กระบี่จงมา 860.5 เหล่าคนรุ่นเยาว์

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 860.5 เหล่าคนรุ่นเยาว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

และ​ยังมี​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ที่​เป็น​คน​ถือ​ดาบ​คน​หนึ่ง​ มีชื่อว่า​ชีฉี โชค​ดีมาก​ หากว่า​ถอย​ออกจาก​อันดับ​ช้ากว่า​นี้​อีก​สัก​สอง​สามปี​ก็​คง​ไม่มีส่วน​ของ​เขา​แล้ว​ ได้ยิน​ว่า​ไป​เยือน​ซาก​ปรัก​สนามรบ​ไม่ทราบ​ชื่อ​มารอบ​หนึ่ง​ มีหวัง​ที่จะ​ฝ่าทะลุ​คอขวด​ขอบเขต​ยอดเขา​เลื่อน​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​

แต่​บุคคล​ที่​ถูก​คัดเลือก​ซึ่งทำให้​คน​พูดคุย​กัน​อย่าง​เพลิดเพลิน​ที่สุด​ก็​คือ​เจ้าคน​ที่​ได้​ฉายา​ว่า​ ‘ยี่​สิบสอง​’ ผู้​นั้น​

ใน​ฐานะ​ลูกศิษย์​ของ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ ไม่มีอะไร​น่า​พูดถึง​ หาก​ใช้คำกล่าว​ของ​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ก็​คือ​หมา​ตัว​หนึ่ง​ ผูก​ไว้หน้า​ประตู​บ้าน​ของ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ก็​พอ​จะเป็น​เทพ​เซียน​ได้​

ชาติกำเนิด​ของ​หยวน​อิ๋ง​ลึกลับ​ อยาก​จะคุย​ให้​มาก​ก็​ยัง​ไม่มีโอกาส​ บวก​กับ​ที่​ไม่เคย​ต่อย​ตี​กับ​ใคร​มาก่อน​ คุย​ไป​คุย​มา อย่าง​มาก​ก็​เป็น​แค่​คำพูด​เดิม​ที่​พูด​ซ้ำหลาย​รอบ​อย่างเช่น​คำ​ว่า​เดิน​ขึ้น​ฟ้าได้​ใน​ก้าว​เดียว​ ไม่มีอะไร​น่าสนใจ​เลย​จริงๆ​

นักพรต​หวัง​หยวน​ลู่​มีชาติกำเนิด​จาก​สาย​โจร​ขโมย​ข้าวสาร​ที่​ไม่ได้รับ​การ​ยอมรับ​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง จึงถือเป็น​ข้อห้าม​ที่​ไม่ใหญ่​ไม่เล็ก​อย่างหนึ่ง​

ทว่า​สวี​เจวี้ยน​ผู้​นั้น​กลับ​ไม่เหมือนกัน​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​นิยาย​เรื่องเล่า​มหัศจรรย์​ที่​ดึงดูดใจ​คน​ได้​อย่าง​ดีเยี่ยม​เล่ม​หนึ่ง​เลย​จริงๆ​ ชาติกำเนิด​ธรรมดา​ คุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​ตน​ก็​สามัญ เป็น​ลูกศิษย์​นักการ​ของ​ฝ่าย​นอก​คน​หนึ่ง​ สตรี​ที่​เติบ​โตมา​ด้วยกัน​ตั้งแต่​เยาว์วัย​ซึ่งขึ้น​เขา​ไป​ฝึก​ตน​ด้วยกัน​ คุณสมบัติ​ดี​ยิ่งกว่า​เขา​ ผล​กลับ​กลายเป็น​ว่า​หันไป​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​ผู้อื่น​ ภายหลัง​ใน​การ​เดินทาง​หา​ประสบการณ์​ครั้งหนึ่ง​ก็​ถึงกับ​ยอม​สละ​ตัวเอง​เพื่อ​สหาย​ร่วม​สำนัก​ที่​มีศัตรู​หัวใจ​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ ตาย​ตก​กลาย​ไป​เป็น​ผี​ แล้วก็​หายเข้ากลีบเมฆ​ไป​นับแต่​นั้น​มา

ทว่า​เรื่องราว​ใน​ตำรา​จบ​ลง​เพียงเท่านี้​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​ทำให้​เด็กสาว​ที่​เพิ่ง​ริ​รัก​บางส่วน​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​เช็ด​น้ำตา​ที่​ไหลริน​ด้วย​ความรวดร้าว​ใจเท่านั้น​

คาดไม่ถึง​ว่า​เมื่อ​สวี​เจวี้ยน​ปรากฏตัว​อีกครั้ง​กลับ​อยู่​ใน​รูปลักษณ์​ของ​ผี​ ได้รับ​ถ้ำสวรรค์​ที่​ระดับ​ขั้นสูง​มาก​มาแห่ง​หนึ่ง​ อยู่ดีๆ​ ก็​โผล่​มาบน​โลก​ เดิน​ขึ้น​ฟ้าไป​ทีละ​ก้าว​ ไม่เพียงแต่​ใกล้​จะได้​เป็น​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​หนึ่ง​แล้ว​ ยัง​เปลี่ยน​สงคราม​การต่อสู้​ให้​เป็น​สันติภาพ​กับ​สำนัก​ศัตรู​ที่​ผูกปม​แค้น​กัน​มานาน​หลาย​พันปี​ด้วย​ วิธีการ​นั้น​ก็​ยิ่ง​ทำให้​คน​คิด​จน​หัว​แทบ​แตก​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ สวี​เจวี้ยน​ถึงกับ​แต่งงาน​กับ​บรรพ​จารย์​หญิง​ผู้บุกเบิก​ภูเขา​ของ​สำนัก​แห่ง​นั้น​…

สตรี​ผู้​นั้น​มีนาม​ว่า​เฉาเก​อ​ ฉายา​คือ​ฟู่คาน​ เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูง​สุดคน​หนึ่ง​ ใน​อดีต​เคย​เลื่อนขั้น​เป็นหนึ่ง​ใน​สิบ​คน​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เพียงแต่ว่า​ภายหลัง​นาง​ปิด​ด่าน​แล้ว​ เป็นเหตุให้​เจ้าสำนัก​หลาย​รุ่น​ใน​ยุค​หลัง​ต่าง​ก็​ไม่เคย​เห็น​หน้า​นาง​มาก่อน​

ผล​คือ​รอ​จน​นาง​กลับคืน​สู่โลก​มนุษย์​อีกครั้ง​ก็​แต่งงาน​กับ​บุรุษ​ที่​อายุ​ไม่ถึงห้าสิบ​ปี​อย่าง​สวี​เจวี้ยน​ผู้​นี้​ ทั้งสองฝ่าย​จึงผูก​สมัคร​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​กัน​นับแต่​นั้น​เป็นต้นมา​

คู่รัก​เทพ​เซียน​ที่​เป็น​เช่นนี้​ หา​ได้​ยาก​ยิ่งนัก​ ใต้​หล้า​จึงฮือฮา​กัน​อย่าง​มาก​

แม้แต่​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​อย่า​งอ​วี๋​โต้​ว​เจ้าลัทธิ​รอง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​เพียงแค่​ปรากฏตัว​ก็​ชอบ​ต่อย​ตี​กับ​คนอื่น​ ก็​ยัง​แหก​กฎ​ไป​ร่วม​แสดงความยินดี​ใน​งานเลี้ยง​ฉลอง​วิวาห์​ด้วยตัวเอง​ อีก​ทั้ง​ยัง​นั่ง​โต๊ะ​ประธาน​ตัว​เดียว​กับ​นักพรต​ซุน​อีกด้วย​ ถึงขนาด​นี้​แล้ว​ทั้งสองฝ่าย​ยัง​ไม่ตี​กัน​ นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​หน้าตา​ของ​สวี​เจวี้ยน​ใหญ่​แค่​ไหน​

นอกจากนี้​บน​โต๊ะ​ประธาน​ยังมี​เจ้าลัทธิ​สามลู่​เฉิน​ รวมไปถึง​นักพรต​หญิง​ไร้​ชื่อเสียง​คน​หนึ่ง​ แต่​นาง​ถึงกับ​สามารถ​นั่ง​โต๊ะ​ประธาน​ได้​ มรรค​กถา​เป็น​เช่นไร​ ขนาด​คนโง่​ก็​ยัง​เดา​ได้​

ใต้​หล้า​มืด​สลัว​แห่ง​หนึ่ง​ สวี​เจวี้ยน​คนเดียว​ครอบครอง​สอง​สำนัก​ใหญ่​

ลู่​เฉิน​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ซุน​ไหว​จงแห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ หย่า​เซิ่งแห่ง​ศาล​บุ๋น​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ รวมไปถึง​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ด้าน​การหลอม​ยา​ของ​ใต้​หล้า​ ดูเหมือน​ว่าต่าง​ก็​เคย​เห็นดี​ใน​ตัว​เขา​อย่าง​มาก​ ต่าง​คน​ต่าง​ก็​เคย​ถ่ายทอด​มรรค​กถา​วิชา​ความรู้​ให้​แก่​เขา​

นี่​ก็​คง​เป็น​ดั่ง​คำ​ว่า​ทั้ง​ดวง​แข็ง​และ​ดวงดี​ แล้ว​ยัง​รู้จัก​วางตัว​เป็น​คน​อีกด้วย​

ในความเป็นจริง​แล้ว​สวี​เจวี้ยน​ไม่ใช่คน​ที่​มีกลอุบาย​ลึกล้ำ​อะไร​จริงๆ​ ความคิด​ของ​เขา​เรียบง่าย​ยิ่ง​ และ​ใน​หลาย​ๆ ครั้ง​ยัง​ค่อนข้างจะ​ไร้เดียงสา​อีกด้วย​ แต่​เจอ​กับ​อุปสรรค​ ตก​อยู่​ใน​ทางตัน​อันตราย​ เขา​กลับ​พลิก​เรื่อง​ร้าย​ให้​กลาย​เป็นเรื่อง​ดี​ได้​เสมอ​

ชีฉีผู้ฝึก​ยุทธ​กับ​สหาย​รัก​หวัง​หยวน​ลู่​เคย​เดินทาง​ร่วมกัน​ มาเยือน​ที่นี่​อย่าง​ลับ​ๆ ครั้งหนึ่ง​ เนื่องจาก​คน​ทั้งสอง​เป็น​คนบ้านเดียวกัน​ ต่าง​ก็​มีชาติกำเนิด​มาจาก​เขต​อู่​ห​ลิง​ของ​ราชวงศ์​ใหญ่​ ชีฉีมาหา​หยวน​อิ๋ง​เพื่อ​ถามเรื่อง​เรื่อง​หนึ่ง​ นั่น​ก็​คือ​สรุป​แล้ว​ขอบเขต​เก้า​ของ​เฉินอิ่น​กวาน​เป็น​อย่างไร​กัน​แน่​

หวัง​หยวน​ลู่​คือ​คนหนุ่ม​ร่าง​เล็ก​เตี้ย​ที่​สุขุม​พูดน้อย​ รูปโฉม​ไม่สะดุดตา​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยังมี​สีหน้า​หวาดหวั่น​ที่​ติดตัว​มาตาม​ธรรมชาติ​อยู่​ด้วย​อีก​หลาย​ส่วน​ หาก​ถอด​ชุด​คลุม​เต๋า​บน​ร่าง​ตัว​นั้น​ ก็​เหมือน​ชาวนา​ใน​หมู่บ้าน​ชนบท​ดี​ๆ นี่เอง​ ต่อให้​เสื้อผ้า​สะอาดสะอ้าน​ก็​ยัง​มอบ​ความรู้สึก​สกปรก​มอมแมม​ให้​กับ​คน​มอง​ ดวงตา​เล็ก​ๆ คู่​นั้น​ ต่อให้​จะมอง​คน​อย่าง​มีมารยาท​ คาด​ว่า​ก็​คง​ถูก​สตรี​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​เป็น​สายตา​ของ​ชายโสด​ขึ้นคาน​ที่​มีคิ้ว​โจร​ตาหนู​ (เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​มีลักษณะ​ไม่น่าไว้ใจ​)

ในความเป็นจริง​แล้ว​ นักพรต​หนุ่ม​ที่​ชาติกำเนิด​ไม่เที่ยงตรง​ผู้​นี้​ ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​สูงมาก​ ใน​สถานการณ์​ทั่วไป​คือ​คน​ที่​ยินดี​ยอม​ถอย​ให้​กับ​ผู้อื่น​ แต่​ขอ​แค่​ลง​มือขึ้น​มาก​็จะอำมหิต​อย่าง​มาก​ จะไม่ไว้ชีวิต​ใคร​เด็ดขาด​ มีพวก​ที่​ชอบ​ยุ่ง​กับ​เรื่อง​ของ​คนอื่น​เคย​ช่วย​คำนวณ​ให้​ บน​เส้น​ทางเดิน​ขึ้น​เขา​ที่หวัง​หยวน​ลู่​เอาแต่​ก้มหน้าก้มตา​ฝึก​ตน​อยู่​เพียงลำพัง​ จำนวน​ครั้ง​ที่​ลงมือ​ซึ่งมีหลักฐาน​ให้​สืบเสาะ​ได้​นั้น​มีทั้งหมด​สิบ​หก​ครั้ง​ ลำพัง​เพียงแค่​เต้า​กวาน​ที่​มีทำเนียบ​ทะเบียน​ก็​ถูก​เขา​ฆ่าทิ้ง​ไป​เกือบ​ร้อย​คน​แล้ว​

ลู่​ไถไม่เคย​มีสีหน้า​ดี​ๆ ให้​กับ​ชีฉีที่​เป็น​คน​มุทะลุ​ แต่กลับ​กลายเป็น​ว่า​ถูกชะตา​กับ​หวัง​หยวน​ลู่​อย่าง​มาก​ บน​โต๊ะ​สุรา​ ดูเหมือนว่า​หวัง​หยวน​ลู่​เกิด​มาก​็ขี้ขลาด​ อีก​ทั้ง​ยัง​ขี้อาย​ ไม่รู้จัก​ชวน​คนอื่น​คุย​หรือ​ดื่ม​สุรา​คารวะ​ ทุกครั้ง​เมื่อ​ถูกลู่​ไถดื่ม​สุรา​คารวะ​ เขา​จะต้อง​ค้อม​เอว​ก้มหัว​ต่ำ​ สอง​มือถือ​จอก​เหล้า​ตาม​ความเคยชิน​ ไม่พูดไม่จา​ก็​กระดก​ดื่ม​รวดเดียว​หมด​

สุดท้าย​นักพรต​หนุ่ม​ที่​บน​หัว​สวม​ตำแหน่ง​โจร​ข้าวสาร​ผู้​นี้​ คาด​ว่า​คง​เป็น​เพราะ​ถูกลู่​ไถดื่ม​สุรา​คารวะ​มากเกินไป​จึงถึงกับ​ดื่ม​จน​เมามาย​ ดวงตา​ของ​เขา​พลัน​แดงก่ำ​ พูด​เสียงสะอื้น​ไห้​ว่า​ “เอิ้ก​ ชีวิต​หลาย​ปี​มานี้​ช่างลำบาก​เหลือเกิน​ จะทนไม่ไหว​อยู่แล้ว​”

คืนนี้​แสงจันทรา​และ​แสงดาว​บางตา​ ใน​ศาลา​ริมน้ำ​ ลู่​ไถยืน​เอน​พิง​เสาศาลา​ หลับตา​พักผ่อน​ โบก​พัด​เบา​ๆ

ทำดี​ต้อง​ได้ดี​ พัด​เอง​ก็​มีชะตา​ดี​ได้​เช่นกัน​

หยวน​อิ๋ง​นั่ง​อ่าน​ตำรา​รวบรวม​บทกวี​เล่ม​หนึ่ง​ที่​มาจาก​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ว่า​กัน​ว่า​คุณชาย​ผู้สูงศักดิ์​ร่ำรวย​นาม​ว่า​จูเหลี่ยน​เป็น​ผู้เรียบเรียง​ ใน​สายตา​ของ​หยวน​อิ๋ง​แล้ว​ บทกวี​คำกลอน​ทั้งหลาย​มีทั้ง​ดี​และ​ไม่ดี​ปะปนกัน​ แต่​คำอธิบาย​ประกอบ​ของ​จูเหลี่ยน​กลับ​มีจุด​ที่​สะดุดตา​คน​อยู่​เยอะ​มาก​

‘บทสรุป​ ทั้ง​นุ่มนวล​ทั้ง​ลึกซึ้ง​ มีรสชาติ​หวาน​กลมกล่อม​ สามารถ​ทำให้​บุรุษ​ผู้​เมามาย​ที่​แสวงหา​ชื่อเสียง​และ​เกียรติยศ​ได้​รับประโยชน์​อย่าง​ไร้ขีดจำกัด​’

‘เริ่มต้น​ด้วย​เจ็ด​อักษร​จะยอดเยี่ยม​เลิศ​ล้ำ​ที่สุด​ หาก​ไม่ใช่ผู้​ที่​โดดเด่น​เป็น​เอกอุ​ ไม่มีทาง​ใช้ถ้อยคำ​ที่​สละสลวย​เช่นนี้​ได้​’ ‘ยาม​ที่​อากาศ​ร้อนระอุ​อ่าน​ถ้อยคำ​นี้​ ประหนึ่ง​ได้ยิน​เสียง​ไม้ไผ่​หัก​ท่ามกลาง​หิมะ​ยาม​ราตรี​ เมื่อ​ตื่นขึ้น​มาสายตา​ที่​มองโลก​จะสว่าง​กว่า​เดิม​’

‘อ่าน​มาถึงตรงนี้​เหมือน​ได้​เจอ​กับ​ผู้​เร้น​กาย​สันโดษ​ นับ​ลูก​สน​ที่​หล่น​ร่วง​กลาง​ภูเขา​ที่​เงียบสงบ​จน​ถ้วน​ทั่ว​ สามารถ​ทำให้​คน​นอกตำรา​ที่​มอง​ดูดาย​นิสัย​โผงผาง​ซาบซึ้ง​สะเทือนใจ​ได้​’ ‘นับแต่​โบราณ​มานักกวี​ผู้รู้​กระจ่างแจ้ง​ สวม​เสื้อ​เนื้อ​หยาบ​จับ​พลิก​ด้าย​สีเหลือง​ (ใน​สมัยโบราณ​หมายถึง​ด้าย​สีเหลือง​ที่​ใช้ผูก​ตราประทับ​ที่​เป็น​ของ​แทน​ตัว​ของ​ขุนนาง​) มีเพียง​ท่าน​ผู้​นี้​เท่านั้น​’

หยวน​อิ๋งจุ๊​ปาก​ด้วย​ความชื่นชม​ เจ้าคน​ที่​ชื่อ​จูเหลี่ยน​ผู้​นี้​ ตัว​เขา​ไม่แต่ง​บทกวี​เสีย​เอง​ก็ช่าง​น่าเสียดาย​จริงๆ​

อืม​ ตัวอักษร​จาน​ฮวา​บรรจง​แบบ​เล็ก​ที่​เขียน​ใน​ตำรา​เล่ม​นี้​ก็​เขียน​ได้​งดงาม​ยิ่งนัก​

ลู่​ไถที่​หลับตา​กำลัง​ครุ่น​คิดถึง​ประโยค​ทั้งหลาย​ที่​บรรพบุรุษ​บ้าน​ตน​เอ่ย​

อากาศ​แห้ง​ข้าวของ​ติดไฟ​ได้​ง่าย​ ระวัง​ฟืน​ไฟ ที่แท้​ก็​พูดถึง​ห​ร่วน​ซิ่ว​ที่​เดิน​ขึ้น​สวรรค์​ไป​แล้ว​

เจ้าทิ้ง​ชีวิต​ไว้​ที่​น้ำพุ​เหลือง​ ก็​อย่า​ได้​โทษ​ฟ้า พูดถึง​ชิงถงเทียน​จวิน​ที่อยู่​ใน​ร้าน​ยา​ของ​บ้านเกิด​เขา​เอง​

คน​ที่​กลับมา​ยามค่ำคืน​ที่​มีลม​หิมะ​ พูดถึง​เฉิน​ผิง​อัน​

สิ่งเหล่านี้​ล้วน​เป็น​คำทำนาย​ของ​ลู่​เฉิน​

และ​อาจารย์​ผู้​ถ่ายทอด​มรรคา​สอง​คน​ของ​ลู่​ไถก็​คือ​ โจว​จื่อ​ผู้​ ‘คุย​ถึงฟ้า’ และ​เผย​หมิ่น​แห่ง​เวท​กระบี่​ของ​ไพศาล​

ส่วน​หลิว​ไฉผู้ฝึก​กระบี่​คน​นั้น​

หลาย​ปี​มานี้​แค่​ลู่​ไถคิดถึง​ชื่อ​นี้​ก็​หงุดหงิด​ใจแล้ว​

หยวน​อิ๋​งอด​ไม่ไหว​ถามว่า​ “คุณชาย​ลู่​ ตอนที่​ท่าน​อยู่​ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​เคย​เจอ​กับ​จูเหลี่ยน​ผู้​นี้​หรือไม่​?”

ลู่​ไถเก็บ​ความคิด​ทั้งหลาย​ลง​ไป​ ส่าย​หน้ายิ้ม​ตอบ​ “ข้า​ไม่เคย​เจอ​ ดูเหมือนว่า​ภายหลัง​จะถูก​เขา​พา​ออก​ไป​จาก​พื้นที่​มงคล​ ตาม​คำกล่าว​ของ​ลู่​เฉิน​คือ​ไป​เป็น​พ่อครัว​เฒ่าอยู่​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แล้ว​ เหมือน​ๆ กับ​ข้า​นั่นแหละ​ น่าเสียดาย​ที่​จูเหลี่ยน​สวม​ใส่หน้ากาก​อยู่​ตลอด​ทั้งปี​ ขี้เหนียว​ยิ่งนัก​ ไม่ยอมให้​คนอื่น​ได้​มีลาภ​ทาง​สายตา​บ้าง​เลย​”

ลู่​ไถยิ้ม​กล่าว​ “หยวน​อิ๋ง​ ความคิด​ความรัก​ส่วน​นั้น​ของ​เจ้าก็​แค่​เดิน​ไป​ตาม​ด้าย​แดง​แห่ง​วาสนา​ชีวิตคู่​เส้น​หนึ่ง​เท่านั้น​ ไม่ได้​มีความหมาย​อะไร​หรอก​”

หยวน​อิ๋ง​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ “ก็​ถือ​เสีย​ว่า​เป็น​วาสนา​ที่​สวรรค์​เป็น​ผู้กำหนด​มาให้​ แบบนี้​ก็​ไม่ดีมาก​หรอก​หรือ​?”

หยวน​อิ๋ง​มุ่น​คิ้ว​น้อย​ๆ เงยหน้า​มอง​คน​สอง​คน​ที่อยู่​ริม​ลำคลอง​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​เตือน​ลู่​ไถว่า​ “โอ้​ มีบุคคล​ใหญ่​เทียมฟ้า​มาเยือน​ถึงสอง​คน​เชียว​นะ​”

ถึงกับ​เป็น​สวี​เจวี้ยน​และ​นักพรต​หญิง​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​มีฉายา​ว่า​ฟู่คาน​

ลู่​ไถยังคง​ไม่ได้​ลืมตา​ ชอบ​คลอเคลีย​กัน​นัก​ก็​ไป​ขึ้น​เตียง​เสีย​สิ เขา​แค่​เอ่ย​ง่ายๆ​ ว่า​ “บุคคล​ยิ่งใหญ่​เช่นนี้​ ดวงตา​เล็ก​ๆ ของ​พวกเรา​สอง​คน​ คาด​ว่า​คง​รองรับ​ไว้​ไม่ไหว​กระมัง​”

หยวน​อิ๋ง​หลุด​หัวเราะ​อย่าง​อดไม่ไหว​ ฟ้าดิน​กว้างใหญ่​ก็​แค่​เท่า​ดวงตา​คู่​หนึ่ง​ ใคร​เป็น​คนพูด​กัน​นะ​?

ขณะ​ที่อยู่​ห่าง​จาก​ศาลา​อีก​สิบ​กว่า​ก้าว​ บุรุษ​หนุ่ม​ผู้​นั้น​ก็ได้​หยุด​เดิน​แล้ว​ เขา​ก้มหัว​คา​ระ​ตาม​ขนบ​ลัทธิ​เต๋า​ “สวี​เจวี้ยน​คารวะ​คุณชาย​ลู่​ แม่นาง​หยวน​”

ลู่​ไถยก​พัด​พับ​ที่อยู่​ใน​มือขึ้น​สูง “เกรงใจ​เกินไป​แล้ว​ โปรด​อภัย​ที่​ไม่ได้​ไป​รอ​ต้อนรับ​แต่ไกล​”

หยวน​อิ๋ง​ก็​ทำ​เลียนแบบ​ด้วย​การ​ยก​เล่ม​รวม​บทกวี​ใน​มือขึ้น​โบก​

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​มีคุณชาย​ลู่​อยู่​ข้าง​กาย​ นาง​ก็​คงจะ​ลุกขึ้น​ยืน​คารวะ​กลับคืน​

เฉาเก​อม​อง​ชายหนุ่ม​หญิงสาว​ที่อยู่​ใน​ศาลา​ด้วย​สายตา​เย็นชา​

อายุ​ไม่มาก​ ความกล้า​ไม่น้อย​ วางมาด​เสีย​ใหญ่​เทียมฟ้า​

สวี​เจวี้ยนตบ​แขน​ของ​นาง​เบา​ๆ นาง​พยักหน้า​รับ​ ไม่มีการเคลื่อนไหว​ใดๆ​

สวี​เจวี้ยน​ยืน​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม​ตลอดเวลา​ ยิ้ม​ถามว่า​ “ขอ​ถามแม่นาง​หยวน​ วันหน้า​ผู้เยาว์​สามารถ​ไป​พบ​อาจารย์​หลิ่ว​ได้​หรือไม่​?”

ก่อนที่​สวี​เจวี้ยน​จะขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​ ชาติกำเนิด​ของ​เขา​ยากจน​ คลุกคลี​อยู่​ใน​ตลาด​ ได้ยิน​ถ้อยคำ​บทกวี​ของ​หลิ่ว​ชีมาไม่น้อย​ จึงเลื่อมใส​อย่าง​มาก​

หยวน​อิ๋ง​พยักหน้า​รับ​ “ต้อง​ไป​พบ​ได้​แน่นอน​”

สวี​เจวี้ยน​จึงยิ้ม​แล้ว​กุม​หมัด​ขอตัว​ลา​กลับ​ไป​ เขา​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​กับ​คนรัก​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ว่า​ “คุณชาย​ลู่​เป็น​คน​นิสัย​เฉยเมย​อยู่แล้ว​ เจ้าอย่า​ได้​ถือสา​”

เฉาเก​อ​ยิ้ม​กล่าว​ “ขอ​แค่​เจ้าไม่ถือสา​ ข้า​ยังไง​ก็ได้​”

ลู่​ไถหุบ​พัด​พับ​ เริ่ม​ไล่​คน​ หยวน​อิ๋ง​กลับ​ดึงดัน​ไม่ยอม​จากไป​ ลู่​ไถจึงล้ม​ตัว​ลง​นอนหลับ​ของ​ตัวเอง​ไป​ ฝ่าย​หยวน​อิ๋ง​ก็​อ่าน​ตำรา​ของ​นาง​ไป​

ยาม​ที่​ท้องฟ้า​กลายเป็น​สีขาว​พุงปลา​

มีเรือ​เล็ก​ลำ​หนึ่ง​พุ่ง​ฉิว​มารวดเร็ว​ราว​สาย​ฟ้าแลบ​ มาหยุดกึก​อยู่​ใจกลาง​ของ​แม่น้ำ​ จากนั้น​ค่อย​ขยับ​เข้ามา​จอด​เทียบท่า​ตรง​ศาลา​หลัง​นี้​

เด็กหนุ่ม​สวม​หมวก​หัว​เสือ​คน​หนึ่ง​ กับ​บุรุษ​เรือน​กาย​แข็งแกร่ง​กำยำ​คน​หนึ่ง​

ก็​คือ​ป๋า​ย​เห​ย่​กับ​หลิว​สือ​ลิ่ว​

หลิว​สือ​ลิ่ว​กระโดด​ขึ้นฝั่ง​ ก้าว​ยาว​ๆ เดิน​เข้ามา​ใน​ศาลา​ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เสียงดัง​ “มาขอบคุณ​เจ้า”

ลู่​ไถลุกขึ้น​ยืนนาน​แล้ว​ ประสานมือ​คารวะ​อย่าง​นอบน้อม​ “ผู้เยาว์​คารวะ​อาจารย์​หลิว​”

จงใจทำเป็น​จำป๋า​ย​เห​ย่​ที่​เป็น​เด็กหนุ่ม​ไม่ได้​

อีก​อย่าง​ต่อให้​เป็น​ป๋า​ย​เห​ย่​แล้ว​อย่างไร​ ลู่​ไถไม่ได้​เลื่อมใส​ใน​ตัว​เขา​เสียหน่อย​ เขียน​บทกวี​ที่​ลอย​ไป​ล่อง​มา อยู่​สูงส่งเหนือ​ใคร​เช่นนั้น​ ลู่​ไถเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ แต่กลับ​กลัว​ความสูง​มาตั้งแต่​เด็ก​แล้ว​

หยวน​อิ๋ง​ลุกขึ้น​ยืน​อย่าง​แช่มช้อย​ ยอบ​กาย​คารวะ​แขก​ทั้งสอง​ท่าน​

จะก้มหัว​คารวะ​ไป​ไย​ ห่างเหิน​กัน​เกินไป​แล้ว​ เมื่อ​ทำ​เช่นนี้​กลับ​เหมือน​สตรี​ที่​ออกจาก​บ้าน​มารับรอง​แขก​พร้อมกับ​สามีตัวเอง​มากกว่า​

ปี​นั้น​ตอนที่​ลู่​ไถเดินทาง​ไป​ท่องเที่ยว​ใบ​ถงทวีป​ร่วมกับ​ศิษย์​น้อง​เล็ก​ ได้​ช่วยเหลือ​ศิษย์​น้อง​เล็ก​ไว้​ไม่น้อย​

โดยเฉพาะ​ครั้งนั้น​ที่​เกือบจะ​เปิดโปง​ความลับ​สวรรค์​ด้วย​ประโยค​เดียว​ ทำให้​ลู่​ไถได้รับบาดเจ็บ​ไม่เบา​ จวิน​เชี่ยน​ที่​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​สาย​เห​วิน​เซิ่งจำต้อง​รับ​น้ำใจ​

หยวน​อิ๋ง​ถาม “เจ้าก็​คือ​ป๋า​ย​เห​ย่?”​

ป๋า​ย​เห​ย่​พยักหน้า​รับ​

หยวน​อิ๋ง​ถามอีก​ “ทำไม​เจ้าถึงต้อง​สวม​หมวก​หัว​เสือ​ด้วย​ล่ะ​?”

ป๋า​ย​เห​ย่​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ หันหน้า​ไป​มอง​บน​แม่น้ำ​

หยวน​อิ๋ง​เอ่ย​เสริม​อีก​ประโยค​อย่าง​ระมัดระวัง​ “น่ามอง​มาก​เลย​นะ​”

หลิว​สือ​ลิ่ว​กลั้น​ขำ​ เอ่ย​เตือน​ว่า​ “แม่นาง​น้อย​ เจ้าอย่า​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ดีกว่า​ อดทน​ไว้​ก่อน​ อย่าง​น้อยที่สุด​รอ​ให้​ข้า​กับ​ป๋า​ย​เห​ย่​จากไป​แล้ว​เจ้าค่อย​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​ลู่​ไถแล้วกัน​”

หยวน​อิ๋ง​กะพริบตา​ปริบๆ​ เอ่ย​เสียง​เบา​ “เหมาะ​มาก​จริงๆ​ นะ​”

หลิว​สือ​ลิ่ว​ไม่ได้​อยู่​นาน​ คุย​เล่น​กับ​ลู่​ไถสอง​สามประโยค​ก็​ออกจาก​ศาลา​ไป​พร้อมกับ​ป๋า​ย​เห​ย่​ เดินทางไกล​กัน​ต่อ​อีกครั้ง​

พา​หยวน​อิ๋ง​กลับ​ไป​ที่​เหลา​สุรา​ ลู่​ไถกลับ​ไป​ที่​เรือน​พัก​ของ​ตัวเอง​ หลัง​ปิดประตู​ลง​ก็​นั่ง​เหม่อ​อยู่​บน​ขั้นบันได​

เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ ลู่​ไถได้​ปั้น​ตุ๊กตา​หิมะ​ตัว​หนึ่ง​ไว้​ใน​ลานบ้าน​ ตุ๊กตา​หิมะ​ตัว​นั้น​ไม่เคย​ละลาย​ตลอด​ทั้งปี​

ลู่​ไถทิ้งตัว​นอนหงาย​ สอด​สอง​มือรอง​ใต้​ท้ายทอย​ต่าง​หมอน​

ปี​นั้น​ตอน​ที่อยู่​ใบ​ถงทวีป​ เพื่อ​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​ให้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ รา​คาที่​ลู่​ไถต้อง​จ่าย​ไม่ใช่แค่​จิต​แห่ง​มรรคา​ไม่มั่นคง​เท่านั้น​ แต่​ดวงจิต​เกือบจะ​แหลก​สลาย​คาที่​ด้วยซ้ำ​ อีก​ทั้ง​ตอนนั้น​ลู่​ไถยัง​มองเห็น​บุคคล​ผู้​หนึ่ง​ที่​เรือน​กาย​ล่องลอย​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​เฉิน​ผิง​อัน​ เขา​เห็น​เพียง​ดวงตา​สีทอง​คู่​หนึ่ง​ที่​หลุบ​ตา​ลง​จาก​ที่สูง​ มอง​มายัง​ลู่​ไถที่​เป็น​ราวกับ​มด​ตัว​หนึ่ง​ นั่น​ราวกับ​เป็น​เค้าโครง​บน​มหา​มรรคา​ของ​ ‘หนึ่ง​’ บางอย่าง​บน​ร่าง​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ บางที​อาจ​มาจาก​เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​ หรือ​บางที​อาจ​มาจาก​อีก​หมื่น​ปี​ให้หลัง​ สวรรค์​เท่านั้น​ที่​รู้​ สวรรค์​เท่านั้น​ที่​รู้​!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด