การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 148 บอกข่าว
บทที่ 148 บอกข่าว
บทที่ 148 บอกข่าว
เมื่อหลินเหม่ยเจินได้ยินคำพูดของเจิ้งหง เธออดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น่าจะเป็นแบบนั้นนะ ฉันคิดว่าสายตาและหัวใจของเจ๋อหยวนคงเต็มไปด้วยซวงเอ๋อร์แล้วแหละ ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กคนนั้นได้ช่วยชีวิตเจ๋อหยวนถึงสองครั้ง เขาจะตกหลุมรักสาวสวยใจดีและเก่งกาจ ก็คงไม่แปลก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งหงก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“มีครั้งอื่นนอกจากครั้งนี้ด้วยหรือ?”
“ใช่”
หลินเหม่ยเจินเล่าถึงครั้งก่อนที่ตระกูลหลู่สั่งให้คนมาลักพาตัวโม่เจ๋อหยวน
“ในตอนนั้นตระกูลหลู่ได้ส่งคนไปไล่ล่าเจ๋อหยวน ในคนกลุ่มนั้นยังมีคนฝึกกังฟูตั้งสองคน เพราะสองคนนี้แหละทำให้เจ๋อหยวนจนมุม และไล่ตามเขาไปที่หมู่บ้านบนภูเขา แล้วเขาก็ได้พบซวงเอ๋อร์ที่นั่น เด็กคนนั้นช่วยเจ๋อหยวนไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งหงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถังซวงเก่งมากจริง ๆ เธอเป็นแพทย์ที่เก่ง ทั้งยังเป็นกังฟูอีก”
“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าทักษะของเธอไม่ธรรมดาเลย”
ถังซวงช่วยชีวิตลูกชายของเธอถึงสองครั้ง และครั้งนี้เธอได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง หญิงสาวจึงประทับใจในตัวเด็กสาวมาก
แต่เจิ้งหงกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “พี่สะใภ้ ถ้าเจ๋อหยวนชอบถังซวง แล้วหรูเหมิ่งล่ะ? เธอกับเจ๋อหยวนโตมาด้วยกันและยังหมั้นหมายกันตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าโม่กับผู้เฒ่าของตระกูลฉินตั้งใจจะให้ทั้งสองคนแต่งงานกันหรือคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเหม่ยเจินก็ชะงักไป
หลังจากนั้นเธอก็หัวเราะ “มันเป็นเพียงการพูดคุยระหว่างของผู้เฒ่าฉินกับผู้เฒ่าของเราก็เท่านั้น ยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการเลย เพราะงั้นทีหลังเธออย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
ตระกูลฉินและตระกูลโม่นั้นสนิทกัน และหลานทั้งสองก็เติบโตมาด้วยกัน หากไม่มีถังซวง ฉินหรูเหมิ่งก็ถือว่าเป็นเด็กสาวที่เพียบพร้อม แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ๋อหยวนไม่ได้ให้ความสนใจในตัวหรูเหมิ่งเลย ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าลูกชายของเธอไม่รู้สึกอะไรกับหรูเหมิ่งแน่นอน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งหงก็ขมวดคิ้วมุ่น
มันไม่ง่ายเลยที่ตระกูลโม่จะกลับมาที่ปักกิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่าโม่ได้จัดการแก้แค้นตระกูลหลู่อย่างรวดเร็ว ทำให้สถานะของตระกูลโม่ของพวกเขายังมั่นคง
แต่โม่ถิงซวน สามีของเธอได้เลือกเส้นทางที่แตกต่างจากท่านผู้เฒ่าและโม่ถิงฮวา และจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็ว ๆ นี้ หากผู้เฒ่าฉินพูดอะไรสักคำ มันย่อมมีอิทธิพลมากกว่าตัวเธอเองแน่นอน อีกอย่างเธอบอกได้เลยว่าฉินหรูเหมิ่งชอบโม่เจ๋อหยวนมาก ดังนั้นเธอจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองตระกูลจะแต่งงานกัน แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนแบบถังซวงปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของเจิ้งหงก็ไม่ได้ดูดีนัก
แต่หลินเหม่ยเจินกลับไม่ได้สังเกต ทั้งสองเดินไปที่โรงอาหารพร้อมกับพูดคุยกันไป
เมื่อนึกถึงตำแหน่งของสามีเธอ เจิ้งหงกลับอดกลั้นไว้ไม่ได้ “พี่สะใภ้คะ จะหาลูกสะใภ้ทั้งทีก็ต้องหาคนที่รอบรู้นะคะ สุดท้ายก็เป็นพี่กับพี่ใหญ่ที่เป็นคนตัดสินใจ ระหว่างถังซวงกับหรูเหมิ่ง แม้จะไม่ใช่คนที่มีสายตาที่เฉียบแหลมก็สามารถบอกได้เลยค่ะว่าหรูเหมิ่งนั้นเหมาะกับเจ๋อหยวนมากกว่า พี่จะให้เจ๋อหยวนตัดสินใจเองจริง ๆ หรือคะ? เจ๋อหยวนยังเด็กอยู่ เขาไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไรที่ดีเหมาะสมกับตัวเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเหม่ยเจินก็ขมวดคิ้ว
“ในเมื่อเจ๋อหยวนชอบเด็กคนนั้น ยังไงอีกไม่นานเขาก็ต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ดังนั้นก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเองจะดีที่สุด แม้ว่าภูมิหลังของซวงเอ๋อร์จะไม่สามารถเทียบได้กับหรูเหมิ่ง แต่ตราบใดที่เธอเป็นคนดี มันก็ไม่ใช่ปัญหา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเหม่ยเจินพูด เจิ้งหงก็พูดไม่ออก เธอทำได้แค่ยิ้ม “พี่สะใภ้คะ ในเมื่อเจ๋อหยวนฟื้นแล้ว งั้นฉันกลับไปบอกข่าวดีกับถิงซวนก่อนดีกว่า แล้วเราจะมาเยี่ยมเจ๋อหยวนใหม่พรุ่งนี้ค่ะ”
หลินเหม่ยเจินรีบพูดทันที “เธอคงยุ่งมากแน่เลย ถ้าไม่ว่างไม่ต้องมาก็ได้นะ”
“แหม พี่สะใภ้ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เราก็ต้องมาหาเจ๋อหยวนให้ได้อยู่แล้วค่ะ”
เจิ้งหงยิ้มและพูดอีกสองสามประโยคก่อนจากไป
แต่เธอไม่ได้กลับไปทันที แต่กลับไปหาฉินหรูเหมิ่ง
เมื่อฉินหรูเหมิ่งเห็นเจิ้งหงมาหา เธอก็มีสีหน้าสงสัยไม่น้อย เพราะเธอกับเจิ้งหงไม่ค่อยสนิทกันมากนัก แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงป้าสะใภ้ของเจ๋อหยวน จะเป็นการดีที่สุดถ้าเธอผูกมิตรไว้ เด็กสาวสอบถามเกี่ยวกับเจ๋อหยวนว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เนื่องจากเธอรู้ว่าพี่เจ๋อหยวนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเธอเป็นกังวลมาก กระนั้นเด็กสาวก็ไม่สามารถไปเยี่ยมเขาได้ เพราะตระกูลโม่ปิดข่าวไม่ให้ใครรู้
“คุณป้าเจิ้ง วันนี้คุณป้าว่างหรือคะ เข้ามานั่งก่อนเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่อ่อนหวานและท่าทางกระตือรือร้นของฉินหรูเหมิ่งแล้ว เจิ้งหงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หรูเหมิ่ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ใช่ค่ะคุณป้าเจิ้ง เราไม่ได้เจอกันนานเลย หลังจากที่คุณป้าไปจากปักกิ่ง ฉันก็คิดถึงพวกคุณป้ามาก น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณป้าอยู่ที่ไหน ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในเวลานั้น”
ในเวลานั้น หลังจากที่ตระกูลโม่ออกจากปักกิ่ง เธอต้องการสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของพี่เจ๋อหยวน แต่คุณปู่และคนอื่น ๆ กลับไม่รู้ และขอให้เธอหยุดถามเรื่องนี้สักที จนกระทั่งพี่เจ๋อหยวนกลับมาถึงปักกิ่ง เธอจึงได้รู้ข่าวคราวของเขา
เมื่อเจิ้งหงได้ยินคำพูดของฉินหรูเหมิ่ง “เธอเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ จะทำอะไรได้ยังไง แต่ขอบคุณมากจริง ๆ นะที่เธอยังจำพวกเราได้”
เมื่อฉินหรูเหมิ่งได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง
“ขอบคุณคุณป้าเจิ้งที่เข้าใจนะคะ ว่าแต่คุณป้าคะ พี่เจ๋อหยวนเป็นยังไงบ้าง? ฉันได้ยินมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงหรือเปล่าคะ?”
“หรูเหมิ่ง เธอไม่ต้องกังวลไป เจ๋อหยวนฟื้นแล้ว อีกไม่นานก็หายดีแล้วจ้ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฉินหรูเหมิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือคะ? ดีจัง”
เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของฉินหรูเหมิ่ง เจิ้งหงก็พูดขึ้นว่า “ใช่ เป็นเพราะเด็กสาวที่ชื่อถังซวงช่วยเจ๋อหยวนเอาไว้ ป้าได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนและเจ๋อหยวนก็ประทับใจเด็กสาวคนนั้นไม่น้อย”
“อะไรนะ…”
รอยยิ้มแสนหวานของฉินหรูเหมิ่งหายไปในทันที แต่ในไม่ช้าเธอก็ปั้นหน้ากลับมาเหมือนเดิมและถามด้วยความสงสัยว่า “ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อถังซวง เจอกับพี่เจ๋อหยวนได้ยังไงหรือคะ?”
“อันที่จริงเจ๋อหยวนไปที่มณฑลเจียงกับลุงของเขาน่ะ ทั้งสองคนพบกันที่มณฑลเจียง ส่วนถังซวงก็มาจากที่นั่น”
ฉินหรูเหมิ่งพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“พี่เจ๋อหยวนเคยอยู่ที่มณฑลเจียงมาก่อน…” ในเวลานี้เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “คุณป้าเจิ้งคะ ที่คุณป้าบอกว่า… ถังซวงเป็นคนช่วยพี่เจ๋อหยวน เกิดอะไรขึ้นหรือคะ? เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นหมอ?”
“ฉันเห็นว่าเธอยังเด็กอยู่เลย และไม่รู้ว่าเธอเป็นหมอจริง ๆ หรือเปล่า แต่เธอต้องมีทักษะทางการแพทย์ไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถรักษาเจ๋อหยวนได้แน่”
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ต้องขอบคุณเธอมากจริง ๆ แค่พี่เจ๋อหยวนฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งหงก็เลิกคิ้วขึ้นและยกยิ้ม “ถูกต้อง ถังซวงช่วยเจ๋อหยวนของเราเอาไว้ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ” ในตอนท้าย เจิ้งหงยืนขึ้นและพูดว่า “หรูเหมิ่ง วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอว่าเจ๋อหยวนไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องกังวล ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะจ๊ะ”
Comments