การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 242

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 242 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 242 – ความฝันที่ไม่อาจไขว่คว้า

 

โคลเอ้ในตอนนี้เธอสับสนมาก ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำแบบนั้นกับเลทิเซีย อย่างไรก็ตามในเมื่อไม่ได้รับคำตอบเธอก็เลิกสนใจ

ทางเดียวที่ทำได้ก็คือฆ่าอีกฝ่ายซะ .. แม้ต้องแลกด้วยชีวิต.. ถึงแม้จะบอกแบบนั้นก็ตาม โคลเอ้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางตายอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน

เพราะเธอสามารถเห็นอนาคตทุกๆ ความเป็นไปได้..นั่นก็หมายความว่าเธอไม่มีทางตายก่อนอายุสิบแปดอย่างแน่นอน

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะประมาทคู่ต่อสู้ ดังนั้นทันทีที่อีกฝ่ายประมาทเพราะตอบคำถามของเธออยู่นั้นเอง

โคลเอ้ก็ใช้มือสองคว้ารวบเอาดินที่อยู่บนพื้นสะบัดใส่ดวงตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“แค่กๆ หยุดดิ้นรนเถอะน่า”

อีกฝ่ายไอค่อกแค่กเพราะโดนดินบนพื้น ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวอะไรเลย โคลเอ้อาศัยจังหวะนี้ปาดาบไปใส่อีกฝ่าย

ดาบนั้นพุ่งใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว หากไม่หลบดาบนี่คงปักเข้าที่หัวของเธออย่างแม่นยำเป็นแน่

แน่นอนว่าแม้ดวงตาสองข้างอีกฝ่ายจะปิดสนิทก็ตาม แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเบี่ยงตัวเพียงเล็กน้อยก็หลบออกด้านข้าง

“เหนือแสง”

โคลเอ้ตะโกนออกมาในพริบตานั้นร่างของเธอพลันปรากฏที่เดียวกับดาบอยู่ซึ่งมันอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายเพราะอีกฝ่ายพึ่งเบี่ยงตัวหลบไป

โคลเอ้ใช้มือขวาจับดาบเอาไว้พร้อมกับใช้หมัดซ้ายต่อยใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“นี่เจ้าเล่นละครปาหี่อะไรของเจ้า”

มือขวาอีกฝ่ายยกขึ้นมาคว้าจับเอาแขนซ้ายโคลเอ้ไว้อย่างง่ายดาย โคลเอ้หน้าเปลี่ยนสีทันที เธอพยายามดิ้นรนแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล

ราวกับว่าแขนของเธอถูกคีบเหล็กที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้หนีบเอาไว้ และในตอนนั้นเองข้อมือของเธอก็เจ็บแสบฉับพลัน

และชั่วพริบตานั้นข้อมือของเธอกลายเป็นน้ำแข็งก่อนที่จะเริ่มลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าโคลเอ้แม้ไม่ได้มีประสบการณ์ต่อสู้มากขนาดนั้น

แต่เธอที่เป็นนักรบถูกฝึกมาให้เตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ดังนั้นดาบในมือขวาของเธอก็ตวัดเข้าที่แขนตัวเอง

“กรอด”

เลือดสีแดงพุ่งออกมาจากแขนของเธอ ความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบก็พลันพุ่งเข้าสู่เส้นประสาทมันจึงทำให้เธอกัดฟันจนแทบแหลกละเอียดกลั้นเสียงกรีดร้อง

“ปฏิกิริยาตอบสนองดี แต่เจ้ายังไร้ประสบการณ์”

เด็กผู้หญิงตรงหน้าของเธอกล่าวอย่างเยือกเย็น สีหน้าของโคลเอ้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ยังไงซะเธอก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าปี

แม้จะเห้นโลกมามากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดที่มากมายได้ ดังนั้นทันทีที่เธอแขนขาด

หางตาก็มีน้ำตาเล็ดออกมาเพราะความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังมีสติพยายามกระโดดถอยออกไปพร้อมกับฉีกเสื้อมารัดแขนเอาไว้

“เธอเป็นใครกันแน่ มีเป้าหมายอะไร”

โคลเอ้กัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดพยายามชวนคุยเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย

“มีเป้าหมายอะไรงั้นเหรอ?”

แม้โคลเอ้จะใช้แผนเดิมเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะตอบสนองเหมือนเดิมไม่ระแวงอะไรเลย.. ถ้าเธอคนนี้ไม่โง่ ก็กำลังดูถูกโคลเอ้อยู่

ไม่สิ.. อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะเธอน่ะแข็งแกร่งกว่าโคลเอ้มากในระดับที่ว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรเลย

ไม่ว่าจะมีอุบายแบบไหนหรือน่ากลัวยังไง.. เมื่อเจอความแข็งแกร่งที่แท้จริงอุบายนั้นก็กลายเป็นแค่การละเล่นของเด็กต่อหน้าผู้แข็งแกร่งเท่านั้น

“นั่นก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.. ให้ยัยปีศาจนั่นหายไปจากโลกนี่ไงล่ะ”

สายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมานั้นเต็มไปด้วยความมืดมิดและความเกลียดชัง ความแค้น.. ทุกอย่างมันระเบิดออกมาจากสายตาคู่นั้น

ราวกับว่าทุกอย่างในสายตาของโคลเอ้ถูกบดบังไปด้วยความมืดและไฟแค้นที่ไม่อาจคาดคะเนได้..

จิตสังหารถูกระเบิดออกมาจากคำพูดนั้น สิงสาราสัตว์ทั้งหมดต่างพากันแตกตื่น ร่างกายโคลเอ้ขยับไม่ได้

“อ่า.. เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดจนได้ งั้นก็ถึงเวลาตายขงเจ้าแล้วล่ะ”

วัตถุทรงกลมปริศนาพุ่งใส่หน้าอกของโคลเอ้อย่างรวดเร็ว แแต่ว่าเธอยกดาบมาป้องกันวัตถุขนาดเล็กนี้ แต่ทว่าทันทีที่มันกระแทกกกับคมดาบของเธอ

เสียงกรีดร้องทรมานก็ดังออกจากปากของโคลเอ้

“อ้ากกกกก”

เธอกรีดร้องทรมาน แขนขวาทั้งข้างถูกทำลายไม่เหลือแม้แต่ชิ้นดีโดยไม่มีแม้แต่แรงกระแทกอะไรทั้งสิ้น..

ราวกับว่าทันที่ที่บางอย่างสัมผัสกับวัตถุทรงกลมนี้.. ต้องมีผลลัพธ์คือถูกระเบิด!! น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจากหน้าของโคลเอ้

เธอถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดจากการสูญเสียแขนสองข้า… อย่าว่าแต่เด็กเลย..

ขนาดผู้ใหญ่หากไม่เคยสัมผัสมาก่อนคงมีสติแตกหรือสติหลุดกันบ้างและโคลเอ้ก็เช่นกัน เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมานแต่ก็ไร้ซึ่งคนได้ยิน

เธอพยายามถอยออกไปหลายก้าว..

“ไม่ๆ .. ข้า.. ข้าไม่มีทางมาตายอยู่ตรงนี้หรอก.. ข้าตายไม่ได้.. ท่านเลทิเซีย.. ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเธอ”

โคลเอ้ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลอาบใบหน้าจนดูไม่ได้.. แต่ทว่าสิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็ยังเป็นเลทิเซีย.. สีหน้าเธอแม้จะบิดเบี้ยวแต่ก็พยายามจะใช้สองข้าลุกขึ้น

เสียงดีดนิ้วของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของโคลเอ้..

“อ้ากก”

เธอที่พยายามจะลุกขึ้นก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นขาซ้ายถูกระเบิดออกตามเสียงดีดนิ้วของอีกฝ่าย

“ไม่.. ทำไม.. ทำไมกัน .. ข้าต้องไม่ตาย.. ข้าตายไม่ได้”

เธอกรีดร้องออกมาพร้อมกับคลานไปตามพื้นพยายามจะหนีออกไปจากที่นี่ เลือดจากแขนและขาของเธอไหลอาบไปทั่วล่าง

บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว..  แต่ทว่าในสายตาอีกฝ่ายกลับไม่มีความเห็นใจอะไรเลยสักนิด

“นี่คือผลลัพธ์ที่เธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไปไงล่ะ”

เสียงแหบพร่าของอีกฝ่ายดังขึ้น โคลเอ้ส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด..

“ไม่ๆ ไม่.. เพราะข้า.. เพราะข้าพยายามจะช่วยท่านเลทิเซียงั้นเหรอ.. ถึงต้องตาย.. ไม่.. ข้ายัง.. ข้ายังไม่อยากตาย..”

“ใครก็ได้.. ช่วยด้วย.. ช่วยข้าที..”

เสียงกรีดร้องของเธอดังกึกก้องไปทั่วป่ายามราตรีแต่ไร้ซึ่งคนมาเหลียวแลแม้แต่น้อย..

“เสียใจที่มายุ่งเกี่ยวแล้วเหรอ ฮ่าๆ แต่มันสายเกินไปแล้วล่ะ”

“ไม่ๆ ..ข้าไม่มีทางตาย.. ใช่.. ข้าไม่ตายหรอก..  เพราะข้าจะมีชีวิตอยู่อีกห้าหกปี.. ใช่.. ข้าไม่ตายแน่”

โคลเอ้พยายามดิ้นรนและพูดพล่ามถึงทุกเรื่องที่สามารถพูดออกมาได้ สิ่งที่เธอพูดออกมาทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจ

“เจ้าหมายถึงเรื่องอะไร?”

“ข้าน่ะจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนที่ท่านเลทิเซียตาย..ข้าไม่มีทางตายตรงนี้แน่ ต้องมีคนมาช่วยข้าแน่.. ข้าจะต้องไม่ตาย”

“ฮ่าๆ แบบนั้นเองเหรอ..นี่เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ ฮ่าๆ”

เธอหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ทำให้โคลเอ้สับสน..

“พลังของเธอน่ะ… มันไม่ใช่การเห็นอนาคตหรือการรับรู้โลกคู่ขนานอะไรทั้งสิ้น.. มันคือ.. ‘เนตรขนาน’ ต่างหากล่ะ”

“มันคือดวงตาที่สามารถดึงตัวเองไปอยู่ในโลกของต้นกำเนิด.. เป้นดวงตาของผู้สร้างสรรพสิ่งยังไงล่ะ”

“นั่นหมายความว่า.. สิ่งที่เธอเห็นน่ะมันไม่ได้มาจากดวงตาของเธอแต่อย่างใด.. แต่มาจากดวงตาของผู้สร้าง ดวงตาของผู้ขีดเขียนชะตากรรมแห่งโลก.. ไม่งั้น…เธอจะเห็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตในที่ที่เธอไม่เคยไปมาได้อย่างไร?”

พออีกฝ่ายพูดจบ.. ดวงตาของโคลเอ้ก็สั่นสะท้าน.. สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าและบัดนี้..กลายเป็นความสิ้นหวัง

“ไม่ๆ ไม่.. ทำไมข้าต้องมาตายแบบนี้ ไม่.. อ่า..”

เธอกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน.. เมื่อนึกถึงใบหน้าของเลทิเซีย.. เลทิเซีย.. เลทิเซียบ้าบออะไรกัน.. เธอคนนั้นเคยมองตัวเองเป็นเพื่อนที่ไหนกัน

มีแค่โคลเอ้เท่านั้นแหละที่คิดไปคนเดียว.. อ่า.. ทำไมเธอถึงต้องมาตายแบบนี้ด้วยนะ.. ทำไมกัน ทำไม

เธอยังไม่ได้เจอกับคนที่รัก ยังไม่ได้เจอประสบการณฺที่เคยอ่านในนิยายความรักเลย.. แล้วทำไมถึงต้องมาตายในที่แบบนี้..

“ไม่.. ข้ายังไม่อยากตาย.. ข้ายังไม่อยากตาย…”

“ได้โปรด.. อย่า..อย่าฆ่าข้าข้าเลย.. ข้าจะทำทุกอย่าง.. ข้าสัญญา”

อีกฝ่ายที่เห็นสภาพเช่นนี้ของโคลเอ้ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เธอหัวเราะราวกับมีความสุขที่สุดในโลก

“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะนังปีศาจ.. ขนาดเพื่อนของแกในตอนนี้ยังกลายเป็นคนที่โทษแกที่ลากเอาเธอมาเกี่ยวข้องแล้ว!! ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า”

เธอหัวเราะอย่าวงบ้าคลั่งความเกลียดชังทั้งหมดถูกระเบิดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ราวกับโกรธเกลียดและอยากจะช่วงชิงทุกอย่างของเลทิเซียมา

“ข้ายังไม่อยากตาย .. ปล่อยข้าไป..”

“หุบปาก”

โคลเอ้ร้องไห้เจ็บปวดทรมาน พยายามจะขอร้องอ้อนวอน.. พยายามจะทำทุกอย่างแต่ในชั่วพริบตานั้นดวงเสียงดีดนิ้วของผู้หญิงคนนั้นก็ดังขึ้น

อกของโคลเอ้ก็กลายเป้นรูโหว่ ดวงตาของเธอเบิกกว้างและก็ตกตายไปในแทบจะทันที.. จนท้ายที่สุดเธอก็ยังโทษเลทิเซีย..

หากเธอไม่มาเจอกับผู้หญิงคนนั้น.. ความฝัน ความปรารถนา แม้แต่ชีวิตของเธอคงไม่มาจบอยู่ตรงนี้..

แต่มันก็โทษใครไม่ได้.. เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจมาเองตลอด..  จนในช่วงท้ายที่สุดของชีวิตเธอถึงพึ่งจะมารู้สึกตัวว่า..

ทุกอย่างมันโกหก.. โกหกทั้งหมด ทั้งความรู้สึกเธอ การกระทำขอองเธอ.. แม้แต่ทางเดินชีวิตของตัวเอง

ที่เธอเลือกที่จะก้าวตามเลทิเซียในตอนแรกนั่นเป็นเพราะนับถือความพยายาม ต่อมาเป็นเพราะว่าคือเพื่อนกัน..

แต่เลทิเซียเคยคิดแบบนั้นกับเธอจริงๆ เหรอ.. ตั้งแต่ตอนที่เธอเห็นอดีตในวันนั้น.. เธอก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้ถูกลักพาตัว..

แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะเลทิเซีย

เธอพยายามบอกตัวเองว่าเพื่อนไม่ได้ตั้งใจ.. เพื่อนไม่ได้อยากทำแบบนั้นกับเธอ.. แต่ทว่าความจริงก็ยังเป็นความจริง..

ลึกๆ ภายในอกของเธอ.. มันมีความเกลียดชังที่ก่อตัวอยู่เงียบๆ มาตลอด ความอิจฉา.. ทุกอย่าง.. พอถึงวันนี้..

วันที่เธอตาย.. เธอถึงมารู้สึกตัวว่า..

“อ่า.. ฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้น”

ราวกับนี่เป็นภาพย้อนทวนก่อนตายของโคลเอ้ ภาพในอดีตลอยขึ้นมาในหัว เธออ่านนิยายรักเรื่องหนึ่ง

มันเป็นนิยายรักโรแมนติกที่กล่าวถึงหญิงนักดาบ.. ที่มีความรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง.. แม้จะมีอุปสรรคมากมาย..

แต่พวกเขาก็ตกลงปลงใจและแต่งงานกัน…

ใช่.. นั่นเป็นความฝันของเธอ.. คือ.. เจอคนที่รักตัวเอง และแต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เป็นความฝันเล็กๆ

และคิดว่าหากอยู่ใกล้ๆ คนแบบเลทิเซียมันอาจจะทำให้เธอได้ดีขึ้นบ้าง.. แต่ไม่ใช่เลย.. ไม่ว่าจะเรื่องความสวยหรือเรื่องความเก่งกาจ..

เธอสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย.. ความฝัน.. มันพังหมดแล้ว..

“เกลียดจริงๆ .. แม้แต่ตัวเองก็ด้วย…”

ร่างของเธอทรุดลงกับพื้น.. ดวงตายังคงเปิดกว้าง แต่สภาพใบหน้าดูไม่ได้เลยสักนิด.. นี่คือความตายของโคลเอ้

 

………

[เย่.. วันนี้วันเกิดผม แต่เป็นวันตายของโคลเอ้ ดวงเราสมพงษ์กันจริงๆ ฮ่าๆๆ – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 242

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 242 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 242 – ความฝันที่ไม่อาจไขว่คว้า

 

โคลเอ้ในตอนนี้เธอสับสนมาก ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำแบบนั้นกับเลทิเซีย อย่างไรก็ตามในเมื่อไม่ได้รับคำตอบเธอก็เลิกสนใจ

ทางเดียวที่ทำได้ก็คือฆ่าอีกฝ่ายซะ .. แม้ต้องแลกด้วยชีวิต.. ถึงแม้จะบอกแบบนั้นก็ตาม โคลเอ้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางตายอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน

เพราะเธอสามารถเห็นอนาคตทุกๆ ความเป็นไปได้..นั่นก็หมายความว่าเธอไม่มีทางตายก่อนอายุสิบแปดอย่างแน่นอน

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะประมาทคู่ต่อสู้ ดังนั้นทันทีที่อีกฝ่ายประมาทเพราะตอบคำถามของเธออยู่นั้นเอง

โคลเอ้ก็ใช้มือสองคว้ารวบเอาดินที่อยู่บนพื้นสะบัดใส่ดวงตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“แค่กๆ หยุดดิ้นรนเถอะน่า”

อีกฝ่ายไอค่อกแค่กเพราะโดนดินบนพื้น ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวอะไรเลย โคลเอ้อาศัยจังหวะนี้ปาดาบไปใส่อีกฝ่าย

ดาบนั้นพุ่งใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว หากไม่หลบดาบนี่คงปักเข้าที่หัวของเธออย่างแม่นยำเป็นแน่

แน่นอนว่าแม้ดวงตาสองข้างอีกฝ่ายจะปิดสนิทก็ตาม แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเบี่ยงตัวเพียงเล็กน้อยก็หลบออกด้านข้าง

“เหนือแสง”

โคลเอ้ตะโกนออกมาในพริบตานั้นร่างของเธอพลันปรากฏที่เดียวกับดาบอยู่ซึ่งมันอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายเพราะอีกฝ่ายพึ่งเบี่ยงตัวหลบไป

โคลเอ้ใช้มือขวาจับดาบเอาไว้พร้อมกับใช้หมัดซ้ายต่อยใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“นี่เจ้าเล่นละครปาหี่อะไรของเจ้า”

มือขวาอีกฝ่ายยกขึ้นมาคว้าจับเอาแขนซ้ายโคลเอ้ไว้อย่างง่ายดาย โคลเอ้หน้าเปลี่ยนสีทันที เธอพยายามดิ้นรนแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล

ราวกับว่าแขนของเธอถูกคีบเหล็กที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้หนีบเอาไว้ และในตอนนั้นเองข้อมือของเธอก็เจ็บแสบฉับพลัน

และชั่วพริบตานั้นข้อมือของเธอกลายเป็นน้ำแข็งก่อนที่จะเริ่มลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าโคลเอ้แม้ไม่ได้มีประสบการณ์ต่อสู้มากขนาดนั้น

แต่เธอที่เป็นนักรบถูกฝึกมาให้เตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ดังนั้นดาบในมือขวาของเธอก็ตวัดเข้าที่แขนตัวเอง

“กรอด”

เลือดสีแดงพุ่งออกมาจากแขนของเธอ ความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบก็พลันพุ่งเข้าสู่เส้นประสาทมันจึงทำให้เธอกัดฟันจนแทบแหลกละเอียดกลั้นเสียงกรีดร้อง

“ปฏิกิริยาตอบสนองดี แต่เจ้ายังไร้ประสบการณ์”

เด็กผู้หญิงตรงหน้าของเธอกล่าวอย่างเยือกเย็น สีหน้าของโคลเอ้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ยังไงซะเธอก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าปี

แม้จะเห้นโลกมามากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดที่มากมายได้ ดังนั้นทันทีที่เธอแขนขาด

หางตาก็มีน้ำตาเล็ดออกมาเพราะความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังมีสติพยายามกระโดดถอยออกไปพร้อมกับฉีกเสื้อมารัดแขนเอาไว้

“เธอเป็นใครกันแน่ มีเป้าหมายอะไร”

โคลเอ้กัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดพยายามชวนคุยเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย

“มีเป้าหมายอะไรงั้นเหรอ?”

แม้โคลเอ้จะใช้แผนเดิมเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะตอบสนองเหมือนเดิมไม่ระแวงอะไรเลย.. ถ้าเธอคนนี้ไม่โง่ ก็กำลังดูถูกโคลเอ้อยู่

ไม่สิ.. อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะเธอน่ะแข็งแกร่งกว่าโคลเอ้มากในระดับที่ว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรเลย

ไม่ว่าจะมีอุบายแบบไหนหรือน่ากลัวยังไง.. เมื่อเจอความแข็งแกร่งที่แท้จริงอุบายนั้นก็กลายเป็นแค่การละเล่นของเด็กต่อหน้าผู้แข็งแกร่งเท่านั้น

“นั่นก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.. ให้ยัยปีศาจนั่นหายไปจากโลกนี่ไงล่ะ”

สายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมานั้นเต็มไปด้วยความมืดมิดและความเกลียดชัง ความแค้น.. ทุกอย่างมันระเบิดออกมาจากสายตาคู่นั้น

ราวกับว่าทุกอย่างในสายตาของโคลเอ้ถูกบดบังไปด้วยความมืดและไฟแค้นที่ไม่อาจคาดคะเนได้..

จิตสังหารถูกระเบิดออกมาจากคำพูดนั้น สิงสาราสัตว์ทั้งหมดต่างพากันแตกตื่น ร่างกายโคลเอ้ขยับไม่ได้

“อ่า.. เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดจนได้ งั้นก็ถึงเวลาตายขงเจ้าแล้วล่ะ”

วัตถุทรงกลมปริศนาพุ่งใส่หน้าอกของโคลเอ้อย่างรวดเร็ว แแต่ว่าเธอยกดาบมาป้องกันวัตถุขนาดเล็กนี้ แต่ทว่าทันทีที่มันกระแทกกกับคมดาบของเธอ

เสียงกรีดร้องทรมานก็ดังออกจากปากของโคลเอ้

“อ้ากกกกก”

เธอกรีดร้องทรมาน แขนขวาทั้งข้างถูกทำลายไม่เหลือแม้แต่ชิ้นดีโดยไม่มีแม้แต่แรงกระแทกอะไรทั้งสิ้น..

ราวกับว่าทันที่ที่บางอย่างสัมผัสกับวัตถุทรงกลมนี้.. ต้องมีผลลัพธ์คือถูกระเบิด!! น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจากหน้าของโคลเอ้

เธอถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดจากการสูญเสียแขนสองข้า… อย่าว่าแต่เด็กเลย..

ขนาดผู้ใหญ่หากไม่เคยสัมผัสมาก่อนคงมีสติแตกหรือสติหลุดกันบ้างและโคลเอ้ก็เช่นกัน เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมานแต่ก็ไร้ซึ่งคนได้ยิน

เธอพยายามถอยออกไปหลายก้าว..

“ไม่ๆ .. ข้า.. ข้าไม่มีทางมาตายอยู่ตรงนี้หรอก.. ข้าตายไม่ได้.. ท่านเลทิเซีย.. ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเธอ”

โคลเอ้ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลอาบใบหน้าจนดูไม่ได้.. แต่ทว่าสิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็ยังเป็นเลทิเซีย.. สีหน้าเธอแม้จะบิดเบี้ยวแต่ก็พยายามจะใช้สองข้าลุกขึ้น

เสียงดีดนิ้วของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของโคลเอ้..

“อ้ากก”

เธอที่พยายามจะลุกขึ้นก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นขาซ้ายถูกระเบิดออกตามเสียงดีดนิ้วของอีกฝ่าย

“ไม่.. ทำไม.. ทำไมกัน .. ข้าต้องไม่ตาย.. ข้าตายไม่ได้”

เธอกรีดร้องออกมาพร้อมกับคลานไปตามพื้นพยายามจะหนีออกไปจากที่นี่ เลือดจากแขนและขาของเธอไหลอาบไปทั่วล่าง

บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว..  แต่ทว่าในสายตาอีกฝ่ายกลับไม่มีความเห็นใจอะไรเลยสักนิด

“นี่คือผลลัพธ์ที่เธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไปไงล่ะ”

เสียงแหบพร่าของอีกฝ่ายดังขึ้น โคลเอ้ส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด..

“ไม่ๆ ไม่.. เพราะข้า.. เพราะข้าพยายามจะช่วยท่านเลทิเซียงั้นเหรอ.. ถึงต้องตาย.. ไม่.. ข้ายัง.. ข้ายังไม่อยากตาย..”

“ใครก็ได้.. ช่วยด้วย.. ช่วยข้าที..”

เสียงกรีดร้องของเธอดังกึกก้องไปทั่วป่ายามราตรีแต่ไร้ซึ่งคนมาเหลียวแลแม้แต่น้อย..

“เสียใจที่มายุ่งเกี่ยวแล้วเหรอ ฮ่าๆ แต่มันสายเกินไปแล้วล่ะ”

“ไม่ๆ ..ข้าไม่มีทางตาย.. ใช่.. ข้าไม่ตายหรอก..  เพราะข้าจะมีชีวิตอยู่อีกห้าหกปี.. ใช่.. ข้าไม่ตายแน่”

โคลเอ้พยายามดิ้นรนและพูดพล่ามถึงทุกเรื่องที่สามารถพูดออกมาได้ สิ่งที่เธอพูดออกมาทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจ

“เจ้าหมายถึงเรื่องอะไร?”

“ข้าน่ะจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนที่ท่านเลทิเซียตาย..ข้าไม่มีทางตายตรงนี้แน่ ต้องมีคนมาช่วยข้าแน่.. ข้าจะต้องไม่ตาย”

“ฮ่าๆ แบบนั้นเองเหรอ..นี่เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ ฮ่าๆ”

เธอหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ทำให้โคลเอ้สับสน..

“พลังของเธอน่ะ… มันไม่ใช่การเห็นอนาคตหรือการรับรู้โลกคู่ขนานอะไรทั้งสิ้น.. มันคือ.. ‘เนตรขนาน’ ต่างหากล่ะ”

“มันคือดวงตาที่สามารถดึงตัวเองไปอยู่ในโลกของต้นกำเนิด.. เป้นดวงตาของผู้สร้างสรรพสิ่งยังไงล่ะ”

“นั่นหมายความว่า.. สิ่งที่เธอเห็นน่ะมันไม่ได้มาจากดวงตาของเธอแต่อย่างใด.. แต่มาจากดวงตาของผู้สร้าง ดวงตาของผู้ขีดเขียนชะตากรรมแห่งโลก.. ไม่งั้น…เธอจะเห็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตในที่ที่เธอไม่เคยไปมาได้อย่างไร?”

พออีกฝ่ายพูดจบ.. ดวงตาของโคลเอ้ก็สั่นสะท้าน.. สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าและบัดนี้..กลายเป็นความสิ้นหวัง

“ไม่ๆ ไม่.. ทำไมข้าต้องมาตายแบบนี้ ไม่.. อ่า..”

เธอกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน.. เมื่อนึกถึงใบหน้าของเลทิเซีย.. เลทิเซีย.. เลทิเซียบ้าบออะไรกัน.. เธอคนนั้นเคยมองตัวเองเป็นเพื่อนที่ไหนกัน

มีแค่โคลเอ้เท่านั้นแหละที่คิดไปคนเดียว.. อ่า.. ทำไมเธอถึงต้องมาตายแบบนี้ด้วยนะ.. ทำไมกัน ทำไม

เธอยังไม่ได้เจอกับคนที่รัก ยังไม่ได้เจอประสบการณฺที่เคยอ่านในนิยายความรักเลย.. แล้วทำไมถึงต้องมาตายในที่แบบนี้..

“ไม่.. ข้ายังไม่อยากตาย.. ข้ายังไม่อยากตาย…”

“ได้โปรด.. อย่า..อย่าฆ่าข้าข้าเลย.. ข้าจะทำทุกอย่าง.. ข้าสัญญา”

อีกฝ่ายที่เห็นสภาพเช่นนี้ของโคลเอ้ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เธอหัวเราะราวกับมีความสุขที่สุดในโลก

“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะนังปีศาจ.. ขนาดเพื่อนของแกในตอนนี้ยังกลายเป็นคนที่โทษแกที่ลากเอาเธอมาเกี่ยวข้องแล้ว!! ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า”

เธอหัวเราะอย่าวงบ้าคลั่งความเกลียดชังทั้งหมดถูกระเบิดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ราวกับโกรธเกลียดและอยากจะช่วงชิงทุกอย่างของเลทิเซียมา

“ข้ายังไม่อยากตาย .. ปล่อยข้าไป..”

“หุบปาก”

โคลเอ้ร้องไห้เจ็บปวดทรมาน พยายามจะขอร้องอ้อนวอน.. พยายามจะทำทุกอย่างแต่ในชั่วพริบตานั้นดวงเสียงดีดนิ้วของผู้หญิงคนนั้นก็ดังขึ้น

อกของโคลเอ้ก็กลายเป้นรูโหว่ ดวงตาของเธอเบิกกว้างและก็ตกตายไปในแทบจะทันที.. จนท้ายที่สุดเธอก็ยังโทษเลทิเซีย..

หากเธอไม่มาเจอกับผู้หญิงคนนั้น.. ความฝัน ความปรารถนา แม้แต่ชีวิตของเธอคงไม่มาจบอยู่ตรงนี้..

แต่มันก็โทษใครไม่ได้.. เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจมาเองตลอด..  จนในช่วงท้ายที่สุดของชีวิตเธอถึงพึ่งจะมารู้สึกตัวว่า..

ทุกอย่างมันโกหก.. โกหกทั้งหมด ทั้งความรู้สึกเธอ การกระทำขอองเธอ.. แม้แต่ทางเดินชีวิตของตัวเอง

ที่เธอเลือกที่จะก้าวตามเลทิเซียในตอนแรกนั่นเป็นเพราะนับถือความพยายาม ต่อมาเป็นเพราะว่าคือเพื่อนกัน..

แต่เลทิเซียเคยคิดแบบนั้นกับเธอจริงๆ เหรอ.. ตั้งแต่ตอนที่เธอเห็นอดีตในวันนั้น.. เธอก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้ถูกลักพาตัว..

แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะเลทิเซีย

เธอพยายามบอกตัวเองว่าเพื่อนไม่ได้ตั้งใจ.. เพื่อนไม่ได้อยากทำแบบนั้นกับเธอ.. แต่ทว่าความจริงก็ยังเป็นความจริง..

ลึกๆ ภายในอกของเธอ.. มันมีความเกลียดชังที่ก่อตัวอยู่เงียบๆ มาตลอด ความอิจฉา.. ทุกอย่าง.. พอถึงวันนี้..

วันที่เธอตาย.. เธอถึงมารู้สึกตัวว่า..

“อ่า.. ฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้น”

ราวกับนี่เป็นภาพย้อนทวนก่อนตายของโคลเอ้ ภาพในอดีตลอยขึ้นมาในหัว เธออ่านนิยายรักเรื่องหนึ่ง

มันเป็นนิยายรักโรแมนติกที่กล่าวถึงหญิงนักดาบ.. ที่มีความรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง.. แม้จะมีอุปสรรคมากมาย..

แต่พวกเขาก็ตกลงปลงใจและแต่งงานกัน…

ใช่.. นั่นเป็นความฝันของเธอ.. คือ.. เจอคนที่รักตัวเอง และแต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เป็นความฝันเล็กๆ

และคิดว่าหากอยู่ใกล้ๆ คนแบบเลทิเซียมันอาจจะทำให้เธอได้ดีขึ้นบ้าง.. แต่ไม่ใช่เลย.. ไม่ว่าจะเรื่องความสวยหรือเรื่องความเก่งกาจ..

เธอสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย.. ความฝัน.. มันพังหมดแล้ว..

“เกลียดจริงๆ .. แม้แต่ตัวเองก็ด้วย…”

ร่างของเธอทรุดลงกับพื้น.. ดวงตายังคงเปิดกว้าง แต่สภาพใบหน้าดูไม่ได้เลยสักนิด.. นี่คือความตายของโคลเอ้

 

………

[เย่.. วันนี้วันเกิดผม แต่เป็นวันตายของโคลเอ้ ดวงเราสมพงษ์กันจริงๆ ฮ่าๆๆ – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+