กระบี่จงมา 884.3 เตรียมสุรา

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 884.3 เตรียมสุรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หาก​คน​ที่​อวี๋หง​ถามหมัด​ด้วย​คือ​เจิ้งเฉียน​ไม่ใช่โจว​ไห่​จิ้ง อย่า​ว่าแต่​ผู้คน​เบียดเสียด​แออัด​ตาม​ตรอก​ตาม​ถนน​อะไร​เลย​ คาด​ว่า​หลังคาเรือน​ทุก​หลัง​ที่อยู่​ใกล้​กับ​ศาล​เทพ​อัคคี​ก็​คง​ถูก​พวก​คน​ที่มา​ชมการ​ประลอง​นั่ง​จน​พัง​ถล่ม​ลงมา​แล้ว​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​พวก​คุณชาย​และ​ลูกหลาน​ตระกูล​สูงศักดิ์​ของ​เมืองหลวง​ต้า​หลี​กลุ่ม​นั้น​ แม้แต่​ลูกหลาน​เมล็ด​พันธ์​แม่ทัพ​ที่​เคย​ไป​เยือน​สนามรบ​มาก่อน​ แต่ละคน​ยาม​ที่​พูดถึง​ ‘เจิ้งเฉียน’​ ความชื่นชม​เลื่อมใส​นั้น​มีมาก​จน​มาก​ไป​กว่า​นี้​ไม่ได้​อีกแล้ว​ สรุป​ก็​คือ​ใคร​กล้า​พูดว่า​เผย​เฉียน​ไม่สวย​ก็​จะมีเรื่อง​กับ​คน​นั้น​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​เหยียน​กวาน​ที่​เคย​โชคดี​ได้​เห็น​การ​ออก​หมัด​ของ​ ‘เจิ้งเฉียน’​ บน​สนามรบ​กับ​ตา​ตัวเอง​มาก่อน​

ใน​ค่ายทหาร​ขนาดใหญ่​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​กองทัพ​ทั้งหลาย​มารวมตัวกัน​ หญิงสาว​เรือน​กาย​ผอม​เพรียว​คน​หนึ่ง​พลัน​หล่น​ร่วง​ลง​มาจาก​ฟ้า จากนั้น​เพียงแค่​ชั่วพริบตา​ฟ้าดิน​ก็​สว่างไสว​ ใน​รัศมี​ร้อย​จั้งรอบด้าน​ ผู้​ที่​ล้ม​ลง​ไป​กอง​กับ​พื้น​ล้วน​ตาย​อย่าง​ศพ​ไร้​สภาพ​สมบูรณ์​ มีเพียง​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​คนเดียว​ที่​ยืน​อยู่​

เป็นเหตุให้​ใน​ใจของ​เหยียน​กวาน​ สตรี​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​จึงแทบ​ไม่ต่าง​จาก​เทพ​ของ​บน​สวรรค์​

เป็นเหตุให้​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​กุม​หมัด​คารวะ​ ไม่ว่า​จะเป็น​มือ​หรือ​เสียง​ของ​เหยียน​กวาน​ก็​ล้วน​สั่นสะท้าน​เล็กน้อย​อย่าง​ที่​มิอาจ​ควบคุม​

เผย​เฉียน​ถาม “ผู้อาวุโส​อวี๋​ มีเรื่อง​จะปรึกษา​หรือ​?”

อวี๋หง​ยิ้ม​กล่าว​ “มีเรื่อง​อยาก​จะปรึกษา​กับ​ปรมาจารย์​เจิ้งจริงๆ​ ครั้งนี้​พวกเรา​จะลง​จาก​เรือ​ที่​ท่าเรือ​ภูเขา​หนิ​วเจี่ยว​ คิด​ว่า​จะแวะ​ไป​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ไม่ทราบ​ว่า​ทุกวันนี้​เจ้าขุนเขา​เฉิน​อยู่​บน​ภูเขา​หรือไม่​?”

เผย​เฉียน​กล่าว​ “อาจารย์​พ่อ​ของ​ข้า​ชอบ​ออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​เพียงลำพัง​ ร่องรอย​ไม่แน่นอน​ ตอนนี้​อาจารย์​พ่อ​อยู่​บน​ภูเขา​หรือไม่​ ข้า​ก็​ไม่กล้า​แน่ใจ​”

อวี๋หง​พยักหน้า​ “ไม่เป็นไร​ เมื่อ​เรือ​จอด​เทียบท่า​ ข้า​ลง​จาก​เรือ​ไป​แล้​วจะ​ไป​เยือน​ภูเขา​พี​อวิ๋น​ก่อน​สัก​รอบ​ ถึงเวลา​นั้น​อาจ​ต้อง​รบกวน​ปรมาจารย์​เจิ้งให้​ส่งคน​นำ​ข่าว​ไป​แจ้งให้​ด้วย​”

เผย​เฉียน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

ส่งคน​?

ข้า​จะใช้ใคร​ได้​?

ผู้พิทักษ์​ซ้าย​ขวา​ของ​ตรอก​ฉีหลง​หรือ​?

หมี่​ลี่​น้อย​ขี้ขลาด​ ไม่กล้า​ออก​จกา​บ้าน​ ส่วน​เจ้าตัว​นั้น​ที่​วัน​ๆ ชอบ​เดิน​เตร็ดเตร่​ไป​ทั่ว​ก็​ไม่เห็น​แม้แต่​เงา

ซ่งจ่างจิ้งแห่ง​ต้า​หลี​ อวี๋หง​ไม่กล้า​ไป​ถามหมัด​ด้วย​แม้แต่น้อย​ เพราะ​จะต้อง​ตาย​

เผย​เฉียน​ที่อยู่​ตรงข้าม​ผู้​นี้​ ถึงอย่างไร​ก็​ต้อง​แพ้​อย่าง​แน่นอน​ อวี๋หง​จึงไม่ยินดี​จะมอบ​ชื่อเสียง​ให้​นาง​เปล่าๆ​

ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ลึก​จน​มองไม่เห็น​ก้นบึ้ง​จริงๆ​

เค่อ​ชิงเว่ย​จิ้น​ เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​ บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​วิถี​กระบี่​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

และ​ยังมี​ ‘อวี๋​หมี่​’ เซียน​กระบี่​ที่​ปล่อย​กระบี่​อยู่​ใน​นคร​มังกร​เฒ่าผู้​นั้น​อีก​

ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ถึงได้​ย้าย​จาก​ภูเขา​พี​อวิ๋น​ขุนเขา​เหนือ​มาอยู่​กับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

บวก​กับ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ที่​อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​เป็น​ขอบเขต​เดินทางไกล​กลุ่ม​นั้น​

โชคชะตา​บู๊​โชติช่วง​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ทวีป​

สำนัก​ที่​เป็น​เช่นนี้​มีค่า​พอให้​อวี๋หง​ลดตัวลงมา​เป็น​ฝ่าย​ผูกมิตร​ด้วย​จริงๆ​

เผย​เฉียน​มอง​จู๋เฟิ่งเซียน​ รู้สึก​ลังเล​เล็กน้อย​ แต่​สุดท้าย​ก็​ยัง​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​

อีก​ฝ่าย​จำตน​ไม่ได้​ แต่​เผย​เฉียน​กลับ​จำเจ้าประมุข​ผู้เฒ่า​ของ​พรรค​ต้า​เจ๋อ​คน​นี้​ได้​

ปี​นั้น​ติดตาม​อาจารย์​พ่อ​ไปเที่ยว​ที่​อาราม​จิน​กุ้ย​แคว้น​ชิงหลวน​ก็ได้​เจอ​กับ​จางกั่ว​เจ้าอาราม​ที่​กำลัง​รับ​ลูกศิษย์​พอดี​ ตอนที่​หลบ​ฝน​ได้​เจอ​กับ​คนใน​ยุทธ​ภพ​สอง​กลุ่ม​ ฝ่าย​หนึ่ง​มาจาก​เรือน​แยนจือ​แคว้น​อวิ๋น​เซียว​ นอกจากนี้​ก็​คน​ของ​พรรค​ต้า​เจ๋อ​แคว้น​ชิงหลวน​ ใน​บรรดา​นั้น​ก็​มีจู๋เฟิ่งเซียน​เจ้าประมุข​ผู้เฒ่า​มาร​ใน​ยุทธ​ภพ​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​คน​นี้​

ตอนนั้น​ยังมี​เด็กสาว​อีก​สอง​คน​ที่​ชื่อว่า​จู๋จื่อ​หยาง​และ​หลิว​ชิงเฉิง ฝ่าย​แรก​มีใบหน้า​รูปไข่​ เวลา​พูดจา​ชอบ​หน้าแดง​ นาง​พก​มีดตัดกระดาษ​ติดตัว​ไว้​เล่ม​หนึ่ง​ มีชื่อว่า​ ‘จุ้ย​เอ่อ​’

ส่วน​คน​หน้า​กลม​อีก​คน​หนึ่ง​พูดจา​มีนัย​ชวน​ให้​ขบคิด​ เหมือนกับ​ท่าน​ปู่​ของ​นาง​

ตอน​ที่อยู่​บน​ภูเขา​ชิงเหย้า​ของ​แคว้น​ชิงหลวน​ บน​ภูเขา​มีอาราม​จิน​กุ้ย​ที่​มีชื่อเสียง​อยู่​ใน​ประวัติศาสตร์​มาเนิ่นนาน​ ใน​อาราม​ปลูก​ต้น​กุ้ย​โบราณ​ไว้​หก​ต้น​ เคย​มีเซียน​ที่​เดินทาง​มาเที่ยว​เยือน​ที่​แห่ง​นี้​พูด​เปิด​เผยความลับ​สวรรค์​ว่า​เป็น​เมล็ดพันธุ์​แห่ง​ดวงจันทร์​

ใต้​ต้นไม้​ที่​แกะสลัก​กระดาน​หมากล้อม​ตัด​สลับ​กัน​สิบ​แปด​ช่อง​ไว้​บน​โต๊ะ​หิน​ ว่า​กัน​ว่า​เป็น​ห​ลี่​ถวน​จิ่งแห่ง​สวน​ลม​ฟ้าที่​ใช้ปราณ​กระบี่​แกะสลัก​เอาไว้​ ร่ม​กิ่ง​กุ้ย​ที่​นักพรต​ใน​อาราม​มอบให้​คนอื่น​โดย​ดู​ตาม​วาสนา​ค่อนข้างจะ​มีค่า​

อวี๋หง​ไม่คิด​จะพูดถึง​เรื่อง​นั่งลง​ดื่ม​น้ำชา​อะไร​ด้วยซ้ำ​ ทักทาย​พูดคุย​เสร็จ​ก็​พา​คน​บอกลา​จากไป​โดยตรง​

ลำพัง​เรื่อง​นี้​ก็​เท่ากับ​ว่า​มอบ​หน้าตา​ที่​ใหญ่​อย่าง​ถึงที่สุด​ให้​กับ​ ‘เจิ้งเฉียน’​ แล้ว​

เผย​เฉียน​จึงเดิน​ไป​ส่งตาม​ระเบียง​เส้น​นั้น​ตลอดทาง​ จนถึง​ปลาย​ระเบียง​ถึงได้​หยุด​เท้า​

หวง​เหมย​สังเกตเห็น​ว่า​ตอนที่​อาจารย์​กลับ​ไป​ คล้าย​จะอารมณ์​ไม่เลว​

เผย​เฉียน​กลับมา​ที่​ห้อง​ เฉาฉิงหล่า​งกำลัง​อ่านหนังสือ​อยู่​ข้างใน​

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​นัก​ก็​มีคน​ชุด​เขียว​แอบ​ดอด​เข้ามา​ใน​ห้อง​จาก​ทาง​หน้าต่าง​ของ​เรือข้ามฟาก​ พลิ้ว​กาย​ลง​บน​พื้น​

เผย​เฉียน​และ​เฉาฉิงหล่า​งทยอย​กัน​ลุกขึ้น​ยืน​ ต่าง​คน​ต่าง​เรียก​ “อาจารย์​พ่อ​” “อาจารย์​”

เสี่ยว​โม่ปรากฏตัว​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​หลังจากนั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​นั่งลง​บน​เก้าอี้​ เฉาฉิงหล่า​งไม่เคลื่อนไหว​เหมือน​ตอไม้​ตอ​หนึ่ง​ เผย​เฉียน​กลับ​ริน​น้ำ​สอง​ถ้วย​ให้​กับ​อาจารย์​พ่อ​และ​ผู้อาวุโส​สี่จู๋แล้ว​

เสี่ยว​โม่เอ่ย​ขอบคุณ​เผย​เฉียน​หนึ่ง​คำ​ หยิบ​ถ้วย​น้ำขึ้น​มาจาก​บน​โต๊ะ​ ถือ​ประคอง​ด้วย​สอง​มือ​ ยืน​ดื่ม​น้ำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่มีอะไร​หรอก​ ก็​แค่​มาส่งพวก​เจ้าเท่านั้น​ อีก​เดี๋ยว​ก็​จะกลับ​เมืองหลวง​แล้ว​”

เผย​เฉียน​กล่าว​ “อาจารย์​พ่อ​ เมื่อ​ครู่​ข้า​เจอ​กับ​เจ้าประมุข​ผู้เฒ่า​จู๋ของ​พรรค​ต้า​เจ๋อ​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ “เมื่อ​ครู่​ข้า​กับ​เสี่ยว​โม่ซ่อนตัว​อยู่​กลาง​เมฆ มอง​ไกลๆ​ มาเห็นภาพ​นี้​แล้ว​ อีก​เดี๋ยว​จะไป​ทักทาย​เขา​เอง​”

ระหว่าง​เดินทาง​ท่องเที่ยว​ใน​อดีต​ เฉิน​ผิง​อัน​เคย​พบ​เจอ​คน​มากมาย​ใน​ยุทธ​ภพ​ ขอบเขต​มีทั้ง​สูงและ​ต่ำ​ มีทั้ง​คนดี​และ​คนเลว​ มีทั้งที่​ทำ​อะไร​พิถีพิถัน​และ​ไม่พิถีพิถัน​ นิสัย​แตก​ต่างกัน​ออก​ไป​ แต่​ต่าง​ก็​เป็น​ยุทธ​ภพ​และ​คนใน​ยุทธ​ภพ​ใน​ใจของ​เฉิน​ผิง​อัน​ทั้งสิ้น​

เฉิน​ผิง​อัน​มือหนึ่ง​ถือ​ถ้วย​ เท้าคาง​ด้วยมือ​ข้างเดียว​ มอง​เผย​เฉียน​ แล้วก็​มอง​เฉาฉิงหล่า​ง

บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่​เป็น​อาจารย์​พ่อ​และ​อาจารย์​ยิ้ม​จน​ตาหยี​

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​บอก​การ​คาดเดา​ที่​มาจาก​วังหลวง​ต้า​หลี​ให้​กับ​คน​ทั้งสอง​รู้​อย่าง​ชัดเจน​ ให้​พวกเขา​ที่​กลับ​ไป​ถึงภูเขา​ลั่วพั่ว​แล้วก็​ให้​ไป​เตือน​ชุยตง​ซาน​ บอ​กว่า​เรื่อง​ของ​การ​เลือก​ที่ตั้ง​สำนัก​เบื้องล่าง​ที่​ใบ​ถงทวีป​ต้อง​ระวัง​แล้ว​ระวัง​อีก​ สถานที่​ที่​เหมาะสม​ที่​ใน​อดีต​ยิ่ง​ยอมรับ​มาก​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ต้อง​ทบทวน​แล้ว​ทบทวน​อีก​มาก​เท่านั้น​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​หลงกล​สกุล​ลู่​แผ่นดิน​กลาง​ แล้วก็​ถือโอกาส​เล่า​ให้​ฟังถึงงานเลี้ยง​สุรา​ครั้งนั้น​คร่าวๆ​ ด้วย​

เผย​เฉียน​จดจำ​สกุล​ลู่​แผ่นดิน​กลาง​ไว้​เงียบๆ​ รวมไปถึง​ชื่อ​ของ​ลู่​เหว่​ย​ด้วย​

ส่วน​เฉาฉิงหล่า​งก็​ถามว่า​ “การกระทำ​เช่นนี้​ของ​สกุล​ลู่​แผ่นดิน​กลาง​ถือว่า​เป็นการ​ละเมิด​ข้อห้าม​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “สำนัก​หยิน​หยาง​นี่​นะ​ ทำ​อะไร​ก็​ล้วน​เจ้าเล่ห์​ เลือก​แบบ​ที่​ทำได้​ทั้งสอง​ทาง​ หาก​ทั้งสองฝ่าย​ทะเลาะ​กัน​จน​ไป​ถึงศาล​บุ๋น​จริงๆ​ ก็​เป็น​บัญชี​เลอะเลือน​ครั้งหนึ่ง​ ต่อให้​พวกเรา​เถียง​ชนะ​ ไม้ที่​ตี​ลง​บน​ร่าง​ของ​สกุล​ลู่​แผ่นดิน​กลาง​ก็​ไม่มีทาง​แรง​เกินไป​”

กล่าว​มาถึงตรงนี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยก​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ “ดังนั้น​ไม่สู้ทำ​เอง​ดีกว่า​ ถึงเวลา​นั้น​สอง​ฝ่าย​ค่อย​ไป​ทะเลาะ​กันที่​ศาล​บุ๋น​”

เผย​เฉียน​ยิ้ม​กว้าง​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ทำท่า​เงี่ย​หูฟัง​ ดื่ม​ชาใน​ถ้วย​จน​หมด​ก็​ลุกขึ้น​ยิ้ม​เอ่ย​ “คิดไม่ถึง​ว่า​ยัง​มีเรื่อง​สนุก​ให้​ดู​ด้วย​ ดูเหมือนว่า​หวง​เหมย​ผู้​นั้น​จะตี​กับ​คนอื่น​แล้ว​ พวก​เจ้าทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​ไป​เถอะ​ ข้า​ชมงิ้ว​จบ​แล้ว​ค่อย​ไป​รำลึก​ความ​หลังกับ​เจ้าประมุข​ผู้เฒ่า​จู๋ ตอน​ลง​จาก​เรือ​คง​ไม่ได้มา​บอกลา​พวก​เจ้าแล้ว​”

เฉาฉิงหล่า​งลุกขึ้น​ตาม​ไป​ด้วย​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “อาจารย์​ ‘ถ้ำสวรรค์​เล็ก​’ ที่​ผู้อาวุโส​สี่จู๋มอบให้​ซึ่งอยู่​กับ​ข้า​ชิ้น​นั้น​ อันที่จริง​ไม่ได้​มีความหมาย​มาก​นัก​ เป็นการ​เอา​ของดี​มาใช้อย่าง​เปล่าประโยชน์​ ทุกวันนี้​ภูเขา​ลั่วพั่ว​พวกเรา​มีการ​ทำการค้า​กับ​คนอื่น​บ่อย​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ไม่สู้อาจารย์​มอบ​มัน​ให้​กับ​ผู้ดูแล​เรือ​เฟิงยวน​ในอนาคต​ สามารถ​เอา​มาไว้​เก็บ​สมบัติ​แห่ง​ฟ้าดิน​ที่​ล้ำค่า​บางอย่าง​บน​ภูเขา​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ปฏิเสธ​อย่าง​ละมุนละม่อม​ “อาจารย์​ย่อม​มีแผนการ​เป็น​ของ​ตัวเอง​อยู่แล้ว​ ไม่ขาด​แค่​ของ​ชิ้น​นี้​ของ​เจ้าหรอก​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​พา​เสี่ยว​โม่ออก​ไป​จาก​ห้อง​ ไป​ร่วมวง​ความ​ครึกครื้น​

รอ​กระทั่ง​อาจารย์​พ่อ​ออก​ไป​จาก​ห้อง​แล้ว​ เผย​เฉียน​ถึงเอ่ย​อย่าง​สงสัย​ว่า​ “เมื่อ​ครู่​เจ้าแอบ​พูด​อะไร​กับ​อาจารย์​พ่อ​?”

เฉาฉิงหล่า​งพูด​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “ก็​แค่​บอก​ให้​อาจารย์​รักษาตัว​ด้วย​”

เผย​เฉียน​หรี่ตา​ลง​ “โกหก​ บอก​มานะ​! เจ้าแอบ​ฟ้อง​เรื่อง​ข้า​กับ​อาจารย์​พ่อ​ใช่ไหม​?”

เฉาฉิงหล่า​งโบกมือ​ “ศิษย์​พี่​หญิง​ใหญ่​ใส่ร้าย​กัน​แล้ว​”

เผย​เฉียน​กำลังจะ​พูด​ เฉาฉิงหล่า​งก​ลับ​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ถ้าไม่เชื่อ​ก็​ลอง​ไป​ถามอาจารย์​ดู​เอง​ได้​”

เดิน​อยู่​ใน​ระเบียง​ เสี่ยว​โม่ยิ้ม​เอ่ย​ “ก่อนหน้านี้​เห็น​ตอ​นอ​วี๋หงลง​จาก​บันได​ มาด​ยาม​ที่​ขึ้น​เวที​นั้น​ รู้สึก​ว่า​จะมีความกล้าหาญ​ยิ่งกว่า​สหาย​เก่า​บางคน​ที่​เสี่ยว​โม่รู้จัก​เสีย​อีก​”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “นี่​เรียก​ว่า​สายตา​มองไม่เห็น​อะไร​ เห็น​เพียง​ความ​องอาจ​ของ​ตัวเอง​เท่านั้น​ ฟังแล้ว​คล้าย​จะเป็น​ความหมาย​ใน​ทาง​ลบ​ อันที่จริง​สำหรับ​ผู้ฝึก​ยุทธ​แล้ว​กลับ​ไม่ใช่เรื่อง​ร้าย​อะไร​”

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ “เรียนรู้​ไว้​แล้ว​”

ที่แท้​ก็​มีคน​คิด​อยาก​จะถามหมัด​กับ​ปรมาจารย์​ผู้เฒ่า​อวี๋​ แล้ว​ยัง​ถึงกับ​พก​เอา​สัญญาเป็น​ตาย​มาด้วย​

อันที่จริง​คน​วัยกลางคน​ผู้​นั้น​เป็น​แค่​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​หก​ที่​พื้นฐาน​ไม่เลว​คน​หนึ่ง​เท่านั้น​ แต่​อยู่​ใน​แคว้น​เล็ก​แห่ง​นั้น​กลับ​ถือว่า​เป็น​วีรบุรุษ​ผู้​กล้า​คน​หนึ่ง​ได้​แล้ว​

นี่​ก็​เป็น​เพราะ​อวี๋หง​เป็น​ไม้ใหญ่​เรียก​ลม​ ไม่มีบุญคุณ​ความแค้น​อะไร​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่​จำเป็นต้อง​ลงนาม​ใน​สัญญาเป็น​ตาย​ เพียงแต่​อีก​ฝ่าย​มั่นใจ​ว่า​อวี๋หง​มีคุณธรรม​พอ​จะไม่ออก​หมัด​ฆ่าคน​ ส่วนตัว​เอง​เท่ากับ​ว่า​ได้​ชื่อเสียง​ใน​ยุทธ​ภพ​มาเปล่าๆ​ โดน​ต่อย​หมัด​สอง​หมัด​ นอน​บน​เตียง​อีก​สัก​หนึ่ง​เดือน​ สิ้น​เปลืองเงิน​เล็กน้อย​ก็​สามารถ​ช่วงชิง​ชื่อเสียง​และ​การ​ถูก​พูด​ถึงที่​ต่อให้​ใช้เวลา​ทั้ง​ชั่วชีวิต​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ทั่วไป​ก็​ยัง​มิอาจ​สะสมมาได้​ ไย​จะไม่ยินดี​ทำ​เล่า​ เพียงแต่ว่า​พรรค​ใน​ยุทธ​ภพ​ก็​มีวิธีการ​ใน​การ​รับมือ​เช่นกัน​ มักจะ​ให้​ลูกศิษย์​เปิด​ภูเขา​รับหน้าที่​เป็น​คนรับ​หมัด​ ดังนั้น​ลูกศิษย์​ใหญ่​ของ​พรรค​แห่ง​หนึ่ง​จึงเหมือน​ประตู​ภูเขา​ที่​รับผิดชอบ​คอย​ขัดขวาง​ไม่ให้​พวก​เสือ​สิงห์​กระทิง​แรด​กล้ำกราย​เข้ามา​ วันนี้​อวี๋หง​จึงส่งหวง​เหมย​ออกมา​ จากนั้น​ให้​เหยียน​กวาน​คอย​คุม​หลัง​อยู่​ข้างๆ​ ส่วนตัว​อวี๋หง​เอง​กลับ​เดิน​จากไป​แล้ว​ ไม่คิด​จะชมการ​ประลอง​ฝีมือ​ที่​แพ้ชนะ​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ลุ้น​แม้แต่น้อย​ ปรมาจารย์​ผู้เฒ่า​เพียงแค่​รวบรวม​เสียง​ให้​เป็น​เส้น​เตือน​หวง​เหมย​อย่าง​ลับ​ๆ ว่า​อย่า​ลง​มือหนัก​เกินไป​นัก​

หวง​เหมย​ฟังเข้าใจ​แล้ว​ ความหมาย​ของ​อาจารย์​ก็​คือ​การ​ออก​หมัด​ของ​ตน​อย่า​ให้​เบา​เกินไป​

ชั้นหนึ่ง​ของ​เรือข้ามฟาก​มีคน​มาเบียดเสียด​รอ​กัน​อยู่​นาน​แล้ว​ ตรง​บันได​ก็​มีคน​ยืนออ​เต็มไปหมด​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงได้​แต่​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​ของ​กลุ่มคน​ เขย่ง​ปลายเท้า​มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​ลาน​ประลอง​ยุทธ​นั้น​

หาก​ไม่ใช่การ​ประลอง​ยุทธ​ครั้งนี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คง​ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​กิจการ​ของ​เรือข้ามฟาก​ตำหนัก​ฉางชุน​จะดี​ขนาด​นี้​

เรือข้ามฟาก​ตระกูล​เซียน​ลำ​หนึ่ง​ที่​เดินทาง​ลอดผ่าน​เมฆหมอก​ หาก​ไม่พูดถึง​รายรับ​ทางการค้า​จาก​การ​ขนส่งสินค้า​ ห้อง​น้อย​ใหญ่​บน​เรือ​ต่าง​ก็​เต็ม​หมด​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​สถานที่​ที่​ผู้คน​ปรารถนา​แม้ใน​ยาม​หลับ​ฝัน​ ซึ่งเป็นเรื่อง​ที่​พบเห็น​ได้​น้อย​มาก​ ปี​หนึ่ง​หา​กลอง​เฉลี่ย​ดู​ก็​อาจ​ได้​รายรับ​ถึงหก​ส่วน​ รายรับ​ของ​เรือข้ามฟาก​ก็​มาก​พอ​น่าดู​ชมแล้ว​ ทุกวันนี้​เรือ​ของ​บ้าน​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​มีอยู่​สอง​ลำ​ ลำ​หนึ่ง​คือ​เรือ​ฟาน​โม่ที่​สามารถ​ข้าม​ดินแดน​ของ​ครึ่ง​ทวีป​ อีก​ลำ​หนึ่ง​คือ​เฟิงยวน​ที่​สามารถ​เดินทางไกล​ข้าม​ทวีป​ได้​ เส้นทาง​การเดินเรือ​ทั้งสอง​ลำ​ก็​คือ​เส้น​ทางการเงิน​สอง​เส้น​ของแท้​แน่นอน​ เฉิน​ผิง​อัน​วางแผน​ไว้​แล้ว​ว่า​จะทำ​กิจการ​ไป​ให้​ถึงทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ ถึงอย่างไร​ที่นั่น​ก็​มีขาใหญ่​ที่​หนา​มาก​อยู่​ขา​หนึ่ง​อย่าง​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​จึงใคร่ครวญ​ว่า​ควรจะ​ให้​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ไป​ช่วงชิง​สถานะ​ของ​ผู้​ถวายงาน​ที่​ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ดี​หรือไม่​ เวลา​เจอ​เรื่อง​เล็กๆ น้อยๆ​ ก็​จะได้​แจ้งชื่อ​ไป​โดยตรง​

เสี่ยว​โม่ไม่รู้สึก​สนใจ​การ​ประลอง​ยุทธ​ประเภท​นี้​เลย​จริงๆ​ เขา​ยก​มือขึ้น​ตบ​ปาก​ที่​อ้า​หาว​เบา​ๆ

เหมือน​ลูกเจี๊ยบ​สอง​ตัว​ที่​เพิ่ง​ออกจาก​เล้า​ เจ้าจิก​ข้า​หนึ่ง​ที​ ข้า​กัด​เจ้าสอง​ที​

ทว่า​คุณชาย​บ้าน​ตน​กลับ​ตั้งใจ​ดู​อย่าง​มาก​ ดูเหมือนว่า​จะค่อนข้าง​สนใจ​วิชา​หมัด​ของ​หวง​เหมย​อยู่​มาก​

เฉิน​ผิง​อัน​อาศัย​การ​ชมศึก​ครั้งนี้​ทำให้​มอง​เบาะแส​บางอย่าง​ออก​ ออก​หมัด​อย่าง​เด็ดเดี่ยว​ กับ​ออก​หมัด​อย่าง​อำมหิต​คือ​วิถี​แห่ง​หมัด​สอง​เส้น​ที่​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​

บน​ร่าง​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​หาก​มีปณิธาน​หมัด​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หาก​ความกล้าหาญ​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​หก​บัง​เกิดขึ้น​ ก็​จะมีภาพ​ปราก​ฎการณ์​เป็น​ของ​ตัวเอง​

เหยียน​กวาน​ใช้นิสัย​ของ​ตัวเอง​มาสยบ​การ​แทรกซึม​ของ​วิชา​หมัด​ แต่​หวง​เหมย​กลับ​มีนิสัย​ที่​สอดคล้อง​กับ​วิถี​แห่ง​หมัด​ซึ่งสืบทอด​มาจาก​สำนัก​ ดังนั้น​ยิ่ง​เป็น​ช่วงหลัง​ๆ ความต่าง​ด้าน​ความสูงต่ำ​ระหว่าง​วิชา​หมัด​ของ​สอง​ฝ่าย​จะยิ่ง​ต่างกัน​มาก​

นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​ผู้ฝึก​ยุทธ​ที่​เดิน​ออกจาก​หอ​ฝูสู่ไป​แตก​กิ่งก้านสาขา​ สร้าง​พรรค​ขึ้น​มาเป็น​ของ​ตัวเอง​ ล้วน​ไม่ใช่ตะเกียง​ขาด​น้ำมัน​อะไร​

แต่​ถึงอย่างไร​สตรี​ผู้​นั้น​ก็​มาจาก​พรรค​ใหญ่​ที่​มีชื่อเสียง​ แม้ว่า​จะออก​หมัด​ไม่เบา​ แต่​ก็​กะ​น้ำหนัก​ได้​อย่าง​ดีเยี่ยม​ กระบวนท่า​หมัด​ที่​ต่อย​ลง​บน​ร่าง​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​จะไม่มีทาง​แตะ​โดน​จุด​ตาย​เด็ดขาด​ ถ้าอย่างนั้น​หลังจากที่​อีก​ฝ่าย​พ่ายแพ้​ใน​การ​ประลอง​ คาด​ว่า​คง​สัมผัส​ได้​ไม่ถึงต้นตอ​ของ​โรค​และ​ภัย​แฝงที่​ถูก​ทิ้ง​ไว้​อย่าง​แน่นอน​ ผี​ไม่รู้​เทพ​ไม่เห็น​อย่างยิ่ง​

กระทั่ง​หวง​เหมย​ปล่อย​หมัด​สุดท้าย​ออก​ไป​ สอง​เท้า​ของ​บุรุษ​วัยกลางคน​ก็​เกือบจะ​พ้น​พื้น​ลอย​กระเด็น​ออก​ไป​ ผล​คือ​ถูก​นาง​ที่​คลี่​ยิ้ม​ยื่นมือ​ไป​คว้า​แขน​ไว้​ เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ออม​มือ​แล้ว​ ดังนั้น​ฝ่าย​หลัง​จึงเพียงแค่​เรือน​กาย​ส่าย​ไหว​ ฝืน​กลืนเลือด​ข้น​ๆ ลงคอ​ กุม​หมัด​ยอมแพ้​หวง​เหมย​

หวง​เหมย​ปล่อยมือ​ออก​ “ล่วงเกิน​แล้ว​”

บุรุษ​ไม่อาจ​ถามหมัด​กับ​อวี๋หง​ แต่​จะดี​จะชั่ว​ก็ได้​ประลอง​กับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ขอ​งอวี๋หง​ แม้ว่า​จะได้รับบาดเจ็บ​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​พึงพอใจ​

เพียงแต่ว่า​บน​ร่าง​ยังมี​บาดแผล​เล็ก​ๆ กระจัดกระจาย​ที่​สะสมเอาไว้​ วันใด​จะพลัน​ก่อตัว​เป็น​เหมือน​เทือกเขา​ที่​ทอด​ยาว​อยู่​ใน​ร่างกาย​หรือไม่​ เขา​กลับ​ไม่รู้ตัว​เลย​

พวก​ผู้ชม​ที่​ชมศึก​อยู่​บน​เรือข้ามฟาก​แทบจะ​เป็น​ผู้ฝึก​ลมปราณ​บน​ภูเขา​ที่​ไม่เชี่ยวชาญ​การ​ใช้หมัด​เท้า​เข่นฆ่า​แทบ​ทั้งหมด​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ชมเรื่อง​สนุก​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ถือว่า​ได้รับ​กำไร​ก้อน​ใหญ่​

กลุ่มคน​ค่อยๆ​ กระจาย​ตัว​แยกย้าย​กัน​ออก​ไป​

จู๋เฟิ่งเซียน​ยืน​คุย​กับ​อวี๋​ชางหมาง​อยู่​ตรง​หัว​เรือ​ สำหรับ​การ​ประลอง​ครั้งนี้​ เขา​ไม่ได้​สนใจ​แม้แต่น้อย​

คนใน​ยุทธ​ภพ​ออกจาก​บ้าน​มาอยู่​ข้างนอก​ สิ่งที่​เห็น​อยู่​ใน​สายตา​ส่วนใหญ่​มักจะ​เป็น​เรื่องราว​ใน​ยุทธ​ภพ​

ก่อนหน้านี้​มีการ​ประลอง​ที่​เวที​ของ​ศาล​เทพ​อัคคี​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ สหาย​เก่า​อย่าง​พวกเขา​สอง​คน​ต่าง​ก็​ไม่ได้​ไป​ร่วม​ชมศึก​ แต่​ไป​ดื่มเหล้า​เคล้า​นารี​ที่​ลำคลอง​ชางผู​ น่าเสียดาย​ที่​มีแต่​นางโลม​ที่​ขาย​ศิลปะ​ไม่ขาย​เรือนร่าง​ ได้​แต่​มอง​มิอาจ​ลูบคลำ​ ว่า​กัน​ว่า​จะพา​กลับ​ไป​ด้วย​ได้​หรือไม่​ก็​ต้อง​ดู​ที่​ความสามารถ​ของ​แต่ละคน​ ต้อง​ดู​เงิน​ใน​กระเป๋า​ของ​แขก​ จู๋เฟิ่งเซียน​ไม่ได้​ขาด​ตั๋วเงิน​ แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​คณิกา​อ่อนเยาว์​สอง​คน​ที่​คอย​ช่วย​ขับร้อง​สร้าง​ความบันเทิง​เริงใจ​อยู่​ข้าง​โต๊ะ​สุรา​ คง​เพราะ​รู้สึก​ว่า​แขก​ทั้งสอง​คนแก่​เกินไป​ ดังนั้น​จึงเพียงแค่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​ แสร้ง​ทำเป็น​ฟังการ​บอกเป็นนัย​อย่าง​ลับ​ๆ ของ​จู๋เฟิ่งเซียน​ไม่ออก​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด