กระบี่จงมา 885.5 หนึ่งคำในใต้หล้า

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 885.5 หนึ่งคำในใต้หล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กวน​อี้​หรา​น​ร้อง​ถุย​หนึ่ง​ที​ “นั่น​เพราะ​เกรงใจ​แซ่ของ​ข้า​ต่างหาก​ เจ้าเห็น​เวลา​เขา​เจอ​เจ้า เกรงใจ​ไหม​ล่ะ​? เคย​มอง​เจ้าเต็มๆ​ ตา​บ้าง​ไหม​?”

จิ่งควน​เอ่ย​ “ก็​ไม่แย่​กระมัง​”

กวน​อี้​หรา​น​ยิ้ม​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ จากนั้น​จึงชี้ไป​ที่​จิ่งควน​ “ดู​สิ ฟังสิ พูดจา​ไม่มีน้ำ​ไหล​รอด​ได้​สัก​หยด​ ได้​เรียนรู้​แล้ว​กระมัง​ อายุ​ไม่มาก​ก็​เป็น​ตา​เฒ่ามาก​ประสบการณ์​ใน​วงการ​ขุนนาง​แล้ว​ หาก​อนาคต​ของ​เจ้าหมอ​นี่​ไม่ปู​ด้วย​ผ้าแพร​ก็​ไร้เหตุผล​เกินไป​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ “จะพูด​อย่างไร​ก็ได้​ ขอ​แค่​ดื่มเหล้า​ไม่เหลือ​ นิสัย​ยาม​ดื่มเหล้า​ไม่มีปัญหา​ นิสัย​ของ​ตัว​คน​ก็​ต้อง​ไม่มีปัญหา​แน่นอน​”

กวน​อี้​หรา​น​เห็นด้วย​อย่างยิ่ง​ “ก็​จริง​นะ​”

ดังนั้น​จิ่งควน​จึงดื่มเหล้า​อีกครั้ง​

กวน​อี้​หรา​นก​ลั้น​ขำ​ ให้​เจ้าจิ่งควน​ได้​ลิ้มรส​ความสามารถ​ใน​การ​ยุ​ให้​คน​ดื่มเหล้า​ของ​นัก​บัญชี​เฉิน​ดี​ๆ สักหน่อย​

มารดา​มัน​เถอะ​ ปี​นั้น​ตอน​อยู่​ทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​ เรียก​ได้​ว่า​ร้อย​เรียง​ต่อเนื่อง​กัน​เป็น​ทอด​ๆ ถูก​เชิญท่าน​ลง​โอ่ง​แล้ว​ยัง​ไม่รู้ตัว​เลย​แม้แต่น้อย​

อยู่ดีๆ​ กวน​อี้​หรา​น​ก็​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “มีความเป็นไปได้​ว่า​จิ่งควน​จะถูก​ย้าย​ไป​ให้​ทำงาน​ข้างนอก​”

จิ่งควน​ส่ายหน้า​ทันใด​ “เป็นเรื่อง​ที่​ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน​เลย​ พูดถึง​ข้า​ทำไม​”

กวน​อี้​หรา​นก​ลอก​ตา​มอง​บน​ “ผายลม​เจ้าน่ะ​สิ วางท่า​เข้าไป​ เชิญเจ้าหนู​เจ้าวางท่า​เข้าไป​เถอะ​ นี่​เป็นเรื่อง​ที่​แน่นอน​แล้ว​ ยัง​มาบอก​กับ​ข้า​ว่า​ไม่มีอะไร​เกี่ยวข้อง​กัน​อีก​ ใน​ที่ว่าการ​ของ​พวกเรา​ หาก​จะพูดถึง​กรม​ขุนนาง​ ข้า​กวน​อี้​หรา​น​ไม่มีคนสนิท​ ใคร​กล้า​พูดว่า​ตัวเอง​มีคนสนิท​บ้าง​เล่า​?”

จิ่งควน​รู้สึก​จนใจ​เล็กน้อย​

กวน​อี้​หรา​น​ไอ้​หมอ​นี่​ดื่ม​จน​เมาแล้ว​จริงๆ​

ไม่อย่างนั้น​คำพูด​เช่นนี้​ก็ช่าง​ไม่เหมาะ​จะพูด​เลย​จริงๆ​

แน่นอน​ว่าที่​สำคัญ​ยิ่งกว่านั้น​ยัง​เป็นเรื่อง​ที่​กวน​อี้​หรา​น​เห็น​ตน​และ​เฉิน​ผิง​อันเป็น​คนกันเอง​แล้ว​

วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ ใคร​บ้าง​ไม่รู้​ว่า​ ‘กรม​ขุนนาง​แซ่กวน​’

ใน​เมื่อ​กรม​ขุนนาง​ยัง​แซ่กวน​แล้ว​ ลูกศิษย์ลูกหา​แซ่กวน​จะมีมาก​แค่​ไหน​ แค่​คิด​ก็​พอ​จะจินตนาการ​ได้​แล้ว​

ประเด็นสำคัญ​คือ​อดีต​ฮ่องเต้​และ​โอรส​สวรรค์​องค์​ปัจจุบัน​ต่าง​ก็​ไม่รู้สึก​ยอก​แสลงใจ​กับ​เรื่อง​นี้​เลย​สักนิด​

เพราะ​ถึงอย่างไร​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​กวน​ก็​คือ​ขุนนาง​จำนวน​ไม่มาก​ที่​ใน​อดีต​กล้า​เถียง​ราชครู​ชุย​ต่อหน้า​

รอ​กระทั่ง​กวน​อี้​หรา​น​ปลด​ประจำการ​จาก​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ผู้ตรวจการ​ลำน้ำ​ใหญ่​ หวน​กลับมา​ที่​เมืองหลวง​ ไม่ได้​ทำงาน​อยู่​ในกรม​ขุนนาง​หรือ​กรม​กลาโหม​อย่าง​ที่​ผิด​จาก​การคาดการณ์​ของ​ทุกคน​ แต่​มารับหน้า​ที่อยู่​ในกรม​คลัง​ที่​ผู้คน​รังเกียจ​มาก​ที่สุด​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ อยู่​ใน​วงการ​ขุนนาง​อย่า​ว่าแต่​เลื่อนขั้น​เลย​ ไม่ถือว่า​เป็นการ​โยกย้าย​ตำแหน่ง​มารับ​ใน​ตำแหน่ง​ที่​เท่าเทียมกัน​ด้วยซ้ำ​ เป็นการ​ถูก​ลดขั้น​อย่าง​จริง​แท้​แน่นอน​

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ ยก​จอก​เหล้า​ขึ้น​ ยิ้ม​เอ่ย​ “ขอ​อวยพร​ให้​ใต้เท้า​หลา​งจงที่​ออก​ไป​เป็น​ขุนนาง​ข้างนอก​สร้าง​ความ​ผาสุก​ให้​กับ​พื้น​ที่หนึ่ง​ เป็น​ขุนนาง​ดุจ​บิดา​มารดา​ที่​ปฏิบัติ​ต่อ​ชาว​ประชา​ดุจ​ลูก​แท้ๆ​ ของ​ตัวเอง​อย่าง​สมชื่อ​”

เดิมที​จิ่งควน​ยัง​กังวล​ว่า​กวน​อี้​หรา​น​จะพูด​เรื่อง​วงใน​มากกว่า​นี้​ โชคดี​ที่​เขา​แค่​หยุด​แต่​พอสมควร​ ดูท่า​แล้ว​น่าจะ​ยัง​ไม่ดื่ม​จน​เมาอย่าง​แท้จริง​

ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​รอง​เจ้ากรม​ฝ่ายซ้าย​ของ​กรม​คลัง​เรียก​จิ่งควน​ไป​ถาม ถามคำถาม​ไม่น้อย​ แม้จะไม่มีท่าที​ที่​แน่ชัด​ แต่​จิ่งควน​กลับ​รู้​ว่า​มีความเป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่า​ตน​ต้อง​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​เป็น​ขุนนาง​ประจำ​ท้องถิ่น​แล้ว​

อีก​ทั้ง​ใต้เท้า​เจ้ากรม​ยัง​ค่อนข้าง​ให้ความสำคัญ​ต่อ​ตน​

แต่​สรุป​แล้​วจะ​ต้อง​ไป​อยู่​ที่ไหน​ จิ่งควน​ได้​แต่​มีการ​คาดเดา​บางอย่าง​เท่านั้น​

รอ​กระทั่ง​กวน​อี้​หรา​น​จงใจพูด​เรื่อง​นี้​ต่อหน้า​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ จิ่งควน​ก็​เริ่ม​มั่นใจ​ได้​หลาย​ส่วน​แล้ว​ว่า​ สถานที่​ที่​ตน​ต้อง​ไป​ประจำการ​ มีความเป็นไปได้​แปด​เก้า​ใน​สิบ​ส่วน​ว่า​จะต้อง​อยู่​ห่าง​จาก​หลง​โจว​ไม่ไกล​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​อยู่​ใน​หลง​โจว​ที่​ ‘อาณา​เขตการปกครอง​’ ควบ​รวมทั้ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​และ​ภูเขา​พี​อวิ๋น​ไว้​ด้วย​แห่ง​นั้น​!

ฟ้าอำนวย​ดิน​อวยพร​คน​สามัคคี​ จิ่งควน​ยัง​ไม่ได้​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ท้องถิ่น​ก็​มีครบ​ทั้ง​สามอย่าง​แล้ว​

เป็น​ขุนนาง​ที่​หลง​โจว​ วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​เห็นพ้องต้องกัน​ว่า​ทั้ง​เป็นอันตราย​ที่​ใหญ่​เทียมฟ้า​ แล้วก็​เป็น​ทั้ง​โอกาส​ที่​ยิ่งใหญ่​ด้วย​ จุดจบ​ไม่ดี​ก็​จะเป็น​เหมือน​อู๋​ยวน​ จุดจบ​ดี​ก็​จะเหมือน​ฟู่อวี้​

เหล้า​มื้อ​หนึ่ง​คน​ทั้ง​สามดื่ม​ร่วมกัน​ประมาณ​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​กว่า​ อันที่จริง​พอ​ถึงช่วง​ท้าย​ๆ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไม่ได้​ยุ​ให้​ดื่ม​สัก​เท่าไร​แล้ว​ ล้วน​เป็น​กวน​อี้​หรา​น​ที่เกิด​การ​แตกหัก​ภายใน​กับ​จิ่งควน​บน​โต๊ะ​เหล้า​แทน​

หลังจาก​ขุนนาง​จาก​กรม​คลัง​ทั้งสอง​คน​เดิน​ออก​ไป​จาก​เหลา​สุรา​ก็​เดิน​โซซัดโซเซ​ไปมา​ ช่วย​ประคอง​กันและกัน​เดิน​อยู่​ริม​ลำคลอง​ชางผู​ มอง​แผ่น​หลัง​ของ​คน​ชุด​เขียว​ฝีเท้า​หนักแน่น​ที่​ยิ่ง​เดิน​ก็​ยิ่ง​ค่อยๆ​ ห่าง​ไป​ไกล​ จิ่งควน​ก็​ให้​อิจฉา​ยิ่งนัก​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​เซียน​กระบี่​ ดื่มเหล้า​เก่ง​จริงๆ​

ลม​เย็น​พัด​โชย​มา กลิ่น​สุรา​จางหาย​ไป​หลาย​ส่วน​

จิ่งควน​เอ่ย​เสียง​เบา​ “ขอบคุณ​มาก​”

กวน​อี้​หรา​น​ส่งเสียง​เรอ​ “ไป​ถึงท้องถิ่น​แล้วก็​ทำ​เรื่อง​ดี​ๆ หลาย​ๆ เรื่อง​หน่อย​”

“เป็น​ขุนนาง​ใน​ท้องถิ่น​ไม่เหมือนกับ​เป็น​ขุนนาง​ใน​เมืองหลวง​ของ​พวกเรา​ ที่นี่​มีที่ว่าการ​เยอะ​ กฎเกณฑ์​ก็​มากมาย​ เส้น​แบ่ง​ชัดเจน​ ใคร​ที่​เป็น​ขุนนาง​ก็​พอ​จะรู้กัน​ดี​อยู่​ใน​ใจ พูดถึง​แค่​ตรอก​หนันซ​วิน​ของ​พวกเรา​ หลา​งจงคน​หนึ่ง​จะนับ​เป็น​อะไร​ได้​? เพียงแต่ว่า​พอ​ไป​อยู่​ข้างนอก​ เรื่อง​ต่างๆ​ มากมาย​ที่​ทำ​กลับ​ต้อง​อาศัย​มโนธรรม​ใน​ใจ จะมีหรือไม่​มีก็ได้​ จะทำ​หรือไม่​ทำ​ก็ได้​ จะฉลาด​หรือ​จะเลอะเลือน​ก็ได้​ จะพยักหน้า​หรือ​ส่าย​ก็ได้​ จะรู้​หรือ​จะไม่รู้​ก็ได้​ พูด​ไป​พูด​มาแล้ว​ล้วน​เป็น​เจ้าที่​ต้อง​ตัดสินใจ​เอง​”

“จิ่งควน​ ท่าน​ปู่ทวด​ของ​ข้า​เคย​บอ​กว่า​เป็น​ขุนนาง​น้ำ​ใสที่​ถามใจตัวเอง​แล้ว​ไม่ละอาย​นั้น​ไม่ง่าย​เลย​ ต้อง​เป็น​ทั้ง​ขุนนาง​น้ำ​ใสและ​เป็น​ทั้ง​ขุนนาง​ที่​ดี​ที่​มีแต่​จะยาก​ยิ่งกว่า​ อะไร​ที่​เรียก​ว่า​เป็น​ขุนนาง​ที่​ดี​ ก็​คือ​ใน​ใจต้อง​รู้สึก​ย่ำแย่​อยู่​ตลอดเวลา​”

คน​ทั้งสอง​เดิน​ขึ้นไป​บน​สะพาน​โค้ง​ด้วยกัน​ กวน​อี้​หรา​น​เซถลา​ รีบ​ก้าว​เร็ว​ๆ ไป​ที่​ราว​รั้ว​ของ​สะพาน​ หันหน้า​เข้าหา​ลำคลอง​ชางผู​แล้ว​อาเจียน​โฮกฮาก​

จิ่งควน​ที่​เดิมที​ตบหลัง​ให้​กวน​อี้​หรา​น​เบา​ๆ คาด​ว่า​คง​ติดร่างแห​เดือดร้อน​ไป​ด้วย​ พลัน​รู้สึก​เหมือน​แม่น้ำ​พลิก​มหาสมุทร​คว่ำ​ จึงนอนคว่ำ​ลง​บน​ราว​รั้ว​อาเจียน​คู่​กับ​กวน​อี้​หรา​น​

สุดท้าย​คน​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​หยุด​อาเจียน​พร้อมกัน​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย​ หมุนตัว​กลับ​รูด​ตัว​พิง​ราว​รั้ว​นั่งลง​บน​พื้น​ หันหน้า​มาสบตา​แล้ว​ยิ้ม​ให้​กัน​

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​เลียบ​ไป​ตาม​เส้นทาง​ลำคลอง​ที่​มีประกาย​แสงไหลริน​

งานเลี้ยง​สุรา​ใน​วันนี้​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​พา​เสี่ยว​โม่มาด้วย​ เพียงแค่​ให้​เขา​เดินเล่น​ที่​ลำคลอง​ชางผู​ตามสบาย​

เสี่ยว​โม่อยู่​ว่าง​ไม่มีอะไร​ทำ​จึงไป​ซื้อ​โคม​ดอกบัว​สอง​สามดวง​มาจาก​ข้างทาง​ วาง​ลง​ไป​ใน​ลำคลอง​ จากนั้น​ก็​ขยับ​เท้า​เดินตาม​โคม​ที่​ลอย​อยู่​ใน​ลำคลอง​ไป​ช้าๆ

แค่​เดินเล่น​อยู่​ที่นี่​ไม่กี่​ก้าว​ เสี่ยว​โม่ก็​สังเกตเห็น​ว่า​ตัวเอง​สามารถ​แยก​คนใน​พื้นที่​ของ​เมืองหลวง​กับ​คนต่างถิ่น​ได้​เพียงแค่​มอง​แวบเดียว​ บน​ร่าง​ของ​ฝ่าย​แรก​มีความ​เหี้ยมหาญ​อย่าง​ที่​ยาก​จะปกปิด​ ยิ่ง​อายุ​น้อย​ก็​ยิ่ง​เห็นได้ชัด​ ส่วน​คนต่างถิ่น​ที่​ต่อให้​เสื้อผ้า​จะหรูหรา​ แต่​สีหน้า​กลับ​มีความสำรวม​เหมือน​ถูก​มัด​มือ​มัด​เท้า​อยู่​หลาย​ส่วน​

เสี่ยว​โม่ยืน​อยู่​ริม​ลำคลอง​ชางผู​ มอง​น้ำ​ใน​ลำคลอง​สาย​นั้น​

ใช้ตะกร้า​ไม้ไผ่​ตัก​น้ำ​ งมเอา​บทกวี​พรรณนา​ดวงจันทร์​พันปี​ขึ้น​มา

เสียง​กีบ​ม้าสะเทือน​พื้นดิน​ บทเพลง​ชายแดน​ร้อย​ปี​สาด​กระเซ็น​

เสี่ยว​โม่เหม่อลอย​ อด​นึกถึง​การ​พบ​เจอกัน​โดยบังเอิญ​เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​นั้น​ไม่ได้​

บุคคล​ผู้​นั้น​เอา​สอง​มือ​สอด​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ มองดู​โลก​มนุษย์​ เดินลง​มาจาก​หอ​บิน​ทะยาน​ที่​เดิมที​ควรจะ​มีแค่​เซียน​ดิน​ที่​ได้​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​จากไป​เพียงลำพัง​ช้าๆ อย่าง​ ‘ผิด​มหันต์​’

ใต้​หล้า​

คำกล่าว​คำ​นี้​ นาที​นั้น​ไม่ใช่คำนาม​ แต่​เหมือน​คำกริยา​มากกว่า​

บางที​อาจ​เพราะ​มองเห็น​เสี่ยว​โม่ที่นั่ง​อยู่​ห่าง​จาก​หอ​บิน​ทะยาน​ไป​ไม่ไกล​ บุคคล​ผู้​นั้น​จึงสบตา​กับ​เสี่ยว​โม่ จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พลาง​ยื่นมือ​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​…

คืนนี้​เวลานี้​เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​อยู่​ริมน้ำ​ โบกมือ​ให้​เสี่ยว​โม่ที่อยู่​ห่าง​ไป​ไม่ไกล​

สุรา​ใน​ค่ำ​คืนนี้​ไม่ได้​ดื่ม​ไป​อย่าง​เสียเปล่า​ กวน​อี้​หรา​น​คือ​คน​ที่​เคารพ​กฎ​ใน​การ​เป็น​ขุนนาง​อย่าง​มาก​ ดังนั้น​ก่อนหน้านี้​ที่​พูดถึง​คน​ของ​หน่วย​แท่น​ฝน​หมึก​ที่​ทำตัว​ร้ายกาจ​จึงไม่ใช่คำพูด​ไร้​เจตนา​ใดๆ​ ไม่ใช่คำพูด​ติดลมบน​โต๊ะ​สุรา​ แต่​เป็นการ​เตือน​เฉิน​ผิง​อันว่า​ให้​บอก​กับ​ต่งสุ่ย​จิ่งคนบ้านเดียวกัน​ว่า​ วันหน้า​ทำการค้า​ต้อง​ระมัดระวัง​ให้​มาก​ เพราะ​ได้​ถูก​ลูกหลาน​คนรวย​ที่​มีอำนาจ​ใน​เมืองหลวง​ส่วนน้อย​ซึ่งอิจฉาตาร้อน​ใน​กิจการ​ของ​เขา​หมายหัว​เอาไว้​แล้ว​

ไม่ได้​บอ​กว่า​เจ้าคน​ที่อยู่​ใน​หน่วย​แท่น​ฝน​หมึก​กรม​คลัง​ซึ่งไม่ใช่แซ่ของ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ผู้​นั้น​จะสามารถ​ทำให้​ต่งสุ่ย​จิ่งบาดเจ็บ​ถึงเส้นเอ็น​และ​กระดูก​อะไร​ได้​จริงๆ​ อันที่จริง​อีก​ฝ่าย​ไม่มีคุณสมบัติ​แม้กระทั่ง​จะงัดข้อ​กับ​ต่ง​ครึ่ง​เมือง​อย่าง​จริงจัง​เลย​ด้วยซ้ำ​ แต่​ลูกหลาน​คนมีเงิน​จำนวน​ไม่น้อย​ใน​เมืองหลวง​ก็​มีภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆ ของ​ตัวเอง​เหมือนกัน​ พวกเขา​ชอบ​จับกลุ่ม​สามัคคี​ประดุจ​พี่น้อง​ร่วมอุทร​ อยู่​ใน​เมืองหลวง​ แต่ละคน​อาจ​เป็น​เต่า​หดหัว​ แต่​ขอ​แค่​ออก​ไปนอก​เมืองหลวง​ ไป​ถึงท้องถิ่น​ ไม่ว่า​จะบน​ภูเขา​หรือ​ล่าง​ภูเขา​ จะใน​วงการ​ขุนนาง​หรือ​วงการ​การค้า​ก็​ล้วน​ทำตัว​กร่าง​กัน​อย่าง​มาก​ หาก​ต่งสุ่ย​จิ่งถูก​พวกเขา​ร่วมมือ​กัน​เล่นงาน​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นปัญหา​ที่​ไม่เล็ก​เลย​

แน่นอน​ว่า​นี่​ก็​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​ที่​ต่งสุ่ย​จิ่งปิดประตู​หาเงิน​เงียบๆ​ จึงทำให้​เส้นสาย​มากมาย​ใน​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ไม่ชัดเจน​สะดุดตา​ด้วย​ ถึงได้​ทำให้​คนอื่น​รู้สึก​ว่า​เขา​คือ​มะพลับ​นิ่ม​

วิถี​ทางโลก​ก็​มักจะ​ซับซ้อน​เช่นนี้​ บางที​ต่อให้​เคารพ​กฎเกณฑ์​ก็​ยัง​หนี​ไม่พ้น​ถูก​คนอื่น​หาเรื่อง​

ก็​เหมือน​อย่าง​ริม​ลำคลอง​ชางผู​แห่ง​นี้​ คน​คน​หนึ่ง​เดิน​ไป​อย่าง​มีระเบียบ​ จากนั้น​ก็​มีผี​ขี้เหล้า​เดิน​โงนเงน​มาชน​ แม้จะหลีกทาง​ให้​ก็​ไม่ได้​ จะหลบ​ก็​หลบ​ไม่พ้น​

เสี่ยว​โม่ข่ม​กลั้น​อารมณ์​ขึ้น​ลง​ใน​ใจที่​แปลกประหลาด​อย่าง​ถึงที่สุด​นั้น​ลง​ไป​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “คุณชาย​ มีคน​ผู้​หนึ่ง​ทำท่า​ลับๆ ล่อๆ​ เมื่อ​ครู่​แอบมอง​ประเมิน​คุณชาย​สอง​ครั้ง​แล้ว​”

“อีก​ฝ่าย​เป็น​เซียน​เห​ริน​เหมือนกับ​ผู้อาวุโส​ลู่​ แต่กลับ​ต่อสู้​เก่ง​กว่า​”

“เดิมที​ข้า​อยาก​รอ​ให้​ถึงครั้ง​ที่สาม​แล้ว​จะไป​ลากตัว​เขา​ออกมา​ แต่​อีก​ฝ่าย​ระวังตัว​มาก​ ราวกับว่า​สังเกตเห็น​ความตั้งใจ​ของ​ข้า​ได้​ก่อน​ล่วงหน้า​แล้ว​ คุณชาย​พูด​ได้​ถูกต้อง​แล้ว​ ต้อง​มอง​พวก​คน​ที่​ทำนาย​พยากรณ์​ได้​โดย​เพิ่ม​ขอบเขต​อีก​ขั้น​หนึ่ง​จริงๆ​ ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ทั้ง​ยัง​รู้สึก​จนใจ​อยู่​บ้าง​ หลังจาก​ขอบเขต​ถดถอย​ก็​ยาก​ที่จะ​ชิงความได้เปรียบ​อีก​

เฉิน​ผิง​อัน​ครุ่นคิด​ คน​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​คน​หนึ่ง​?

ไม่มีทาง​เป็น​ฉีเจิน​เทียน​จวิน​ใหญ่​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​ ยิ่ง​เซี่ยสือ​แห่ง​อุตรกุรุทวีป​ก็​ยิ่ง​ไม่มีทาง​เป็นไปได้​ หรือ​จะเป็น​คน​ประหลาด​บางคน​ที่​แค่​เดิน​ทางผ่าน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​มาเท่านั้น​? หรือ​จะเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​ลู่​เฉิน?​ คน​ผู้​นี้​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​ภูเขา​ของ​อดีต​ราชวงศ์​ป๋า​ยซวง​มานาน​หลาย​ปี​ ใช้นามแฝง​ว่า​เฉาหรง​ อาราม​เต๋า​ใน​ภูเขา​ที่​เขา​ทิ้ง​เอาไว้​มีคน​เก่งกาจ​มากมาย​ ซึ่งอาจจะ​กลายเป็น​สำนัก​เบื้องล่าง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​แห่ง​ถัดไป​

เฉาหรง​ผู้​นี้​เคย​ฉาย​ประกาย​แสงเจิดจ้า​ที่​สนามรบ​ของ​นคร​มังกร​เฒ่า

เคย​เรียก​ภาพ​วิหค​และ​บุปผา​แห่ง​ขุนเขา​สาย​น้ำหนึ่ง​เล่ม​รวม​ทั้งสิ้น​แปด​ภาพ​มาสร้าง​ค่าย​กล​ปกป้อง​ตลอดทั้ง​นคร​มังกร​เฒ่าเอาไว้​

เจ้าลัทธิ​ทั้ง​สามท่าน​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงต่าง​ก็​มีตราประทับ​ส่วนตัว​คน​และ​ชิ้น​ซึ่งได้​ประทับ​ลง​บน​ภาพ​ขุนเขา​สายน้ำ​สี่ภาพ​ ‘เต้า​จิงซือ’​ (เต้า​คือ​มรรคา​ จิงคือ​คัมภีร์​ ซือ​คือ​อาจารย์​) ของ​เจ้าลัทธิ​ใหญ่​ บุ๋น​ไร้​ที่หนึ่ง​บู๊​ไร้​ที่สอง​ของ​อวี๋​โต้​ว​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​ สือจื้อ​หรู​จิน​ (แปล​ตรงตัว​ว่า​เป็น​หิน​จนถึง​ปัจจุบัน​ เป็นการ​บอก​ให้​ฟังคำ​เกลี้ยกล่อม​หรือ​คำเตือน​ของ​ผู้อื่น​ ทำ​อะไร​หนักแน่น​มั่นคง​เหมือน​ก้อนหิน​)

และ​ยังมี​ของ​นักพรต​ซุน​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ที่​เป็น​คำ​ว่า​ ‘ได้​เห็น​ดอก​ท้อ​อีกครั้ง​’

นอกจากนี้​ตราประทับ​อีก​สี่ชิ้น​ที่​ประทับ​ลง​ด้านหลัง​ของ​ม้วน​ภาพ​วิหค​บุปผา​ก็​มีความเป็นมา​เหมือนกัน​ แบ่ง​ออก​เป็น​คำ​ว่า​ ‘เสียงร้อง​คน​ตะลึง​’ (เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​ปกติ​ไม่แสดง​ฝีมือ​ก็​ไม่มีอะไร​โดดเด่น​ แต่​พอ​แสดง​ฝีมือ​กลับ​ทำให้​คนอื่น​ตกตะลึง​) ของ​ฝูลู่​อวี๋​เสวียน​ ‘ลูก​หงส์​’ ของ​จ้าว​เทียน​ไล่​เทียน​ซือ​ใหญ่​แห่ง​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ ‘เจื้อยแจ้ว​ดัง​ไม่หยุด​’ ของ​ฮว่อ​หลง​เจิน​เห​ริน​

รวมไปถึง​ ‘ตาขาว​’ (หมายถึง​อาการ​เหลือก​ตา​มอง​บน​ แสดง​การ​ดูแคลน​ หรือ​มอง​ค้อน​ประ​หลับ​ประ​เหลือก​) ของ​ราชครู​ต้า​หลี​ชุย​ฉาน​

นักพรต​วัยกลางคน​คน​หนึ่ง​มาปรากฏตัว​อยู่​ตรงหน้า​เฉิน​ผิง​อัน​และ​เสี่ยว​โม่ เขา​ก็​คือ​เฉาหรง​

เฉาหรง​ไม่ได้​ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​ มีความจริงใจ​อย่าง​มาก​

เฉาหรง​คารวะ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ ยิ้ม​ถามว่า​ “ขอ​ถามอิ่น​กวาน​ว่า​ตอนนี้​อาจารย์​ของ​ผิน​เต้า​สบายดี​หรือไม่​? ได้​กลับ​ไป​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิงแล้ว​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กุม​หมัด​คารวะ​ “ผู้เยาว์​คารวะ​เฉาเซียน​จวิน​ หาก​ไม่ผิด​ไป​จาก​ที่​คาด​ ตอนนี้​เจ้าลัทธิ​ลู่​น่าจะ​ยัง​กลับ​ไป​ไม่ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ อาจจะ​ไป​เยือน​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​และ​ภูเขา​เมฆาเรือง​ก่อน​รอบ​หนึ่ง​ เฉาเซียน​จวิน​สามารถ​ไป​รอ​เจ้าลัทธิ​ลู่​ที่​ภูเขา​เมฆาเรือง​ได้​ โอกาส​ที่จะ​ได้​เจอกัน​จะมีมากกว่า​”

เฉาหรง​ยิ้มเจื่อน​เอ่ย​ว่า​ “หาก​อาจารย์​ไม่ยินดี​มาพบ​ข้า​ด้วยตัวเอง​ก็​คง​ไม่มีทางได้​พบ​หน้า​ท่าน​อาจารย์​แน่​”

เสี่ยว​โม่มอง​ประเมิน​เฉาหรง​แวบ​หนึ่ง​

ดูท่า​ความสามารถ​ใน​การ​รับ​ลูกศิษย์​ของ​สหาย​ลู่​จะไม่เลว​เลย​

กู้​ชิงซงที่​มีฉายา​ว่า​เซียน​ฉาได้รับ​ความเลื่อมใส​จาก​คุณชาย​ของ​ตน​อย่าง​มาก​

คน​ตรงหน้า​นี้​ มรรค​กถา​ก็​ไม่ถือว่า​ต่ำ​เกินไป​นัก​

เฉาหรง​ยิ้ม​ถาม “อิ่น​กวาน​ ยอด​ฝีมือ​ท่าน​นี้​คือ​?”

