การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 125

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 125 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ฉันสงสัยว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

 

ช่วงเวลาที่ฉันเริ่มตั้งใจทำตัวให้สมกับเป็นพี่ชาย

 

แม่ดูแลฉันกับลีโออย่างเท่าเทียมกัน ฉันไม่เคยถูกบอกว่าฉันเป็นพี่ชาย ฉันไม่เคยถูกเลี้ยงดูในฐานะพี่ชายแต่หลังจากผ่านมาซักพัก, มันก็เปลี่ยนไป

 

ฉันเริ่มทำตัวเหมือนกับเป็นเช่นนั้น

 

แล้วมันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่กัน

 

ในขณะที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้, ฉันก็เคลื่อนย้ายสำเร็จ

 

มีหอคอยสูงมากมายอยู่ในเมือง ที่บนยอดของแต่ละหอคอยมีนักเวทย์กำลังเล็งเวทมนตร์ไปที่ลีโอ

 

นี่คือสาเหตุที่ฉันทะลวงอกของพวกเขาอย่างไร้ความปราณี ไม่มีลูกเล่นหรือเทคนิคอะไรเลย, แค่พึ่งพาพลังเวทย์ล้วนๆ

 

แต่นั่นไม่เป็นอะไรหรอก ด้วยวิธีนี้, มันจะยากกว่าที่พวกเขาจะรับรู้ถึงตัวตนของฉัน

 

“อั้กก….?”

 

ในขณะที่กำลังประหลาดใจกับการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของฉัน, ชีวิตของนักเวทย์ก็ถูกพรากไปแล้ว

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ฉันก็เริ่มเวทมนตร์ของฉันอีกครั้งแล้วเคลื่อนย้ายไปหานักเวทย์คนอื่น

 

“เหวอ!?”

 

เขาคงคิดไม่ถึงว่าจู่ๆจะมีคนเคลื่อนย้ายเข้ามา

 

ด้วยการปรากฎตัวตรงหน้าเขา, ฉันก็ทะลวงหน้าอกของเขาโดยไม่ปล่อยให้เขาได้ทำการต่อต้านเลย

 

ในที่สุด, นักเวทย์ที่กำลังเล็งลีโอก็รู้สึกตัวว่ามีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม, เวทย์เคลื่อนย้ายของฉันเร็วกว่าปฏิกิริยาของพวกเขา

 

ฉันย้ายไปยังตำแหน่งของพวกเขาแล้วทะลวงอกของพวกเขา

 

ฉันทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆด้วยความเร็วสูง

 

ในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายจากหอคอยนึงไปยังหอคอยนึง, ฉันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

มันคือภาพของพี่ชายในอุดมคติที่ฉันเคยเห็น

 

ในตอนที่ฉันถูกจับขังคุก, เขามาหาฉันทุกวัน ไม่ว่าเขาจะยุ่งแค่ไหน, เขาก็จะมาเยี่ยมฉัน, พูดคุยกับฉัน, นี่คือทั้งหมดที่เขาทำ

 

เขาไม่เคยบอกว่าจะเอาฉันออกจากคุกหรือเอาขนมมาให้ฉันเลย

 

เขารู้ว่าฉันไม่อยากได้ของพวกนั้นดังนั้นเขาก็เลยแค่มาคุยเล่นกับฉันเพื่อไม่ให้ฉันต้องรู้สึกโดดเดี่ยว

 

จากนั้น, ในตอนที่ฉันออกมาจากคุก, เขาก็ลูบศรีษะของฉันอย่างอ่อนโยน

 

คำๆเดียวที่เขาพูดก็คือ [ทำได้ดีมาก]

 

ฉันอยากเป็นคนแบบนั้น

 

เป็นพี่ชายที่สามารถสนับสนุนความบ้าบิ่นของน้องชายและพี่ชายที่สามารถไล่ตามมันได้

 

ใช่แล้ว เขาคือคนที่ลีโอชื่นชม

 

ฉันเองก็ชื่นชมเขา

 

พี่ชายคนโตสุดของฉัน, มงกุฎราชกุมาร ฉันอยากเป็นพี่ชายที่เหมือนกับเขา

 

“ถึงยังไงพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน….แม้กระทั่งคนที่พวกเราเฝ้ามองก็ยังเป็นคนๆเดียวกันสินะ”

 

ในขณะที่พึมพำออกมาเช่นนั้น, ฉันก็ทะลวงอกนักเวทย์อีกคน

 

เลือดสาดกระเซ็น

 

แต่ไม่มีความเห็นใจสำหรับพวกเขา พวกเขาไม่ใช่ทหารที่ตกเป็นเหยื่อในสงครามผู้สืบทอด

 

พวกเขาคือคนที่ตัดสินใจจะก่ออาชญากรรมด้วยตัวเอง, และพวกเขาก็อยากกระจายความเสียหายให้มากกว่าเดิม

 

พวกเขาควรถูกลงโทษผ่านกระบวนการกฏหมายแต่พวกเขาก็คงจะได้รับโทษประหารอยู่ดี

 

ดังนั้น, จึงไม่มีปัญหาอะไรที่ฉันจะทำการเก็บกวาดพวกเขาทุกคนที่นี่เลย

 

“เหวออ!!??”

 

มีเหลืออยู่แค่สองคนเท่านั้น

 

หนึ่งในนั้นส่งเสียงร้องออกมา

 

อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ลังเล ฉันทะลวงอกของเขาแล้วเคลื่อนย้ายจากไปในทันที

 

คนสุดท้ายยอมตัดใจเรื่องป้องกันตัวแล้วหันมือไปทางลีโอ

 

ลีโอ, ที่กำลังเพ่งสมาธิไปที่เวทมนตร์ของเขา, ไม่มีทางหลบมันได้เลย นาร์เบ ริทเทอร์เองก็จดจ่ออยู่ที่แนวหน้า พวกเขาน่าจะไม่สามารถขัดการโจมตีของเขาได้ด้วย

 

ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ฉันคว้าแขนของนักเวทย์แล้วหักมันซะ

 

“อ้ากกก!!??”

 

“ตอนนี้น้องชายข้ากำลังทุ่มเทอย่างหนัก—ช่วยอย่าไปรบกวนเจ้านั่นจะได้ไหม?”

 

“น น้องชายหรอ…..!?”

 

“มันยากนะ, พูดตรงๆ [ต้องมาคอยดุในตอนที่เจ้านั่นทำเรื่องโง่ๆ], [ต้องคอยตามสนับสนุนเพื่อไม่ให้เจ้านั่นล้มเหลว] การทำทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนที่ยากในฐานะ[พี่ชาย]จริงๆนะรู้บ้างไหม”

 

“อย่าบอกนะว่า….ท่านคือ, องค์ชาย, อาร์…โ…!!??”

 

เขายังไม่ทันพูดให้จบ

 

ถึงยังไง, ฉันก็ทะลวงอกของเขาไปแล้ว

 

พอปล่อยเขาไป, นักเวทย์ก็ล้มไปกับพื้นเหมือนกับหุ่นที่ถูกตัดสายชักทิ้ง

 

ในขณะนั้นเอง, คำร่ายของลีโอก็ดำเนินไปได้อย่างราบลื่น

 

[[นำพาการกอบกู้มาสู่ผู้คน・ความแจ่มจรัสคือความเมตตาของทวยเทพ・แสงสีทองคือปาฏิหารย์แห่งสวรรค์・โอม เหล่าคนชั่วเอ๋ย, จงสำนึกในบาปซะ—]]

 

คำร่ายดำเนินต่อไป

 

7 คำร่าย มันคือประเภทสูงสุดของเวทมนตร์สมัยใหม่

 

เมื่อพิจารณาถึงความยากในการจะเชี่ยวชาญเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว, เวทย์นี้ถือว่าขั้นสูงกว่าเวทมนตร์โบราณระดับต่ำซะอีก ซึ่งก็แน่นอนว่ามันคือระดับสูงสุดของเวทย์ศักดิ์สิทธิ์

 

เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อต่อกรกับปีศาจ มันคือเวทมนตร์ที่ปฏิเสธความไม่บริสุทธิ์, อาวุธของมนุษยชาติ

 

ทำไมลีโอถึงใช้เวทย์พวกนี้ได้หล่ะ? บางทีเขาคงจะศึกษามันหลังจากเหตุการณ์ทางใต้ เขาน่าจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเขาสามารถใช้เวทย์แบบนี้ได้ในช่วงเวลาสำคัญ

 

ซึ่งผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ลีโอพึงพอใจเลย

 

ความคิดนั้นทำให้เขาศึกษาเวทมนตร์นี้ อย่างไรก็ตาม, การนำสิ่งที่พึ่งเรียนมาลงสนามในทันทีมันบ้าจริงๆ

 

คำร่ายของเขายังติดขัดแปลกๆด้วย

 

บางที, อวัยวะภายในของเขาคงรับภาระหนักและเลือดก็กำลังตีขึ้นคอของเขา

 

ด้วยการกลืนมันเข้าไปอย่างเต็มที่, ลีโอก็พยายามร่ายคำร่ายต่อ

 

ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงตัดสินใจสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยให้เขาจัดการได้ง่ายขึ้น

 

[[โอเทพแห่งการเวลา・ข้าคือคนที่ท้าทายความสุขุมของท่าน・กระแสที่ท่านตัดสินใจไปแล้วกำลังเปลี่ยนไป・เวลาไหลเดินต่อโดยไม่ถูกขัดขวาง・มันไม่ได้หยุดหรือถูกขัดจังหวะ・กระแสอันยิ่งใหญ่นี้คือความไร้สิ้นสุด・ข้าจักขอขัดขืนกระแสนั้น・และเพ่งดูอนาคตนั้นโดยพลัน—นาฬิกาเดจาวู]]

 

โดยปกติแล้ว, เวทมนตร์โบราณที่ควบคุมเวลาจะใช้งานได้ยาก ตั้งแต่แรกแล้ว, ผู้ใช้จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ส่วนใหญ่ของพวกเขาได้ในระหว่างที่ใช้เวทย์กาลเวลา, ดังนั้นถ้าให้ดีที่สุดก็ควรมีคนอื่นคอยใช้เวทมนตร์แทนพวกเขาด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น, มันยังต้องใช้ปริมาณพลังเวทย์มหาศาลเพื่อร่ายมันดังนั้นมันจึงไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในสนามจริง

 

ในบรรดาเวทย์พวกนี้, นี่คือเวทย์ที่สมเหตุสมผลพอที่จะนำมาใช้ได้

 

เวทย์นี้คือเวทย์ที่จะแสดงความเป็นไปได้ในอนาคตของพวกเขาผ่านเดจาวู

 

มันไม่ได้แสดงอนาคตที่แน่นอนของพวกเขา, มันแสดงแค่ความเป็นไปได้บางอย่างที่ยังไม่ถูกรับรู้

 

ยิ่งไปกว่านั้น, เนื่องจากมันจำกัดแค่อนาคตที่จะเกิดขึ้นโดยพลัน, มันจึงมีข้อจำกัดมากๆ

 

แต่ว่า, มันก็ยังมีประโยชน์พอในการต่อสู้ ด้วยเดจาวูพวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าพวกเขาเลือกทำบางสิ่ง ถ้ามีชีวิตที่สามารถถูกช่วยได้ด้วยการทำเช่นนั้น, ก็จะมีคนที่เลือกเคลื่อนไหวเพื่อมัน

 

จู่ๆทหารหนุ่มคนนึงก็กระโดดไปอยู่หน้ามอนส์เตอร์ตัวใหญ่ นั่นถือว่าอันตราย อย่างไรก็ตาม, สำหรับเขา, มันคงจะไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าเขาเห็นความเป็นไปได้แบบไหนแต่ฉันมั่นใจว่าเขาเลือกหนทางที่ดีที่สุดแล้วทำมัน

 

จากนั้น, ในตอนที่ทหารแทงดาบไปที่คอของมอนส์เตอร์ตัวใหญ่, เขาก็ร่วงลงไปด้วยกันกับมัน

 

ผ่านฝุ่นควัน, ทหารคนนั้นก็กลิ้งออกมา

 

“ดูเหมือนจะรักษาสัญญาเอาไว้ได้สินะ ร้อยตรีเลอร์เนอร์”

 

ทหารหนุ่ม, ร้อยตรีเลอร์เนอร์, ได้แสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมออกมา จากนั้นเขาก็ชักดาบเล่มใหม่แล้วเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

 

ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อลีโอ

 

แม้พวกเขาจะคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่บ้ามาก, แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเอาด้วย ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่เพราะลีโอเป็นเจ้าชายอย่างแน่นอน

 

“ถึงยังไงเขาก็เป็นคนบ้าที่คุ้มค่าแก่การสนับสนุนหล่ะนะ…..”

 

ความซื่อตรง

 

ฉันคิดว่าคำนี้เหมาะสมกับลีโอที่สุด เขาเป็นคนบ้าที่ซื่อตรง แม้ว่าการยอมตัดใจจากเรื่องบางอย่างจะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่า, เขาก็ไม่เคยตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น

 

แต่ว่า, ผู้คนที่มารวมตัวกันรอบลีโอก็เพราะตัวพวกเขาไม่มีความบ้าแบบนั้น

 

ผู้คนมักจะโหยหาในสิ่งที่ตัวเองไม่มี

 

นอกจากนี้การมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มีนั้นยังถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้นำด้วย

 

และมันก็คือหน้าที่ของผู้ติดตามที่จะต้องคอยหยุดและสนับสนุนเขา ลีโอมีความสามารถในการรวบรวมผู้ติดตามแบบนี้มาอยู่เคียงข้างเขา

 

เหมือนกับตอนที่ท่านพ่อดึงเอารัฐมนตรีมาอยู่ฝั่งเขา, ลีโอจะต้องหาคนแบบนั้นได้ในซักวันนึงอย่างแน่นอน

 

“เอาหล่ะลีโอ ทุกคนเปิดทางให้นายแล้วนะ—จัดการปิดงานซะ”

 

[[สวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งคุณธรรม・ขอให้แสงสีทองนี้จงทำลายความชั่วร้ายทั้งหมด—ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์!!!!!]]

 

บาเรียที่จะไม่ยอมปล่อยให้ความชั่วร้ายหลุดพ้นจากความตายที่กำลังไปหาพวกมันได้

 

วงเวทย์ที่ซับซ้อนปรากฎขึ้นเหนือปราสาทและเสาแสงสีทองก็ส่องลงมาจากฟ้า มันห่อหุ้มทั้งปราสาทและชำระล้างทุกสิ่งที่อยู่ข้างใน

 

หลังจากนั้นไม่นาน, แสงก็เลือนหายไป

 

ถ้าเลือดปีศาจฝังลึกในร่างของพวกเขา, พวกเขาก็คงจะหมดทางช่วย ร่างของพวกเขาน่าจะถูกชำระล้างอย่างสมบูรณ์แล้วหายไป

 

อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่แสงสีทองหายไป, ก็มีผู้คนมากมายที่ล้มฟุบไปกับพื้น

 

มีเสียงเฮดังลั่นครั้งใหญ่ ด้วยลาสกับคนของเขาที่จัดการมอนส์เตอร์ตัวใหญ่ได้ทั้งหมด, วิกฤตการนี้ก็จบลง

 

หลายคนตะโกนเรียกชื่อของลีโอ ลีโอพยายามจะตอบรับพวกเขาแต่ดูเหมือนว่าเขาจะถึงขีดจำกัดแล้ว

 

ลีโอล้มฟุบไป อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกกับพื้น, ซีกก็รับเขาเอาไว้เหมือนกับหมอนรอง ดูเหมือนว่าตัวเขาตั้งใจจะจับลีโอเอาไว้แต่เนื่องจากขนาดที่ต่างกันเกินไป, เขาจึงจบที่การกลายเป็นหมอนแทน

 

หลังจากหัวเราะออกมาเล็กน้อยจากสถานการณ์ของซีก ฉันก็เคลื่อนย้ายกลับไปหาฟีเน่

 

“ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีสินะ”

 

“ขอบคุณที่เหนื่อยนะคะ”

 

“ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่นักหรอก ถึงยังไงครั้งนี้ข้าก็ทำแค่งานหลังฉากอย่างเดียว”

 

“เอ่อ…คือว่าท่านอัลคะ…..ข้าหน่ะ…..”

 

“หืม?”

 

ฟีเน่พึมพำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยาก

 

จากนั้นเธอก็ก้มศรีษะลงอย่างเต็มที่

 

“ข้าขอโทษด้วยจริงๆค่ะ!! ข้าพูดเรื่องเห็นแก่ตัวกับท่านไปเยอะเลย!”

 

“เจ้าไม่ผิดหรอก ไม่ว่าจะเรื่องที่เรียกข้ามาที่นี่หรือสิ่งที่เจ้าพูด ในครั้งนี้ข้าให้ความสำคัญกับความไว้ใจในตัวน้องชายมากกว่าการมองภาพรวม ถ้ามันจบลงที่การทำให้ผู้คนเสียชีวิตข้าก็คงจะไม่ต่างอะไรกับฆาตรกร ขอโทษนะ ทั้งหมดมันเป็นเพราะน้องชายบ้าๆของข้าเอง”

 

ในตอนที่ฉันพูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มเจื่อนๆ, ฟีเน่ก็ตื่นตระหนกแล้วสะบัดมือ ด้วยความที่นึกคำพูดไม่ออก, เธอจึงอ้ำๆอึ้งๆอยู่หลายครั้ง

 

หลังจากที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมากับฟีเน่ในสภาพนี้, ฉันก็พูดกับเธอ

 

“แต่ว่า, ครั้งนี้ที่ข้าเชื่อลีโอก็เพราะข้าคิดดูจากหลายๆอย่างแล้วและประเมินว่าลีโอน่าจะสามารถช่วยพวกเขาได้ สำหรับเจ้า, นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ทั้งอันตรายและเย็นชาสินะ ขอโทษด้วย ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากรบกวนเจ้า”

 

“ม, มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ! ข้าไม่ได้มีปัญหาเลย! คนที่สร้างปัญหาอยู่ตลอดก็คือ….ข้าต่างหากหล่ะ….ข้าขอโทษนะคะที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่….”

 

เมื่อเห็นฟีเน่ไหล่ตก, ฉันก็หันไปหาเซบาส

 

ฉันไม่รู้ว่าฟีเน่ทำอะไรมาบ้างจนถึงตอนนี้

 

ฉันคิดว่าเธอทำผิดพลาดร้ายแรงแต่เซบาสก็ส่ายหัว

 

“ท่านฟีเน่ทำได้เยี่ยมมากเลยครับ คงไม่มีใครกล้าพูดว่าท่านไร้ประโยชน์หรอคกรับ”

 

“ได้ยินแล้วใช่ไหม?”

 

“ค, คือว่า…..”

 

“ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า คนเราก็มีบทบาทที่ต้องทำต่างกันไป ไม่มีใครทำได้ทุกอย่างหรอก เจ้า, ข้า, และแน่นอนว่าลีโอด้วย ถ้าเจ้าทำอะไรไม่ได้ข้าก็จะช่วยเจ้า เจ้าอาจจะไม่ได้มีพลังที่จะช่วยพวกเราในการต่อสู้แต่เจ้าก็มีพลังที่จะช่วยพวกเราจากภายนอก มันคือพลังที่ข้าไม่มี นี่คือสาเหตุที่ข้าพึ่งพาเจ้าอยู่ตลอดยังไงหล่ะ”

 

“ท่านอัล…..”

 

“จะว่าไป, ข้ามีคำขออย่างนึง เจ้าช่วยดูแลน้องชายบ้าๆของข้าที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้ไหม? เจ้านั่นเป็นตัวปัญหาเลยหล่ะเพราะฉะนั้นคงมีแค่เจ้าที่ข้าอยากจะขอให้ทำหน้าที่นี่ กว่าจะถึงเมืองหลวงก็ค่อนข้างไกลอยู่พอสมควรดังนั้นช่วยดูแลเขาจนกว่าจะกลับไปถึงได้ไหม”

 

“ค่ะ! ไว้ใจข้าได้เลย!”

 

ฉันมองฟีเน่ที่กลับมาสดใสแล้วเปิดประตูเคลื่อนย้ายด้วยรอยยิ้ม

 

จากนั้นฉันก็เหลือบมองเซบาส

 

มันคือสายตาที่บอกเขาว่าฝากดูแลฟีเน่ด้วยแต่การเป็นพ่อบ้านที่เก่งสารพัดด้านก็คือตัวเขา, เขาน่าจะเข้าใจสิ่งที่ฉันอยากจะพูดดีอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงโค้งทำความเคารพฉันอย่างสุภาพเหมือนเป็นการบอกว่า ‘ตามประสงค์ครับ’

 

เขาไม่มีช่องว่างจริงๆ

 

ครั้งหน้า, พอกลับไปที่เมืองหลวงแล้วฉันจะหาจุดอ่อนของเขาให้เจอให้ได้

 

ด้วยความคิดนี้, ฉันก็มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองหลวงด้วยประตูเคลื่อนย้าย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด