กระบี่จงมา 852.2 ตรอกหนีผิง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 852.2 ตรอกหนีผิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินห​ลิง​จวิน​ถามหยั่งเชิง​ต่อ​อีกครั้ง​ “รำคาญ​ประโยค​ไหน​มาก​ที่สุด​?”

“บอก​ว่าการ​ยุ​ให้​คน​ดื่มเหล้า​ทำให้​เสีย​ภาพลักษณ์​ ข้า​ดื่ม​หมด​แล้ว​ ส่วน​เจ้าก็​ตามแต่​ใจ”

ว้าว​ ว้าว​ ความรู้​ของ​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ร้ายกาจ​จริง​เสีย​ด้วย​ เฉินห​ลิง​จวิน​นับถือ​จาก​ใจจริง​ ยิ้ม​กว้าง​เอ่ย​ว่า​ “คิดไม่ถึง​ว่า​ท่าน​ผู้อาวุโส​จะเป็น​คน​ที่​อาบน้ำร้อนมาก่อน​”

“จิ่งชิง ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ถามเจ้า เจ้าคิด​ว่า​แบบ​ไหน​ถึงจะถือว่า​ยากจน​?”

“มีแต่​เงิน​ ไม่มีความรู้​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​มอง​เด็กชาย​ชุด​เขียว​ตัว​น้อย​ที่​เริ่ม​โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​ไปมา​อยู่​ข้าง​กาย​

เฉินห​ลิง​จวิน​รีบ​เก็บ​รวบ​สอง​มือ​มาไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​อีกครั้ง​ทันที​ เปลี่ยน​คำพูด​ใหม่​ว่า​ “พวก​คน​ที่​ทำตัว​ไร้​เมตตาธรรม​เพื่อ​แสวงหา​ความร่ำรวย​ ชั่วร้าย​เลวทราม​อย่าง​ถึงที่สุด​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​เอ่ย​ “เอ่ย​คำพูด​ที่อยู่​ใน​ใจเจ้าออกมา​เถอะ​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ถอนหายใจ​โล่งอก​ การ​คิด​เหลวไหล​ไป​ส่งเดช​ทำให้​คน​เหนื่อย​แทบตาย​ได้​จริงๆ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​คือ​ใน​กระเป๋า​ไม่มีเงิน​ ยากจน​จน​แต่ง​ภรรยา​ไม่ได้​ เป็น​ชายโสด​ขึ้นคาน​ หา​คน​มายืม​เงิน​ซื้อ​เหล้า​ แต่กลับ​ไม่มีใคร​ยินดี​ให้ยืม​เงิน​ จน​แทบตาย​อยู่​แล้วแต่​ก็​ยัง​รัก​ศักดิ์ศรี​หน้าตา​ อีก​ทั้ง​หน้าตา​น้อย​นิด​แค่นี้​ยัง​ต้อง​คอย​หลบ​ๆ ซ่อน​ๆ ราวกับว่า​ไม่อาจ​มองเห็น​แสงสว่าง​ได้​ จากนั้น​ถูก​ตบ​ฉาด​เดียว​ เหลือ​เพียง​หน้าตา​น้อย​นิด​ส่วน​สุดท้าย​ ทว่า​วันใดวันหนึ่ง​กลับ​ถูก​คน​เหยียบย่ำ​จน​เละ​ตามใจชอบ​ ได้​แต่​รอ​ให้​คนนอก​ชมเรื่อง​สนุก​จบ​แล้ว​แยกย้าย​กัน​ไป​ ถึงได้​กล้า​หา​โอกาส​เก็บ​หน้าตา​ของ​ตัวเอง​ที่​หล่น​อยู่​บน​พื้น​ขึ้น​มา”

“แค่นี้​หรือ​?”

“ได้​แต่​สงสัย​วิถี​ทางโลก​ แต่​ไม่กล้า​สงสัย​ตัวเอง​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​รับ​ คำตอบ​ก่อน​หลัง​สอง​อย่าง​ โดยเฉพาะ​อย่าง​หลัง​นั้น​อยู่​เหนือ​การ​คาดคิด​จริงๆ​ เขา​จึงยิ้ม​ถามว่า​ “เป็น​คำกล่าว​ที่​เจ้าใคร่ครวญ​ออกมา​ได้​ยาม​อยู่​บน​โต๊ะ​สุรา​หรือ​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​รู้สึก​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ ยก​ชาย​แขน​เสื้อ​ขึ้น​มาเช็ดหน้า​ตัวเอง​ “ข้า​หรือ​จะทำได้​ อยู่​บน​โต๊ะ​เหล้า​ หาก​ดื่ม​จน​เมาจริงๆ​ ก็​ไม่รู้​ฟ้าสูงแผ่นดิน​ต่ำ​แล้ว​ หลังจาก​ติดตาม​นาย​ท่าน​ขึ้น​มาอยู่​บน​ภูเขา​ ข้า​ก็​ขี้เกียจ​อย่าง​มาก​ แล้ว​ยัง​ชอบ​หา​ข้ออ้าง​ให้​ตัวเอง​ ใช้สารพัด​วิธี​ที่จะ​ออก​ไป​เดินเล่น​เตร็ดเตร่​ไร้จุดหมาย​อยู่​ทุกวัน​ มักจะ​ชอบ​ลง​จาก​ภูเขา​มาผ่อน​คลายอารมณ์​ที่​เมือง​เล็ก​ ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ท่าน​อย่า​ได้​กล่าวโทษ​ข้า​เลย​ ก่อนหน้านี้​ข้า​พูดว่า​ตัวเอง​มานะ​หมั่นเพียร​ใน​การ​ฝึก​ตน​ ก็​แค่​คำพูด​ผายลม​เท่านั้น​ ข้า​ก็​แค่​อยู่​บน​ภูเขา​กินเปล่า​ ลง​จาก​ภูเขา​ไป​ดื่ม​เปล่า​ ยัง​ดี​ที่​นาย​ท่าน​ล้วน​เห็น​อยู่​ใน​สายตา​ แต่กลับ​ไม่เคย​บังคับ​ข้า​ใน​เรื่อง​พวก​นี้​ นาย​ท่าน​ไม่บังคับ​ คนอื่นๆ​ หรือ​จะกล้า​มาเจ้ากี้เจ้าการ​ใส่ข้า​ ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ไม่ใช่ว่า​ข้า​คุยโว​จริงๆ​ นะ​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวกเรา​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ล้วน​เคารพนับถือ​นาย​ท่าน​จาก​ใจจริง​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เงยหน้า​มอง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แวบ​หนึ่ง​

นอกจาก​ชื่อ​ที่​ไม่ค่อย​พบเห็น​ได้​บ่อย​แล้ว​ หาก​พูดถึง​เรื่อง​รูปลักษณ์​ อันที่จริง​ไม่ได้​มีอะไร​ประหลาด​เลย​สักนิด​

แต่​นี่​ก็​คือ​ความ​ประหลาด​ที่​ใหญ่​ที่สุด​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ถาม “ปี​นั้น​ที่​ซื้อ​ภูเขา​ ทำไม​เฉิน​ผิง​อัน​ถึงเลือก​ภูเขา​ลั่วพั่ว?”​

เฉินห​ลิง​จวิน​หัวเราะ​หึหึ​ “ใน​เรื่อง​นี้​มีความเป็นมา​อยู่​จริงๆ​ ข้า​เคย​ได้ยิน​เผย​เฉียน​แอบ​เล่า​ให้​ฟังว่า​ แรกเริ่ม​สุด​ปี​นั้น​นาย​ท่าน​หมายตา​ภูเขา​ไว้​สอง​ลูก​ หนึ่ง​คือ​ภูเขา​เจิน​จู เพราะว่า​ใช้เงิน​น้อย​ แค่​เหรียญทองแดง​แก่น​ทอง​เหรียญ​เดียว​เท่านั้น​ นอกจากนั้น​ก็​เป็น​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่ตั้ง​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​พวกเรา​ใน​ทุกวันนี้​แล้ว​ ตอนนั้น​นาย​ท่าน​กาง​แผนที่​ภูมิศาสตร์​ของ​ภูเขาใหญ่​ ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​เลือก​ภูเขา​ลูก​ใด​ ผล​คือ​มีนก​บิน​ผ่าน​มาพอ​ดีแล้ว​ดัน​ขี้​ใส่บน​ภาพ​ ขี้​ของ​มัน​หล่น​ลง​บน​ ‘ภูเขา​ลั่วพั่ว’​ อย่าง​พอดิบพอดี​ ฮ่าๆ น่าขำ​จะตาย​ไป​…”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยิ้ม​ถาม “คำพูด​เก่าแก่​ของ​เมือง​เล็ก​มีกล่าว​ไว้​หรือไม่​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​ขยี้​ซีก​หน้า​แรง​ๆ กว่า​จะกลั้น​ขำ​ไว้​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ “ยาม​อยู่​กับ​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ภูเขา​อย่าง​เผย​เฉียน​ ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​นาย​ท่าน​ก็​ยินดี​เล่า​ให้​ฟังจริงๆ​ นาย​ท่าน​บอ​กว่า​ผู้เฒ่า​เหยา​หัวหน้า​ช่างของ​เตาเผา​ ตอนที่​พา​เขา​ขึ้น​เขา​ไปหา​ดิน​ ได้​เคย​บอ​กว่า​ระหว่าง​ภูเขา​และ​สายน้ำ​มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์​อยู่​ เหนือศีรษะ​ขึ้นไป​สามฉื่อ​มีเทพ​มองดู​อยู่​ เอาเป็นว่า​นาย​ท่าน​บ้าน​ข้า​เชื่อ​เรื่อง​นี้​ที่สุด​ก็แล้วกัน​ แต่​ปี​นั้น​นาย​ท่าน​ก็​บอก​แล้ว​ว่า​ ภาย​หลังเขา​มีการ​คาดเดา​บางอย่าง​ บางที​นั่น​อาจ​เป็น​การกระทำ​ที่เกิด​จาก​ความตั้งใจ​ของ​ท่าน​ราชครู​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​ การ​คาดเดา​นี้​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คือ​ความจริง​ เป็น​การกระทำ​โดยตั้งใจ​ของ​ชุย​ฉาน​จริงๆ​

แน่นอน​ว่า​คำ​ว่า​ลั่วพั่ว​ไม่ใช่คำกล่าว​ที่​ดี​นัก​ แต่​หาก​ได้​คำ​ว่า​ติ้ง​ที่​แปล​ว่า​มั่นคง​มา ความหมาย​ก็​จะแตก​ต่างกัน​โดยสิ้นเชิง​แล้ว​

การ​ที่​ชุย​ฉาน​ลอก​ดึง​ดวงจิต​ออกมา​กลายเป็น​ชุยตง​ซาน​ที่​มีนิสัย​สดใส​ร่าเริง​ นอกจาก​แผนการ​ใหญ่​เทียมฟ้า​ทั้งหลาย​ที่​กลายเป็น​ก้อนหิน​ที่​ผุด​ขึ้น​มาหลัง​น้ำลด​แล้ว​ อันที่จริง​ยัง​ซุกซ่อน​วิธีการ​ที่​ค่อนข้าง​น่าสนใจ​เอาไว้​ด้วย​ นั่น​ก็​คือ​ใช้ตน​อีก​คน​หนึ่ง​ บางที​อาจ​ยัง​ต้อง​ใช้คำศัพท์​ที่​เป็น​กุญแจ​สำคัญ​อีก​หนึ่ง​หรือ​สอง​คำ​มาคลาย​ตรา​ผนึก​บางอย่าง​ ก็​เหมือน​ ‘จดหมาย​ทางบ้าน​’ ฉบับ​แล้ว​ฉบับ​เล่า​ที่​ได้​ส่งทางไกล​ไปหา​ตัวเอง​ของ​ช่วงเวลา​ในอนาคต​ ช่วย​เตือน​ตัวเอง​ว่า​ช่วง​ใด​ เวลา​ใด​ ขั้นตอน​ใด​ ควรจะ​พูด​อะไร​หรือ​ทำ​เรื่อง​อะไร​ ก็​เหมือน​ครั้งนี้​ที่​มรรคา​จารย์​เต๋า​เดิน​ออกมา​จากถ้ำสวรรค์​เหลียน​ฮวา​ ออกมา​จากใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ก็ได้​ ‘พูด​เอง​เออ​เอง​’ กับ​พวก​คน​ที่​มีวาสนา​ต้องกัน​ซึ่งเขา​สามารถ​มองเห็น​อนาคต​ของ​อีก​ฝ่าย​มาก่อน​แล้ว​ แต่​คน​เหล่านั้น​กลับ​ยัง​ไม่สามารถ​เดิน​มาถึงตรงหน้า​ตัวเอง​ได้​ มรรคา​จารย์​เต๋า​มีคำตอบ​ที่​ไม่เหมือนกัน​ คำตอบ​เหล่านั้น​ต่าง​ก็ได้​จำแลง​เป็น​มหา​มรรคา​ใน​ถ้ำสวรรค์​ มีการอนุมาน​อย่าง​รอบคอบ​ ได้คิด​คำนวณ​ไว้​ล่วงหน้า​นาน​แล้ว​

ซิ่ว​หู่​แห่ง​ไพศาล​ มีครั้งหนึ่ง​ได้​เชื้อเชิญ​ให้​บรรพ​จารย์​ของ​สามลัทธิ​ให้​นั่งลง​ คน​หนึ่ง​ถามมรรคา​ สามคน​สลาย​มรรคา​

แน่นอน​ว่าไม่ได้​บอ​กว่า​สติปัญญา​ มรรค​กถา​และ​ความรู้​ของ​ซิ่ว​หู่​สูงกว่า​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​

นี่​ก็​เหมือนกับ​ว่า​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​มีทางเลือก​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ แต่​ชุย​ฉาน​บอ​กว่า​เขา​ได้​เลือก​ทาง​เส้น​นี้​ไว้​ให้​ เขา​สามารถ​พิสูจน์​ได้​ว่า​นี่​คือ​เส้นทาง​ที่​มีประโยชน์​ที่สุด​ต่อ​โลก​ใบ​นี้​ นี่​ก็​คือ​หนึ่ง​ใน​หมื่น​นั้น​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ถ้าอย่างนั้น​พวก​ท่าน​ทั้ง​สามจะเดิน​หรือว่า​ไม่เดิน​?

เดิน​ไป​ถึงบน​สะพาน​หิน​โค้ง​ที่​ไม่มีกระบี่​แขวน​ไว้​อีกต่อไป​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ก็​ปัก​เท้า​หยุด​ยืน​นิ่ง​ เขา​ก้มหน้า​ลง​มอง​น้ำ​ใน​ลำคลอง​ จากนั้น​เงยหน้า​ขึ้น​เล็กน้อย​ ตรง​ชะง่อน​หิน​ใหญ่​สีดำ​ริม​ลำคลอง​ก็​คือ​สถานที่​ที่​เด็กหนุ่ม​สวม​รอง​เท้าสาน​กับ​เด็กสาว​มัด​ผม​หาง​ม้าพบ​เจอกัน​เป็นครั้งแรก​ คน​หนึ่ง​ลง​น้ำ​ไป​จับ​ปลา​ คน​หนึ่ง​มอง​คน​จับ​ปลา​

ปลา​เล็ก​ปลา​น้อย​มากมาย​เท่าไร​ที่​ว่าย​อยู่​ใน​สายน้ำ​สีมรกต​อย่าง​สบาย​อุรา​ การแย่งชิง​กัน​ข้ามฟาก​ครั้งหนึ่ง​เพื่อ​แปรเปลี่ยน​จาก​ปลา​มาเป็น​มังกร​ โลก​มนุษย์​ได้​พบเห็น​ประตู​มังกร​โบราณ​หมื่น​ปี​อีกครั้ง​ เกล็ด​สีม่วง​ทองขาว​ส่อง​ประกาย​แย่งชิง​กัน​กระโดด​ข้าม​ผ่าน​

เฉินห​ลิง​จวิน​นั่ง​แปะ​ลง​บน​ริม​ขอบ​ของ​สะพาน​ สอง​ขา​ห้อย​ต่องแต่ง​อยู่​กลางอากาศ​ สอง​แขน​ยก​กอดอก​ เงยหน้า​ถาม “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ก่อนหน้านี้​ตอนที่​ท่าน​ผู้อาวุโส​อยู่​ที่​ตรอก​หนี​ผิง​ ท่าน​มอง​อะไร​ใน​เรือน​หรือ​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ ยิ้ม​เอ่ย​ “เด็กชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ยากจน​จน​หวาดกลัว​ หิวโหย​จน​ตระหนก​ลน​ เพื่อให้​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​จึงเอา​ปลา​มาตากแห้ง​ แล้วก็​กิน​ทั้งหมด​ กิน​จน​ไม่เหลือ​แม้สักนิด​ กิน​จน​เอี่ยมอ่อง​อย่าง​เงียบเชียบ​”

เด็ก​คน​หนึ่ง​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​ที่​เป็น​กำพร้า​ไร้​ที่​พึ่งพิง​ แรกเริ่ม​สุด​ได้​เรียนรู้​การต้ม​ยา​มาจาก​ลูกจ้าง​ร้าน​ยา​ จากนั้น​จึงติดตาม​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เรียนรู้​การ​ขึ้น​เขา​ลง​น้ำ​ ต่อมา​จึงเรียน​วิชาการ​เผา​เครื่อง​ปั้น​จาก​เหยา​เหล่า​โถว​ ฝึก​วิชา​หมัด​เรียนรู้​ตัวอักษร​มาจาก​ตำรา​หมัด​ ครั้น​จึงอาศัย​เทียบ​ยา​ของ​ลู่​เฉิน​มาเรียนรู้​การเขียน​ตัวอักษร​ หลังจาก​เดิน​ออกจาก​บ้านเกิด​ก็​ยังคง​ปฏิบัติ​ต่อ​โลก​ใบ​นี้​อย่าง​ระมัดระวัง​ เรียนรู้​การ​ใช้ชีวิต​อยู่​บน​โลก​ร่วม​สังคม​กับ​คนอื่น​มาจาก​คน​รอบข้าง​ พยายาม​ที่จะ​เรียนรู้​ทักษะ​ติดตัว​ให้ได้​มากขึ้น​ การ​ยอมรับ​ทุกอย่าง​ที่​มาจาก​ใจจริง​ การพิสูจน์​ตัวเอง​และ​การฝึกฝน​ขัดเกลา​จิตใจ​ใน​ทุกๆ​ ครั้ง​ ล้วน​เป็นการ​เติบโต​อย่าง​เงียบเชียบ​อย่างหนึ่ง​ ในขณะเดียวกัน​ก็​พยายาม​อย่าง​สุดความสามารถ​ที่จะ​ตอบแทน​กลับ​ไป​ให้​กับ​โลก​ใบ​นี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ตอนที่​อายุ​ยัง​น้อย​เคย​พูด​กับ​คนอื่น​ว่า​ ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่​ดี​ เขา​ล้วน​จะเรียนรู้​เอา​มา พอ​ถึงท้ายที่สุด​ แม้แต่​เวท​การ​รื้อถอน​หมื่น​สรรพสิ่ง​ วิชาการ​ไข​ใจคน​จาก​อู๋ซวงเจี้ยง​และ​เจิ้งจวี​จง อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ที่​ทุกวันนี้​อายุ​สี่สิบ​ปี​แล้วก็​ยังคง​เรียนรู้​อยู่​เหมือนเดิม​ คิดดู​แล้ว​เฉิน​ผิง​อัน​ในวันหน้า​ก็​จะยังคง​เป็น​เช่นนี้​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​มอง​น้ำ​ใน​ลำคลอง​เส้น​นั้น​ ถามว่า​ “คำ​เรียกขาน​ว่า​โลก​ (ซื่อ​เจี้ย)​ นี้​ แรกเริ่ม​สุด​เป็น​ภาษาของ​ลัทธิ​พุทธ​ คำ​ว่า​เจี้ย​ หาก​อิง​ตาม​การจำแนก​วิธี​ประกอบ​ตัวอักษร​ของ​อาจารย์​สวี่​ คือ​อะไร​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​หน้ามุ่ย​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ อย่า​ได้​เหลือบมอง​ข้า​อีก​เลย​ ข้า​ไม่มีทาง​รู้​แน่นอน​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ชี้ไป​ยัง​ร่อง​คันนา​ที่อยู่​ริม​ลำคลอง​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คำ​ว่า​นา​ คือ​สถานที่​สำหรับ​เพาะปลูก​ข้าว​ ใช้วิธี​ปลูก​สลับ​ตัดกัน​ไปมา​ ซิ่ว​ไฉเฒ่าเคย​เอ่ย​ว่า​ มนุษย์​เกิด​มาก​็มีความปรารถนา​ ปรารถนา​ทว่า​ไม่ได้มา​ ก็​ไม่มีทาง​ที่จะ​ไม่แสวงหา​ คิด​แสวงหา​อย่าง​ไม่มีขอบเขต​และ​ไม่มีขีดจำกัด​ก็​จำต้อง​ไป​ช่วงชิง​เอา​มา เจ้าลอง​ฟังดู​สิ เส้นสาย​นี้​เป็น​เส้นสาย​ที่​ชัดเจน​มาก​ไม่ใช่หรือ​? ดังนั้น​ข้อสรุป​ที่​ได้มา​ใน​ท้ายที่สุด​ก็​คือ​มนุษย์​นั้น​สันดาน​เดิม​ชั่วร้าย​ จึงเป็น​จุดเริ่มต้น​ของ​การ​มีมารยาท​และ​กฎเกณฑ์​ ความรู้​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่าเป็น​รูปธรรม​อย่าง​มาก​ อีก​ทั้ง​หาก​เปลี่ยน​เจ้ามาเป็น​ห​ลี่​เซิ่ง ได้ยิน​แล้​วจะ​ดีใจ​หรือไม่​เล่า​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​กล่าว​อย่าง​ละอายใจ​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ข้า​อ่านหนังสือ​มาน้อย​ ถามอะไร​ข้า​ก็​ไม่เข้าใจ​ ขอโทษ​นะ​ขอรับ​”

“ไม่เป็นไร​ ตำรา​ไม่ได้​มีขา​เสียหน่อย​ วันหน้า​มีโอกาส​ก็​ไป​เปิด​อ่าน​ดู​ อย่า​เอาแต่​อ่าน​ไป​อย่าง​เสียเปล่า​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ตบ​ศีรษะ​ของ​เด็กชาย​ชุด​เขียว​ หลังจาก​เอ่ย​ปลอบใจ​แล้วก็​ตามมา​ด้วย​ประโยค​ตักเตือน​ “วิถีทาง​อยู่​ห่าง​จาก​คน​ไม่ไกล​ ความยากลำบาก​อย่า​กล้ำกลืน​ไป​อย่าง​เสียเปล่า​”

เฉินห​ลิง​จวิน​เข้าใจ​บ้าง​ไม่เข้าใจ​บ้าง​ ไม่สน​แล้ว​ ฟังแล้ว​จด​จำไว้​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​พูด​ด้วย​สีหน้า​อ่อนโยน​ “จิ่งชิง เจ้าไป​ทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​เถอะ​ ไม่ต้อง​มาคอย​นำทาง​แล้ว​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ปลุก​ความกล้า​ถามว่า​ “ต้องการ​ดื่มเหล้า​ที่​ตรอก​ฉีหลง​หรือไม่​? นาย​ท่าน​บ้าน​ข้า​ไม่อยู่​บ้าน​ ข้า​สามารถ​ช่วย​ดื่ม​แทน​เขา​หลาย​ๆ ถ้วย​ได้​นะ​”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ส่ายหน้า​ ยิ้ม​กล่าว​ “ดื่มเหล้า​เวลานี้​ไม่ค่อย​เหมาะสม​สัก​เท่าไร​ ได้เปรียบ​แล้วก็​อย่า​ทำเป็น​ว่า​ยัง​เสียเปรียบ​ นี่​คือ​นิสัย​ที่​ดี​ วางใจ​เถอะ​ ไม่ได้​พูดถึง​เจ้า พูดถึง​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ของ​พวกเรา​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ถอยหลัง​ไป​สอง​สามก้าว​ ประสานมือ​คารวะ​บอกลา​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​อย่าง​นอบน้อม​ แล้ว​ถึงได้​หมุนตัว​วิ่ง​ลง​สะพาน​หิน​โค้ง​ไป​ ไม่กล้า​ทะยาน​ลม​กลับ​ไป​ยัง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​โดยตรง​ คิด​ว่า​จะไปหา​พี่ใหญ่​เจี่ย​ที่​ตรอก​ฉีหลง​เพื่อ​ดื่มเหล้า​ระงับ​ความตกใจ​สัก​มื้อ​

เด็กชาย​ชุด​เขียว​วิ่ง​จากไป​ไกล​แล้ว​ อยู่ดีๆ​ ก็​หยุด​เท้า​ หัน​ตัว​กลับมา​ตะโกน​เสียงดัง​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ข้า​ยังคง​รู้สึก​ว่า​ท่าน​ร้ายกาจ​ที่สุด​ ร้ายกาจ​อย่างไร​ ข้า​เอง​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​ แต่​เอาเป็นว่า​คือ​…อย่างนี้​!”

เฉินห​ลิง​จวิน​ชูแขน​ขึ้น​สูงแล้ว​ยก​นิ้วโป้ง​ตั้งขึ้น​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ก็ช่าง​ปลอบใจ​คน​ได้ดี​จริงๆ​

ฟ้าดิน​ ฟ้าดิน​คือ​โรงเตี๊ยม​ของ​สรรพสิ่ง​ กาลเวลา​ ร้อย​สมัย​คือ​คน​ที่​ผ่าน​ทาง​มาตลอด​กาลเวลา​นับแต่​อดีต​จนถึง​ปัจจุบัน​ ข้า​คือ​คนเดินเท้า​บน​ถนน​ มีทุกข์​มีเศร้า​ มีสุข​มีโชคดี​

ข้าม​น้ำ​ชมบุปผา​ โดย​ไม่ทัน​รู้ตัว​ก็​มาถึงเรือน​ท่าน​ จากลา​กัน​ตรงนี้​ ขอบคุณ​กัน​ตรงนี้​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ประสานมือ​คารวะ​ขอบคุณ​ต่อ​ฟ้าดิน​ นี่​ก็​คือ​การ​บอกลา​

ผู้ฝึก​ตน​ทะยาน​ลม​เดินทาง​ โผน​บิน​หา​ตะวัน​จันทรา​ เบา​พลิ้ว​ล่องลอย​ทั้ง​งดงาม​

คน​บน​โลก​มนุษย์​ เพราะ​ไม่มีอิสระ​เสรี​ ดังนั้น​จึงแสวงหา​อิสระ​ หวัง​ว่า​ครั้ง​หน้าที่​มหาสมุทร​แปรเปลี่ยน​กลายเป็น​ผืน​นา​ ห้วง​มหรรณพ​แห่ง​ความทุกข์​จะกลายเป็น​ผืน​นา​แห่ง​ความสุข​ ทุกคน​มีเสื้อผ้า​สวมใส่​อบอุ่น​มีอาหาร​กิน​อิ่ม​ท้อง​ ทุกหนทุกแห่ง​ล้วน​เต็มไปด้วย​เสียง​ท่อง​ตำรา​ดัง​กังวาน​

สุดท้าย​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​มอง​ไป​ยัง​ตรอก​เก่า​โทรม​สาย​นั้น​ของ​เมือง​เล็ก​

ตรอก​เล็ก​ๆ แห่ง​นั้น​มีชื่อว่า​ตรอก​หนี​ผิง​

วิถี​แห่ง​ฟ้านั้น​แข็งแกร่ง​ เคลื่อน​โคจร​มิแปรเปลี่ยน​ วิญญูชน​จึงต้อง​ปฏิบัติตาม​วิถี​แห่ง​ฟ้า สร้าง​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​กับ​ตัวเอง​ แสวงหา​ความก้าวหน้า​อย่าง​ห้าวหาญ​

ดอก​ไม้ดอก​หนึ่ง​ผลิบาน​จาก​ใน​โคลนตม​ ใช้ใจของ​ตัวเอง​เป็น​แจกัน​ บุปผา​เบ่งบาน​ออก​นอก​แจกัน​ ไม่ใช่ว่า​งดงาม​มาก​หรอก​หรือ​?

เชื่อ​ว่า​อีก​สอง​ท่าน​ที่​เหลือ​ที่มา​เยือน​เมือง​เล็ก​ก็​คงจะ​มอง​หนึ่ง​นั้น​เช่นเดียวกัน​นี้​

……

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​เหลือบมอง​ไป​ยัง​เส้นทาง​ภูเขา​แวบ​หนึ่ง​ ราวกับ​มีก้อน​เมฆขาว​ก้อน​หนึ่ง​หล่น​ร่วง​ลงมา​ใน​ภูเขา​เขียว​

นอกจากนี้​ยังมี​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​ที่​ฝึก​ท่า​เดิน​นิ่ง​ลง​มาจาก​ภูเขา​ เด็กหนุ่ม​ชุด​ขาว​คน​นั้น​จึงล้อ​มวน​อยู่​รอบกาย​ของ​หญิงสาว​ ร้อง​ฮื่อ​ๆ ฮ่าๆ กระโดดโลดเต้น​พลาง​ปล่อย​กระบวนท่า​หมัด​เท้า​เก้งก้าง​น่าเกลียด​

สตรี​คงจะ​เคยชิน​เสียแล้ว​ถึงได้​มอง​เมิน​การ​ก่อกวน​ของ​เขา​ เพียงแค่​เดินลง​จาก​ภูเขา​ ปล่อย​หมัด​ฝึก​ท่า​เดิน​นิ่ง​อยู่​กับ​ตัวเอง​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​คร้าน​จะหันไป​มอง​ชุยตง​ซาน​ผู้​นั้น​อีก​ เขา​ยื่นมือ​ออก​ไป​คว้า​ ใน​มือ​ก็​มีของ​เพิ่ม​มาสอง​อย่าง​ ยันต์​กระบี่​หนึ่ง​เล่ม​ที่​เป็น​ของ​แทน​ตัว​ซึ่งสำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​เป็น​ผู้สร้าง​ขึ้น​มา และ​ยังมี​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​ที่​กรม​อาญา​ต้า​หลี​เป็น​ผู้​แจกจ่าย​อีก​หนึ่ง​แผ่น​ แกะรอย​ทิ้ง​ไว้​อย่าง​หยาบ​ๆ ฝีมือ​ใน​การ​ทำ​และ​วัสดุ​ต่าง​ก็​ธรรมดา​สามัญ

ส่วน​เรื่อง​ที่ว่า​ของ​สอง​ชิ้น​นี้​ได้​มาจาก​ที่ใด​กัน​แน่​ สวรรค์​เท่านั้น​ที่​รู้​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด