การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 235

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 235 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 – สันติสุขที่แสนสั้น

 

ในความเป็นจริง แน่นอนอยู่แล้วว่าเลทิเซียนั้นเป็นคนผิด ผิดที่ทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบด้วยพูดในมุมมองความถูกต้อง

แน่นอนว่าสำหรับเลทิเซียเธอไม่ใช่คนที่จะฆ่าคนทิ้งแบบไม่สนใจไยดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพลังลึกลับนั้นของเธอต่างหาก

เธอที่ไม่สามารถระบุรูปแบบพลังหรือประเภทพลังหลังจากใช้ไปได้เลย เธอรู้เพียงว่าท่านั้นของเธอมันจะลบทุกคนที่ขวางทางอยู่ออกหมด

ใช่ นั่นคือในมุมของเลทิเซียแต่ในความเป็นจริงการที่มีคนตายและได้รับผลกระทบมากมายทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั้นก็เกิดขึ้นจริง

สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่กล่าวว่าเพราะเธอเป็นจอมมาร เธอมีแม่เป็นจอมมารเป็นเทพและผู้กล้าหนุนหลัง สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถมาทดแทนความผิดได้

ต่อให้มันทดแทนได้มันก็แค่การเห็นแก่ตัวของชนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะคนที่ได้รับผลกระทบกลับไม่สามารถกล่าวอะไรได้

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของปัญหาทางประเทศและกฎหมายที่ร่างขึ้นมาในอดีตซึ่งมีไว้เพื่อความยุติธรรม

ดังนั้นการถกเถียงในครั้งนี้มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่ว่าใครถูกใครผิด แต่ยังต้องแก้ปัญหาอีกเยอะแยะที่ยากจะรับมือ

ในความเป็นจริงต่อให้เลทิเซียถูกกำจัดไปปัญหามันก็ไม่ได้จบลงแค่นั้นด้วย แน่นอนว่าการประชุมก็ดำเนินการไปด้วยปัจจัยหลักที่ว่า

มีผู้เสียหายจำนวนมากและความผิดที่เลทิเซียได้ก่อขึ้น.. ในช่วงเวลาที่ทุกคนได้ประชุมกันขณะเดียวกันโลกด้านนอกก็ได้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้เป็นการปะทุของฝูงชนในอาณาจักรเริ่มมีการออกประท้วงเนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้คนมุ่งหน้ามายังปราสาทในเมืองหลวง

ถึงแม้กฎหมายจะมีไว้แค่บังหน้าสำหรับอาณาจักรนี้ แต่ก็มีคนปลุกปั่นว่าหากความเสียหายเป็นวงกว้างขนาดนี้เกี่ยวกับราชา

พวกเขาสามารถใช้กฎหมายบังหน้าทำการประท้วงให้เกิดการชุลมุนได้และทางฝั่งของพระราชาเองก็ไม่สามารถลงมือทำร้ายได้อย่างโจ่งแจ้ง

หากมีคนจำนวนน้อยมาโวยวายเรื่องความชอบธรรมคนเหล่านั้นอาจจะถูกปิดปากและหอบไปทิ้งในป่าก็เป็นได้

แต่ในตอนนี้คนมันมีเยอะมากมายเกินไป อีกทั้งประเทศที่ไร้ผู้นำในตอนนี้เหลือเพียงขุนนางบางคนเท่านั้น

แน่นอนว่าขุนนางหลายคนก็สับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความชุลมุนของมวลชนก็ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่งจนเกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนและขุนนาง

เหล่าขุนนางที่ใช้อาวุธต่อต้านและฆ่าพลเรือนก็ต่างก็ต่างถูกประนามจนกระทั่งมีชื่อเสียงเสียหาย

มันเลยทำให้พวกเขาโกรธและเกลียดเหล่ามวลชนผู้โง่เขลาแน่นอนว่าในยุคที่มีขุนนางชักเจนแบบนี้