เสี่ยว​โม่คารวะ​อีก​ฝ่าย​ตาม​พิธีการ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ “ฉายา​สี่จู๋ เฉาเซียน​จวิน​สามารถ​เรียก​ข้า​ว่า​เสี่ยว​โม่เหมือน​สหาย​ลู่​ได้​”

หัวใจ​ของ​เฉาหรง​บีบ​รัดตัว​แน่น​ คารวะ​กลับคืน​ “คารวะ​ผู้อาวุโส​สี่จู๋”

สหาย​ลู่​ที่​คน​ผู้​นี้​เอ่ยถึง​ย่อม​ต้อง​เป็น​อาจารย์​ของ​ตน​แน่นอน​

ก่อนหน้านี้​มอง​ขุนเขา​สายน้ำ​ผ่าน​ฝ่ามือสอง​ครั้ง​ ครั้งแรก​สัมผัส​ไม่ได้​ถึงสิ่งใด​ ไม่มีความผิดปกติ​ใดๆ​ เห็นได้ชัด​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่รู้​ว่า​ตน​ลอบมอง​อยู่​ไกลๆ​

ครั้ง​ที่สอง​เพียง​ชั่วพริบตา​นั้น​ เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​เฉาหรง​ก็​บีบรัด​ตัวอย่าง​ไม่มีสาเหตุ​ ประหนึ่ง​เผชิญ​กับ​ศัตรู​ตัวฉกาจ​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​ไม่ได้​มาจาก​เฉิน​ผิง​อัน​ แต่​มาจาก​การเปลี่ยนแปลง​เล็กๆ น้อยๆ​ จาก​การ​เชื่อมโยง​ใน​จุด​อื่น​ของ​ลำคลอง​ชางผู​

เฉาหรง​รีบ​แหก​กฎ​ทำนาย​ดวง​ให้​ตัวเอง​ ผล​คือ​คำทำนาย​ชวน​ให้​คน​ตะลึง​ยิ่งนัก​

ผู้ฝึก​ตน​ ‘หนุ่ม​’ ที่​ไม่มีบรรยากาศ​ของ​ยอด​ฝีมือ​แม้แต่น้อย​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ หาก​ไม่ผิด​ไป​จาก​ที่​คาด​ต้อง​เป็น​บิน​ทะยาน​ไม่ทราบ​นาม​บน​ยอดเขา​สูงสุด​ของ​ไพศาล​แน่นอน​

หรือว่า​จะเป็น​ผู้​ปกป้อง​มรรคา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ส่งตัว​มาให้​อย่าง​ลับ​ๆ?

คืนนี้​เฉาหรง​เผย​กาย​ เดิมที​ก็​เพราะ​อยาก​ถามเรื่อง​ของ​ลู่​เฉิน​ผู้​เป็น​อาจารย์​ ไม่ได้​มีความหมาย​ลึกล้ำ​อะไร​

เป็นเหตุให้​มาถึงอย่าง​รีบร้อน​แล้วก็​จากไป​อย่าง​รีบร้อน​ ขอตัว​ลา​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​และ​ ‘ผู้อาวุโส​สี่จู๋’ คน​นั้น​

เสี่ยว​โม่พลัน​หัวเราะ​ออกเสียง​ “เฉาเซียน​ซือ​ ขอให้​ข้า​ปากมาก​สัก​คำ​ มิตรภาพ​ส่วน​มิตรภาพ​ กฎเกณฑ์​ส่วน​กฎเกณฑ์​ เรื่อง​ทำนอง​นี้​อย่า​ให้​มีคราวหน้า​อีก​”

เฉาหรง​พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ

รอ​กระทั่ง​เฉาหรง​จากไป​ไกล​แล้ว​ เสี่ยว​โม่ก็​ถามว่า​ “คุณชาย​ คำพูด​เมื่อครู่นี้​ของ​ข้า​ไม่ไว้หน้า​กัน​เกินไป​หน่อย​หรือไม่​? จะเป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​ใช้ความ​อาวุโส​รังแก​คนอื่น​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่าย​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “ไม่หรอก​ มีมาด​ของ​เซียน​นอก​โลก​และ​มาด​ของ​ยอด​ฝีมือ​อย่าง​มาก​”

เซียน​เห​ริน​เฉาหรง​ใน​คืนนี้​

และ​ยังมี​เผย​หมิ่น​แห่ง​เวท​กระบี่​ที่​พบ​เจอ​ใน​ใบ​ถงทวีป​ก่อนหน้านี้​

คน​ประหลาด​มาก​ความสามารถ​บน​ยอดเขา​เหล่านี้​ ยิ่ง​พบ​เจอ​ก็​ยิ่ง​มีมากขึ้น​เรื่อยๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​สลาย​กลิ่น​เหล้า​บน​ร่าง​ทิ้ง​ไป​ แล้ว​ยัง​ตบ​ชาย​แขน​เสื้อ​ด้วย​

เสี่ยว​โม่ทำตาม​ จากนั้น​ถามว่า​ “นี่​ก็​เป็น​ขนบธรรมเนียม​ใน​งานเลี้ยง​สุรา​ของ​เมืองหลวง​ด้วย​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ พูด​อย่าง​หนักแน่น​ว่า​ “แน่นอน​!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด