กระบี่จงมา 851.3 เฉินสืออี

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 851.3 เฉินสืออี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใน​สายตา​ของ​เด็กชาย​เวลา​นั้น​ค่อยๆ​ ส่อง​ประกาย​สดใส​ สว่าง​เจิดจ้า​จน​ราวกับว่า​ดวงตา​คู่​หนึ่ง​มีทั้ง​ดวงตะวัน​และ​จันทรา​อยู่​ใน​นั้น​

เด็ก​จาก​ตรอก​ยากจน​ที่​เป็น​กำพร้า​ไร้​ที่พึ่ง​คน​หนึ่ง​ ใน​ช่วงเวลา​นั้น​ได้​ปล่อย​ประกาย​ความเป็นมนุษย์​ที่​เจิดจ้า​หา​ใด​เปรียบ​ออกมา​

นั่น​ก็​คือ​ความหวัง​

และ​ความเป็นมนุษย์​กับ​ความหวัง​เช่นนี้​นี่เอง​ที่​คอย​ประคับประคอง​ให้​เด็กชาย​ได้​เติบใหญ่​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​หันหน้า​ไป​มอง​ มีกำแพง​แถบ​หนึ่ง​กั้น​ขวาง​ มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ในอนาคต​แห่ง​นั้น​ มองเห็น​นัก​บัญชี​ที่​ใบหน้า​ซูบซีด​ จิตใจ​แห้งเหี่ยว​เศร้าซึม​คน​นั้น​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ดึง​สายตา​กลับมา​ ถอนหายใจ​ ชุย​ฉาน​ที่​เดิน​ไป​บน​คม​กระบี่​ (เปรียบเปรย​ว่า​เสี่ยงอันตราย​) ผู้​นี้​ ปี​นั้น​ไม่กลัว​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะต่อย​ให้​กู้​ช่าน​ตาย​ด้วย​หมัด​เดียว​ หรือไม่​ก็​จากไป​ให้​สิ้นเรื่อง​สิ้น​ราว​กัน​จริงๆ​ หรือ​?

หาก​เส้นสาย​ของ​นิสัยใจคอ​ความ​เป็น​คน​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ขาดสะบั้น​ไป​นับแต่​นี้​ ภัย​แฝงที่​ทิ้ง​ไว้​เบื้องหลัง​จะใหญ่​มาก​จน​มิอาจ​จินตนาการ​ได้​ วันหน้า​การ​เดินทางไกล​หา​ประสบการณ์​ใน​แต่ละครั้ง​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​การ​ขัดเกลา​ด้าน​จิตใจ​เมื่อ​รับหน้าที่​เป็น​อิ่น​กวาน​ จะทำให้​ความสามารถ​ใน​การ​อำพราง​ความผิด​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เข้าใกล้​การหลอก​คนอื่น​และ​หลอกตัวเอง​ของ​ชุย​ฉาน​อย่าง​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ กลาย​มาเป็น​ว่า​แม้แต่​เทพ​ก็​ไม่รู้​ผี​ก็​ไม่เห็น​

มารดา​มัน​เถอะ​ หาก​เจ้าซิ่ว​หู่​ไม่ทัน​ระวัง​ ไม่แน่​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ใน​วันนี้​อาจจะ​กลาย​เป็นหนึ่ง​นั้น​ที่​ ‘ซ่อม​เก่า​ให้​กลายเป็น​เก่า​ ไม่ได้​ให้​กลายเป็น​ใหม่เอี่ยม​’ ไป​แล้ว​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​พึมพำ​ สบถ​ด่า​ไป​หนึ่ง​ประโยค​

เฉินห​ลิง​จวิน​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​บ้าน​ของ​นาย​ท่าน​ตัวเอง​ตลอดเวลา​ อยู่​ตรงนี้​ จิตใจ​สงบ​มาก​หน่อย​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​หันหน้า​มายิ้ม​เอ่ย​ “จิ่งชิง เจ้ารอ​อยู่​ที่นี่​สักครู่​ ข้า​จะไป​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ แปบ​เดียว​ก็​กลับมา​แล้ว​”

เฉินห​ลิง​จวิน​รีบ​ยืด​เอว​ตั้งตรง​ทันที​ ตอบรับ​ด้วย​เสียงดัง​กังวาน​ “รับ​บัญชา​! ข้า​จะยืน​นิ่ง​ๆ อยู่​ตรงนี้​ไม่ขยับ​ไป​ไหน​แล้ว​!”

ศาล​เทพ​วารี​แห่ง​หนึ่ง​ของ​แคว้น​ชิงหลวน​ ศาล​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​ที่​กิน​อาณาบริเวณ​สิบ​กว่า​ไร่​ โชคดี​ไม่ถูก​ไฟสงคราม​ลาม​มาเดือดร้อน​ สามารถ​รักษา​เอาไว้​ได้​ ทุกวันนี้​ควัน​ธูป​ยิ่ง​นาน​วัน​ก็​ยิ่ง​โชติช่วง​

กลาง​ระเบียง​ชั้น​ที่สี่​ของ​เรือน​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยืน​อยู่​ด้านล่าง​กำแพง​แห่ง​นั้น​ ตัวอักษร​ที่​เขียน​บน​กำ​แผง​มีทั้ง​ประโยค​ว่า​ ‘ฟ้าดิน​ผสาน​เป็นหนึ่ง​’ ‘เผย​เฉียน​และ​อาจารย์​พ่อ​มาเยือน​ที่​แห่ง​นี้​’ ของ​เผย​เฉียน​ แล้วก็​มีตัวอักษร​ฉ่าว​ซูของ​จูเหลี่ยน​ที่​เขียน​ด้วย​น้ำหมึก​อ่อน​จาง ร้อย​กว่า​ตัวอักษร​ เขียน​เสร็จ​ใน​รวดเดียว​ แต่​ความสนใจ​ส่วนใหญ่​ของ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​กลับ​อยู่​ที่​ตัวอักษร​สอง​ประโยค​ซึ่งเขียนแบบ​บรรจง​ที่อยู่​ด้านบน​มากกว่า​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เงยหน้า​มองดู​ตัวอักษร​แล้ว​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​

จันทรา​บน​นภา​ พระจันทร์​ใน​โลก​หล้า​ แบก​หีบ​หนังสือ​ทัศนาจร​ เหนือ​ไหล่​มีแสงจันทร์​ ยืน​สูงพิง​รั้ว​มอง​จันทร์​ ตะกร้า​ไม้ไผ่​ตัก​น้ำ​แตก​แต่​กลม​

สายลม​บนภูเขา​ สายลม​ริม​สายน้ำ​ ขี่​กระบี่​เดินทางไกล​ใต้​ฝ่าเท้า​คือ​สายลม​ สายลม​พลิก​เปิด​ตำรา​อริยะ​ปราชญ์​ สายลม​พัดผ่าน​จอก​แหน​ล่องลอย​พบ​พา​

สายลม​จันทรา​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ จันทร์​เสี้ยว​แปร​เปลี่ยนเป็น​จันทร์​เต็มดวง​แล้ว​ได้​กลับมา​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​ ช่างกล่าว​ได้ดี​จริงๆ​

ลู่​เฉิน​ที่อยู่​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​บอ​กว่า​ดวงจันทร์​บน​ฟ้าคือ​หิมะ​ที่มา​รวมตัวกัน​ หิมะ​บน​โลก​มนุษย์​คือ​ดวงจันทร์​ที่​ปริ​แตก​ สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้วก็​ยังคง​พูดถึง​การ​ไป​กลับ​ครั้งแล้วครั้งเล่า​

ส่วน​ตัวอักษร​ฉ่าว​ซูที่​เขียน​ไว้​บน​ผนัง​ของ​จูเหลี่ยน​ ร้อย​กว่า​ตัวอักษร​ ล้วน​ถือเป็น​ถ้อยคำ​โดย​มิได้​ตั้งใจ​ ในความเป็นจริง​แล้ว​นอกเหนือจาก​ตัวอักษร​แล้ว​ หาก​ไม่พูดถึง​เนื้อหา​ สิ่งที่​ต้อง​การแสดงออก​อย่าง​แท้จริง​ยังคง​เป็น​ความหมาย​ของ​ ‘รวม​และ​สลาย​’ ของ​ประโยค​ที่ว่า​ ‘รวมกัน​เหมือน​ขุนเขา​ แยก​สลาย​เหมือน​ลม​ฝน​’ มากกว่า​ จูเหลี่ยน​ใน​อดีต​และ​ลู่​เฉิน​ใน​ตอนนี้​ ถือเป็น​การขานรับ​กัน​อยู่​ไลๆ​ ซึ่งเป็น​ความลี้ลับ​มหัศจรรย์​อย่างหนึ่ง​

มรรคา​จารย์​เต๋า​มาเจอ​กับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ที่​ดีแต่​ชอบ​ชมเรื่อง​สนุก​ ไม่ชอบ​ความ​สงบสุข​ ไย​เวลา​พูดจา​ถึงยัง​ใช้น้ำเสียง​แข็งกระด้าง​เช่นนั้น​ได้​อีก​

สุดท้าย​ก่อ​ความเคลื่อนไหว​ครึกโครม​ขนาด​นี้​อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู ลู่​เฉิน​ที่​เคย​มาตั้ง​แผง​อยู่​ที่นี่​นาน​หลาย​ปี​ คน​ที่​คอย​ช่วย​ผลักดัน​คลื่น​มรสุม​อยู่​อย่าง​ลับ​ๆ ต้อง​นับ​เขา​ไป​ด้วย​คน​หนึ่ง​ มิอาจ​ปฏิเสธ​ได้​เลย​

ครั้งนี้​ยอมให้​เฉิน​ผิง​อัน​ยืม​มรรค​กถา​ขอบเขต​สิบ​สี่ของ​บน​ร่าง​ชั่วคราว​ เดินทาง​ไป​เยือน​พื้นที่​ใจกลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ร่วมกับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ทั้งหลาย​ ถือ​เป็นการ​ทำ​ความดี​ชดใช้​ความผิด​แล้ว​

การ​ที่​ก่อนหน้านี้​มรรคา​จารย์​เต๋า​ยินดี​ที่จะ​รอ​ดู​อีกหน่อย​ ทางเลือก​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ซึ่งเป็น​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​เลือก​มา คือ​สิ่งที่​สำคัญ​อย่าง​ถึงที่สุด​

ย้อน​กลับมา​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เดิน​ไป​อยู่​ข้าง​กาย​เฉินห​ลิง​จวิน​ มอง​กำแพง​ดินเหนียว​ที่อยู่​ใน​ลานบ้าน​ สามารถ​จินตนาการ​ได้​ว่า​ตอนที่​เจ้าของบ้าน​ยัง​เป็น​เด็กชาย​ แบก​ผัก​ป่า​หนึ่ง​ตะกร้า​กลับ​จาก​ลำคลอง​มาที่​บ้าน​ ใน​มือ​มักจะ​ถือ​หญ้า​หาง​สุนัข​ร้อย​ปลา​เล็ก​ปลา​น้อย​ไว้​เป็น​พวง​ เอา​ไป​ตากแดด​ทำเป็น​ปลา​ตากแห้ง​ ไม่ยอม​ปล่อย​ให้​เสียเปล่า​แม้แต่น้อย​ กัด​เคี้ยว​ดัง​กร้วม​ๆ ปลา​แห้ง​ทั้งตัว​ เด็กชาย​มีแต่​จะกลืน​ลงท้อง​ไป​ทั้ง​ชิ้น​ บางที​อาจจะ​ยัง​ไม่อิ่ม​ แต่​ก็​ทำให้​มีชีวิตรอด​ต่อไป​ได้​

