การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 86
“ตอนนี้เริ่มบลัฟไปก็ไม่ทันแล้ว ข้าเข้าใจพลังของเจ้าแล้ว พลังของเจ้าไม่ได้ใกล้เคียงกับข้าเลย”
ฟูรแคสจ้องมาที่ฉันอย่างดูแคลน
พิจารณาจากการต่อสู้จนถึงตอนนี้, เขาต้องคิดว่าตัวเองไม่มีวันแพ้แน่ๆ
แน่นอนว่า, จนถึงตอนนี้ฉันยังสร้างความเสียหายที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญกับฟูรแคสไม่ได้เลยและมันก็เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เอาจริงด้วย เขาน่าจะเก็บแรงเอาไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเผื่อว่าเขาต้องขัดขืนคำสั่งผู้อัญเชิญของเขา
อย่างไรก็ตาม, คนที่ยังไม่เอาจริงนั้นไม่ใช่แค่เขา
“หรอ….ถ้างั้นก็เข้ามาลองสิ”
ฉันปล่อยพลังเวทย์ที่เก็บเอาไว้ออกมา
ฉันกักเก็บมันเอาไว้เพื่อไม่ให้น้องสาวของลินเฟียกลัวแต่เนื่องจากลินเฟียช่วยเธอได้แล้ว, จึงไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมืออีก
“ข้าต้องบอกเจ้าอีกกี่ครั้งว่า, พลังของเจ้าไม่ได้ใกล้เคียง…..กับ…….ข้า…..”
“อะไรกัน? ถ้ามั่นใจนักก็เข้ามาสิ”
ดูเหมือนว่าฟูรแคสเองก็ปล่อยพลังที่เขาเก็บเอาไว้แต่ตอนนี้พลังส่วนใหญ่ของเขาเพิ่มมากกว่าตอนแรกแค่ประมาณสองเท่าเท่านั้น
ในอีกด้านนึง, พลังของฉันนั้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า
ปริมาณอันมากมายและพลังเวทย์ที่รวมกันอย่างแน่นหนานี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มันถือว่าเป็นโอกาสหายากที่ฉันจะเอาจริงและปล่อยพลังออกมามากขนาดนี้ ถึงยังไง, การต่อสู้ทั้งแบบนี้ในขณะที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายบริเวณข้างเคียงก็ถือเป็นเรื่องยาก
“มีแค่ไม่กี่คนที่ต้องห่วงในครั้งนี้…..ตอนนี้ข้าเอาจริงซักหน่อยคงไม่เป็นไรสินะ”
“ไม่กี่คนหรอ!? มีเป็นพันคนอยู่ข้างล่างนั่นนะ!?”
“เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่ข้าต้องสู้ในช่วงนี้, นี่ถือว่าน้อยแล้ว”
พันคนมันเทียบกับจำนวนประชาชนในเคียร์หรืออัลบราโทรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม, เผื่อเอาไว้ก่อนฉันได้ร่ายบาเรียฟื้นฟูเหมือนกับที่ฉันเคยใช้ในเคียร์เอาไว้ด้วยแต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่เล็ก, อันที่ฉันปล่อยในครั้งนี้จึงมีสเกลเล็กกว่า
เรื่องความเสียหายกับอาคารเองก็ไม่ต้องห่วงเหมือนกันเพราะที่นี่ค่อนข้างเหมาะสมที่จะเป็นสนามรบ
ฟูรแคสกัดฟันแล้วจับดาบของเขา
“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน, แต่ถ้าเจ้าใช้ไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”
พอพูดจบ, ฟูรแคสก็เข้ามาหาฉันด้วยความเร็วสูง
นักเวทย์อ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิด เขาต้องใช้กลยุทธนี้เพราะรู้เรื่องนั้นแน่ๆ
แน่นอนว่า, ฉันคงหมดหวังถ้ามันเป็นการใช้อาวุธ ความสามารถทางกายภาพของฉันต่ำกว่ามาตรฐาน ความจริงนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าฉันจะกลายเป็นซิลเวอร์แล้วก็ตาม
ไม่ว่าฉันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้มากแค่ไหน, เซ้นส์ทางร่างกายของฉันก็คงไม่พัฒนาตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม, ถ้ามันเป็นกรณีที่ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็คือการต่อสู้ด้วยวิธีที่ฉันไม่ต้องพึ่งพาเรื่องนั้นหล่ะก็
“เสร็จหล่ะ!!”
ฟูรแคสเข้ามาหาฉันจากทางซ้าย
ฉันก้มตัวลงแล้วเคลื่อนย้ายออกไปในทันที
สถานที่ที่ฉันเคลื่อนย้ายไปก็คือท้องฟ้าเหนือเมือง, ห่างออกมาจากฟูรแคส
จากนั้น, ฉันก็ยื่นมือขวาออกไปทางเขาแล้วร่ายมนตร์
[จงโหมกระหน่ำ, สายฟ้าเลือด]
สายฟ้าสีแดงเข้มขนาดมหึมาพุ่งตรงไปหาฟูรแคส
ฟูรแคสใช้ดาบรับมันเอาไว้แต่เขาก็ไม่สามารถทนมันได้และถูกซัดกระเด็นไปค่อนข้างไกล
“อ้ากกกก!!”
ฟูรแคสสามารถหลบไม่ให้โดนตรงๆได้ด้วยการปัดสายฟ้าเลือดขึ้นบนแต่ร่างกายของเขาก็เหลือรอยไหม้สาหัสทิ้งเอาไว้ อย่างไรก็ตาม, รอยไหม้ที่ทำให้มนุษย์ธรรมดาเคลื่อนไหวไม่ได้นี้ก็ถูกรักษาในทันที
บางทีน่าจะเป็นเพราะเขาสิงร่างที่ตายแล้วไม่เหมือนกับบาลัม, เขาจึงสามารถแสดงพลังปีศาจออกมาได้มากกว่า
“เป็นไง? เข้าใจพลังของข้ารึยังหล่ะ?”
“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย!!!”
จากนั้นฟูรแคสก็สร้างดาบยักษ์ขึ้นมาห้าเล่ม, แต่ละเล่มยาวหลายเมตร, และส่งพวกมันพุ่งมาหาฉัน
เหมือนกับฝูงนกที่เกรี้ยวกราด, ดาบยักษ์พุ่งตรงมาหาฉันด้วยความเร็วสูง
พวกมันไล่ตามฉันโดยเคลื่อนไหวอย่างประสานงานกัน
ฉันลอยขึ้นไปเพื่อหลบมันแต่ดาบยักษ์อีกเล่มก็เข้ามาหาฉันจากจุดบอด
จากนั้นในขณะที่ฉันกำลังเล่นวิ่งไล่จับกับดาบพวกนี้, ฟูรแคสก็เข้ามาหาฉันจากด้านใต้
“ตอนนี้เจ้าเคลื่อนย้ายหนีไม่ได้แล้ว!!”
“อย่าดูถูกข้าสิ”
ฉันหยุดการเคลื่อนไหวของดาบยักษ์ด้วยบาเรียของฉันแล้วต่อยหมัดตรงเข้าไปเพื่อตอบโต้ฟูรแคสที่กำลังเข้ามาหาฉันจากด้านใต้
หมัดตรงของฉันนั้นมีรูปร่างเป็นหมัดยักษ์โปร่งแสงแล้วซัดฟูรแคสที่ยังอยู่ไกล, กระเด็นกลับไปที่พื้น
“อึ้ก!!??”
เทคนิคที่เรียกว่ามือเวทมนตร์คือเวทมนตร์ที่สร้างมือและเท้าจำลองขึ้นมา
ฟูรแคส, ที่รับหมัดเวทมนตร์ของฉันไป, กระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง
ในขณะที่เขากระแทกพื้นอย่างรุนแรงฉันก็ทำท่ารัวเตะ ถ้าเอลน่ามาเห็นฉันเธออาจจะบอกว่ามันเป็นการเตะห่วยๆแต่ฉันแค่อยากซัดเจ้าหมอนี่ให้กระเด็นออกไปดังนั้นแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ขายักษ์ถูกสร้างขึ้นมาแล้วซัดฟูรแคสออกไปในแนวนอน
“อั้ก! อึ้ก! โอ้กกก!!!!!”
ในขณะที่กระดอนบนพื้นอยู่หลายครั้ง, ฟูรแคสก็ปักดาบลงพื้นแล้วสามารถหยุดการกระดอนเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม, ผลลัพธ์ของการหยุดนั้นก็ทำให้ฟูรแคสตกเป็นเป้าโจมตีอีกครั้ง
[[โอมราชาแห่งปฐพี, จงมอบความตายให้กับคนอวดดีผู้นี้ด้วยเถิด—แผ่นดินไหว]]
พื้นดินที่ฟูรแคสอยู่นั้นยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็กลายเป็นหอกยักษ์ที่ทำขึ้นจากดินแล้วโจมตีเขา
ฟูรแคสพยายามหนีขึ้นฟ้าแต่หอกก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ, มันจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถไปถึงตัวฟูรแคสได้
“หนอย! ปล่อยเวทย์ที่น่ารำคาญออกมาเรื่อยๆเลยนะ!!”
เมื่อรู้ตัวแล้วว่ามันจะไม่ยอมปล่อยเขาไป, ฟูรแคสก็ห่อหุ้มดาบด้วยความมืดแล้วฟันมันด้วยพลังทั้งหมด
ด้วยการเคลื่อนไหวนี้, หอกดินก็สลายและกลับเป็นดินปกติ
“แฮ่ก แฮ่ก…..”
“เจ้าดูเหนื่อยๆนะ, สนใจพักก่อนไหม?”
“ชิ…ทำไมกัน? ทำไมเจ้าถึงไม่เอาจริงตั้งแต่แรกหล่ะ?”
“ถ้าเขาเอาจริงตั้งแต่แรกเธอก็จะกลัวหน่ะสิ ผู้อัญเชิญของเจ้าหน่ะ”
“แค่นั้นอะนะ….? เจ้าออมมือแค่เพราะเรื่องนั้นเนี่ยนะ!?”
ฟูรแคสถลึงตากว้างราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อ
เอาเถอะ, มันก็เป็นปฏิกิริยาที่เข้าใจได้หล่ะนะ
ฉันแค่เคลื่อนไหวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด บางคนติติงฉันเพราะจุดนี้ การต่อสู้ในสถานที่ที่เสียเปรียบเพียงเพื่อปกป้องชาวบ้านคนนึง ยื้อเวลาต่อสู้ให้นานขึ้นเพื่อคนๆเดียว
หลายๆคนคงบอกว่าบางคนต้องทำการเสียสละ, มันคือการเสียสละที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้อีกหลายคนไม่ต้องเสียสละตามไปด้วย
นี่เป็นข้อโต้แย้งที่ฟังขึ้น
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ได้มีหน้าที่หรือภาระอะไรที่ต้องไปฟังพวกเขา
“แค่นั้นแหล่ะ มีคนเคยพูดเอาไว้มันเป็นความรับผิดชอบของคนที่มีพลัง ก็คิดว่ามันเป็นวิธีพูดที่ดูมักง่ายอยู่หรอก, แต่มันก็มีความจริงอยู่ในนั้นด้วย ถ้าพวกเขาอยู่ในจุดที่เอื้อมมือไปถึงก็ควรจะช่วยพวกเขาแต่มันก็น่าเจ็บปวดที่ข้าเองก็เป็นมนุษย์ ข้าไม่สามารถช่วยเหลือใครก็ตามที่ข้าเอื้อมไม่ถึงได้ นี่คือสาเหตุที่ข้าตัดสินใจจะช่วยพวกที่ข้าเอื้อมไปถึงด้วยพลังทั้งหมดของข้า ต่อให้มันจะดูไร้เหตุผล, ต่อให้คนอื่นจะบอกว่าข้าโง่, นี่ก็ยังคงเป็นความเชื่อของข้าในฐานะนักผจญภัย”
“ข้าไม่เข้าใจเลย…..ความแข็งแกร่งคือความชอบธรรม! นี่คือกฏของโลกปีศาจ!”
“นั่นอาจจะเป็นความจริงในโลกปีศาจ แต่ว่า, ที่นี่คือโลกเบื้องบน โลกนี้ก็มีกฏของมันเอง”
“พวกชนชั้นปกครองเองก็ถูกตัดสินจากความแข็งแกร่งไม่ใช่รึไง!!??”
“อา, นั่นสินะ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ก็คือข้า หรือให้พูดง่ายๆก็คือ—ที่นี่ข้าคุม”
“อย่ามาทำเป็นเล่นกับข้านะ!!!!!!”
ฟูรแคสหงุดหงิดกับคำพูดของฉันแล้วเริ่มห่อหุ้มดาบด้วยความมืดอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงพวกมันใส่ฉัน
ในฐานะปีศาจ, ดูเหมือนว่าเขาจะรับไม่ได้กับการที่โดนฉันดูถูก ศักดิ์ศรีของเขาในฐานะปีศาจไม่สามารถยอมให้โดนพวกมนุษย์ดูถูกได้
อย่างไรก็ตาม, นี่มันประจวบเหมาะไปเลย
การฟันสีดำสนิทที่ฟูรแคสปล่อยออกมาใส่ฉันถูกหยุดเอาไว้ด้วยบาเรียที่ฉันร่าย มันคือบาเรียที่ดูดซับพลังโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
“เจ้าควรจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนที่ถูกอัญเชิญออกมาแล้ว มันเป็นความหยิ่งยโสของเจ้าเองที่เลือกสร้างฐานของตัวเองขึ้นที่นี่แล้วอัญเชิญปีศาจตัวอื่นออกมา”
“คนที่เย่อหยิ่งที่สุดในที่นี้ก็คือเจ้าต่างหากหล่ะ!!!!”
“ไม่ปฏิเสธ”
ฟูรแคสเพิ่มพลังเข้าไปในการฟันของเขาเพื่อพยายามทำลายบาเรียให้แตกแต่บาเรียนี้ไม่สามารถทำลายได้ด้วยวิธีการปกติ
เขาควรจะยอมตัดใจจากแนวหน้าตั้งแต่ตอนที่ฉันเตรียมการเสร็จแล้ว
ฟูรแคสจ้องมาที่ฉันแต่ฉันก็ไม่สนใจ
คนที่กำลังมองมาทางฉันนั้นไม่ได้มีแค่ฟูรแคส ตอนนี้, มีอีกหลายคนกำลังมองมาที่ฉัน
มองมาที่นักผจญภัยแรงค์ SS ซิลเวอร์คนนี้
“นักผจญภัยแรงค์ SS นั้นแตกต่างจากนักผจญภัยคนอื่น ทุกคนต่างก็คิดว่า ‘ถ้าเป็นซิลเวอร์หล่ะก็ต้องทำได้แน่’ ดังนั้น, ข้าต้องกลายเป็นตัวตนที่จุดแรงบัลดาลใจให้กับคนที่คิดแบบนั้น และวันนี้ข้าก็บอกกับจักรพรรดิในอนาคตไปแล้วด้วยว่าข้าจะแสดงพลังให้ดูเอง เขาพูดจาเอาแต่ใจว่าจะทำตามอุดมคติของตัวเองให้ได้, และขอยืมพลังของข้า ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุที่ข้าต้องตอบกลับความมุ่งมั่นนี้, ข้าต้องแสดงพลังให้เขาได้เห็น”
พอพูดจบ, ฉันก็แปลงพลังที่ดูดซับมาจากการโจมตีของฟูรแคสเป็นพลังเวทย์และเริ่มเตรียมเวทมนตร์ใหญ่
ในตอนที่รู้ตัว, ฟูรแคสก็พยายามจะเข้ามาหยุดฉันแต่เขาก็ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยโซ่ที่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้
“นี่มัน….!!??”
“อยู่เฉยๆแล้วคอยดูให้ดีเถอะหน่า เวทย์นี้มันต้องใช้เวลาเตรียมตัวนะ”
จะว่าไปฉันใช้เวทย์นี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ
ตั้งแต่ที่สงครามผู้สืบทอดเริ่มต้นขึ้นฉันก็หมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าจะช่วยลีโอจากเงามืดยังไงดี
สิ่งที่ฉันต้องปกป้องเองก็เพิ่มขึ้นด้วยและมีหลายสิ่งที่ฉันต้องทำดังนั้นฉันจึงไม่ได้เอาตัวจดจ่ออยู่แต่กับการต่อสู้เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อนมันสบายจริงๆ
ต่อสู้คนเดียวและเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง, นั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ ง่ายๆและชัดเจน ต่อสู้ในฐานะซิลเวอร์นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ
แม้จะเป็นเช่นนั้น, ฉันก็โยนทุกอย่างทิ้งไปและตัดสินใจช่วยเหลือลีโอ
วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ตัวเลือกที่ผิด เขาเติบโตขึ้นและกำลังเข้าใกล้ตัวตนของจักรพรรดิในอุดมคติที่ฉันเคยเห็นขึ้นเรื่อยๆ ซักวันนึงลีโอจะกลายเป็นจักรพรรดิที่ทุกคนชื่นชม วันนี้เขาได้แสดงความเป็นไปได้นั้นให้ฉันได้เห็นแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง, ฉันจะมัวทำตัวชิวๆไม่ได้อีกแล้ว
ในที่แห่งนี้, ฉันจำเป็นต้องทำให้มนุษย์ทุกคนได้จดจำ
จดจำว่าซิลเวอร์คือตัวตนที่ควรจะเคารพยำเกรง
[[ข้าคือคนที่รู้หลักการของเงิน・ข้าคือคนที่ถูกเงินที่แท้จริงเลือก]]
เพราะสวมหน้ากากเงินก็เลยเป็นซิลเวอร์
ฉันไม่ได้เรียกตัวเองแบบนี้เพราะเหตุผลง่ายๆเช่นนั้นหรอก
[[ดาวเงินแห่งมหาสมุทรดวงดาว・ส่องสว่างมายังโลกและคุกคามสวรรค์]]
ในบรรดาเวทย์โบราณเองก็มีอยู่หลายแขนง
หนึ่งในนั้น, มีเวทย์นึงที่ทรงพลังกว่าเวทย์อื่นๆ
และเวทย์นั้นก็เป็นแขนงที่ฉันเชี่ยวชาญที่สุดด้วย
ชื่อของมันคือเวทย์เงินทำลายล้าง
มันคือเวทมนตร์ที่ฉันเคยใช้กำจัดมังกรโบราณ, และเป็นเวทย์แรกที่ฉันใช้ในฐานะนักผจญภัย สัญลักษณ์ของซิลเวอร์
[[ประกายแสงเงินคือสัจธรรมของเทพ・ประกายแสงเงินคือการป้องกันศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์]]
ในตอนที่ฉันตัดสินใจกลายเป็นนักผจญภัย, สิ่งแรกที่ฉันทำก็คือการเอาชนะมังกรโบราณที่เคยอยู่ในช่วงก่อความวุ่นวายใกล้กับจักรวรรดิและเอามันไปหย่อนที่สำนักงานใหญ่ของกิลด์นักผจญภัยในฐานะของฝาก
ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยแต่นักผจญภัยที่ถูกส่งไปในฐานะทีมกำจัดนั้นได้รายงานสิ่งที่ฉันทำให้กับกิลด์และฉันก็ถูกแต่งตั้งเป็นนักผจญภัยแรงค์ SS เป็นกรณีพิเศษ
[[แสงวาบสีเงิน・ประกายเงินคือนิรันดร์]]
ชื่อของซิลเวอร์ได้รับมาตั้งแต่ตอนนั้น ในบางแง่, มันคือสิ่งที่ใกล้เคียงกับชื่อที่สองของฉัน
มันบ่งบอกว่าชื่อซิลเวอร์นั้นไม่ได้มีเอาไว้แค่โชว์เท่
[[โอมแสงสีเงิน, จงมาสถิตในมือของข้า・และทำลายคนอวดดีให้สิ้นซาก—]]
ที่ระหว่างมือของฉันมีลูกบอลสีเงินปรากฎขึ้น, มันเปล่งแสงจ้าออกมา
พอสัมผัสได้ถึงพลังเข้มขึ้นที่แผ่ออกมาจากมัน, ฟูรแคสก็บีบอัดพลังทั้งหมดของเขาเพื่อสลัดโซ่คำสาปดูดพลังให้หลุดและเตรียมตัวป้องกัน
ไอ้หมอนี่ฝีมือใช่ย่อย การที่สามารถหนีจากโซ่พวกนี้ได้ก็หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคู่หูแวมไพร์ที่ถูกกำหนดให้เป็นมอนส์เตอร์คลาส S จริงๆ แต่ว่า, มันก็สายเกินไปแล้ว
แสงสีเงินอยู่ในมือของฉันแล้ว
[[ลำแสงเงิน]]
ด้วยการขยี้ลูกบอลเงิน, ลูกบอลแสงขนาดยักษ์ก็ปรากฎขึ้นข้างหลังฉัน
มันเล็งไปที่ฟูรแคสและยิงลำแสงสีเงินออกมา
“อ้ากกกก!!!!”
ในการพยายามหักล้างแสงสีเงินที่กำลังพุ่งเข้ามา, ฟูรแคสได้ปล่อยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
หลังจากสูสีกันอยู่พักใหญ่ๆ, ฟูรแคสก็สามารถหักล้างมันได้
“เห็นไหมหล่ะ! เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า………”
ชัยชนะของฟูรแคสถูกขัดจังหวะ
ข้างหลังฉันมีลูกบอลแสงเจ็ดลูก, และแต่ละลูกก็กำลังยิงลำแสงเงินแบบเดียวกันใส่มอนส์เตอร์ที่อยู่ข้างใต้ฉัน ภาพนี้ไม่ต่างอะไรจากการลงโทษของพระเจ้า
ลำแสงเงินคือเวทย์ทำลายที่มีระยะกว้างสุดๆ มันคือเวทย์ที่จะสร้างลูกบอลแสงขึ้นมา, ซึ่งมันสามารถยิงลำแสงใส่ใครก็ได้ที่ฉันมองว่าเป็นศัตรู
เป็นโชคร้ายสำหรับเขาจริงๆ, ฟูรแคสสามารถหักล้างหนึ่งในนั้นได้
“บ้าหน่า…..”
มอนส์เตอร์ทุกตัวที่อยู่ข้างใต้ฉันถูกกวาดล้าง
ที่เหลืออยู่นั้นมีแค่ฟูรแคสเพียงคนเดียว
ซึ่งฉันก็ได้ใช้โซ่คำสาปพันธนาการเขาอีกครั้งและลากเขาไปที่ด้านบนของหลุมที่อยู่กลางเมือง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ลูกบอลแสงทั้งเจ็ดก็เล็งไปที่ฟูรแคส
“ไอ้เวร…..เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่…..?”
“นักผจญภัยแรงค์ SS ซิลเวอร์ ถ้าเจ้าสามารถรอดกลับไปที่โลกปีศาจได้ก็อย่าลืมเอาชื่อนี้ไปป่าวประกาศด้วยหล่ะ บอกพวกมันว่ามีคนอันตรายอยู่ที่นี่ที่โลกเบื้องบนนี้”
“หนอยแหน่ะแก…….!”
“นี่เป็นของขวัญจากข้า อุตส่าห์ถ่อกันมาขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เห็นแสงสว่างก็คงจะน่าเสียดายใช่ไหมหล่ะ?”
พอพูดจบฉันก็ยกมือขวาขึ้น
ถ้าฉันเหวี่ยงมันลงมา, ลูกบอลแสงทั้งเจ็ดก็จะยิงแสงสีเงินใส่ฟูรแคสพร้อมกัน
พอรู้สึกตัว, เขาก็เปล่งเสียงออกมาเพื่อหยุดฉัน
“ด, เดี๋ยวก่อน!?”
“ไม่”
ในขณะที่พูด, ฉันก็เหวี่ยงมือลงมา
บอลแสงได้เปล่งแสงรุนแรงและปล่อยลำแสงเข้มข้นสีเงินใส่ฟูรแคส
เหมือนกับแสงของดวงดาว, มันเปล่งประกายระยิบระยับ
และทันใดนั้นเอง, แสงสีเงินก็กลืนกินฟูรแคสและกำจัดมอนส์เตอร์กับปีศาจทั้งหมดที่พยายามเข้าไปในหลุมและมุ่งหน้ามายังโลกนี้
ในขณะที่หลุมค่อยๆหดลง, แสงสีเงินก็ค่อยๆบางลงเช่นกัน
ในตอนที่หลุมปิดสนิทแล้ว, ฉันก็ค่อยๆกำหมัดแล้วหยุดแสงสีเงิน
มอนส์เตอร์ทุกตัวถูกลำแสงเงินทำลายล้างไปแล้ว
ปีศาจเองก็หายไปด้วย
เด็กที่ติดอยู่ข้างในลูกบอลสีดำถูกช่วยแล้ว
ฉันเองก็พยายามช่วยอัศวินและนักผจญภัยในการต่อสู้ของพวกเขาเท่าที่จะทำได้
ฉันบอกได้เลยว่าผลลัพธ์การต่อสู้นี้ค่อนข้างน่าพึงพอใจ
ดังนั้นฉันก็เลยประกาศมันกับนักผจญภัยทุกคน
“การกำจัดมอนส์เตอร์เป้าหมายได้รับการยืนยัน! สัญญาณนี้คือจุดจบของเหตุการณ์ทางใต้! ดังนั้น! ข้าขอประกาศจบภารกิจ ‘ความช่วยเหลือของนกนางนวลสีน้ำเงิน’ เอาไว้นะที่นี้!! มันคือชัยชนะของพวกเรา!!”
ราวกับว่านักผจญภัยกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่, พวกเขาต่างก็พากันส่งเสียงเฮลั่น
เมื่อเห็นแบบนี้, อัศวินเองก็ยกดาบของพวกเขาขึ้นสูงและตะโกนเสียงแห่งชัยชนะ
เหตุการณ์ทางใต้ที่เกือบจะสั่นคลอนจักรวรรดิได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก การเก็บกวาดทั้งหมดนี่คงจะใช้เวลาไม่ใช่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น, พวกเราก็ขอดื่มด่ำกับชัยชนะนี้ให้เต็มที่ก่อน
อย่างไรก็ตาม, มีบางสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะนี้
นั่นก็คือพวกเราได้รับกำไรเต็มๆ
ตอนนี้ลีโอคือผู้กล้า, และเนื่องจากเขาลงใต้มาในฐานะผู้ตรวจสอบของจักรวรรดิตั้งแต่แรกแล้ว
“มันอาจจะถึงเวลาสู้กลับแล้วสินะ”
ในขณะที่พึมพำออกมาเช่นนั้น, ฉันก็เริ่มสร้างประตูเคลื่อนย้ายเพื่อส่งนักผจญภัยกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ
Comments