เมื่อมีสิ่งที่เรียกว่ากฎหมายมาบอกว่าโลกนี้มันเท่าเทียมเหล่าคนชั้นสูงก็ต่างไม่อยากยอมรับกันเป็นธรรมดา

พวกเขามีความหยิ่งยโสในตัวเมื่อถูกด่าทอว่าร้อยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอก็ทำให้เขาโกรธเกลียด จนเกิดการปะทะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผู้คนล้มตายไปจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันผู้คนที่อดตายเพราะขาดอาหารก็มีกันมากขึ้นไม่แพ้กัน การประชุมหารือในห้องแห่งนั้นยังไม่เคยหยุด

ส่วนเลทิเซียเองก็หลับเป็นตายเพราะการใช้ท่าลึกลับนั้นอีกด้วย เวลาผันผ่านไปเกือบเดือน

ผู้คนถูกฆ่าภายใต้คนที่มีอำนาจไปมากมายเหลือจะกล่าว แม้จะมีกฎหมายในประเทศแต่กฎหมายก็เหมือนจะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับคนมีพลัง

ในโลกที่ควรจะมีเพียงแต่อำนาจปกครองคนด้วยความหวาดกลัวโดยบารมีของขุนนางและราชา

ประชาชนที่ควรจะหวาดกลัวอำนาจต่อให้มีคนตายไปมากขนาดไหน หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็ยังคงหวาดกลัวหลบอยู่ในมุมมืด

มองว่าหากมีใครสักคนเข้ามาช่วยก็คงดี

แต่เมื่อมีสิ่งที่เรียกว่ากฎหมายในโลกที่ไร้ซึ่งความเท่าเทียมเหล่านี้มันทำให้ประชาชนมีความกล้าที่จะลุกขึ้นสู้

แต่ทว่าความกล้าก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะว่าหากไร้ซึ่งการต่อต้านอีกฝ่ายก็รั้งจะเป็นการทำร้ายตัวเองก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่มากยิ่งกว่าเดิม

แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ผิด เพราะมันเป็นทางเดียวที่ผู้คนจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป.. ทุกคนต่างบ้าคลั่งชาวไร่ชาวนาต่างพากันหยิบจอบหยิบมีดขึ้นมา

ต่อต้านความเผด็จการล้างบางขุนนาง แทบกลายเป็นการกลียุคแผ่นดินลุกเป็นไฟ เผาบ้าน เผาเมืองคนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก 
 

ในขณะที่ขุนนางที่ควรจะปกป้องเหล่าไพร่สามัญชนจากการกลืนกินภาษีพวกเขากลับหันดาบ หันอาวุธใส่สามัญชนเสียเอง 
 

ความเกลียดชัง อำนาจ ศักดิ์ศรี ความเป็นคน ความบ้าคลั่ง ทุกอย่างระเบิดออกมาในเวลานี้

ไม่มีอาณาจักรไหนที่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่ว่าจะขุนนางก็ดีประชาชนก็ช่างทุกคนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งราวกับปีศาจ

จนท้ายที่สุดก็มีผู้กล้าออกเคลื่อนไหวเพื่อยุติการก่อจลาจลในครั้งนี้ และการประชุมก็สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าทุกคนพอคาดเดาได้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลงทางฝั่งของเวโรเน่ก็ช่วยเหลือคน

เธอมองไปทั่วทั้งเมืองที่มีศพคนนอนตายอยู่ตามซอกตึกตามบ้านเรือน บางคนก็ตายเกลื่อนกลางถนน

เป็นภาพที่โหดร้ายยิ่งกว่าอะไรดี

“….”

เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่บอกกล่าวใดๆ

ในการประชุมครั้งนี้เกือบทำให้เกิดสงครามขึ้นมากเลยพวกเธอไม่มีเวลามาสนใจโลกด้านนอกเลย

แต่แม้การประชุมจะรอดผ่านมาได้ซึ่งนับว่าปาฏิหาริย์เพราะเลทิเซียเป็นคนผิดแต่เวโรเน่สามารถทำให้เธอรอดจากการประหารได้

ซึ่งผลลัพธ์การประชุมก็คือ.. เลทิเซียนับว่าเป็นนักเรียนในส่วนกลางของทุกๆ อาณาจักร ว่าง่ายๆ ตราบใดที่เลทิเซียยังเป็นนักเรียนลิเบอร์ที่นับว่าเป็นกลางในทุกๆ เรื่อง

สงครามจะไม่เกิด ที่จักรพรรดิมังกรริสเวลยอมให้เพราะเขายังไม่ต้องการหาเรื่องเด็กผู้หญิงผมสีทองที่ชื่อโรสนั่น

หากบุกรุกเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นความผิดทันที กล่าวคือเธอมีสิทธิ์ที่จะฆ่าผู้ไม่เห็นด้วยกับตัวเองได้หากบุกเข้าไปหาเลทิเซียในโรงเรียน

ด้วยเหตุนี้การประชุมจึงสิ้นสุดลง แต่ในตอนนี้สัญญายุติสงครามระหว่างงเผ่าพันธุ์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีถูกฉีกขาด

จักรพรรดิริสเวลก็ฉลาดมากเพราะเขาใช้เลทิเซียเป็นข้ออ้างในการก่อสงครามระหว่างอาณาจักรได้แล้ว

แบบนั้นต่อให้เป็นผู้หญิงผมทองก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ เพราะโรงเรียนทั้งห้ายังต้องทำตัวเป็นกลางต่อไปไม่เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

แม้จะเสียดายที่ปล่อยให้เด็กนั่นเติบโตไปอีกหกปี… แต่เขาก้เตรียมการไว้แล้ว เพราะยังไงซะการที่เขาเข้าข้างผู้เสียหายก็เพราะหวังจะกำจัดเลทิเซียอยู่แล้ว

ในความเป็นจริงเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ อีกทั้งตอนนี้อาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสที่รับคนเข้าไปจำนวนมาก

ต้องมีปัญหาขาดแคลนอาหารและดูแลไม่ทั่วถึงเพิ่มขึ้นมากมายเป็นแน่.. ซึ่งการก่อกวนหรือแทรกซึมก็จะง่ายยิ่งขึ้นมาก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ประสบความสำเร็จสำหรับเขาที่สุดคือฉีกสัญญาได้แล้ว.. แค่นี้ข้อผูกมัดของปราชญ์นั่นได้สักที

แน่นอนว่าสัญญาที่กล่าวถึงในโลกนี้สัญญาไม่ใช่แค่กระดาษเปล่าหรอก เพราะหากเป็นแค่กระดาษเปล่ามีหรือพวกบ้าศักดิ์ศรีในโลกนี้จะยอมอยู่เฉยเพราะกระดาษโง่ๆ และเชื่อฟังคำคนอื่นปล่อยให้คำพูดต่างๆ มากมายเสียดสีดูถูก

ไม่มีทางและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าสำหรับดินแดนแห่งนี้ถึงมีแต่คนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์สงคราม.. เพราะทำไม่ได้ต่างหากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำเพราะมีสัญญา

ส่วนสัญญาฉบับนั้นหากฝ่าฝืนจะโดนลงทัณฑ์และถูกห่าตายโดยทันที นั่นแหละคือสัญญาที่เกิดจากมหาปราชญ์

และคนที่สามารถฉีกสัญญาได้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือ.ง ผู้ถือครองสิทธิ์ขาดของสถาบันทั้งห้า.. ใช่ผู้หญิงผมสีทองนั่น

แม้เวโรเน่ไม่อยากยอมรับเพราะถ้าหากสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งทุกอย่างในอดีตก็เหมือนจะสูญเปล่าไป

แต่อย่างไรก็ตามเธอก็โดนจักรพรรดิมังกรริสเวลขู่ว่าแม้เขาจะไม่สามารถทำอันตรายเลทิเซียหรือแหกสนธิสัญญายุติสงครามได้

แต่เขาสามารถทำให้ชื่อเสียงเลทิเซียเสียหายได้โดยการบอกความจริง และหากเป็นแบบนั้นเธอเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้

อย่างไรก็ตามสงครามคงไม่เกิดขึ้นในทันที…

อันที่จริงมันเกิดขึ้นในทันทีไม่ได้.. เพราะยังมีสัตว์ประหลาดที่ชื่อเลทิเซียอยู่.. หากสงครามปะทุขึ้นตามความต้องการของจักรพรรดิมังกรริสเวล

แต่หากสู้ไม่ชนะก็ไม่มีประโยชน์อะไร…ดังนั้นเขาจึงเริ่มวางแผนในหัวเช่นกัน..

อย่างน้อยๆ .. ตัวแปรในครั้งนี้คือเลทิเซีย..

ใช่ เธอคือกุญแจที่จะนำพาไปสู่การปะทุของสงคราม..

เพราะเลทิเซียมีขุมอำนาจมากมายหนุนหลัง.. แถมยังมีความสามารถเหนือล้ำ หากทำสงครามไปคงถูกเลทิเซียที่เข้าอยู่กับฝ่ายหนุนหลังพวกเขาคงแพ้ทันที

แม้จะมีไม้ตายอย่างบรรพบุรุษมังกรทั้งสองก็ตามทีแต่พวกเขาไม่ทำสงครามแน่ หน้าที่พวกเขามีแค่ปกป้อง..

ดังนั้น.. สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ….

กำจัดเลทิเซียได้เมื่อไหร่.. สงครามจะปะทุขึ้นในทันที

แต่เลทิเซียเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนลิเบอร์.. หรือก็คือ..

ภายในหกปีสงรามจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน.. แต่นั่นก็หมายถึงว่า.. ระยะเวลาสันติสุขของโลกใบนี้เหลืออีกแค่หกปี

“ไอ้พวกมังกร.. ดูเหมือนพวกนี้จะไม่หลาบจำเลยนะ”

เวโรเน่กัดฟันพึมพำในลำคอ.. ดวงตาฉายแสงเย็นชา..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 235

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 235 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 – สันติสุขที่แสนสั้น

 

ในความเป็นจริง แน่นอนอยู่แล้วว่าเลทิเซียนั้นเป็นคนผิด ผิดที่ทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบด้วยพูดในมุมมองความถูกต้อง

แน่นอนว่าสำหรับเลทิเซียเธอไม่ใช่คนที่จะฆ่าคนทิ้งแบบไม่สนใจไยดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพลังลึกลับนั้นของเธอต่างหาก

เธอที่ไม่สามารถระบุรูปแบบพลังหรือประเภทพลังหลังจากใช้ไปได้เลย เธอรู้เพียงว่าท่านั้นของเธอมันจะลบทุกคนที่ขวางทางอยู่ออกหมด

ใช่ นั่นคือในมุมของเลทิเซียแต่ในความเป็นจริงการที่มีคนตายและได้รับผลกระทบมากมายทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั้นก็เกิดขึ้นจริง

สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่กล่าวว่าเพราะเธอเป็นจอมมาร เธอมีแม่เป็นจอมมารเป็นเทพและผู้กล้าหนุนหลัง สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถมาทดแทนความผิดได้

ต่อให้มันทดแทนได้มันก็แค่การเห็นแก่ตัวของชนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะคนที่ได้รับผลกระทบกลับไม่สามารถกล่าวอะไรได้

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของปัญหาทางประเทศและกฎหมายที่ร่างขึ้นมาในอดีตซึ่งมีไว้เพื่อความยุติธรรม

ดังนั้นการถกเถียงในครั้งนี้มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่ว่าใครถูกใครผิด แต่ยังต้องแก้ปัญหาอีกเยอะแยะที่ยากจะรับมือ

ในความเป็นจริงต่อให้เลทิเซียถูกกำจัดไปปัญหามันก็ไม่ได้จบลงแค่นั้นด้วย แน่นอนว่าการประชุมก็ดำเนินการไปด้วยปัจจัยหลักที่ว่า

มีผู้เสียหายจำนวนมากและความผิดที่เลทิเซียได้ก่อขึ้น.. ในช่วงเวลาที่ทุกคนได้ประชุมกันขณะเดียวกันโลกด้านนอกก็ได้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้เป็นการปะทุของฝูงชนในอาณาจักรเริ่มมีการออกประท้วงเนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้คนมุ่งหน้ามายังปราสาทในเมืองหลวง

ถึงแม้กฎหมายจะมีไว้แค่บังหน้าสำหรับอาณาจักรนี้ แต่ก็มีคนปลุกปั่นว่าหากความเสียหายเป็นวงกว้างขนาดนี้เกี่ยวกับราชา

พวกเขาสามารถใช้กฎหมายบังหน้าทำการประท้วงให้เกิดการชุลมุนได้และทางฝั่งของพระราชาเองก็ไม่สามารถลงมือทำร้ายได้อย่างโจ่งแจ้ง

หากมีคนจำนวนน้อยมาโวยวายเรื่องความชอบธรรมคนเหล่านั้นอาจจะถูกปิดปากและหอบไปทิ้งในป่าก็เป็นได้

แต่ในตอนนี้คนมันมีเยอะมากมายเกินไป อีกทั้งประเทศที่ไร้ผู้นำในตอนนี้เหลือเพียงขุนนางบางคนเท่านั้น

แน่นอนว่าขุนนางหลายคนก็สับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความชุลมุนของมวลชนก็ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่งจนเกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนและขุนนาง

เหล่าขุนนางที่ใช้อาวุธต่อต้านและฆ่าพลเรือนก็ต่างก็ต่างถูกประนามจนกระทั่งมีชื่อเสียงเสียหาย

มันเลยทำให้พวกเขาโกรธและเกลียดเหล่ามวลชนผู้โง่เขลาแน่นอนว่าในยุคที่มีขุนนางชักเจนแบบนี้

เมื่อมีสิ่งที่เรียกว่ากฎหมายมาบอกว่าโลกนี้มันเท่าเทียมเหล่าคนชั้นสูงก็ต่างไม่อยากยอมรับกันเป็นธรรมดา

พวกเขามีความหยิ่งยโสในตัวเมื่อถูกด่าทอว่าร้อยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอก็ทำให้เขาโกรธเกลียด จนเกิดการปะทะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผู้คนล้มตายไปจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันผู้คนที่อดตายเพราะขาดอาหารก็มีกันมากขึ้นไม่แพ้กัน การประชุมหารือในห้องแห่งนั้นยังไม่เคยหยุด

ส่วนเลทิเซียเองก็หลับเป็นตายเพราะการใช้ท่าลึกลับนั้นอีกด้วย เวลาผันผ่านไปเกือบเดือน

ผู้คนถูกฆ่าภายใต้คนที่มีอำนาจไปมากมายเหลือจะกล่าว แม้จะมีกฎหมายในประเทศแต่กฎหมายก็เหมือนจะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับคนมีพลัง

ในโลกที่ควรจะมีเพียงแต่อำนาจปกครองคนด้วยความหวาดกลัวโดยบารมีของขุนนางและราชา

ประชาชนที่ควรจะหวาดกลัวอำนาจต่อให้มีคนตายไปมากขนาดไหน หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็ยังคงหวาดกลัวหลบอยู่ในมุมมืด

มองว่าหากมีใครสักคนเข้ามาช่วยก็คงดี

แต่เมื่อมีสิ่งที่เรียกว่ากฎหมายในโลกที่ไร้ซึ่งความเท่าเทียมเหล่านี้มันทำให้ประชาชนมีความกล้าที่จะลุกขึ้นสู้

แต่ทว่าความกล้าก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะว่าหากไร้ซึ่งการต่อต้านอีกฝ่ายก็รั้งจะเป็นการทำร้ายตัวเองก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่มากยิ่งกว่าเดิม

แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ผิด เพราะมันเป็นทางเดียวที่ผู้คนจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป.. ทุกคนต่างบ้าคลั่งชาวไร่ชาวนาต่างพากันหยิบจอบหยิบมีดขึ้นมา

ต่อต้านความเผด็จการล้างบางขุนนาง แทบกลายเป็นการกลียุคแผ่นดินลุกเป็นไฟ เผาบ้าน เผาเมืองคนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก 
 

ในขณะที่ขุนนางที่ควรจะปกป้องเหล่าไพร่สามัญชนจากการกลืนกินภาษีพวกเขากลับหันดาบ หันอาวุธใส่สามัญชนเสียเอง 
 

ความเกลียดชัง อำนาจ ศักดิ์ศรี ความเป็นคน ความบ้าคลั่ง ทุกอย่างระเบิดออกมาในเวลานี้

ไม่มีอาณาจักรไหนที่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่ว่าจะขุนนางก็ดีประชาชนก็ช่างทุกคนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งราวกับปีศาจ

จนท้ายที่สุดก็มีผู้กล้าออกเคลื่อนไหวเพื่อยุติการก่อจลาจลในครั้งนี้ และการประชุมก็สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าทุกคนพอคาดเดาได้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลงทางฝั่งของเวโรเน่ก็ช่วยเหลือคน

เธอมองไปทั่วทั้งเมืองที่มีศพคนนอนตายอยู่ตามซอกตึกตามบ้านเรือน บางคนก็ตายเกลื่อนกลางถนน

เป็นภาพที่โหดร้ายยิ่งกว่าอะไรดี

“….”

เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่บอกกล่าวใดๆ

ในการประชุมครั้งนี้เกือบทำให้เกิดสงครามขึ้นมากเลยพวกเธอไม่มีเวลามาสนใจโลกด้านนอกเลย

แต่แม้การประชุมจะรอดผ่านมาได้ซึ่งนับว่าปาฏิหาริย์เพราะเลทิเซียเป็นคนผิดแต่เวโรเน่สามารถทำให้เธอรอดจากการประหารได้

ซึ่งผลลัพธ์การประชุมก็คือ.. เลทิเซียนับว่าเป็นนักเรียนในส่วนกลางของทุกๆ อาณาจักร ว่าง่ายๆ ตราบใดที่เลทิเซียยังเป็นนักเรียนลิเบอร์ที่นับว่าเป็นกลางในทุกๆ เรื่อง

สงครามจะไม่เกิด ที่จักรพรรดิมังกรริสเวลยอมให้เพราะเขายังไม่ต้องการหาเรื่องเด็กผู้หญิงผมสีทองที่ชื่อโรสนั่น

หากบุกรุกเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นความผิดทันที กล่าวคือเธอมีสิทธิ์ที่จะฆ่าผู้ไม่เห็นด้วยกับตัวเองได้หากบุกเข้าไปหาเลทิเซียในโรงเรียน

ด้วยเหตุนี้การประชุมจึงสิ้นสุดลง แต่ในตอนนี้สัญญายุติสงครามระหว่างงเผ่าพันธุ์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีถูกฉีกขาด

จักรพรรดิริสเวลก็ฉลาดมากเพราะเขาใช้เลทิเซียเป็นข้ออ้างในการก่อสงครามระหว่างอาณาจักรได้แล้ว

แบบนั้นต่อให้เป็นผู้หญิงผมทองก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ เพราะโรงเรียนทั้งห้ายังต้องทำตัวเป็นกลางต่อไปไม่เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

แม้จะเสียดายที่ปล่อยให้เด็กนั่นเติบโตไปอีกหกปี… แต่เขาก้เตรียมการไว้แล้ว เพราะยังไงซะการที่เขาเข้าข้างผู้เสียหายก็เพราะหวังจะกำจัดเลทิเซียอยู่แล้ว

ในความเป็นจริงเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ อีกทั้งตอนนี้อาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสที่รับคนเข้าไปจำนวนมาก

ต้องมีปัญหาขาดแคลนอาหารและดูแลไม่ทั่วถึงเพิ่มขึ้นมากมายเป็นแน่.. ซึ่งการก่อกวนหรือแทรกซึมก็จะง่ายยิ่งขึ้นมาก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ประสบความสำเร็จสำหรับเขาที่สุดคือฉีกสัญญาได้แล้ว.. แค่นี้ข้อผูกมัดของปราชญ์นั่นได้สักที

แน่นอนว่าสัญญาที่กล่าวถึงในโลกนี้สัญญาไม่ใช่แค่กระดาษเปล่าหรอก เพราะหากเป็นแค่กระดาษเปล่ามีหรือพวกบ้าศักดิ์ศรีในโลกนี้จะยอมอยู่เฉยเพราะกระดาษโง่ๆ และเชื่อฟังคำคนอื่นปล่อยให้คำพูดต่างๆ มากมายเสียดสีดูถูก

ไม่มีทางและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าสำหรับดินแดนแห่งนี้ถึงมีแต่คนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์สงคราม.. เพราะทำไม่ได้ต่างหากไม่ใช่เพราะไม่อยากทำเพราะมีสัญญา

ส่วนสัญญาฉบับนั้นหากฝ่าฝืนจะโดนลงทัณฑ์และถูกห่าตายโดยทันที นั่นแหละคือสัญญาที่เกิดจากมหาปราชญ์

และคนที่สามารถฉีกสัญญาได้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือ.ง ผู้ถือครองสิทธิ์ขาดของสถาบันทั้งห้า.. ใช่ผู้หญิงผมสีทองนั่น

แม้เวโรเน่ไม่อยากยอมรับเพราะถ้าหากสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งทุกอย่างในอดีตก็เหมือนจะสูญเปล่าไป

แต่อย่างไรก็ตามเธอก็โดนจักรพรรดิมังกรริสเวลขู่ว่าแม้เขาจะไม่สามารถทำอันตรายเลทิเซียหรือแหกสนธิสัญญายุติสงครามได้

แต่เขาสามารถทำให้ชื่อเสียงเลทิเซียเสียหายได้โดยการบอกความจริง และหากเป็นแบบนั้นเธอเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้

อย่างไรก็ตามสงครามคงไม่เกิดขึ้นในทันที…

อันที่จริงมันเกิดขึ้นในทันทีไม่ได้.. เพราะยังมีสัตว์ประหลาดที่ชื่อเลทิเซียอยู่.. หากสงครามปะทุขึ้นตามความต้องการของจักรพรรดิมังกรริสเวล

แต่หากสู้ไม่ชนะก็ไม่มีประโยชน์อะไร…ดังนั้นเขาจึงเริ่มวางแผนในหัวเช่นกัน..

อย่างน้อยๆ .. ตัวแปรในครั้งนี้คือเลทิเซีย..

ใช่ เธอคือกุญแจที่จะนำพาไปสู่การปะทุของสงคราม..

เพราะเลทิเซียมีขุมอำนาจมากมายหนุนหลัง.. แถมยังมีความสามารถเหนือล้ำ หากทำสงครามไปคงถูกเลทิเซียที่เข้าอยู่กับฝ่ายหนุนหลังพวกเขาคงแพ้ทันที

แม้จะมีไม้ตายอย่างบรรพบุรุษมังกรทั้งสองก็ตามทีแต่พวกเขาไม่ทำสงครามแน่ หน้าที่พวกเขามีแค่ปกป้อง..

ดังนั้น.. สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ….

กำจัดเลทิเซียได้เมื่อไหร่.. สงครามจะปะทุขึ้นในทันที

แต่เลทิเซียเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนลิเบอร์.. หรือก็คือ..

ภายในหกปีสงรามจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน.. แต่นั่นก็หมายถึงว่า.. ระยะเวลาสันติสุขของโลกใบนี้เหลืออีกแค่หกปี

“ไอ้พวกมังกร.. ดูเหมือนพวกนี้จะไม่หลาบจำเลยนะ”

เวโรเน่กัดฟันพึมพำในลำคอ.. ดวงตาฉายแสงเย็นชา..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+