สำหรับ​ชาวบ้าน​แล้ว​เรื่อง​กิน​เป็น​เรื่องสำคัญ​ใหญ่​เทียมฟ้า​

ห้า​ธัญพืช​และ​แพรพรรณ​ คือ​รากฐาน​ใน​การ​เลี้ยงดู​ผู้คน​

ทุก​บ้าน​ทุก​ครอบครัว​ ต้อง​มีเสื้อผ้า​สวมใส่​มีอาหาร​ให้​กิน​อิ่ม​

คนเดินถนน​ สวม​รองเท้า​เสื้อผ้า​ให้​ความอบอุ่น​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ ยืน​อยู่​นอก​ประตู​มอง​ไป​ด้านใน​ประตู​ เงียบงัน​ไป​นาน​

เฉินห​ลิง​จวิน​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​หัว​กำแพง​ผนัง​ดิน​ สอง​เท้า​ลอย​ห้อย​อยู่​กลางอากาศ​ พึมพำ​ว่า​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ แม้ว่า​นาย​ท่าน​ของ​ข้า​จะเป็น​เซียน​กระบี่​ เป็น​ปรมาจารย์​ผู้ฝึก​ยุทธ​ เป็น​เจ้าขุนเขา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ เป็น​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ แต่​ข้า​รู้​ว่า​สถานะ​ที่​นาย​ท่าน​บ้าน​ข้า​คิดถึง​พะวง​หา​มาก​ที่สุด​ยังคง​เป็นการ​ที่​ได้​เป็น​บัณฑิต​อย่าง​สมศักดิ์ศรี​ ตลอดทาง​ที่​เดิน​มานี้​ไม่ง่าย​เลย​ หลักการ​เหตุผล​พูด​จน​ฟ้าทะลุ​ ข้าว​ที่​ไม่อยาก​กิน​มาก​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ก็​ยัง​ไม่ใช่ข้าว​ร้อย​บ้าน​หรอก​หรือ​? (เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​คนอื่น​ต้อง​คอย​หยิบยื่น​อาหาร​ให้​จึงเติบ​โตมา​ได้​ มัก​ใช้กับ​เด็กกำพร้า​ ขอทาน​) เพราะ​ตัวเอง​ไม่มีบ้าน​แล้ว​ ถึงจำต้อง​กินข้าว​ร้อย​บ้าน​ อีก​ทั้ง​นาย​ท่าน​ของ​ข้า​ยัง​เป็น​คน​เห็นแก่​ความสัมพันธ์​ใน​วันวาน​มาก​ที่สุด​ ทั้ง​รู้​บุญคุณ​คน​มาก​ที่สุด​ บุพเพ​กับ​พวก​ผู้อาวุโส​ได้มา​อย่างไร​ ไม่ใช่ว่า​หล่น​ลง​มาจาก​ฟ้าเสียหน่อย​ แต่​เป็น​เพราะ​นาย​ท่าน​บ้าน​ข้า​คุย​กับ​พวก​คน​เฒ่าคนแก่​มาตั้งแต่​เล็ก​แต่​น้อย​ ดังนั้น​อันที่จริง​หลาย​ปี​มานี้​จึงยากลำบาก​อย่าง​มาก​ ทุกครั้งที่​กลับ​มาถึงบ้านเกิด​ก็​มักจะ​มานั่ง​อยู่​ที่นี่​ เป็น​เพราะ​นาย​ท่าน​กำลัง​เตือน​ตัวเอง​ว่า​เป็น​คน​ไม่ควร​ลืม​กำพืด​ของ​ตัวเอง​ ท่าน​ผู้อาวุโส​คือ​บรรพ​จารย์​ของ​บัณฑิต​ ห้าม​อนุญาต​ให้​คนอื่น​รังแก​เขา​นะ​ขอรับ​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​เอ่ย​ “แล้ว​ถ้าเป็น​คน​ที่​ลืม​กำพืด​ตัวเอง​ นาย​ท่าน​บ้าน​เจ้าก็​จะมีชีวิต​ที่​สบาย​กว่า​นี้​หรือ​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​ตอบ​อย่าง​ไม่ลังเล​ “คนดี​สงบสุข​ปลอดภัย​ไป​ชั่วชีวิต​ สงบสุข​ปลอดภัย​ทั้ง​ชีวิต​เพื่อ​เป็น​คนดี​!”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​กล่าว​ “นี่​เป็นเรื่อง​ที่​งดงาม​เรื่อง​หนึ่ง​จริงๆ​ คู่ควร​ให้​พวกเรา​ฝาก​ความหวัง​เอาไว้​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ยิ้ม​กว้าง​ ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​ราว​ระเบียง​ ในที่สุด​ก็​พอ​จะทำ​อะไร​เพื่อ​นาย​ท่าน​บ้าน​ตน​ได้​บ้าง​แล้ว​

ดูเหมือนว่า​เวลานี้​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จะอารมณ์​ดีมาก​ เขา​ตบ​ไหล่​ของ​เด็กชาย​ชุด​เขียว​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ “ไป​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ปล่อยมือ​ พอ​ทิ้งตัว​ลงพื้น​แล้วก็​เอ่ย​อย่าง​อัดอั้น​ว่า​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ต่อจากนี้​จะไป​ที่ไหน​หรือ​? ไป​เดินเล่น​ที่​ศาล​บุ๋น​บู๊​ดี​ไหม​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ขนาด​ไหล่​ของ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ก็​ยัง​เคย​ตบ​มาแล้ว​ ขาด​ไป​แค่​ท่าน​เดียว​เท่านั้น​ วันหน้า​ยาม​อยู่​บน​โต๊ะ​สุรา​พูดถึง​วีรบุรุษ​ผู้​กล้า​ ใคร​เล่า​จะมาเป็น​คู่​ต่อกร​ของ​เจ้าได้​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​เหงื่อ​แตก​เต็ม​ศีรษะ​ โบกมือ​เป็น​พัลวัน​ ไม่เอ่ย​อะไร​สัก​คำ​

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ท่าน​แกล้ง​ข้า​หรือ​ไร​?!

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยื่นมือ​ไป​ดึง​แขน​ของ​เด็กชาย​ชุด​เขียว​ “กลัว​อะไร​ ไม่ใจใหญ่​แล้ว​หรือ​?”

สอง​เท้า​ของ​เฉินห​ลิง​จวิน​ปัก​ตรึง​อยู่​กับ​พื้น​ ร่าง​เอน​ไป​ด้านหลัง​ เกือบจะ​หลั่ง​น้ำตา​ออกมา​อยู่​รอมร่อ​ พูด​โอดครวญ​ว่า​ “ไม่ไป​แล้ว​ ไม่ไป​แล้ว​จริงๆ​! นาย​ท่าน​บ้าน​ข้า​เชื่อ​ใน​พระพุทธเจ้า​ ข้า​เอง​ก็​เชื่อ​เหมือนกัน​ เชื่อ​แบบ​ศรัทธา​จริงใจ​ด้วย​นะ​ ขนบธรรมเนียม​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวกเรา​ วัตถุประสงค์​ใหญ่​ข้อ​แรก​ก็​คือ​ต้อง​ปฏิบัติ​กับ​คนอื่น​อย่าง​จริงใจ​…”

วันหน้า​หาก​นาย​ท่าน​รู้​เข้า​จะไม่ซ้อม​เขา​เฉินห​ลิง​จวิน​ตาย​เลย​หรอก​หรือ​

ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ตรงหน้า​ประตู​ภูเขา​วาง​โต๊ะ​เอา​ไว้ตัว​หนึ่ง​ อีก​ฝั่งหนึ่ง​มีแม่นาง​น้อย​ชุด​ดำ​คน​หนึ่ง​แบก​คาน​หาบ​สีทอง​ไว้​บน​บ่า​ พาด​ไม้เท้า​เดิน​ป่าไผ่​เขียว​ไว้​ตรงหน้า​ตัก สะพาย​กระเป๋า​ผ้าฝ้าย​เล็ก​ๆ ไว้​บน​ไหล่​เฉียง​ๆ นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ตัวเล็ก​

พอ​นาง​สังเกตเห็น​ว่า​ข้าง​โต๊ะ​มีนักพรต​เฒ่าคน​หนึ่ง​มายืน​อยู่​ก็​ขยี้ตา​ ตน​ไม่ได้​ตาลาย​จริง​ด้วย​ แม่นาง​น้อย​จึงวาง​ไม้เท้า​เดินป่า​กับ​คาน​หาบ​สีทอง​พิง​ไว้​ที่​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ทันใด​ วิ่งเหยาะๆ​ ไป​หยุด​อยู่​ข้าง​กาย​นักพรต​เฒ่าร่าง​สูงใหญ่​ พอ​หยุด​ยืน​นิ่ง​ก็​แหงนหน้า​ถาม “นักพรต​ผู้เฒ่า​ กระหายน้ำ​หรือไม่​? ที่นี่​ของ​พวกเรา​มีน้ำชา​ไว้​รับรอง​แขก​ด้วย​นะ​”

แม่นาง​น้อย​เอ่ย​เสริม​มาอีก​หนึ่ง​ประโยค​ “ไม่เก็บ​เงิน​!”

เห็น​ว่า​นักพรต​ผู้เฒ่า​ไม่พูดไม่จา​ หมี่​ลี่​น้อย​ก็​เอ่ย​อี​กว่า​ “ฮ่า ก็​แค่​ว่า​น้ำชา​ไม่มีชื่อเสียง​อะไร​ ใบชา​ได้​มาจาก​ต้น​ชาเก่าแก่​จาก​ภูเขา​บ้าน​ของ​พวกเรา​เอง​ พ่อครัว​เฒ่าผัด​เอง​กับ​มือ​ เป็น​ชาใหม่​ของ​ปี​นี้​เชียว​นะ​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​รับ​ ก่อน​นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​

เมื่อ​เทียบ​กับ​ตอน​อยู่​เมือง​เล็ก​แล้ว​พอ​จะหาย​โมโห​ลง​ไป​ได้​บ้าง​

ไม่อย่างนั้น​บัญชี​ก้อน​นี้​จะต้อง​เอา​ไป​คิด​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ ลงมือ​กับ​สัตว์เลื้อยคลาน​น้อย​ตัว​นั้น​เป็นการ​ลด​สถานะ​ตัวเอง​ไป​หน่อย​

พื้นดิน​ไม่อุดมสมบูรณ์​ มิอาจ​ให้​ผลผลิต​ที่​ดี​ได้​ น้ำ​ตื้น​เกินไป​ปลา​ตัว​ใหญ่​ก็​อยู่​ไม่ได้​

ก่อนที่​หมี่​ลี่​น้อย​จะไป​ต้ม​ชา ได้​เปิด​กระเป๋า​ผ้าฝ้าย​ออก​ ควัก​เมล็ด​แตง​กำ​ใหญ่​ออกมา​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ อันที่จริง​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ก็​มีเมล็ด​แตง​อยู่แล้ว​ แม่นาง​น้อย​ก็​แค่​อยาก​อวด​คนอื่น​เท่านั้น​

หมี่​ลี่​น้อย​ถาม “ท่าน​นักพรต​ผู้เฒ่า​ พอ​หรือไม่​? หาก​ไม่พอที่​ข้า​ยังมี​อีก​นะ​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​นึกถึง​ ‘สหาย​จิ่งชิง’ ผู้​นั้น​ขึ้น​มาอีกแล้ว​ คำพูด​ที่​ไม่ต่างกัน​สัก​เท่าไร​ แต่​ให้​ความต่าง​ราว​ฟ้ากับ​เหว​ เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​จึงมีใบหน้า​เปื้อน​ยิ้ม​อย่าง​หา​ได้​ยาก​ ตอบ​ว่า​ “พอแล้ว​”

แม่นาง​น้อย​บอก​ให้​นักพรต​ผู้เฒ่า​รอ​สักครู่​ ส่วน​นาง​ก็​ง่วน​ทำงาน​ของ​ตัวเอง​ไป​

เพียง​ไม่นาน​ก็​หิ้ว​กระปุก​ใบชา​สีเงิน​หนึ่ง​ใบ​กับ​น้ำ​เดือด​มาหนึ่ง​กา​ ริน​น้ำชา​ให้​นักพรต​ผู้เฒ่า​หนึ่ง​ถ้วย​ แล้ว​หมี่​ลี่​น้อย​ก็​เอ่ย​ขอตัว​ลา​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​ถาม “แม่นาง​น้อย​ไม่นั่ง​ด้วยกัน​สักประเดี๋ยว​หรือ​?”

แม่นาง​น้อย​ส่ายหน้า​อย่าง​แรง​ “ไม่ล่ะ​ พี่​หญิง​หน่วน​ซู่ไม่อนุญาต​ บอ​กว่า​หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​แขก​ดื่ม​ชาอย่าง​อึดอัด​ใจ”

สุดท้าย​หมี่​ลี่​น้อย​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “ใช่แล้ว​ น้ำชา​เพิ่งจะ​เดือด​ใหม่​ นักพรต​ผู้เฒ่า​ระวัง​ร้อน​ลวกปาก​ด้วย​ล่ะ​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​หัวเราะ​ ถ้อยคำ​ที่​มาจาก​ใจจริง​ ทำให้​ไพล่​นึก​ไป​ถึงเจ้าเด็ก​ขา​เปื้อน​โคลน​ที่​ปี​นั้น​สะพาย​ ‘ปราณ​ยาว​’ บุกเข้าไป​ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​

สรรพสิ่ง​ใน​โลก​มนุษย์​มีมากมาย​ดุจ​ขน​วัว​ ข้า​มีเรื่องเล็ก​ใหญ่​เท่า​โต่ว​ (เครื่องตวง​ข้าวของ​จีน​ ทรง​เหลี่ยม​ปากกว้าง​ก้น​แคบ​)

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ยก​ถ้วย​ชาขึ้น​ ยิ้ม​ถามว่า​ “เจ้าคง​เป็น​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​กระมัง​?”

โจว​หมี่​ลี่​เพิ่งจะ​หมุนตัว​กลับมา​ก็​พยักหน้า​รับ​อย่าง​แรง​

แม่นาง​น้อย​เม้มปาก​ยิ้ม​ ใบหน้า​เล็ก​ๆ กับ​ดวง​ตาโต​ๆ คู่​หนึ่ง​ คิ้ว​เล็ก​บาง​ๆ สีเหลือง​อ่อน​จางสอง​เส้น​ ไม่ว่า​ใคร​เห็น​ก็​ล้วน​ชื่นชอบ​

หาก​นักพรต​เฒ่าพูดจา​ตรงไปตรงมา​เช่นนี้​ตั้งแต่แรก​ นาง​ก็​คง​นั่งลง​อย่าง​ไม่เกรงใจ​นาน​แล้ว​

หมี่​ลี่​น้อย​นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​ แล้ว​แทะ​เมล็ด​แตง​อยู่​กับ​ตัวเอง​ ไม่รบกวน​การ​ดื่ม​ชาของ​นักพรต​ผู้เฒ่า​

อยู่ดีๆ​ ก็​สังเกตเห็น​ว่า​ไม่รู้​ว่า​พ่อครัว​เฒ่ามายืน​อยู่​หน้า​ประตู​ภูเขา​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ หมี่​ลี่​น้อย​ปรบมือ​ ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “พ่อครัว​เฒ่า วันนี้​ลง​เขา​มาได้​อย่างไร​? อ่านหนังสือ​จบ​แล้ว​หรือ​?”

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​กล่าว​ “ยัง​หรอก​ ต้อง​ค่อยๆ​ อ่าน​”

แม่นาง​น้อย​หันหน้า​ไป​ทาง​นักพรต​ผู้เฒ่า​ ยื่นมือ​มาป้อง​ปาก​ “นักพรต​ผู้เฒ่า​ พ่อครัว​เฒ่าคือ​ผู้ดูแล​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​พวกเรา​ ฝีมือ​ทำอาหาร​ล้ำเลิศ​นัก​! หาก​พวก​ท่าน​สอง​คน​พูดคุย​กัน​ถูกคอ​ ท่าน​ก็​มีลาภปาก​แล้ว​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​รับ​ “ต่อให้​เป็น​แขก​ชั่วร้าย​มาเยือน​ ได้รับ​การ​รับรอง​เช่นนี้​จาก​แม่นาง​น้อย​ก็​สามารถ​หา​เงินได้​ด้วย​ความปรองดอง​แล้ว​ล่ะ​ เป็น​คนรู้จัก​เก่า​ใน​ยุทธ​ภพ​ ย่อม​ต้อง​ถูกชะตา​กัน​อยู่แล้ว​”

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​กล่าว​ “หมี่​ลี่​น้อย​ ขอให้​ข้า​ได้​พูดคุย​กับ​นักพรต​ผู้เฒ่า​ท่าน​นี้​เป็นการ​ส่วนตัว​สัก​สอง​สามประโยค​ได้​หรือไม่​”

หมี่​ลี่​น้อย​พยักหน้า​รับ​อย่าง​ว่าง่าย​ เปิด​กระเป๋า​ผ้าฝ้าย​อีกครั้ง​ เท​เมล็ด​แตง​เพิ่ม​ลง​บน​โต๊ะ​ให้​กับ​พ่อครัว​เฒ่าและ​นักพรต​ผู้เฒ่า​ นาง​ที่นั่ง​อยู่​บน​ม้านั่งยาว​ขยับ​ก้น​หมุนตัว​ออก​ไป​พลิ้ว​กาย​ยืน​นิ่ง​ จากนั้น​จึงหัน​ตัว​กลับมา​อีกครั้ง​ แล้ว​กุม​หมัด​ขอตัว​จากไป​

จูเหลี่ยน​กุม​หมัด​คารวะ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ก่อน​แล้ว​ค่อย​นั่งลง​ฝั่งตรงข้าม​ ริน​น้ำชา​ให้​ตัวเอง​ถ้วย​หนึ่ง​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “จะปิดบัง​ไว้​ทำไม​กัน​ เสียดาย​เนื้อหนังมังสา​ที่​ช่วย​ให้​ฟ้าดิน​เจริญตาเจริญใจ​ซะเปล่าๆ​”

จูเหลี่ยน​เพียง​ยิ้ม​รับ​

แต่ละคน​ต่าง​ฝึก​ตน​มาพบ​เจอกัน​บน​ยอดเขา​ ยังคง​ได้​พบ​เจอ​คน​ที่​เฝ้ามอง​มาตั้ง​แต่ต้น​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ถาม “ตื่น​จาก​ฝัน​ยาม​ใด​?”

ใน​บรรดา​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ที่​มีหวัง​จะเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบห้า​ตามหลัง​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​ได้​มาก​ที่สุด​ ต้อง​นับ​รวม​คน​ตรงหน้า​ผู้​นี้​เข้าไป​ด้วย​

จูเหลี่ยน​ตอบ​ไม่ตรง​คำถาม​ “ชีวิต​คน​ก็​เหมือน​หนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​ คน​และ​เรื่องราว​ที่​พวกเรา​ได้​พบ​เจอ​ล้วน​เป็น​ปม​เงื่อน​ทั้งหลาย​ที่​ผูก​เอาไว้​ใน​ตำรา​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ดังนั้น​ถึงได้​บอ​กว่า​ไร้​ความบังเอิญ​ก็​ไม่เกิด​ตำรา​ ความบังเอิญ​บางอย่าง​ มหัศจรรย์​จน​มิอาจ​บรรยาย​ ยกตัวอย่างเช่น​อยู่​ไกล​สุดขอบฟ้า​อยู่​ใกล้​เพียง​ตรงหน้า​ เฉินสือ​อี​ (เฉิน​สิบเอ็ด​) เฉิน​คือ​หนึ่ง​ (เฉิน​ซื่อ​อี​ ออกเสียง​คล้าย​กับ​คำ​ว่า​เฉินสือ​อี​) หนึ่ง​คือ​เฉิน”​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด