การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 93

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 93 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 93 – เจ้ายังไม่ตาย!

 

บนเกาะที่ไร้วี่แววของมนุษย์ ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วร่างของทสึรุกับเลทิเซียที่ไม่มีลมหายใจไม่ได้อยู่ที่ชายหาด

แต่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งบริเวณชายหาด ไม่มีใครรู้ว่าทสึรุเธอยึดติดเลทิเซียขนาดไหน แม้แต่เลทิเซียเองก็เช่นกัน

เลทิเซียคือแสงสว่างในใจของทสึรุ ตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอล้มลงเพราะคำพูดเลทิเซีย ก่อนจะยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง

เพื่อที่จะได้ยืนอยู่เคียงข้างเลทิเซีย เพื่อที่จะให้เลทิเซียหันมามองตัวเองบ้าง เธอหวังเพียงแค่นั้นเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ความหวังทั้งหมดล้วนพังทลายหายไปแล้ว เลทิเซียไม่สามารถกระทั่งที่จะลุกขึ้นยืน ไม่มีความคิด ไม่มีวิญญาณ

กลายเป็นศพที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถทำให้เธอหันมามองได้อีกแล้ว เพราะเธอได้ตายไปแล้ว

ทสึรุมีความเชื่อว่าตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ก็จะยังมีหนทางออกอยู่เสมอ ต่อให้เลทิเซียเกลียดเธอ ไม่ชอบเธอก็ตาม

แต่เธอจะพยายามต่อไป อย่างน้อยก็อยากจะรู้ว่าที่เลทิเซียพูดแบบนั้นเพราะเธอเกลียดตัวเองจริงหรือเปล่า

ทว่าตอนนี้เธอตายไปแล้ว… ไม่มีใครรู้ว่าทสึรุนั่งอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน ข้าวปลาไม่ได้กิน ดวงตามีคราบน้ำตาแห้งติดบนใบหน้า

นั่งพิงต้นไม้อยู่ ในแขนมีร่างของเลทิเซียที่ตัวเล็กกว่าตัวเองอยู่ใต้วงแขนของทสึรุ ดวงตาของเธอไร้สีสันในการมีชีวิตใดๆ

ราวกับข้างในจิตใจของเธอกลวงโบ๋ไปนานแล้ว… แต่ทว่าไม่ว่าร่างกายของเธอจะซูบผอม จิตใจจะพังทลายไปอยากจะนั่งไปแบบนี้..

นั่งอยู่แบบนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตายไปพร้อมกับเลทิเซียก็ตาม แต่ทว่าความตายราวกับเอื้อมมาไม่ถึงตัวเธอสักที

ราวกับว่าโลกทั้งหมดทั้งมวลฉุดรั้งเธอเอาไว้และกระซิบข้างหูเธอว่า ‘เจ้าจะไม่มีทางตายที่นี่.. ไม่มีทางตายที่นี่’

ความกล้าที่น่ารังเกียจในใจเธอนั้นมันฟื้นฟูจิตใจของเธอที่โศกเศร้าแต่ทว่าทสึรุก็ไม่อาจจะยืนหยัดได้เมื่อนึกถึงความตายของเลทิเซีย

จิตใจของเธอจึงพังทลาย..และฟื้นฟู.. ทั้งร่างกายและจิตใจมันฟื้นฟูกกันเองจนน่ารังเกียจ กลายเป็นวัฏจักร… วัฏจักรที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่สัปดาห์แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร หรืออาจจะเพราะบางอย่างในตัวทสึรุปกคลุมร่างเลทิเซียอยู่ก็ได้

แต่ก็ด้วยเหตุผลบางประการเหล่านี้นั้น มันทำให้ร่างเลทิเซียแทบจะไม่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาเลย

ทว่าจู่ๆ ก็มีแมลงตัวหนึ่งไต่ขึ้นมาบนขาของทสึรุ เธอกลับไม่ตอบสนองเลยแม้แต่นิดน้อย ราวกับว่าเธอได้ตายไปแล้ว

เธอปฏิเสธที่จะมีชีวิตอยู่ บนโลกที่โหดร้ายที่ไม่ว่าเธอจะพยายามลุกขึ้นมา แต่แล้วมันก็ทำลายความหวังของเธอ

เธอกลัว เธอเสียใจ เธอยอมรับไม่ได้… แมลงตัวน้อยนั้นไต่ขึ้นมาบนขาและไต่ขึ้นไปที่แขน มันรู้สึกเหมือนกับไต่ขึ้นไปบนสิ่งที่ไร้ชีวิต

มันค่อยๆ ไต่ขึ้นไปยังตัวของเลทิเซียช้าๆ ในตอนนั้นเองสิ่งที่แมลงตัวน้อยกระทำอยู่ในระยะสายตาของทสึรุเช่นกัน

ราวกับว่าเธอได้ขาดสติไปแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธก่อนจะตบไปที่แมลงตัวน้อยนั้นโดยไม่ส่งผลถึงเลทิเซียแม้เพียงเสี้ยวเดียว

“แกก็คิดจะพรากเลทิเซียไปจากข้าอีกเหรอ!”

ตามมาด้วยเสียงวืดใส่อากาศ แมลงตัวนั้นหายสาบสูญราวกับถูกแยกโมเลกุลเพียงการตบครั้งเดียวของทสึรุ

แต่เพราะการตบครั้งนี้ทำให้ร่างของทสึรุที่กอดเลทิเซียขยับไปด้วย แขนของเลทิเซียจึงตกไปที่พื้น…

“เลทิเซีย!”

ดวงตาของทสึรุเปล่งประกายออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอราวกับมองเห็นความหวังขึ้นมา.. ใช่ เธอเข้าใจว่าเลทิเซียขยับ

ไม่รู้สิ บางทีเธออาจจะไม่รู้ที่ร่างเลทิเซียขยับจริงๆ หรือเธออาจจะแค่กำลังหลอกลวงตัวเองว่าเลทิเซียขยับเพราะยังไม่ตาย

เรื่องนี้ไม่มีใครทราบ ขนาดเจ้าตัวเองยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอย่างไหน อย่างไรก็ตามสำหรับทสึรุแล้ว นี่ราวกับเป็นสิ่งค้ำจุนชีวิตเธอในตอนนี้

ไม่ว่าจะหลอกลวงหรือเชื่อจริง สุดท้ายแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน…

“เลทิเซีย เจ้ายังไม่ตาย!! เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม?!”

เธอเขย่าร่างเลทิเซียแต่ว่าไร้การตอบสนองเช่นเดิม แต่ทว่าเธอกลับมีท่าทางที่แตกต่างจากเดิมรอยยิ้มเธอยิ้มขึ้น

“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้ายังฟื้นฟูไม่เต็มที่ ตอนนี้ข้าจะดูแลเจ้าเองนะ!”

เลทิเซียยังคงไร้การตอบสนอง แต่ทว่าทสึรุก็ช่วยดูแลเลทิเซียอย่างดีเยี่ยมในระดับที่ยุ่งไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม

ผ่านไปสักพักเธอรู้สึกว่าเห็นเลทิเซียนอนอยู่บนพื้นมานาน ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้แล้วพูดขึ้น

“อ๊ะ ข้าขอโทษ ข้าคิดว่าบางทีเราควรสร้างที่พักสักหน่อยนะ ข้าให้เจ้านอนพื้นมาตั้งนาน รอข้าก่อนนะ”

ว่าแล้วเธอก็อุ้มเลทิเซียขึ้นหลังแล้วฉีกกระโปรงมามัดร่างเลทิเซียกับหลังตัวเอง เธอไม่กล้าที่จะปล่อยเลทิเซียทิ้งไว้ที่นี่

และเธอก็เดินเข้าไปในป่าและเริ่มที่จะตัดไม้.. ไม่สิ.. ถ้าจะพูดคือเธอใช้มือเปล่าสนการหักไม้ทั้งต้นเอามาสร้างเป็นบ้านไม้ที่ทำจากลำต้น

ถ้าว่ากันตามตรง การยกลำต้นไม้ขนาดใหญ่กว่าคนแถมยังมีลำต้นที่ยาวสองเมตร คงไม่มีใครทำได้แม้แต่นักกล้าม

แต่ไม่ใช่สำหรับทสึรุ เธอทำไปและพูดกับเลทิเซียที่อยู่ด้านหลังไปด้วย

“อืม โชคดีที่ข้าจำวิธีเอาตัวรอดตอนอยู่นอกโรงเรียนมาบ้าง เพราะงั้นเจ้าไม่ต้องแปลกใจนะเลทิเซีย”

เธอทำงานอย่างขยันขันแข็งราวกับเป็นคุณสามีในอุดมคติ ไม่ว่าจะพลังกำลังและการดูแลเลทิเซียเธอทำไปพร้อมๆ กันอย่างสบาย

ดวงตะวันเริ่มที่จะลาลับขอบฟ้า บ้านไม้ขนาดเล็กๆ ก็สร้างสำเร็จมีเตียงหนึ่งเตียงในบ้าน ทสึรุอุ้มเลทิเซียไปนอนลงบนเตียงก่อนจะหยิบผลไม้ออกมา

“อืม… ข้าทำอาหารไม่เป็นนะ เจ้าคงต้องกินผลไม้ไปจนกว่าเจ้าจะฟื้นแล้วกัน… แต่ว่าเจ้ากินไม่ได้เนี่ยสิ”

ทสึรุนั่งลงข้างๆ เตียงและเท้าคางมองศพเลทิเซียที่ไร้ลมหายใจใดๆ ทั้งสิ้น ทสึรุหยิบผลไม้เข้าปากด้วยท่าทางเศร้าๆ

เพราะเลทิเซียไม่ได้กินอาหารเลย ร่างกายถึงได้ซูบผอมขนาดนี้ ทำให้ทสึรุรู้สึกผิดอยู่ในใจ ถ้าเธอทำข้าวต้มหรือซุปได้คงจะดีไม่น้อย

“งั้นข้าจะเล่าอะไรสนุกๆ ให้ฟัง”

“เจ้าเคยรู้จักนิทานเรื่อง ภูตแห่งความรักหรือเปล่าเลทิเซีย?”

“ข้ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล่าที่วิเศษมากเลยนะ มันทำให้ข้ารู้สึกว่าความรักนี่ดีมากเลยนะ รู้หรือเปล่า?”

“กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ได้มีเทพอยู่คนหนึ่ง.. เธอเป็นผู้สร้างทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน ภูเขา ท้องฟ้า แม่น้ำ แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้า”

“อาจจะฟังดูบ้าไปหน่อย แต่เจ้ารู้ไหมว่าดาวบนท้องฟ้านะบางดวงก็ไม่มีอยู่แล้วนะ แถมดาวแต่ละดวงบางดวงมันมีขนาดใหญ่มากกว่าโลกใบนี้อีกนะ”

“นิทานเขาบอกไว้น่ะ.. แล้วก็เทพคนนั้นเธอเหมือนจะมีความรักกับมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ทราบนาม.. ไม่สิ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะรู้จักกันมาก่อนแล้ว”

“อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ เหมือนว่ามนุษย์คนนั้นเคยเป็นคนรักกับเทพในชาติก่อนของเธอละ แต่ด้วยในนามของเทพ ทำให้เธอไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับโลกใบนี้ได้”

“เธอถึงได้สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมา.. ว่ากันว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรืออะไร ก็ล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคนที่เธอรักเลยล่ะ”

“ด้วยความรักอันบริสุทธิ์ของเทพที่หวังจะให้มนุษย์คนนั้นมีความสุข เธอจึงได้แค่มองอยู่ห่างๆ เท่านั้น..”

“นั่นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดภูตแห่งความรักขึ้นมาน่ะ แล้วก็นะเจ้ารู้หรือเปล่าว่า สุดท้ายแล้วมนุษย์คนนั้นก็ไม่เป็นฝ่ายถูกปกป้องฝ่ายเดียวนะ”

“มนุษย์คนนั้นได้ตามหาเทพที่เคยเป็นคู่รักเธอมาตลอด เธอไม่เคยลืมแม้จะตายเป็นสิบครั้ง ตายเป็นร้อยครั้ง เธอก็จะเกิดใหม่และตามหาตลอด”

“จนกระทั่งมนุษย์ได้หาเทพจนเจอและพูดกับเทพคนนั้นว่า ‘ฉันกลับมาแล้ว’ ล่ะ.. ทำให้ความรักของพวกเธอทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งและบริสุทธิ์..”

“ข้าว่าเจ้าน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ภูตน่ะก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ .. เช่นดิน น้ำ ลมและไฟ”

“แต่สำหรับภูตแห่งความรักนั้นก่อเกิดจากเทพผู้สร้าง ทำให้ภูตนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่โลกไหน ที่แห่งใดทุกที่ล้วนต้องมีความรักไงล่ะเลทิเซีย..”

“แม้แต่ข้าในตอนนี้ก็เช่นกันนะ…”

ทสึรุเอามือเลทิเซียมาวางที่หน้าอกตัวเองด้วยรอยยิ้ม แต่เธอก็ขมวดคิ้วแล้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย

“แต่มันก็แปลกๆ นะ เทพกับมนุษย์ทั้งสองคนนั้นถูกแทนว่าเธอ นี่เป็นผู้หญิงเหรอ… งั้นก็เหมือนกับข้าเลยสิ ถึงเลทิเซียจะไม่ได้ชอบข้า แต่ข้าหวังว่าภูตแห่งความรักจะอวยพรให้ข้าบ้างนะ ฮิๆๆ”

“แต่ว่า.. อย่าถามข้านะว่าข้าได้ยินมาจากไหน เพราะข้าก็ลืมไปแล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้แล้วอยากพูดน่ะ แล้วมันก็ดูเหมือนข้าดี..”

“อืมม หรือจะเป็นตอนก่อนข้าเสียความทรงจำนะ แบบท่านแม่เล่าให้ฟังอะไรแบบนี้น่ะ เพราะข้ารักเลทิเซียที่เหมือนกับนิทานในความทรงจำข้าพอดี”

“มันเลยทำให้ปลดพันธนาการความทรงจำตอนนั้นขึ้นมาอะไรแบบนั้น.. ว่าไปนั่น.. จะเป็นแบบนั้นได้ไงละเนอะ….”

หลังจากพูดเล่นกับเลทิเซียด้วยเสียงหัวเราะเธอก็นอนหลับไป.. ในรอบหลายสัปดาห์คงเป็นครั้งแรกที่เธอหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มแบบนี้…

ใบหน้าดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมาก..

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า.. ความสดใสร่าเริง

การหลอกลวงตัวเองแบบนี้ของทสึรุที่ทำอยู่ในตอนนี้นั้น

จะอยู่ไปได้นานเท่าไหร่กันแน่…….

ไม่มีเลย ….

 

……..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด