การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 149 ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 149 ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 149 ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?

บทที่ 149 ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?

เมื่อฉินหรูเหมิ่งได้ยินคำพูดของเจิ้งหง เธอรีบลุกขึ้นและพูดว่า “คุณป้าเจิ้ง เดี๋ยวฉันไปส่งค่ะ”

เจิ้งหงรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก หรูเหมิ่ง เธอนั่งลงเถอะ” จากนั้นหญิงวัยกลางคนก็รีบจากไป

เมื่อเห็นหลังของเจิ้งหงไกลออกไป ฉินหรูเหมิ่งก็กัดริมฝีปากแล้วไปที่สวนหลังบ้าน

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หลินเหม่ยเจินนำข้าวต้มมาที่ห้อง เธอรีบเอ่ยเรียกโม่เจ๋อหยวนเพื่อให้เขาลุกมากินข้าว “เจ๋อหยวน ลูกต้องหิวมากแน่เลย มากินนี่เถอะ แม่ซื้อไข่เค็มมาด้วย”

โม่เจ๋อหยวนหิวมาก หลังจากคุยกับถังซวงสักพัก เขาก็เริ่มลงมือกิน และหลังจากกินเสร็จเด็กหนุ่มก็ถามขึ้น “คุณป้ากลับไปแล้วหรือครับ?”

“ใช่ เธอมาเยี่ยมลูกน่ะ แต่กลับไปก่อนแล้ว”

“แม่ครับ ถ้าป้าพูดอะไรไร้สาระ แม่ต้องไม่ตอบโต้นะ”

หลังเขากลับมาที่ปักกิ่งครั้งนี้ เจิ้งหงได้พูดเรื่องฉินหรูเหมิ่งให้เขาฟังหลายครั้ง ทั้งแบบเปิดเผยและแบบอ้อม ๆ ซึ่งเขาไม่เข้าใจเลย และเขาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะมีซวงเอ๋อร์เข้ามาในชีวิต เขาค่อย ๆ เริ่มรู้จักกับความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ แม้ว่าฉินหรูเหมิ่งจะมาหาเขาบ่อย ๆ ตอนยังเด็ก แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่มีความรู้สึกแบบรักใคร่กับเธอเลยแม้แต่น้อย

เมื่อหลินเหม่ยเจินได้ยิน เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “ป้าพูดอะไรกับลูกหรือ?”

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่พูดถึงเรื่องตลกระหว่างคุณปู่กับผู้เฒ่าฉิน มันเป็นแค่เรื่องตลกระหว่างชายชราสองคน อย่าถือสาเลยครับ” พอนึกถึงเรื่องนั้น โม่เจ๋อหยวนก็รู้สึกผิดต่อถังซวงขึ้นมาซะอย่างนั้น ในความเป็นจริงเรื่องนี้เป็นเพียงการพูดเล่น ๆ ระหว่างชายชราสองคนเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกผิดกับซวงเอ๋อร์ขึ้นมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเหม่ยเจินก็เข้าใจในทันที แล้วก็ขมวดคิ้วอย่างฉงน เธอไม่คาดคิดเลยว่าเจิ้งหงจะพูดกับเจ๋อหยวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ป้าของลูกพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่?”

“ตอนที่ผมกลับมาปักกิ่งครั้งแรกครับ”

โม่เจ๋อหยวนพูดออกไปตามตรงแล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“จริงสิ ซวงเอ๋อร์ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิว่าเธอกับคุณปู่หลี่มาที่ปักกิ่งได้ยังไง?”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่สบายใจของลูกชาย หลินเหม่ยเจินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นมองไปที่ถังซวง พอดูแบบนี้ลูกชายของเธอให้ความสำคัญกับถังซวงมากจริง ๆ คงไม่อยากให้เธอเข้าใจเขาผิดสินะ

แต่ถึงอย่างนั้น ถังซวงก็ยังคงสงสัยเรื่องที่เจิ้งหงพูดอะไรกับโม่เจ๋อหยวนที่ทั้งสองคนแม่ลูกคุยกันเมื่อกี้ไม่หาย

แต่เพราะเขาไม่อธิบายอย่างละเอียด เธอจึงไม่ถามอะไรมาก และจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่เธอมาปักกิ่งพร้อมกับหลี่จงอี้

เวลาผ่านไป ถังซวงฝังเข็มและรมยาให้โม่เจ๋อหยวนทุกวัน ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว หลังจากที่ขับสารพิษออกจนหมด ถังซวงก็ยิ้มอย่างโล่งอกและพูดกับโม่เจ๋อหยวนว่า “ตอนนี้พี่สามารถออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านได้แล้วนะ กลับไปพักฟื้นที่บ้านน่าจะสะดวกกว่า”

ในความเป็นจริงโม่เจ๋อหยวนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้นานแล้ว แต่ถังซวงไม่อยากทำอย่างนั้น เมื่อเขาเห็นว่าผู้เฒ่าโม่และหลินเหม่ยเจินเป็นห่วงคนตรงหน้ามากแค่ไหน แต่ตอนนี้สารพิษได้ถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็พูดขึ้นว่า “ในที่สุดฉันก็ออกจากโรงพยาบาลได้สักที อันที่จริงร่างกายก็กลับมาเป็นปกตินานแล้วนะ แต่คุณปู่กับพ่อแม่ไม่เชื่อ”

ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้ม “การที่พี่อยู่ในโรงพยาบาลก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ มีหมอมาตรวจดูทุกวันไง”

“แต่เธออยู่ที่นี่แล้ว หมอก็ไม่จำเป็นสักหน่อย”

ถังซวงมองไปที่โม่เจ๋อหยวนที่ทำหน้ารั้นด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ๆ มาจัดการกันต่ออีกหน่อยเถอะ”

“อืม”

สารพิษในร่างกายของโม่เจ๋อหยวนถูกกำจัดออกไปแล้ว และบาดแผลก็เกือบจะหายดีแล้ว ตอนนี้ เขาสามารถขยับร่างกายได้อย่างอิสระ

แต่หลินเหม่ยเจินพูดจากด้านข้างว่า “ไม่ต้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวแม่ทำความสะอาดเอง เจ๋อหยวน ลูกกับซวงเอ๋อร์พักผ่อนไปเถอะ”

ถังซวงรู้สึกผิดเกินกว่าจะยืนอยู่เฉย ๆ ได้ ดังนั้นเธอจึงช่วยแม่ของเด็กหนุ่มอยู่ดี

และก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่โม่เจ๋อหยวนจะเฝ้าดูแม่ของเขายุ่งอยู่ตามลำพัง หากสามารถทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็ยื่นมือเข้าไปช่วยตลอด

เมื่อเห็นทั้งสองคนแบบนี้ หลินเหม่ยเจินก็ได้แต่ยิ้ม “พอลูกมาช่วย มันเร็วกว่ามากจริง ๆ อาหารที่บ้านพร้อมแล้ว เรากลับกันเถอะ”

วันนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการออกจากโรงพยาบาลของโม่เจ๋อหยวน จึงมีการเตรียมงานเลี้ยงของครอบครัว ซึ่งทุกคนรออยู่ที่บ้านรอการกลับไปของโม่เจ๋อหยวนอยู่ที่บ้านอย่างพร้อมหน้า

และเมื่อถังซวง และคนอื่น ๆ มาถึง งานเลี้ยงก็พร้อมแล้ว

“พี่สะใภ้ เจ๋อหยวนกลับมาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว” เมื่อเจิ้งหงเห็นพวกเขาเข้ามา เธอก็รีบทักทายอย่างอบอุ่นและเข้าไปช่วยถือของ

ด้านหลังเจิ้งหงเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 16 หรือ 17 ปี เธอเหลือบมองถังซวงอย่างสงสัย แล้วร้องถาม “คุณป้า พี่ชาย หนูช่วยเองค่ะ”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินเหม่ยเจินยิ้มและพูดว่า “ชืออวี่ เราถือได้จ้ะ”

โม่เจ๋อหยวนแนะนำถังซวงจากด้านข้าง “ซวงเอ๋อร์ นี่คือลูกสาวของคุณลุงฉัน โม่ชืออวี่ เรียกเธอว่าชืออวี่ก็ได้” จากนั้นเขาก็แนะนำถังซวงให้โม่ชืออวี่รู้จัก

“พี่สาวถังซวง แม้ว่าเราจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ฉันรู้จักพี่ดี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ชืออวี่ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะ”

เมื่อเห็นเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาและดูจิตใจดี ถังซวงก็อดยิ้มไม่ได้ และทุกคนก็ตรงเข้าไปในด้านในบ้าน

ในห้องทานอาหารมีผู้เฒ่าโม่และหลี่จงอี้นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ตามด้วย โม่ถิงฮวา โม่ถิงซวน และ หลินหมิงซู่ ส่วนโม่เจ๋อหยวนนั่งตรงข้ามโม่ถิงฮวา ถัดจากเขาคือถังซวง และสุดท้ายก็เป็นหลินเหม่ยเจิน ซึ่งเธอพาเจิ้งหง และโม่ชืออวี่ไปยังที่นั่งสุดท้าย

เมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่ครบแล้ว ผู้เฒ่าโม่ก็พูดขึ้นสองสามคำ จากนั้นก็เอ่ยต้อนรับหลี่จงอี้และถังซวงสำหรับมื้อค่ำ

“จงอี้ ขอบคุณจริง ๆ ที่พาซวงเอ๋อร์มาที่นี่ ไม่เช่นนั้นเจ๋อหยวนของเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง น่าเสียดายที่จิงเจ้อหรงไม่ว่างในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงมาร่วมมื้อเย็นด้วยกัน”

หลี่จงอี้ยิ้มและพูดว่า “ยังมีโอกาสหน้า ไว้เรามากินอาหารด้วยกันเมื่อเจ้อหรงว่างเถอะ”

“ใช่ ๆ คราวหน้าเราต้องหาวันว่างให้ตรงกับจิงเจ้อหรงแล้ว”

ผู้เฒ่าโม่พูดด้วยรอยยิ้มแล้วให้ทุกคนทานอาหาร แต่ก่อนที่ทุกคนจะขยับตะเกียบก็มีคนมาเคาะประตูข้างนอก

“ฉันจะไปเปิดประตูเองค่ะ”

เจิ้งหงยิ้มและยืนขึ้น ตรงไปข้างนอกเพื่อเปิดประตู เมื่อเธอพาฉินหรูเหมิ่งเข้ามา หญิงวัยกลางคนรีบมองไปที่ผู้เฒ่าโม่แล้วพูดว่า “คุณพ่อคะ วันนี้หรูเหมิ่งมาน่ะค่ะ เธอมาเยี่ยมเจ๋อหยวนโดยเฉพาะเลยค่ะ”

“อ้าว หรูเหมิ่ง นั่งก่อนสิ นั่งก่อน”

ผู้เฒ่าโม่และผู้เฒ่าฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นเมื่อเห็นฉินหรูเหมิ่ง เขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะชวนเธอมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย

ซึ่งฉินหรูเหมิ่งคาดการณ์ไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงนั่งลงด้วยรอยยิ้มอย่างยินดี

แต่น่าเสียดายที่มีคนนั่งข้างโม่เจ๋อหยวนไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงได้แต่นั่งข้างหลินเหม่ยเจิน จากนั้นเธอก็มองไปที่ถังซวงด้วยสายตายากจะคาดเดา

ถังซวงรู้สึกถึงสายตาของฉินหรูเหมิ่งดี แต่เธอเป็นคนใจกว้างจึงไม่พูดอะไรมาก

หลังจากที่ฉินหรูเหมิ่งเห็นถังซวง และท่าทางใจเย็นของเธอ แววตาของเด็กสาวก็เปล่งประกาย นี่คือถังซวงสินะ ซึ่งห่างไกลจากหญิงสาวชนบทในจินตนาการของเธอมาก “คุณถังซวง ขอบคุณมากนะคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของถังซวงก็วูบไหว เธอยกยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด