กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม 54 เราหย่ากันเถอะ

Now you are reading กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม Chapter 54 เราหย่ากันเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตั้งแต่วันนั้นที่จงจิ่งห้าวจากไป มันก็เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่กลับมา หลินซินเหยียนค่อยๆกลับมาสู่ท่าทีนิ่งสงบเหมือนเดิม

เธอออกไปทำงานและกลับบ้านตามปกติ

“ฉันได้ยินมาว่าประธานจงไปดูแลเลขาไป๋ที่ประเทศA” ในช่วงพักกลางวัน ทุกคนต่างก็มารวมตัวพูดคุยซุบซิบกัน

“ประธานจงยอมรับตั้งแต่แรกแล้วว่าเลขาไป๋เป็นแฟนเขา เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไปดูแลเธอ เพียงแต่ว่า——”ผู้หญิงคนนั้นส่องกระจกไปพลางจัดผมตัวเองไป เธอมองตัวเองในกระจก ริมฝีปากสีแดงสดค่อยยิ้มออกมาเบาๆ

ตัวเธอเองคงคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ในกระจกนั้นสวยที่สุดในโลกแล้ว

ทุกคนล้วนชินกับท่าทางหลงตัวเองของเธอ ต่างก็คิดว่ามันธรรมดา ไม่น่าแปลกใจแล้ว

เพียงแต่ว่าคำพูดของเธอมันน่าสนใจ ทุกคนต่างก็ล้อมวงกันเข้ามา “เพียงแต่ว่าอะไร?”

หญิงสาวหรี่ตามองไปที่ทุกคน “ถ้าประธานจงรักและหวงหล่อนจริงๆ เขาจะส่งหล่อนไปที่ประเทศAทำไม?คนในบริษัทมีตั้งเยอะแยะ ส่งคนอื่นไปก็ได้นี่นา?”

ทุกคนต่างก็คิดว่าที่เธอพูดมีเหตุผล

แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย

“ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูด ประธานจงไม่ได้ชอบเลขาไป๋ แล้วที่ไปดูแลหล่อนเป็นอาทิตย์ ไม่กลับมาทำงานที่บริษัทเลยมันแปลว่าอะไรล่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้”

ที่พวกเธอทั้งสองพูดก็มีเหตุผล แต่เนื่องจากความคิดแตกต่างกันเลยต้องมีการโต้แย้งกันเป็นธรรมดา บางคนก็พูดว่าจงจิ่งห้าวรักไป๋จวู่เวย บางคนก็บอกว่าไม่ได้รัก

ต่างคนต่างแย้งกันไปมา

“เฮ้ ซินเหยียนแกว่าประธานจงรักเลขาไป๋รึเปล่า?” มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งดึงหลินซินเหยียนที่นั่งอยู่เงียบๆเข้ามาร่วมวง “ทำไมแกไม่มารวมตัวคุยกันล่ะ?”

หลินซินเหยียนยิ้นอย่างขมขื่นอยู่ในใจ คุยเรื่อง‘สามี’ของตัวเองรักไม่รักผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ ตลกมากนักหรอ?

เพื่อนร่วมงานเขย่าตัวหลินซินเหยียนเบาๆ “แกพูดออกมาสิ”

หลินซินเหยียนจำใจพูดความคิดของตัวเองออกมา “ฉันไม่รู้ ฉันเข้ามาทำงานที่บริษัททีหลังเลยไม่ค่อยรู่เรื่องพวกเขามากเท่าไหร่ ฉันคิดว่า——คงจะชอบแหละ ถ้าไม่ชอบจะยอมรับสถานะของเธอได้ยังไง?”

ทั้งห้องเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกับว่าที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล ถ้าจงจิ่งห้าวไม่รักไป๋จวู่เวย เขาจะยอมรับสถานะของเธอได้ยังไง?

“เห็นไหมล่ะ ฉันว่าจงจิ่งห้าวรักไป๋จวู่เวยจริงๆ”

พวกเขายังคงซุบซิบนินทากันไม่หยุด หลินซินเหยียนจึงหาข้ออ้างว่าจะไปเอาน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขา พอเวลาพักหมดลงทุกคนก็แยกย้ายกัน ถึงตอนนั้นหลินซินเหยียนจึงกลับไปนั่งทำงานที่เดิม

วันนี้จงจิ่งห้าวยังคงไม่กลับมาเหมือนเดิม

หลังจากที่ฟังเรื่องซุบซิบนินทาจากเพื่อนร่วมงานมา หลินซินเหยียนก็อยากจะอยู่เงียบๆ แต่ใครจะรู้พอกลับมาถึงบ้านป้าหยูกลับบ่นไม่หยุด

“นานขนาดนี้แล้วทำไมคุณชายถึงยังไม่กลับมาอีกนะ?”

หลินซินเหยียนรู้สึกปวดหัวมาก เธอได้แต่นวดขมับเพื่อบรรเทาอาการ ป้าหยูคิดว่าเธอไม่สบายก็เลยถามขึ้น“ไม่สบายหรอคะ?”

หลินซินเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่าค่ะ”

“หรือว่าคุณ——”

“อึก——” จู่ๆหลินซินเหยียนก็ได้กลิ่นคาว เธอขมวดคิ้วมองไปที่ป้าหยู“ป้าซื้อปลามาหรอคะ?”

ป้าหยูพยักหน้าแล้วชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ “ป้าพึ่งไปตลาดมา คิดว่าตอนเย็นจะทำปลาให้คุณหนูทาน——”

ยังไม่ทันพูดจบ หลินซินเหยียนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วรีบวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ

ป้าหยูรีบวิ่งตามมา เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูมองหลินซินเหยียน “คุณ——คุณหนูท้องหรอคะ?”

ถึงแม้หลินซินเหยียนจะแยกห้องนอนกับจงจิ่งห้าวมาตลอด แต่ว่าคืนแต่งงานวันนั้นพวกเขานอนด้วยกัน

หรือว่าแค่ครั้งเดี๋ยวก็ท้องเลยหรอ?

ป้าหยูรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย“ไปค่ะ พวกเราไปโรงพยาบาลกัน”

ขอแค่มีลูก ไม่ว่าจะเมียคนที่สามหรือสี่ก็คงต้องหลบไปให้หมดแล้วล่ะ

หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนู——แค่ท้องไส้ปั่นป่วน”

“งั้นก็ต้องไปค่ะ” ป้าหยูดูท่าเอาจริงเอาจัง เธอจะเชื่อแต่หมอเท่านั้น

“ป้าหยู” หลินซินเหยียนพยายามขัดขืน ทว่าป้าหยูก็ไม่ยอมปล่อย “ที่ป้าทำก็เพื่อคุณหนูนะคะ”

“รีบเปลี่ยนรองเท้าเร็วเข้า” ป้าหยูลากหลินซินเหยียนเดินออกไป

หลินซินเหยียนไม่กล้าขัดขืนมาก หนึ่งก็เพราะกลัวว่าจะทำให้ป้าหยูบาดเจ็บ สองก็เพราะกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนลูกในท้อง

ตึง!

ในขณะที่หลินซินเหยียนกำลังคิดว่าจะอธิบายให้ป้าหยูฟังนั้น จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก

หลินซินเหยียนกับป้าหยูมองตรงไปที่ประตูพร้อมกัน

จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เขาเอาเสื้อสูทพาดไว้ที่แขน คอเสื้อหลุดรุ่ยเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่เรียงเป็นเส้นตรง ใต้คางมีหนวดงอกออกมาจนเห็นเป็นสีเขียวจางๆ ส่วนใต้ตาก็ดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน เขาดูแตกต่างจากปกติอย่างชัดเจน และดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด

เห็นทีครั้งนี้ไปดูแลไป๋จวู่เวยคงไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สินะ หลินซินเหยียนแอบคิดในใจ

เมื่อเห็นจงจิ่งห้าว ป้าหยูก็ดีใจยกใหญ่ “คุณผู้ชายคะเหมือนว่าคุณหนูจะท้องแล้วค่ะ”

สีหน้าของจงจิ่งห้าวไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

หลินซินเหยียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ทั้งสองสบตากัน ต่างก็เข้าใจทันที

มีเพียงแต่ป้าหยูที่ไม่เข้าใจ เลยเอาแต่จ้องจงจิ่งห้าว “ภรรยาของคุณท้องแล้วนะคะ คุณไม่ดีใจหน่อยเหรอ?”

ใบหน้าของจงจิ่งห้าวเชิดตั้งตรง ลูกกระเดือกกระดกตามการกลืนน้ำลาย เขาเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง “พวกเราหย่ากันเถอะ”

เธอรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงเรื่องนี้มันก็ต้องเกิดขึ้น

เพียงแต่ไม่นึกเลยว่ามันจะกะทันหันแบบนี้

ที่จริงนี่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดมาตั้งแต่แรกแล้ว สมควรแล้วที่ต้องจบลง

ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้ เพียงแต่ว่าจู่ๆก็รู้สึกว่างเปล่า

ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด

เธอยิ้มออกมา“ค่ะ”

เธอเด็ดขาดมาก มากเสียจนจงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไง  และมากจนเขารู้สึกรับไม่ได้กับท่าทางแบบนี้ของเธอ

หลินซินเหยียนเอ่ยขึ้นเบาๆ “พรุ่งนี้พวกเราไปจัดการเอกสารก็แล้วกัน”

พูดจบเธอก็หันหลังกลับเข้าห้องไป

ป้าหยูเหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก พวกเขาจะหย่ากันงั้นหรอ?

นี่เห็นการแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆกันหรอ?

“คุณผู้ชายคะ คุณ คุณอยากจะหย่าหรอคะ?” ป้าหยูรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาดไป

อยู่ๆดีทำไมถึงพูดว่าจะหย่ากันล่ะ แถมทั้งสองยังมีท่าทีที่นิ่งมากๆด้วย?

“ฉันเหนื่อยแล้ว” จงจิ่งห้าวไม่อยากคุยเรื่องนี้มากนัก พูดจบเขาจึงเดินขึ้นไปชั้นบนทันที

ป้าหยูตะลึงไปครู่หนึ่ง พอรู้สึกตัวก็มองตามแผ่นหลังจงจิ่งห้าวไป “นี่เป็นงานแต่งงานที่คุณนายสั่งเสียไว้เชียวนะคะ”

จงจิ่งห้าวหยุดกึก จากนั้นก็เดินต่อไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับย่ำเท้าขึ้นบันไดไปอย่างแรง

ป้าหยูยังคงไม่ยอมแพ้ “คุณหนูท้องแล้ว คุณก็ไม่สนใจเลยหรอคะ?”

ปัง!เสียงประตูห้องปิดดังลั่น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจงจิ่งห้าวกำลังไม่พอใจเอามากๆ!

ในท้องของหลินซินเหยียนนั่นไม่ใช่ลูกเขา

ไม่ใช่!

ถ้าใช่ บางทีเขาคงไม่โกรธขนาดนี้

ลูกของเขาตายไปแล้ว!

ตายไปแล้ว!

ป้าหยูสะดุ้งโหยง น้อยมากที่เขาจะแสดงอารมณ์โกรธออกมาเมื่ออยู่ที่บ้าน

คืนนี้หลินซินเหยียนแทบไม่ได้นอน เธอนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว ข้างๆโต๊ะมีกระเป๋าเดินทางที่เก็บของใส่เรียบร้อยแล้ว เธอไม่มีของอะไรมาก

มีเพียงแค่เสื้อไม่กี่ตัว และของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย

รุ่งเช้าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากห้องไป จงจิ่งห้าวพึ่งตื่นพอดี พอเขาแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมา มันแตกต่างกับเมื่อวานอย่างชิ้นเชิง ชุดสูทห่อหุ้มร่างสูงใหญ่ของเขาได้เข้ารูปพอดี ราวกับเจ้าชายขี่ม้าที่หลุดออกมาจากหนังสือนิทานเลย

เขาดูหรูหรา หล่อเหลา และมีเสน่ห์เหลือนล้น

ทั้งคู่สบตากัน ทว่ากับนิ่งมาก

หลินซินเหยียนเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “ตอนนี้ยังเช้าอยู่ สำนักทะเบียนคงยังไม่เปิด ฉันมีธุระต้องไปทำก่อน” เธอพูดไปพลางเหลือบมองเวลา “เดี๋ยว9โมงฉันกลับมา คุณมีเวลาไหม?”

เธอจะออกไปหาที่พักก่อน เนื่องจากจู่ๆจงจิ่งห้าวก็พูดเรื่องหย่าขึ้นมา เธอเลยไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ เรื่องนี้มันค่อนข้างกะทันหัน ตอนนี้เธอเลยต้องจัดการหาทางออกก่อน

จงจิ่งห้าวเดินลงมา “เรื่องที่สำนักทะเบียน ผมจะให้กวนจิ้งไปจัดการแทน”

พูดจบก็เดินจากไป

หลินซินเหยียนหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง เธอลืมไปได้ยังไง ตอนที่จดทะเบียนสมรสกวนจิ้งก็เป็นคนพาไปนี่นา จงจิ่งห้าวแทบจะไม่โผล่หน้ามาเลย เพราะงั้นเรื่องหย่าทำไมเขาจะต้องไปเองด้วยล่ะ?

การแต่งงานของพวกเขาดูเหมือนจะถูกฟ้ากำหนดไว้แล้ว พวกเขาถูกหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก นี่มันเป็นโชคชะตาแบบไหนกันนะ?

ทว่าวันนี้การแต่งงานอันแสนสั้นนี้กลับกลายเป็นเหมือนเรื่องตลกซะงั้น

หลินซินเหยียนสูดหายใจเข้าลึก มันควรจะจบแล้วจริงๆ

จงจิ่งห้าวนั่งลงที่โต๊ะเพื่อทานอาหารเช้า

หลินซินเหยียนเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเขา “คุณไป๋ สบายดีไหมคะ?”

หลังจากที่เขาไปดูแลเธอได้พัก เขาก็คงจะตัดสินใจได้แล้วว่าควรจะขอหล่อนแต่งงานสินะ?

แต่ผู้หญิงคนนั้นมีแผนอยู่ในใจ เขาดูไม่ออกหรอ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด