การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 105 จะไม่ทิ้งกัน

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 105 จะไม่ทิ้งกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 จะไม่ทิ้งกัน

บทที่ 105 จะไม่ทิ้งกัน

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฮ่อหลานยังคงพบว่ามันน่าเหลือเชื่อไม่หาย

ทักษะการต่อสู้ของจิงเจ้อหรงเก่งมาก ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีจำนวนมากกว่าจริง ๆ เขาคงไม่แพ้แน่ “คุณกินอะไรสักหน่อยก่อนนะคะ พออิ่มท้องแล้วเราจะได้หาทางออกจากที่นี่”

จิงเจ้อหรงพยักหน้าและกินแป้งทอดที่หญิงสาวป้อน

หลังจากจิงเจ้อหรงกินเสร็จ เฮ่อหลานก็กินแป้งทอดอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอได้เตรียมอาหารแห้งไว้ก่อนออกมา ไม่เช่นนั้นทั้งสองคงต้องหิวมากแน่

จิงเจ้อหรงมองไปยังร่างกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเฮ่อหลาน และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณเฮ่อ คุณควรไปจากที่นี่ทันทีที่มีโอกาส ให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอครับ”

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะคะ?”

ถึงจิงเจ้อหรงจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็ยังบาดเจ็บ แล้วจะให้เธอทิ้งเขาไว้คนเดียวได้ยังไง “เราจะไปด้วยกันค่ะ ฉันจะไม่ทิ้งคุณเด็ดขาด”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงมองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ถูก

เฮ่อหลานไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เธอกำลังค้นกระเป๋าสัมภาระหาผ้าสะอาดเพื่อพันแผลให้จิงเจ้อหรง และก็ไปเห็นขวดลายครามขนาดเล็กที่ถังซวงให้ไว้ก่อนมา “ฉันมีสิ่งนี้ด้วยนี่นา” ขณะที่พูด เธอขยับเข้าไปใกล้จิงเจ้อหรงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“คุณจิง คุณทานยาก่อนนะคะ”

เฮ่อหลานเทยาออกจากขวดแล้วยื่นไปที่ตรงปากของจิงเจ้อหรง

จิงเจ้อหรงจ้องมองไปที่ดวงตาสดใสของเฮ่อหลาน จากนั้นไม่ได้ถามคำถามใด ๆ อีก เพียงแค่ก้มศีรษะลงและจับมือเฮ่อหลานกรอกยาเข้าปากตัวเอง เม็ดยาเข้ามาในปาก และเขากลืนมันก่อนที่จะลิ้มรส

“ฉัน… ฉันจะพันแผลให้คุณนะ”

เธอสัมผัสได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือที่เปียกชื้น และเฮ่อหลานก็ตระหนักได้ว่าเขาสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป เธอจึงรีบถอนมือออกและหยิบขวดยาอีกอันออกมา พร้อมผ้าสะอาด

เมื่อเห็นเฮ่อหลานดึงมือออก ดวงตาของจิงเจ้อหรงก็เป็นประกาย เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “รบกวนคุณเฮ่อด้วยนะครับ”

เฮ่อหลานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามขจัดความคิดยุ่งเหยิงในหัวพร้อมกับพันผ้าพันแผลให้จิงเจ้อหรงอย่างรวดเร็ว เธอโรยผงยาในขวดลงบนแผลอย่างระมัดระวัง แล้วใช้มือทาเบา ๆ มองไปที่จิงเจ้อหรงอย่างกระวนกระวายและถามว่า “คุณจิงเจ็บไหมคะ?”

เธอถามพร้อมดูบาดแผลน่ากลัวบนแขนของจิงเจ้อหรง เธอเริ่มกังวลว่าหากไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลา บาดแผลลึกเช่นนี้จะแย่ลงไปอีกแน่ “อดทนไว้นะคะ ซวงเอ๋อร์บอกว่าผงนี้สามารถห้ามเลือด และยังรักษาบาดแผลได้ คุณต้องไม่เป็นไรมากแน่ค่ะ” ขณะที่พูด เธอก็โรยผงยาอีก และเริ่มพันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง

จิงเจ้อหรงมองไปยังเฮ่อหลานที่ประหม่าก็ยิ้มและส่ายหัว “ผมไม่เจ็บเลยครับ”

มันไม่เจ็บเลยจริง ๆ แค่รู้สึกคันเล็กน้อย เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ เขาแค่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงไม่เจ็บมาก หลังจากพันผ้าพันแผลเสร็จ เธอก็หยิบเสื้อผ้าอีกผืนออกมาคลุมร่างของจิงเจ้อหรง “พักก่อนนะคะ ฉันจะลองไปข้างนอกเพื่อดูสถานการณ์ซะหน่อย” เธอจะออกไปดูว่ามีใครกำลังตามหาพวกเขาหรือไม่ ถ้าไม่เธอคงต้องช่วยจิงเจ้อหรงออกจากที่นี่เสียเอง

จิงเจ้อหรงรีบจับมือเฮ่อหลานไว้ด้วยมืออีกข้างและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ระวังตัวด้วย”

“ค่ะ ฉันจะระวัง”

เฮ่อหลานพยักหน้า จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวออกไป

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ถังซวงคิดจะติดต่อจิงเจ้อหรง เธอก็พบว่าไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนก็ดูไม่ดีนัก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณจิงกัน? ทำไมทุกคนที่มาเมืองซูถึงหายไปกันหมด?”

ไม่นาน พานฮั่วก็เข้ามา

“เสี่ยวโม่ เสี่ยวถัง เดี๋ยวคนของฉันจะออกไปตามหาคุณจิงเจ้อหรงเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนพยักหน้า “ลุงพาน ควรส่งคนไปหาเขาทันทีเลยครับ อ่อ แล้วงานที่คุณจิงมาเข้าร่วมไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?” ตำแหน่งของพานฮั่วในเมืองซูนั้นไม่ธรรมดา และการที่จิงเจ้อหรงมาที่เมืองซูในครั้งนี้ เขากลับไม่รู้ข่าวนี้เลย เพราะงั้นเขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

“ไม่ต้องห่วง ฉันส่งคนไปจัดการแล้ว”

“ดีแล้วครับลุงพาน”

พานฮั่วพยักหน้า จากนั้นมองไปที่ถังซวงอย่างรู้สึกผิด “สหายถัง ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ นะ”

“ไม่เป็นไรค่ะลุงพาน ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนขอบคุณ”

เมื่อพานฮั่วได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไปอีก แต่เขาจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องที่นั่นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบจากไป

“ซวงเอ๋อร์ เราต้องพบป้าหลานแน่นอน ไม่ต้องห่วง แม้ว่าลุงพานมีบางอย่างที่ต้องทำ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมีคนมากมายที่นี่”

ถังซวงไม่ได้พูดอะไร แต่ดึงแขนเสื้อของโม่เจ๋อหยวนอย่างเงียบ ๆ และมองไปทางด้านซ้ายอย่างตกตะลึง

โม่เจ๋อหยวนสังเกตเห็นทันทีว่ามีคนสองคนมองมาทางด้านนี้แล้วทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จากความเย็นชาในดวงตาของพวกเขานั้นกลับชัดเจน เมื่อเห็นสิ่งนี้ โม่เจ๋อหยวนก็เขยิบเข้าไปใกล้ถังซวง และกระซิบว่า “ซวงเอ๋อร์ ค่อย ๆ ไปช้า ๆ นะ”

ถังซวงก็มีความตั้งใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงบีบมือของโม่เจ๋อหยวนทันที และกลัวว่าการพยักหน้าของเธอจะชัดเจนเกินไปจนคนสองคนนั้นรู้ตัว

ทั้งสองยังคงเดินทำเป็นไม่รู้ตัวต่อไป ราวกับว่าพวกเขากำลังมองหาเบาะแสอยู่ แต่กลับเดินเข้าไปใกล้คนที่จับตาดูพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ และเมื่อชายทั้งสองตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนก็ได้พุ่งเข้าใส่พร้อมกันแล้ว และชายทั้งสองก็ถูกทั้งคู่จับไว้ได้

“อ๊ากก…”

ทั้งสองพยายามดิ้นรน แต่ก็พบว่าพวกเขาไม่สามารถทำได้

คนรอบข้างตกใจต่างตกใจกับภาพตรงหน้า และมองมาอย่างสงสัย

โม่เจ๋อหยวนส่งสัญญาณให้คนของพานฮั่ว และให้พวกเข้ามาควบคุมสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย “ทุกคน ระวังด้วยครับ สองคนนี้เป็นหัวขโมย พวกเขาพยายามจะขโมยของจากเรา แต่ตอนนี้พวกเขาถูกจับได้แล้ว เพราะงั้นตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองด้วยนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนรอบข้างก็ตรวจสอบกระเป๋าเงินของพวกเขาทันที

ทั้งสองคนต้องการที่จะโต้เถียงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนรีบปิดปากทั้งคู่อย่างรวดเร็วและพาพวกเขาออกไปจากตรงนั้น

“ทุกคน ระวังตัวด้วย ตอนนี้พวกหัวขโมยออกอาละวาดมากเกินไป เราจะส่งคนพวกนี้ไปที่คุก”

หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนนำสองคนนั้นออกไปแล้ว พวกเขาก็สอบปากคำทันที

“พวกแกเป็นใคร?”

ชายทั้งสองไม่ตอบอะไร แล้วถามกลับว่า “พวกแกล่ะเป็นใคร จับพวกเรามาทำไม ฉันบอกไว้เลยนะว่าให้ปล่อยเราไปซะ ไม่งั้นจบไม่สวยแน่”

ถังซวงหัวเราะด้วยความโกรธ “ปากแกนี่แข็งจริง ๆ นะ”

ระหว่างที่ทั้งสองมองไปยังสาวน้อยที่หน้าตาดีตรงหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย และความเจ็บปวดนั้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันทะลุเข้าไปในไขกระดูก

“อ๊ากกกก…!”

ทั้งสองทนไม่ได้และกรีดร้องออกมาในทันที

พานฮั่วและคนอื่น ๆ ต่างก็มองชายทั้งสองคนโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่ถังซวงยังคงถามด้วยเสียงทุ้มต่อไปว่า “บอกฉันมา ที่แม่ฉันหายตัวไปเกี่ยวข้องกับพวกแกหรือเปล่า?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *