กระบี่จงมา 862.2 เปิดภูเขา

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 862.2 เปิดภูเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สาย​ของ​เห​วิน​เซิ่ง ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​สามคน​

ต่าง​ก็​อำมหิต​กับ​ตัวเอง​อย่าง​มาก​

ทำไม​ถึงเป็น​เช่นนี้​?

คง​เป็น​เพราะ​พวกเขา​ทั้ง​สามต่าง​ก็​มีความหวัง​ส่วนหนึ่ง​ต่อ​โลก​ใบ​นี้​กระมัง​

ไม่ใช่ว่า​วิถี​ทางโลก​งดงาม​มาก​พอ​ ถึงได้​ทำให้​ใจคน​เกิด​ความหวัง​ แต่​เป็น​เพราะ​วิถี​ทางโลก​ไม่งดงาม​มาก​พอ​ บน​โลก​มนุษย์​ไม่มีเรื่อง​เล็กน้อย​ ถึงได้​มีความหวัง​ต่อ​วิถี​ทางโลก​มากขึ้น​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ถามอย่าง​สงสัย​ใคร่รู้​ “โจว​มี่สั่งให้​หยวน​ซงยืน​นิ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ไม่ขยับ​อย่าง​โง่งม ให้​เฉิน​ผิง​อัน​เงื้อ​กระบี่​ฟัน​ไป​หมื่น​ครั้ง​ ก็​เพราะ​ต้องการ​ความ​เป็น​เทพ​ที่​แผ่​กระจาย​ออก​มาจาก​ความเสียหาย​หลัง​ปล่อย​กระบี่​?”

มรรค​จารย์​เต๋า​พยักหน้า​ “รับมือ​กับ​คน​ฉลาด​ หลาย​ๆ ครั้ง​ก็​มีเพียง​วิธี​ที่​โง่เขลา​เท่านั้น​ถึงจะได้ผล​ดีเยี่ยม​”

ขอ​แค่​เฉิน​ผิง​อัน​ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​จะอ้อม​ผ่าน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ไป​ไม่พ้น​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​วัก​น้ำขึ้น​มาหนึ่ง​กำมือ​ แกว่ง​อยู่​ใน​ฝ่ามือเบา​ๆ อาศัย​สิ่งนี้​มาประเมิน​น้ำหนัก​ของ​กฎระเบียบ​และ​มารยาท​พิธีการ​ของ​ห​ลี่​เซิ่งและ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ใน​ทุกวันนี้​ “ไม่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะสามารถ​ย้าย​ภูเขา​ได้​หรือไม่​ ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​ของ​หลาย​ใต้​หล้า​ต่าง​ก็​เห็น​ขั้น​ตอนนี้​อยู่​ใน​สายตา​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​จะกลายเป็น​เป้าหมาย​ที่​ถูก​ผู้คน​เล่นงาน​แซงหน้า​อวี๋​โต้​ว​ไป​ก่อน​เสีย​อีก​”

อู๋ซวงเจี้ยง​เคย​มอบ​คำทำนาย​ประโยค​หนึ่ง​ให้​กับ​เต๋า​เหล่า​เอ้​ออ​วี๋​โต้​ว​ หาก​ท่าน​ไม่ฝึก​ขัดเกลา​คุณธรรม​ ก็​คือ​หนทาง​สู่ความตาย​

เพราะ​คน​ที่อยู่​บน​เรือ​จะกลายเป็น​ศัตรู​ไป​หมดสิ้น​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​หัวเราะ​หยัน​เสียง​เย็น​ “อริยะ​ผู้​มีคุณูปการ​มีคุณธรรม​ใน​สมัยโบราณ​ สร้าง​คุณ​ความชอบ​ใหญ่​ ช่วงชิง​ใต้​หล้า​ อาศัย​ใจคน​ โจว​มี่ใน​ยุคปัจจุบัน​หมาย​จะใช้เหนือ​ฟ้ามาช่วงชิง​ใต้​หล้า​ไป​ครอง​ อาศัย​ชีวิต​คน​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​ถาม “เจ้าว่า​เจี่ย​เซิงแห่ง​ไพศาล​ผู้​นี้​ ปี​นั้น​นาที​ที่​เขา​ข้าม​ผ่าน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไป​ ใน​ใจกำลัง​คิด​อะไร​อยู่​?”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ตอบ​ส่งๆ “คงจะ​คิด​ว่า​ ‘โชคชะตา​ทรยศ​ โลก​ใบ​นี้​มิอาจ​ยอมรับ​’ กระมัง​ บัณฑิต​ผู้​นี้​ยังมี​จิตใจ​ที่สูง​ยิ่งกว่า​ผืน​ฟ้า ถ้าอย่างนั้น​ก็​เหลือ​แค่​เส้น​ทางขึ้น​ฟ้าให้​เดินเส้น​เดียว​แล้ว​ ข้า​เดา​เอา​ว่า​ผ่าน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไป​ได้​ไม่นาน​เท่าไร​ โจว​มี่จะต้อง​เคย​เงยหน้า​มอง​ฟ้า มั่นใจ​ว่า​ฟ้าสูงแห่ง​นั้น​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​บ้านเกิด​แห่ง​ใจของ​ตัวเอง​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​แบมือ​ออก​ ปล่อย​น้ำ​ที่​สะสมอยู่​ใน​ฝ่ามือ​กลับ​ลง​ไป​ใน​ทะเล​ “หาก​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ย้าย​ภูเขา​ไป​ได้​จริงๆ​ ใช้กระบี่​สังหาร​หยวน​ซง จะได้​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพง​หรือไม่​? แกะสลัก​อักษร​อะไร​? ผิง​ อัน​? บวก​กับ​อักษร​ ‘เฉิน’​ ที่​เฉิน​ซีแกะสลัก​ไว้​ก่อนหน้า​นั้น​ หาก​ยัง​สามารถ​สังหาร​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ได้​อีก​ จุ๊ๆ ถูก​เจ้าเด็ก​นี้​รวม​ชื่อ​จน​ครบ​คน​ ลำพัง​แค่​เรื่อง​นี้​ อีก​หมื่น​ปี​ให้หลัง​ ถ้าอย่างนั้น​ชื่อ​ของ​เขา​เฉิน​ผิง​อัน​เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ยิ่งใหญ่​กว่า​อวี๋​โต้​ว​แล้ว​ล่ะ​ ไม่ถือว่า​เป็น​ความเห็นแก่ตัว​ทั้งหมด​ เพราะ​ยัง​จะช่วย​ให้​ซาก​ปรัก​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ถูก​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ใน​ยุค​หลัง​พูดถึง​มากขึ้น​ นาน​ขึ้น​”

บน​ภูเขา​มีคำกล่าว​อย่างหนึ่ง​เผยแพร่​ออก​ไป​ ถูก​คน​บน​โลก​หลงลืม​อดีต​ที่​เคย​เกิด​ขึ้นไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ ก็​คือ​การตาย​อีก​อย่างหนึ่ง​หลังจากที่​คนตาย​ไป​แล้ว​

มรรคา​จารย์​เต๋า​ส่ายหน้า​ “หาก​จะแกะสลัก​ตัวอักษร​จริง​ ก็​มีแต่​จะแกะสลัก​อักษร​คำ​ว่า​ ‘ผิง​’ จาก​ชื่อ​ฝูผิง​เท่านั้น​” (ผิง​ ฝูผิง​ที่​แปล​ว่า​จอก​แหน​ล่องลอย​เขียน​คนละ​แบบ​กับ​ผิง​ใน​ชื่อ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​)

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​พยักหน้า​

มรรคา​จารย์​เต๋า​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “พูด​คำ​ว่า​โจว​มี่น้อยลง​ ยืน​พูด​ไม่ปวด​เอว​”

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​คลี่​ยิ้ม​อย่าง​สง่างาม

สะพาน​โค้ง​สีทอง​

ห​ร่วน​ซิ่ว​มอง​แสงกระบี่​ที่​ออก​เดินทางไกล​เส้น​นั้น​ จักรวาล​เวิ้งว้าง​นอก​ฟ้าที่​กว้างใหญ่​ไพศาล​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ ดวงดาว​แต่ละ​ดวง​เล็ก​เหมือน​เมล็ด​งาที่​สาด​โปรย​อยู่​บน​พื้น​ มากมาย​จน​นับไม่ถ้วน​ มีบางส่วน​ที่​เบียดเสียด​กัน​ถี่แน่น​ จับกลุ่ม​กลายเป็น​ทางช้างเผือก​อัน​ยิ่งใหญ่​ไพศาล​ที่​สว่าง​เจิดจ้า​พร่างพราว​ แสงกระบี่​ที่​พลัง​อำนาจ​ยิ่งใหญ่​น่า​ครั่นคร้าม​สอด​ลอด​ทะลุ​ธาร​ดารา​ประหนึ่ง​ไฟกลาง​หิน​ ม้าขาว​ควบ​ผ่าน​ช่องแคบ​ พุ่ง​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​เหนือกว่า​การ​ไหลริน​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​เสีย​อีก​

ส่วน​โจว​มี่ก็​หรี่ตา​ลง​หลุบ​มองโลก​มนุษย์​

หลี​เจิน​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​ราว​ระเบียง​ กะพริบตา​ปริบๆ​ “เอ๊ะ​ ทำไม​กระแสน้ำ​ไหล​ถึงเปลี่ยน​ช่องทาง​เสีย​ล่ะ​? นี่​ถือว่า​เป็น​…ประวัติการณ์​เลย​หรือไม่​?”

โจว​มี่ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ทำท่า​สมน้ำหน้า​สะใจต่อหน้า​คนอื่น​ ไม่ใช่นิสัย​ที่​ดี​อะไร​เลย​จริงๆ​”

หลี​เจิน​หันหน้า​ไป​มอง​โจว​มี่ ต่อให้​รู้ไส้​รู้​พุง​กัน​ดี​ แต่​พอ​มอง​มาก​หน่อย​ก็​ยัง​อดไม่ไหว​ที่จะ​รู้สึก​เลื่อมใส​ใน​ตัว​มหาสมุทร​ความรู้​แห่ง​ใต้​หล้า​ ‘จิ้งจอก​เฒ่าเหนือ​เมฆ’ ที่​กิน​ฝ่าเหยียน​อาจารย์​ของ​เชี่ยอวิ้นจน​สิ้นซาก​ผู้​นี้​ไม่ได้​

ห​ลี่​เจิน​ถอน​สายตา​กลับมา​ มอง​ไปนอก​สะพาน​โค้ง​สีทอง​

ใน​สายตา​ของ​ทวยเทพ​ชั้นสูง​แล้ว​ แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ก็​เหมือน​โชคชะตา​แห่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ใน​ดวงตา​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​ใช้ศาสตร์​การ​มอง​ลมปราณ​ นอกจาก​ร่าง​ทอง​ของ​องค์​เทพ​เอง​แล้ว​ ทุกหนทุกแห่ง​ก็​ล้วน​มีแต่​พวก​มัน​

ส่วน​ใน​สายตา​ของ​เทพ​สูงสุด​กลับเป็น​ทัศนียภาพ​อีก​แบบ​หนึ่ง​ ก็​เหมือนกับ​บ้าน​ไร้​ผนัง​หลัง​หนึ่ง​ที่​ประกอบ​กัน​ขึ้น​มาจาก​สิ่งที่​เล็ก​ละเอียด​อย่าง​ถึงที่สุด​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ เพียงแค่​ขยับ​ สิ่งเล็ก​ๆ เหล่านั้น​ก็​เคลื่อนไหว​เปลี่ยนแปลง​ไป​ได้​นับ​แสน​นับ​ล้าน​ มอง​ดูเหมือน​มีระเบียบ​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ไร้​ซึ่งระเบียบ​

เมื่อ​หนึ่ง​หมื่น​ปีก่อน​ จะได้​เลื่อน​เป็น​เทพ​ชั้นสูง​ของ​ยุค​บรรพกาล​หรือไม่​ ก็​ต้อง​ดู​ที่ว่า​จะสามารถ​มองเห็น​วัตถุ​ที่​ไม่สามารถ​แบ่งแยก​ออก​ไป​ได้​อีก​กับ​ตา​ตัวเอง​หรือไม่​

และ​วิถี​การ​โคจร​ทุก​เส้น​จะมีระเบียบ​ใน​ช่วง​ระยะสั้น​ๆ คล้ายคลึง​กับ​ท้องน้ำ​บาง​ช่วง​ตอน​ของ​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ ก็​คือ​วิชา​อภินิหาร​วิชา​หนึ่ง​ หรือ​ก็​คือ​มรรค​กถา​จาก​การผสาน​มรรคา​กับ​ฟ้าดิน​ที่​ผู้ฝึก​ลมปราณ​เผ่า​มนุษย์​เรียกขาน​กัน​ใน​โลก​ยุค​หลัง​

ใต้​หล้า​ทั้งหลาย​ ผู้ฝึก​ตน​ที่​เดิน​ขึ้น​เขา​ใน​ภายหลัง​ เวท​คาถา​เซียน​มรรค​กถา​ทุก​บท​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​ตำรา​หรือ​จด​จำไว้​ใน​ใจเงียบๆ​ ล้วน​ต้อง​อิง​ไป​ตาม​บรรทัดฐาน​ของ​วิถี​แห่ง​ฟ้านี้​ ตัวอักษร​บน​ตำรา​ทุก​ตัว​ เสียง​ใน​ใจทุก​เสียง​ก็​คือ​สมอเรือ​ที่​แม่นยำ​ พยายาม​ที่จะ​สร้าง​การดำรงอยู่​ที่​มีเอกลักษณ์​เป็นหนึ่งเดียว​ขึ้น​มา

เพียงแต่ว่า​ใน​สายตา​ของ​เทพ​ชั้น​สูงสุด​ การกระทำ​นี้​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ใน​โลก​มนุษย์​ยังคง​เป็น​แค่​การขูด​เรือ​หา​กระบี่​ เป็น​เรือ​ที่​ล่อง​ไป​ตามน้ำ​ จึงต้อง​ดึง​สมอเรือ​ที่​โยน​ลง​น้ำ​ให้​เคลื่อนที่​ไป​ช้าๆ ซึ่งจำใจต้อง​ทำ​เท่านั้น​ เป็นเหตุให้​ยาก​ที่จะ​พิสูจน์​ความ​เป็น​อมตะ​ มิอาจ​มีชีวิต​ยืนยาว​อยู่​ร่วมกับ​ฟ้าดิน​ได้​

ใน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ไม่มีเรือ​ลำ​ใด​ที่​หยุด​จอด​ลอย​นิ่ง​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​

ดังนั้น​แน่นอน​ว่า​ย่อม​ไม่มีวัตถุ​ใด​ที่​สมเหตุสมผล​ตาม​หลัก​ฟ้าดิน​

“ใน​อดีต​ฉีจิ้งชุน​ศึกษา​ความรู้​และ​สอนหนังสือ​อยู่​ที่​โรงเรียน​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูหกสิบ​ปี​ สิ่งที่​เขา​ต้องการ​อย่าง​แท้จริง​ก็​คือ​ของ​สิ่งนี้​เรื่องราว​นี้​”

โจว​มี่เหมือน​กำลัง​พูด​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ “เป็นการ​ไหล​มารวมกัน​ของ​สามลัทธิ​ พยายาม​ที่จะ​ก่อตั้ง​ลัทธิ​เรียก​ตัวเอง​เป็น​บรรพบุรุษ​? ถ้าอย่างนั้น​ก็​ดูแคลน​ปณิธาน​ของ​ฉีจิ้งชุน​เกินไป​แล้ว​ น่าเสียดาย​ยิ่งนัก​ที่​เขา​เดิน​คนละ​เส้นทาง​กับ​ข้า​ ไม่ใช่คน​บน​เส้นทาง​เดียวกัน​”

สิ่งที่​ฉีจิ้งชุน​ต้องการ​อย่าง​แท้จริง​ก็​คือ​หวัง​ว่า​บน​ผืน​แผ่นดิน​ของ​โลก​มนุษย์​จะมีผู้ฝึก​ตน​กลุ่ม​เล็ก​ปรากฏ​ขึ้น​มาก่อน​ แล้ว​ค่อย​นำพา​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ตามมา​ เหมือน​เป็นการ​เดิน​ขึ้น​ฟ้าใหม่​อีกครั้ง​ เป็นเหตุให้​ทั้ง​ล่าง​ภูเขา​และ​โลก​มนุษย์​ต่าง​ก็​ไร้​ความทุกข์​ความกังวล​ คน​ที่​ขึ้น​เขา​กลาย​มาเป็น​ออก​เดินทางไกล​ไปนอก​ฟ้า คือ​การ​ไล่ตาม​มหา​มรรคา​ที่​แท้จริง​ และ​นี่​ก็​สอดคล้อง​กับ​การผสาน​มหา​มรรคา​ที่​ ‘แสวงหา​กระดาน​หมาก​ที่​ใหญ่​กว่า​เดิม​’ ของ​ชุย​ฉาน​ผู้​เป็น​ศิษย์​พี่​

เพียงแต่​หนึ่ง​นั้น​ที่​เริ่ม​โคจร​เร็ว​สุด​ ได้​ถูก​กุม​อยู่​ใน​มือ​ของ​ผู้​ครอง​สรวงสวรรค์​เก่า​อยู่​ตลอดเวลา​

สิ่งของ​ที่​มรรคา​จารย์​เต๋า​ต้องการ​ตามหา​ก็​คือ​หนึ่ง​นี้​ สุดท้าย​ตั้งชื่อ​ให้​มัน​ว่า​เต๋า​ (หรือ​เต้า​ มรรคา​)

เคย​หา​มาก่อน​ และ​ถึงกับ​เคย​เห็น​กับ​ตา​ตัวเอง​มาก่อน​ ทว่า​ด้วย​มรรค​กถา​ของ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ กลับ​ยัง​ไม่อาจ​จับกุม​มัน​ไว้​ใน​มือ​ได้​ เพราะ​มัน​ปรากฏ​เพียง​พริบตาเดียว​ก็​พุ่ง​วาบ​หาย​ไป​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เคย​เห็น​มาแล้ว​สามครั้ง​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ได้​เห็น​การ​โคจร​ของ​มหา​มรรคา​ครั้งแรก​สุด​ที่หนึ่ง​นั้น​เป็น​ผู้​พา​มาด้วย​ เป็นเหตุให้​ลัทธิ​เต๋า​มีคำกล่าว​ที่ว่า​สามก่อเกิด​สรรพสิ่ง​

นั่น​คือ​ทัศนียภาพ​ที่​เหนือ​เกิน​กว่า​จินตนาการ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​จะไป​ถึง ทั้ง​งดงาม​ทั้ง​น่าหวาดกลัว​ ทั้ง​เรียบง่าย​ทั้ง​ลี้ลับ​มหัศจรรย์​ มิอาจ​วาด​รูปลักษณ์​ของ​มัน​ออกมา​ ไม่อาจ​บรรยาย​ถึงความงดงาม​ของ​มัน​

หลุดพ้น​จาก​มีไม่มี ใหญ่​เล็ก​ จริง​ลวง​ทั้งหลาย​ทั้งปวง​ คำพูด​ทั้งหมด​บน​โลก​ล้วน​กลาย​มาเป็น​อุปสรรค​ใน​การ​ทำความเข้าใจ​ความลี้ลับ​มหัศจรรย์​ของ​มัน​

ไม่ว่า​จะเป็น​มรรคา​จารย์​เต๋า​หรือ​พระพุทธเจ้า​ เพื่อ​ถ่ายทอดวิชา​ให้​กับ​คนรุ่นหลัง​ บอก​กล่าวถึง​ต้นกำเนิด​ของ​มัน​ ทั้ง​มิอาจ​ไม่เขียน​เป็น​ลายลักษณ์อักษร​ และ​มิอาจ​ใช้ตัวอักษร​มาบรรยาย​ความหมาย​ของ​มัน​ เพราะ​ยิ่ง​ตัวอักษร​มาก​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​อยู่​ห่างไกล​จาก​มัน​มาก​เท่านั้น​

โจว​มี่หันหน้า​ไป​มอง​สตรี​ที่​ยืน​อยู่​บน​ราว​รั้ว​

จากนั้น​จึงมองตาม​สายตา​ของ​นาง​ไป​ยัง​นคร​ป๋า​ยฮ​วา​ที่​กลายเป็น​ซากปรักหักพัง​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​

หลี​เจินจุ๊​ปาก​ด้วย​ความ​ทึ่ง​ “ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ที่​ข้า​นับถือ​ที่สุด​ ผ่าน​ที่ใด​ แม้แต่​หญ้า​สัก​ต้น​ก็​ไม่เหลือ​”

เจ้าสำนัก​ที่​จิต​หยิน​ถูก​บีบ​ให้​ต้อง​สละ​ร่าง​ ไม่เพียงแต่​ขอบเขต​ลดลง​มาจาก​เซียน​เห​ริน​ แม้แต่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ก็​ง่อนแง่น​เต็มที​ ความเสียหาย​ที่​ทำร้าย​ไป​ถึงรากฐาน​มหา​มรรคา​ประเภท​นี้​ไม่ใช่เรื่อง​ที่​สบาย​ๆ อย่าง​แค่​ถูก​ลดทอน​ตบะ​ไม่กี่​สิบ​ปี​หรือ​หลาย​ร้อย​ปี​เท่านั้น​

มัน​เสี่ยงอันตราย​ใหญ่​เทียมฟ้า​ที่​อาจ​ถูก​เฝ้าตอ​รอ​กระต่าย​แอบ​หวนกลับ​ไป​ที่​ภูเขา​ที่ตั้ง​ของ​สำนัก​อีกครั้ง​ หลังจาก​แน่ใจ​ว่า​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​ออก​เดินทางไกล​ไป​แล้ว​ มัน​จึงเก็บ​กรม​เก่า​แห่ง​นั้น​มา เพียงแต่ว่า​เหลือ​แต่​แม่ทัพ​กุ้ง​หอย​ปู​ปลา​ที่​ไม่พอ​จะเอา​มาใช้ทำ​งานใหญ่​ได้​แล้ว​ มัน​เตร็ดเตร่​ไป​ตาม​คลังสมบัติ​แต่ละ​แห่ง​ สุดท้าย​ไป​นั่ง​อยู่​บน​ขั้นบันได​ที่​หน้า​ประตู​ภูเขา​ หัวใจ​เหมือน​ถูก​มีดคว้าน​ ตำแหน่ง​ฐานะ​ของ​สำนัก​บ้าน​ตน​ เกิน​ครึ่ง​คง​รักษา​ไว้​ไม่อยู่แล้ว​

เซียน​กระบี่​ทั้งหลาย​ที่​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​พวก​นี้​ แต่ละคน​อำมหิต​ไม่แพ้​กัน​

ผ่า​แตง​หั่น​ผัก​อำมหิต​มาก​พอ​ คิดไม่ถึง​ว่า​ยาม​ที่​กวาด​ค้น​ปล้นสะดม​จะอำมหิต​ยิ่งกว่า​

แค่​เคย​ได้ยิน​มาว่า​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ ใน​อดีต​ตอน​อยู่​บน​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ยัง​สามารถ​ ‘หยุด​แต่​พอสมควร​’ ภายใต้​การ​จับ​จ้องมอง​มาจาก​สายตา​ของ​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​ทั้งหลาย​ได้​

แต่​ไม่เคย​ได้ยิน​เลย​ว่า​ฉีถิงจี้กับ​ลู่​จือ​ก็​ละโมบ​โลภมาก​ใน​ทรัพย์สิน​ด้วย​

ภาพมายา​ภูเขา​อีก​ลูก​หนึ่ง​คือ​ซาก​ปรัก​สนามรบ​บรรพกาล​ เมื่อ​เจอ​กับ​การ​ปล่อย​กระบี่​ของ​หนิง​เหยา​ ธงเรียก​วิญญาณ​และ​มหาสมุทร​ต้น​ไผ่​สายฟ้า​ของ​ฉีถิงจี้ไล่เลี่ยกัน​ ผี​หญิง​ขอบเขต​โอสถ​ทอง​ตน​หนึ่ง​ที่​โชคดี​หนีรอด​จาก​หายนะ​ใหญ่​มาได้​ ทั้ง​ไม่ถูก​ปราณ​กระบี่​สังหาร​ แล้วก็​ไม่ถูก​ฉีถิงจี้เก็บ​เข้าไป​ใน​ธง นาง​พลัน​ตกตะลึง​ระคน​ยินดี​เป็น​ล้นพ้น​ เมื่อครู่นี้​ลอง​สำรวจ​ห้อง​โอสถ​ดู​ ไม่นึก​เลย​ว่า​อยู่ดีๆ​ จะฟูมฟัก​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​หนึ่ง​ออกมา​ได้​?

เห็น​เพียง​ว่า​ใน​ห้อง​โอสถ​มีตัวอ่อน​กระบี่​ของ​กระบี่​บิน​ขนาดเล็ก​จิ๋ว​อยู่​เล่ม​หนึ่ง​ ลักษณะ​เหมือน​ไผ่​เขียว​หนึ่ง​ต้น​ ดุจ​ไผ่​งามที่ตั้ง​ตระหง่าน​ ตรง​ปล้อง​ต้น​ไผ่​พอ​จะมองเห็น​ลาย​เมฆสาย​ฟ้าแลบ​ได้​เลือนราง​

ราวกับว่า​ทุก​การเคลื่อนไหว​ล้วน​มีบัญชา​สวรรค์​กำหนด​เอาไว้​แล้ว​

นาง​พลัน​คุกเข่า​ลง​บน​พื้น​ ไล่​หันหน้า​ไป​ยัง​จุด​ที่​หนิง​เหยา​ลอยตัว​ปล่อย​กระบี่​ รวมไปถึง​บน​ยอดเขา​ที่​ฉีถิงจี้ยืน​อยู่​ แล้ว​โขก​ศีรษะ​คำนับ​เก้า​ครั้ง​เน้นหนัก​เสียงดัง​

ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​นี้​ นี่​ถือว่า​เป็น​พิธีการ​ใหญ่​ใน​การกราบไหว้​อาจารย์​แล้ว​

ผี​สาว​ที่​ใช้นามแฝง​ว่า​แหย​นไช่​ ตอนที่​โขก​หัว​กราบ​คำนับ​ ใน​ใจก็​พึมพำ​ขอพร​สอง​ข้อต่อ​ฟ้าดิน​อย่าง​จริงใจ​

แรกเริ่ม​สุด​ตอนที่​หนิง​เหยา​ออก​กระบี่​ อันที่จริง​แหย​นไช่​ได้​เตรียม​ยื่น​คอ​รอ​รับ​กระบี่​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​ นาง​จึงยืน​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ ปราณ​กระบี่​เหล่านั้น​คล้าย​จะได้รับ​คำสั่ง​ทางจิต​จาก​เจ้าของ​จึงอ้อม​ผ่าน​ข้าง​กาย​นาง​ไป​

ส่วน​เรื่อง​การแก้แค้น​?

ใน​ซาก​ปรัก​สนามรบ​ที่​ไร้​ขื่อ​ไร้​แป​แห่ง​นี้​มีการเข่นฆ่า​ดุเดือด​น่าอนาถ​เกิดขึ้น​แทบ​ตลอดเวลา​ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​เป็น​ศัตรู​คู่แค้น​กัน​ ต่อให้​เป็น​ผี​วิญญาณ​วีรบุรุษ​หลาย​ร้อย​ตน​ใต้​บังคับบัญชา​ของ​นาง​ ใคร​บ้าง​ที่​ไม่มีความแค้น​ต่อ​นาง​?

มหา​บรรพต​ชิงซาน​ เมื่อ​ผู้ฝึก​กระบี่​กลุ่ม​หนึ่ง​เดิน​ทางผ่าน​ไป​ กลับ​ยังคง​ปลอดภัย​ดี​

ซาน​จวิน​ปี้​อู๋​ที่อยู่​ใน​ห้อง​หนังสือ​หยิบ​แผนที่​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ซึ่งถือเป็น​ของ​ต้องห้าม​ออกมา​ เป็น​แผนที่​ที่​ปี้​อู๋​วาด​ขึ้น​มาเอง​ แต่ละ​สำนัก​ โชคชะตา​ภูเขา​สายน้ำ​มีมาก​หรือ​น้อย​จะมีแสงที่​สว่าง​ระดับ​ไม่เท่ากัน​ปราก​ฎอยู่​บน​แผนที่​ ปี้​อู๋​ค้นพบ​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ว่า​นคร​ป๋า​ยฮ​วา​ นคร​อวิ๋น​เห​วิน​ นคร​เซียน​จาน​ เมื่อ​อยู่​บน​แผนที่​ต่าง​ก็​มืด​สลัว​ใน​ระดับ​ที่​ต่างกัน​ นคร​ป๋า​ยฮ​วา​แทบจะ​เป็น​สีดำ​สนิท​ นคร​เซียน​จาน​กลับ​ถูก​แบ่ง​ออก​เป็น​สอง​ส่วน​

สหาย​รัก​ที่​มีฉายา​ว่า​โซ่ว​เหมย​ ทุกวันนี้​เดินทาง​ท่องเที่ยว​อยู่​ใน​นคร​เซียน​จาน​ ไม่รู้​ว่า​จะเกิดเรื่อง​ไม่คาดฝัน​อะไร​หรือไม่​

ใน​ศาล​เทพ​ภูเขา​ของ​ปี้​อู๋​ตั้ง​วาง​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​เกือบ​ยี่สิบ​ดวง​ไว้​อย่าง​ลับ​ๆ เมื่อ​อยู่​บน​ภูเขา​ นี่​จึงถือว่า​เป็น​มิตรภาพ​แน่นแฟ้น​ที่​ฝาก​ชีวิต​ให้​กัน​แล้ว​

นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​ซาน​จวิน​ปี้​อู๋​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​แห่ง​นี้​มีชื่อเสียง​ที่​ไม่เลว​จริงๆ​

ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​จำนวน​ไม่น้อย​ไม่เชื่อใจ​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​สำนัก​บ้าน​ตัวเอง​ แต่กลับ​เชื่อใจ​ปี้​อู๋​แห่ง​ชิงซาน​

นี่​ก็​คือ​เหตุผล​ว่า​ทำไม​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​เผชิญหน้า​กับ​หนิง​เหยา​ ปี้​อู๋​ถึงต้อง​ตื่นเต้น​ขนาด​นั้น​ เขา​ล่ะ​กลัว​จริงๆ​ ว่า​พูดจา​ไม่เข้าหู​หนิง​เหยา​คำ​เดียว​แล้ว​นาง​จะเงื้อ​กระบี่​ฟัน​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ศาล​ให้​แตก​ออก​ จากนั้น​ฟัน​ให้​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ที่อยู่​ใน​ศาล​พวก​นั้น​แหลก​เละ​ตาม​ไป​ด้วย​

หาก​ศาล​ถูก​หนิง​เหยา​ทุบ​ทำลาย​ ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ที่​มีความ​เชื่อมโยง​กับ​โชคชะตา​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ขุน​เขาใหญ่​อย่าง​แนบแน่น​จะต้อง​เป็น​ดั่ง​ก้อนหิน​ที่​ผุด​หลัง​น้ำลด​แน่นอน​

คุณ​ความชอบ​ใน​การ​สู้รบ​เป็น​ชุด​เช่นนี้​ เซียน​เห​ริน​หนึ่ง​คน​ ขอบเขต​หยก​ดิบ​เก้า​คน​ คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​อย่าง​น้อย​ก็​ต้อง​เป็น​เซียน​ดิน​ หาก​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ทั้งหมด​ถูก​ทำลาย​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ต้อง​ขอบเขต​ถดถอย​กัน​ไป​คนละ​หนึ่ง​ขั้น​ หาก​เอา​มารวมกัน​ก็​พอ​จะทัดเทียม​คุณ​ความชอบ​ใน​การสังหาร​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ได้​แล้ว​

ตาม​หลัก​แล้ว​ คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​น่าจะ​เคย​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​มาบ้าง​ และ​ต้อง​มีบันทึก​ลง​เอกสาร​ไว้​นาน​แล้ว​

บางที​เซียน​กระบี่​หนิง​อาจ​ไม่รู้เรื่อง​นี้​อย่าง​ชัดเจน​ แต่​เฉิน​ผิง​อัน​ผู้​นั้น​เป็น​อิ่น​กวาน​มานาน​หลาย​ปี​ ย่อม​รู้เรื่อง​วงใน​นี้​เป็น​อย่าง​ดี​

ดังนั้น​ปี้​อู๋​คิด​แล้วก็​ไม่เข้าใจ​ว่า​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ที่​เชี่ยวชาญ​การ​คิด​คำนวณ​ที่สุด​ผู้​นี้​ เหตุใด​ทั้งๆ ที่​เดิน​ทางผ่าน​สถานที่​แห่ง​นี้​แล้ว​ กลับ​ยัง​ยินดี​ที่จะ​ปล่อย​ภูเขา​ชิงซาน​ไป​?

ปี้​อู๋​ครุ่นคิด​พลาง​เดิน​ออก​มาจาก​ห้อง​ เดิน​ไป​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ สุดท้าย​มาหยุด​ยืน​อยู่​ใต้​ต้น​เหมย​โบราณ​ต้น​หนึ่ง​ ยัง​ดี​ ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ดวง​ที่อยู่​ใน​ศาล​ยัง​ปลอดภัย​ดี​ ต้นไม้​ที่อยู่​ตรงหน้า​ก็​ไม่เหี่ยวแห้ง​

นี่​ก็​หมายความว่า​สหาย​เก่าแก่​โซ่ว​เหมย​ไม่เพียงแต่​มีชีวิตรอด​ ดูเหมือนว่า​ตบะ​บน​ร่าง​ยัง​ไม่ได้รับ​ความเสียหาย​ด้วย​

ไม่มีลม​เย็น​พัด​โชย​ผ่าน​มา ทว่า​ต้นไม้​โบราณ​กลับ​ส่าย​ไหว​อย่าง​มีชีวิตชีวา​ จากนั้น​ก็​มีเรือน​กาย​ของ​ผู้ฝึก​ตน​คน​หนึ่ง​ปราก​ฎขึ้น​ ปี้​อู๋​กุม​หมัด​ยิ้ม​เอ่ย​ “สหาย​โซ่ว​เหมย​”

ก็​คือ​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าฉายา​โซ่ว​เหมย​ที่อยู่​ตรง​ประตู​มังกร​ของ​นคร​เซียน​จาน​ เขา​หอบ​หายใจ​หนักหน่วง​ ไม่ปกปิด​อาการ​อกสั่นขวัญหาย​ของ​ตัวเอง​แม้แต่น้อย​ เอ่ย​อย่าง​คน​ที่​ยัง​หวาดผวา​ไม่คลาย​ว่า​ “ก่อนหน้านี้​ยืน​อยู่​บน​ยอด​ของ​ซุ้มป้าย​ประตู​มังกร​ อิ่น​กวาน​หนุ่ม​คน​นั้น​ยื่น​นิ้ว​ออกมา​ แค่​ชี้ทีเดียว​ ผู้​ถวายงาน​อันดับ​รอง​ของ​นคร​เซียน​จาน​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ข้า​ก็​ร่าง​ระเบิด​คาที่​ ทั้ง​โอสถ​ทอง​และ​ก่อกำเนิด​ล้วน​ไม่หลงเหลือ​แม้แต่น้อย​ นั่น​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​เชียว​นะ​ ถึงกับ​ไร้​เรี่ยวแรง​ให้​ตอบโต้​เอาคืน​ ไม่ว่า​จะเป็น​เวท​คาถา​หลบหนี​บท​ใด​ก็​ล้วน​หลบเลี่ยง​ไม่ทัน​”

ปี้​อู๋​รู้สึก​กังขา​เล็กน้อย​

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าโบกมือ​ “ไม่ต้อง​ถามอะไร​ทั้งนั้น​”

ซาน​จวิน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

จากนั้น​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าก็​เอ่ย​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “ปี้​อู๋​ซาน​จวิน​ ข้า​ยัง​ต้อง​รีบ​ออก​เดินทางไกล​ในทันที​ เหตุการณ์​คับขัน​ เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ขอยืม​รถ​อัคคี​คัน​นั้น​ของ​เจ้าไป​ใช้ชั่วคราว​แล้ว​”

ปี้​อู๋​ไม่ถามด้วยซ้ำ​ว่า​เป็นเรื่อง​อะไร​ก็​เอา​รถ​ให้​สหาย​รัก​ยืม​โดย​ไม่ลังเล​ โบก​มือหนึ่ง​ครั้ง​ รถ​ที่​มีระดับ​ขั้น​เป็น​อาวุธ​เซียน​ก็​พุ่ง​ทะยาน​ออกจาก​เรือน​ด้านหลัง​ของ​ศาล​บน​ยอดเขา​ ขนาดเล็ก​เท่า​ฝ่ามือ​ เปลวเพลิง​ลุก​ท่วม​ สายฟ้า​ตัด​สลับ​ถัก​ทอ​ ปี้​อู๋​ผลัก​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​ ขณะเดียวกัน​ก็​ถ่ายทอด​คาถา​บังคับ​รถ​อัคคี​ให้​กับ​สหาย​รัก​ด้วย​

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่ายิ้มเจื่อน​เอ่ย​ว่า​ “ปี้​อู๋​ซาน​จวิน​ หาก​เกิดเหตุ​ไม่คาดฝัน​ ต่อให้​ข้า​ชดใช้​ด้วย​ชีวิต​ก็​ยัง​ไม่พอ​เลย​นะ​”

ปี้​อู๋​ยิ้ม​กล่าว​ “การ​เดินทาง​ไป​เยือน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ครั้งนี้​ หาก​เจอ​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​จริงๆ​ สหาย​โซ่ว​เหมย​ก็​สละ​ของ​นอกกาย​รักษา​ชีวิต​ไว้​ก่อน​ ไม่ต้อง​พูด​เรื่อง​ชดใช้​อะไร​ทั้งนั้น​ คิด​เสีย​ว่า​ภูเขา​ชิงซาน​หมด​วาสนา​กับ​สมบัติ​ชิ้น​นี้​ก็แล้วกัน​”

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่ากระทืบเท้า​หนึ่ง​ที​ แล้วก็​ไม่เอ่ย​ถ้อยคำ​เกรงใจ​ให้​มากความ​อีก​ บังคับ​รถ​อัคคี​เร่ง​เดินทาง​ไป​ยัง​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ เอา​ความ​ไป​บอก​แก่​เฝ่ย​หรา​น​ตามที่​ตกลง​ไว้​กับ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​

ปี้​อู๋​ซาน​จวิน​เดิน​นับ​ลูกประคำ​ไป​ตลอดทาง​ กระทั่ง​เดิน​ไป​ถึงเรือน​เห​วิน​ซูก็​จุด​ธูป​สามดอก​กราบไหว้​อย่าง​เคารพ​เลื่อมใส​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด