การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 384
บทที่ 384 – การทำสัญญา
“อ่ะแฮ่ม!”
ในขณะที่เลทิเซียอธิบายทุกอย่างอย่างออกรส ด้านหลังก็มีเสียงกระแอมของเมอร์สันดังขึ้นเหมือนกำลังย้ำเตือนอะไรบางอย่างเลทิเซีย
เลทิเซียเองก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้ทันที ปกติเลทิเซียไม่มีทางปล่อยตัวไปตามสถานการณ์แบบนี้แน่นอน
แต่ด้วยความที่ความพยายามของเธอตลอดห้าปีที่มาอยู่ที่นี่มันประสบความสำเร็จ.. ต้องบอกว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมามักเจอปัญหานั่นปัญหานี่
อันที่จริงด้วยความสามารถระดับเลทิเซียมันควรจะเร็วกว่าห้าปีมาก แต่กลับกินเวลาไปถึงห้าปีแสดงให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ของต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นน่ากลัวมาก
อันที่จริงที่เลทิเซียไม่ใช้ ‘ทักษะ’ ในการช่วยเหลือมากนักเธอกลัวว่าภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างจะปรากฏ
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะไม่ปรากฏเลยก็ตามที.. แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้ทำเวลาขัดแย้งกันตรงๆ
เช่น.. ก่อนหน้านี้ที่เลทิเซียฆ่าคนสองคนนั้นไปที่เป็นคนของเผ่าปีศาจละมั้ง เลทิเซียเองก็จำไม่ได้..
แต่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลทิเซียจึงคิดว่า บางทีสองคนนั้นมีชะตากรรมที่ต้องตายอยู่ตรงนั้นแต่แรกแล้ว.. และสาเหตุคงมาจากผู้หญิงที่บินมาด้วยความเร็วสูง
แน่นอนว่าเลทิเซียสังเกตเห็นว่ามีคนพุ่งมาทางนี้เช่นกัน เลทิเซียจึงแอบถอยออกมาเงียบๆ นอกจากเวโรเน่แล้วก็ไม่มีใครเห็นเธอ
บางทีถ้าหากเลทิเซียไม่อยู่ที่นี่ ผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคนฆ่าเองจากการคาดเดาของเลทิเซีย..
แต่ว่า.. ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเลทิเซียถึงสอนเวทมนตร์ให้เวโรเน่ได้ล่ะ.. จากการที่เลทิเซียลองผิดลองถูกมาคือ..
ตราบใดที่เธอยังไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ขัดแย้งจากในอนาคตที่เธอเห็นมามันก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากขัดแย้งละก็… เรื่องนั้นเลทิเซียไม่กล้าลอง
แต่ก็เคยลองไปแล้วตอนที่พยายามจะห้ามไม่ให้ชาร์ล็อตมอบจี้ให้ตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นนั่นแหละ
และขอแค่เลทิเซียไม่สร้างสิ่งที่ขัดแย้งกันก็พอ… สรุปคือเธอแค่ลื่นไหลไปตามสายน้ำเท่านั้น โชคดีที่เธออ่านเรื่องประวัติศาสตร์มาค่อนข้างเยอะ
ทำให้เธอระมัดระวังตัวว่าจะไปสร้างความขัดแย้งของเวลาขึ้น..
“มาคุยกันสักหน่อยไหม?”
เมอร์สันเดินเข้ามาหาเลทิเซียพร้อมพูดขึ้นเลทิเซียเองก็มองอีกฝ่าย ทั้งสองคนเพียงแค่จ้องหน้ากันราวกับเข้าใจกันได้
“อืม”
เลทิเซียพยักหน้าตอบ ทั้งคู่ก็เดินจากไป แต่ก่อนจะไปเลทิเซียก็กล่าวถึงเก้าเดือนมหัศจรรย์การกำเนิดเด็ก
และหากมีอะไรผิดแปลกไปจากนี้ต้องแจ้งให้เธอทราบทันที เลทิเซียอธิบายตั้งแต่ตัวอ่อนไปจนถึงโตเต็มวัยพร้อมที่จะคลอด
หลังจากนั้นเลทิเซียก็เดินตามเมอร์สันไป ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกัน.. อันที่จริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาคนที่เลทิเซียคุยเยอะด้วยที่สุดคือเมอร์สัน
เพราะเมอร์สันเป็นคนที่ทำสัญญากับเธอและรู้ว่า ‘เธอมาจากอนาคต’ เรื่องนี้คงต้องกล่าวย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน..
ตอนที่เลทิเซียเจอกับเมอร์สันครั้งแรก และเมอร์สันบอกว่าจะสร้างสิ่งมีชีวิตเทียม.. ใช่แล้วนั่นเป็นแผนที่เลทิเซียเคยคิดไว้
ว่าจะสร้างเด็กที่แปรเปลี่ยนทุกอย่าง เด็กที่เกิดในช่วงเวลานี้ และเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงไปจากเดิมนั่นเอง
พอได้ยินแบบนั้นเลทิเซียจึงเสนอว่า…
“เอาแบบนี้.. มอบสิ่งมีชีวิตเทียมให้กับฉัน.. แลกกับการฉันจะยอมบอกวิธีหยุดสงครามให้กับนายเอง”
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเลทิเซียคนเดียวในห้าปีคงทำได้ไม่ถึงขนาดนี้ เพราะเธอยังหวั่นๆ ต่อภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง
แต่ถ้าหากสิ่งมีชีวิตเทียมถูกสร้างขึ้นโดยคนในยุคนี้ล่ะ.. นั่นหมายความว่ามันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ!
แน่นอนว่าตอนแรกเมอร์สันไม่เชื่อหรอก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ดึงดูดเขา.. สำหรับสิ่งมีชีวิตเทียมเขาคิดว่าจะสร้างมันเพื่อมายุติสงครามเท่านั้น
หรือก็คือสิ่งมีชีวิตเทียมที่เป็นเป้าหมายขององค์กร.. แต่ไม่ใช่ตัวสิ่งมีชีวิตเทียมที่พวกเขาต้องการ แต่เป็นหลังจากมีมันต่างหาก
ดังนั้นข้อเสนอเลทิเซียช่างน่าหอมหวานอย่างมาก… ไม่มีใครรู้ว่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเมอร์สันพยายามหยุดสงครามไปแล้วกี่หน
แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง เมื่อมีคนแปลกหน้าที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขามาบอกว่ามีวิธีหยุด มันไม่มีทางทำให้เขาเชื่อหรอก
แต่เขาก็คิดว่าไม่มีเหตุผลที่เธอต้องโกหกเหมือนกัน… ภายใต้ภาพโลกที่แสนสงบสุขที่หอมหวานทำให้เขาตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่แล้วบอกกับตัวเองว่า
“เมอร์สันเอ้ยเมอร์สัน สิ่งที่เจ้าต้องการคือยุติสงครามที่ดำเนินมาหลายร้อยปีนะ.. ต่อให้โอกาสนั้นจะน้อยนิดก็ควรค่าแก่การเสี่ยง!”
“เอาสิ ก็ได้.. ข้าจะทำสัญญากับเจ้า”
เมอร์สันกล่าวด้วยความยึดมั่น.. เลทิเซียจึงบอกวิธีหยุดสงครามก่อนที่จะได้รับสิ่งมีชีวิตเทียมซะอีก..
ซึ่งมันทำให้เมอร์สันแปลกใจมาก.. แต่พอได้ฟังวิธีเท่านั้นแหละเขาก็รู้สึกเหมือนกับโดนต้มซะเปื่อย…เพราะว่า..
“วิธีที่จะหยุดสงครามคือ… ไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวมันก็หยุดเอง”
“ห้ะ?”
“ฉันจะบอกว่า.. ฉันคือคนที่มาจากอนาคต และในอีกห้าร้อยปีข้างหน้านั้นมีบันทึกประวัติศาสตร์ที่บอกว่า ‘สงครามจะยุติลงในยุคนี้’ ไงล่ะ หากฉันเข้าใจเรื่องโลกนี้ถูก สงครามจะยุตินั้นถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางบิดเบือนได้ เพราะหากบิดเบือนได้.. ตอนนี้ภาพสะท้อนเทพผู้สร้างคงปรากฏตัวออกมาแล้ว กล่าวคือตอนนี้อนาคตยังไม่ถูกเปลี่ยนยังไงล่ะ”
พอพูดศัพท์ที่เมอร์สันไม่รู้ออกมาเยอะแยะขนาดนั้นทำให้เขางุนงง เลทิเซียที่ตัดสินใจจะลงเรือลำเดียวกัน แถมเมอร์สันต้องเป็นคนช่วยเหลือเธอในอนาคตอีก
ตามแผนของเลทิเซีย เธอจึงต้องอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจทุกอย่าง….
…..พอเมอร์สันนึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวขึ้นขณะที่เดินไปยังห้องพักผ่อนว่า
“ตลอดห้าปีที่ผ่านมา.. จากความรู้ของเจ้าที่แสดงออกมา ข้าก็เชื่อแล้วจริงๆ ว่าเจ้ามาจากอนาคตจริงๆ … แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเจ้าควรจะไม่บอกเรื่องนั้นกับใครไม่ใช่เหรอ..”
“ก็อย่างที่เห็นว่าไม่มีภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏก็เท่ากับไม่มีปัญหา.. แล้วก็อีกอย่างนายต้องช่วยฉันไงล่ะ”
เลทิเซียพูดขึ้น ทำให้เมอร์สันงุนงงเข้าไปอีก?
“หมายความว่าไง..”
“ที่ฉันจะบอกคือต่อให้สร้างทารกเทียมสำเร็จสิ่งมีชีวิตเทียมก็จะไม่มีชีวิตเพราะมันจะไม่เป็นภาชนะที่สามารถดึงดูดวิญญาณมาได้ เพราะเป็นทารกที่ไม่ได้เกิดมาตามตรรกะปกติของโลก”
“แล้วจะทำอย่างไร?”
“ขโมยวิญญาณจากเทพธิดาบนแดนเทพไง”
พอเลทิเซียพูดแบบนั้น แม้แต่เมอร์สันยังสะดุ้งด้วยความตกใจ เทพธิดาน่ะเหรอ.. บ้าเรอะ ถึงเขาจะไม่ชอบเทพธิดาก็ตามแต่
ทว่าเขารู้ดีว่าเทพธิดานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน จริงอยู่ที่ถ้ามาโลกมนุษย์แห่งนี้เทพธิดาจะถูกผนึกพลังบางอย่างเอาไว้..
แต่หากอยู่แดนเทพ.. เทพธิดานั้นสามารถลบโลกนี้ได้เลยไม่ใช่หรือไงกัน แล้วจะไปขโมยจากแดนเทพน่ะนะ.. อย่าว่าแต่ขโมยเลยจะเข้าถึงยังไงดีกว่า
“อ้ะ.. หรือว่าจะให้ข้าไปเป็นคนขโมยเหรอ?!”
เมอร์สันก็เหมือนนึกอะไรออก เขาก็หันไปมองเลทิเซียตาเขม็ง.. แต่เลทิเซียก็ตอบออกมาแทบจะทันที
“ไม่ไหวหรอก นายคงถูกเทพธิดาฆ่าทันทีแหละ.. แล้วก็ฟังให้จบก่อนสิ”
เลทิเซียเคยเห็นพลังอาภรณ์เทพของซิลเวียมากับตาแล้วด้วย ต่อให้เป็นร่างมารก็ยากจะเทียบเคียงได้แน่นอน
Comments
การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 384
บทที่ 384 – การทำสัญญา
“อ่ะแฮ่ม!”
ในขณะที่เลทิเซียอธิบายทุกอย่างอย่างออกรส ด้านหลังก็มีเสียงกระแอมของเมอร์สันดังขึ้นเหมือนกำลังย้ำเตือนอะไรบางอย่างเลทิเซีย
เลทิเซียเองก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้ทันที ปกติเลทิเซียไม่มีทางปล่อยตัวไปตามสถานการณ์แบบนี้แน่นอน
แต่ด้วยความที่ความพยายามของเธอตลอดห้าปีที่มาอยู่ที่นี่มันประสบความสำเร็จ.. ต้องบอกว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมามักเจอปัญหานั่นปัญหานี่
อันที่จริงด้วยความสามารถระดับเลทิเซียมันควรจะเร็วกว่าห้าปีมาก แต่กลับกินเวลาไปถึงห้าปีแสดงให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ของต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นน่ากลัวมาก
อันที่จริงที่เลทิเซียไม่ใช้ ‘ทักษะ’ ในการช่วยเหลือมากนักเธอกลัวว่าภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างจะปรากฏ
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะไม่ปรากฏเลยก็ตามที.. แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้ทำเวลาขัดแย้งกันตรงๆ
เช่น.. ก่อนหน้านี้ที่เลทิเซียฆ่าคนสองคนนั้นไปที่เป็นคนของเผ่าปีศาจละมั้ง เลทิเซียเองก็จำไม่ได้..
แต่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลทิเซียจึงคิดว่า บางทีสองคนนั้นมีชะตากรรมที่ต้องตายอยู่ตรงนั้นแต่แรกแล้ว.. และสาเหตุคงมาจากผู้หญิงที่บินมาด้วยความเร็วสูง
แน่นอนว่าเลทิเซียสังเกตเห็นว่ามีคนพุ่งมาทางนี้เช่นกัน เลทิเซียจึงแอบถอยออกมาเงียบๆ นอกจากเวโรเน่แล้วก็ไม่มีใครเห็นเธอ
บางทีถ้าหากเลทิเซียไม่อยู่ที่นี่ ผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคนฆ่าเองจากการคาดเดาของเลทิเซีย..
แต่ว่า.. ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเลทิเซียถึงสอนเวทมนตร์ให้เวโรเน่ได้ล่ะ.. จากการที่เลทิเซียลองผิดลองถูกมาคือ..
ตราบใดที่เธอยังไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ขัดแย้งจากในอนาคตที่เธอเห็นมามันก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากขัดแย้งละก็… เรื่องนั้นเลทิเซียไม่กล้าลอง
แต่ก็เคยลองไปแล้วตอนที่พยายามจะห้ามไม่ให้ชาร์ล็อตมอบจี้ให้ตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นนั่นแหละ
และขอแค่เลทิเซียไม่สร้างสิ่งที่ขัดแย้งกันก็พอ… สรุปคือเธอแค่ลื่นไหลไปตามสายน้ำเท่านั้น โชคดีที่เธออ่านเรื่องประวัติศาสตร์มาค่อนข้างเยอะ
ทำให้เธอระมัดระวังตัวว่าจะไปสร้างความขัดแย้งของเวลาขึ้น..
“มาคุยกันสักหน่อยไหม?”
เมอร์สันเดินเข้ามาหาเลทิเซียพร้อมพูดขึ้นเลทิเซียเองก็มองอีกฝ่าย ทั้งสองคนเพียงแค่จ้องหน้ากันราวกับเข้าใจกันได้
“อืม”
เลทิเซียพยักหน้าตอบ ทั้งคู่ก็เดินจากไป แต่ก่อนจะไปเลทิเซียก็กล่าวถึงเก้าเดือนมหัศจรรย์การกำเนิดเด็ก
และหากมีอะไรผิดแปลกไปจากนี้ต้องแจ้งให้เธอทราบทันที เลทิเซียอธิบายตั้งแต่ตัวอ่อนไปจนถึงโตเต็มวัยพร้อมที่จะคลอด
หลังจากนั้นเลทิเซียก็เดินตามเมอร์สันไป ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกัน.. อันที่จริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาคนที่เลทิเซียคุยเยอะด้วยที่สุดคือเมอร์สัน
เพราะเมอร์สันเป็นคนที่ทำสัญญากับเธอและรู้ว่า ‘เธอมาจากอนาคต’ เรื่องนี้คงต้องกล่าวย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน..
ตอนที่เลทิเซียเจอกับเมอร์สันครั้งแรก และเมอร์สันบอกว่าจะสร้างสิ่งมีชีวิตเทียม.. ใช่แล้วนั่นเป็นแผนที่เลทิเซียเคยคิดไว้
ว่าจะสร้างเด็กที่แปรเปลี่ยนทุกอย่าง เด็กที่เกิดในช่วงเวลานี้ และเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงไปจากเดิมนั่นเอง
พอได้ยินแบบนั้นเลทิเซียจึงเสนอว่า…
“เอาแบบนี้.. มอบสิ่งมีชีวิตเทียมให้กับฉัน.. แลกกับการฉันจะยอมบอกวิธีหยุดสงครามให้กับนายเอง”
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเลทิเซียคนเดียวในห้าปีคงทำได้ไม่ถึงขนาดนี้ เพราะเธอยังหวั่นๆ ต่อภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง
แต่ถ้าหากสิ่งมีชีวิตเทียมถูกสร้างขึ้นโดยคนในยุคนี้ล่ะ.. นั่นหมายความว่ามันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ!
แน่นอนว่าตอนแรกเมอร์สันไม่เชื่อหรอก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ดึงดูดเขา.. สำหรับสิ่งมีชีวิตเทียมเขาคิดว่าจะสร้างมันเพื่อมายุติสงครามเท่านั้น
หรือก็คือสิ่งมีชีวิตเทียมที่เป็นเป้าหมายขององค์กร.. แต่ไม่ใช่ตัวสิ่งมีชีวิตเทียมที่พวกเขาต้องการ แต่เป็นหลังจากมีมันต่างหาก
ดังนั้นข้อเสนอเลทิเซียช่างน่าหอมหวานอย่างมาก… ไม่มีใครรู้ว่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเมอร์สันพยายามหยุดสงครามไปแล้วกี่หน
แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง เมื่อมีคนแปลกหน้าที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขามาบอกว่ามีวิธีหยุด มันไม่มีทางทำให้เขาเชื่อหรอก
แต่เขาก็คิดว่าไม่มีเหตุผลที่เธอต้องโกหกเหมือนกัน… ภายใต้ภาพโลกที่แสนสงบสุขที่หอมหวานทำให้เขาตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่แล้วบอกกับตัวเองว่า
“เมอร์สันเอ้ยเมอร์สัน สิ่งที่เจ้าต้องการคือยุติสงครามที่ดำเนินมาหลายร้อยปีนะ.. ต่อให้โอกาสนั้นจะน้อยนิดก็ควรค่าแก่การเสี่ยง!”
“เอาสิ ก็ได้.. ข้าจะทำสัญญากับเจ้า”
เมอร์สันกล่าวด้วยความยึดมั่น.. เลทิเซียจึงบอกวิธีหยุดสงครามก่อนที่จะได้รับสิ่งมีชีวิตเทียมซะอีก..
ซึ่งมันทำให้เมอร์สันแปลกใจมาก.. แต่พอได้ฟังวิธีเท่านั้นแหละเขาก็รู้สึกเหมือนกับโดนต้มซะเปื่อย…เพราะว่า..
“วิธีที่จะหยุดสงครามคือ… ไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวมันก็หยุดเอง”
“ห้ะ?”
“ฉันจะบอกว่า.. ฉันคือคนที่มาจากอนาคต และในอีกห้าร้อยปีข้างหน้านั้นมีบันทึกประวัติศาสตร์ที่บอกว่า ‘สงครามจะยุติลงในยุคนี้’ ไงล่ะ หากฉันเข้าใจเรื่องโลกนี้ถูก สงครามจะยุตินั้นถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางบิดเบือนได้ เพราะหากบิดเบือนได้.. ตอนนี้ภาพสะท้อนเทพผู้สร้างคงปรากฏตัวออกมาแล้ว กล่าวคือตอนนี้อนาคตยังไม่ถูกเปลี่ยนยังไงล่ะ”
พอพูดศัพท์ที่เมอร์สันไม่รู้ออกมาเยอะแยะขนาดนั้นทำให้เขางุนงง เลทิเซียที่ตัดสินใจจะลงเรือลำเดียวกัน แถมเมอร์สันต้องเป็นคนช่วยเหลือเธอในอนาคตอีก
ตามแผนของเลทิเซีย เธอจึงต้องอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจทุกอย่าง….
…..พอเมอร์สันนึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวขึ้นขณะที่เดินไปยังห้องพักผ่อนว่า
“ตลอดห้าปีที่ผ่านมา.. จากความรู้ของเจ้าที่แสดงออกมา ข้าก็เชื่อแล้วจริงๆ ว่าเจ้ามาจากอนาคตจริงๆ … แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเจ้าควรจะไม่บอกเรื่องนั้นกับใครไม่ใช่เหรอ..”
“ก็อย่างที่เห็นว่าไม่มีภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างปรากฏก็เท่ากับไม่มีปัญหา.. แล้วก็อีกอย่างนายต้องช่วยฉันไงล่ะ”
เลทิเซียพูดขึ้น ทำให้เมอร์สันงุนงงเข้าไปอีก?
“หมายความว่าไง..”
“ที่ฉันจะบอกคือต่อให้สร้างทารกเทียมสำเร็จสิ่งมีชีวิตเทียมก็จะไม่มีชีวิตเพราะมันจะไม่เป็นภาชนะที่สามารถดึงดูดวิญญาณมาได้ เพราะเป็นทารกที่ไม่ได้เกิดมาตามตรรกะปกติของโลก”
“แล้วจะทำอย่างไร?”
“ขโมยวิญญาณจากเทพธิดาบนแดนเทพไง”
พอเลทิเซียพูดแบบนั้น แม้แต่เมอร์สันยังสะดุ้งด้วยความตกใจ เทพธิดาน่ะเหรอ.. บ้าเรอะ ถึงเขาจะไม่ชอบเทพธิดาก็ตามแต่
ทว่าเขารู้ดีว่าเทพธิดานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน จริงอยู่ที่ถ้ามาโลกมนุษย์แห่งนี้เทพธิดาจะถูกผนึกพลังบางอย่างเอาไว้..
แต่หากอยู่แดนเทพ.. เทพธิดานั้นสามารถลบโลกนี้ได้เลยไม่ใช่หรือไงกัน แล้วจะไปขโมยจากแดนเทพน่ะนะ.. อย่าว่าแต่ขโมยเลยจะเข้าถึงยังไงดีกว่า
“อ้ะ.. หรือว่าจะให้ข้าไปเป็นคนขโมยเหรอ?!”
เมอร์สันก็เหมือนนึกอะไรออก เขาก็หันไปมองเลทิเซียตาเขม็ง.. แต่เลทิเซียก็ตอบออกมาแทบจะทันที
“ไม่ไหวหรอก นายคงถูกเทพธิดาฆ่าทันทีแหละ.. แล้วก็ฟังให้จบก่อนสิ”
เลทิเซียเคยเห็นพลังอาภรณ์เทพของซิลเวียมากับตาแล้วด้วย ต่อให้เป็นร่างมารก็ยากจะเทียบเคียงได้แน่นอน
Comments