู้นำ​ของ​หนึ่ง​ทวีป​อย่าง​สมชื่อ​ มีเฉิน​ฉุน​อัน​แห่ง​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ที่​บน​บ่า​แบก​ตะวัน​จันทรา​ ฮว่อ​หลง​เจิน​เห​ริน​แห่ง​อุตรกุรุทวีป​ที่​เชี่ยวชาญ​ทั้ง​เวท​น้ำ​และ​คาถา​ไฟ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ฮว่อ​หลง​เจิน​เห​ริน​ยัง​เป็น​เทียน​ซือ​ใหญ่​ต่าง​แซ่ของ​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​มานาน​หลาย​ปี​ ฝีมือ​ด้าน​วิชา​อสนี​ของ​เขา​เป็น​อย่างไร​ แค่​คิด​ก็​พอ​จะรู้​ได้​ นอกจากนี้​ก็​เป็น​หลิว​จวี้​เป่า​แห่ง​ธวัล​ทวีป​ที่​เก็บงำ​อำพราง​ที่สุด​ เคย​ต่อสู้​กับ​คนอื่น​น้อย​ครั้ง​ อีก​ทั้ง​ยัง​เอาแต่​ขว้าง​สมบัติ​ใส่คนอื่น​

อา​เหลียง​ใช้กระบี่​หัก​ชักนำ​ลำธาร​วิถี​กระบี่​สี่เส้น​ให้​ลอย​พาด​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ บ่อน้ำ​ปรากฏ​บน​ผืน​ฟ้า สี่น้ำ​รวม​อยู่​ใน​ที่​เดียว​

อา​เหลียง​ชัก​กระบี่​ยาว​สอง​เล่ม​ออก​มาจาก​เอว​อีกครั้ง​

โชคดี​ที่​ครา​นี้​ข้า​หวนคืน​ไพศาล​ แล้ว​ได้​ไป​ยืม​กระบี่​จาก​คนอื่น​มาค่อน​ข้างมาก​

เซียน​เห​ริน​ลัทธิ​เต๋า​แปด​คน​ที่​ก่อเกิด​จาก​กวาน​ดอกบัว​พลัน​เงยหน้า​ขึ้น​ ใน​คลอง​จักษุ​เห็น​เพียง​ว่า​มีกำแพง​น้ำ​สูงพัน​จั้งปรากฏ​ขึ้น​มา น้ำ​ซัด​เชี่ยวกราก​ทะลักทลาย​มาถึง ล้วน​เกิด​จาก​การ​จำแลง​ของ​ปณิธาน​กระบี่​ทั่ว​ทั้ง​ร่าง​ของ​คน​ผู้​นั้น​

แสงกระบี่​เฉียบคม​เส้น​หนึ่ง​พุ่ง​ทะลุ​กำแพง​สูงของ​ปณิธาน​กระบี่​แถบ​นี้​ไป​ คือ​จางลู่​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ที่​เป็น​ผู้​บังคับ​กระบี่​

ต่าวอิ่ง​ จือ​หลี​ กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​สอง​เล่ม​

วิชา​อภินิหาร​แห่ง​ชะตาชีวิต​สอง​อย่าง​ทับซ้อน​กัน​จึงทำให้​จิต​หยิน​ที่​ออกจาก​ร่าง​ของ​จางลู่​กลายเป็น​อีก​ฝ่าย​ เจอ​กับ​ผู้​แข็งแกร่ง​ก็​จะแข็งแกร่ง​ มีพลัง​พิฆาต​สูสีซึ่งไม่เป็นรอง​ให้​กับ​ศัตรู​ผู้​แข็งแกร่ง​ได้​ใน​ระยะเวลา​สั้น​ๆ

ศึก​สิบ​สามที่​ปี​นั้น​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ส่งคน​ออกมา​ประลอง​กับ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เป็น​คู่​ คู่ต่อสู้​ของ​จางลู่​ เดิมที​หาก​อิง​ตาม​การอนุมาน​ คือ​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ฉงกวง​ ดังนั้น​จางลู่​จึงลงสนาม​เพื่อ​หวัง​แลก​ชีวิต​ จางลู่​ไม่สนใจ​เรื่อง​นี้​แม้แต่น้อย​ การประชุม​บน​หัว​กำแพงเมือง​ใน​ตอนนั้น​ เขา​ถามแค่​เรื่อง​เดียว​ สามารถ​เปลี่ยน​กฎ​ได้​หรือไม่​ คน​ที่​ตัดหัว​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​แล้ว​รบ​ตาย​ จะขอให้​สหาย​ช่วย​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพง​ได้​หรือไม่​

สหาย​คน​นั้น​ก็​คือ​อา​เหลียง​

อันที่จริง​วิชา​อภินิหาร​ของ​กระบี่​บิน​ที่​คล้ายคลึง​กับ​ของ​จางลู่​นี้​ ก็​คือ​เหตุผล​หลัก​ที่ว่า​ทำไม​ลู่​จือ​ถึงสามารถ​ไล่​ฆ่าหลิว​ชาได้​ นาง​ไม่เสียดาย​ชีวิต​และ​มหา​มรรคา​แม้แต่น้อย​ ยินดี​ใช้ชีวิต​แลก​อาการ​บาดเจ็บ​เพื่อ​ถ่วง​รั้ง​ฝีเท้า​ของ​หลิว​ชาเอาไว้​ ฝีเท้า​ที่ว่า​นี้​ เป็น​ทั้ง​ฝีเท้า​ที่​เร่งรุด​เดินทาง​ไป​ยัง​ฝูเหยา​ทวีป​ของ​หลิว​ชา และ​ยิ่ง​เป็น​ฝีเท้า​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ที่​เดิน​ขึ้น​สู่ยอด​สูงสุด​ของ​วิถี​กระบี่​

และ​หลังจากที่​หลิว​ชาออก​กระบี่​สังหาร​ป๋า​ย​เห​ย่​แล้ว​ ยัง​คิด​จะไป​ปล่อยแสง​กระบี่​ที่​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ด้วย​

อา​เหลียง​ถือ​กระบี่​สอง​มือ​ ฟาด​กระบี่​ฟัน​ใส่จางลู่​สหาย​รัก​ใน​วันวาน​ที่​เข้ามา​ประชิดตัว​อุตลุด​

กระบี่​ยาว​ตวัด​ฉวัดเฉวียน​ แสงกระบี่​สาด​ยิง​ ประกายไฟ​สาด​กระจาย​นับไม่ถ้วน​

จางลู่​เอ่ย​ “แบ่ง​เป็น​ตาย​?”

อา​เหลียง​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ต้อง​ให้​เจ้าตัดสินใจ​เอง​แล้ว​!”

ร่าง​ของ​จางลู่​พลัน​ถูก​แม่นาง​น้อย​มัด​ผมแกละ​สอง​ข้าง​พุ่งชน​จน​กระเด็น​ออก​ไปนอก​สนามรบ​โดยตรง​

ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​สิบ​สี่ เซียว​สวิ้น​

เซียว​สวิ้น​โบกมือ​ “จางลู่​เจ้าอย่า​เพิ่ง​รีบร้อน​พา​ตัว​มาตาย​”

เซียว​สวิ้น​มอง​เจ้าคน​ที่​หยุด​ออก​กระบี่​ตาม​ไป​ด้วย​ นาง​เอ่ย​ว่า​ “อา​เหลียง​ ทุกวันนี้​ขอบเขต​ของ​ข้า​สูงกว่า​เจ้าหนึ่ง​ขั้น​ ทั้ง​ยังอยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ต้อง​ต่อสู้​กัน​อย่างไร​ถึงจะถือว่า​ยุติธรรม​?”

อา​เหลียง​เงียบ​ไม่ตอบ​ เพียงแค่​มอง​อดีต​อิ่น​กวาน​ที่​ดูเหมือนว่า​จะไม่เติบโต​ไป​ตลอดกาล​ผู้​นี้​

เซียว​สวิ้น​มอง​บุรุษ​ที่​ค่อนข้าง​ไม่คุ้นเคย​ผู้​นี้​ นาง​พลัน​รู้สึก​เสียใจ​เล็กน้อย​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​

หาก​เป็น​ใน​อดีต​ อา​เหลียง​จะต้อง​ยิ้ม​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ ยืน​นิ่ง​ไม่ขยับ​ให้​ข้า​ฟัน​ถึงจะถือว่า​ยุติธรรม​

ตอนนี้​กลับ​ไม่เป็น​อย่างนั้น​แล้ว​

มีเพียง​การ​พบ​เจอกัน​บน​ทางแคบ​ที่​ไม่มีสุรา​ให้​ดื่ม​อีกแล้ว​

ชูเซิงบรรพบุรุษ​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ใช้สอง​มือ​ค้ำ​ยัน​ไม้เท้า​ ยังคง​โคจร​วิชา​อภินิหาร​ใหญ่​เคลื่อนย้าย​ดวงดาว​อย่าง​เงียบเชียบ​

เป้าหมาย​ที่​เล่นงาน​ แน่นอน​ว่า​คือ​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​นั้น​ของ​อา​เหลียง​

เฝ่ย​หรา​น​เอ่ย​สัพยอก​ “ดูเหมือนว่า​ตอนนี้​จะยัง​ทำ​อะไร​อา​เหลียง​ไม่ได้​ ระดับ​ความ​รู้ใจ​ใน​การ​ร่วมมือ​กัน​ของ​พวกเรา​ยัง​สู้กลุ่ม​ของ​แผนภูมิ​ฟ้าไม่ได้​”

ชูเซิงหัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “กระดาษ​ขาว​แผ่น​หนึ่ง​เขียน​ลง​ไป​ได้​ง่าย​ที่สุด​ ขนาด​เด็ก​ยัง​สามารถ​ขีดเขียน​ได้​ตามใจชอบ​ ม้วน​ภาพ​หนึ่ง​ม้วน​มีบทกลอน​มีตราประทับ​นับไม่ถ้วน​ เหมือน​เป็นโรค​ขี้เรื้อนกวาง​ที่​เกลื่อน​เต็มไปหมด​ แล้​วจะ​ยัง​ให้​คน​จรด​พู่กัน​อีก​ได้​อย่างไร​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​มีทั้ง​ข้อดี​และ​ข้อเสีย​”

ผู้เฒ่า​สีหน้า​เป็นธรรมชาติ​ มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​สถานการณ์​การ​สู้รบ​ แล้ว​พูด​ขึ้น​คล้าย​ให้​ข้อสรุป​แบบ​ตอก​ปิด​ฝาโลง​ว่า​ “อันที่จริง​ก็​ไม่ได้​แย่​ขนาด​นั้น​ ใน​เมื่อ​อา​เหลียง​ผู้​นี้​ขอบเขต​ถดถอย​ เขา​ก็​แค่​เกือบจะ​ไร้​เทียมทาน​เท่านั้น​ แต่​แล้ว​จะอย่างไรเล่า​ ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ไม่ใช่ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด