การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 166 ตระกูลเฮ่อ

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 166 ตระกูลเฮ่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 166 ตระกูลเฮ่อ

บทที่ 166 ตระกูลเฮ่อ

เฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยพาถังซวงและคนอื่น ๆ มาถึงหยางเฉิง*[1]แล้ว

“อาหลาน เดี๋ยวพวกเราพักผ่อนที่เมืองหยางเฉิงสักคืน แล้วค่อยเดินทางไปก่างเฉิงพรุ่งนี้เช้านะ” ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ก่างเฉิงมากเท่าไหร่ เฮ่อจื่อกุยก็ยิ่งตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนเฮ่อเจียรุ่ยก็อยากรีบกลับบ้านเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลามากในการมาถึงที่นี่จากมณฑลเจียง ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงทั้งสามคน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกเหนื่อย เช่นนั้นคงจะดีกว่าหากได้พักผ่อนสักคืน

ด้านถังซวง เธอไม่ได้เหนื่อยมาก แต่แม่กับเสี่ยวเซวียเหนื่อย เช่นนี้เธอจึงต้องติดตามเฮ่อจื่อกุยไปที่บ้านพักหลังเล็ก ๆ ด้วย

“อาหลาน ที่นี่คือบ้านที่พ่อของฉันสร้างไว้ตอนที่ฉันมาหาอาเล็ก เลยมีที่พักอยู่ที่นี่ด้วย แต่บ้านหลังนี้ค่อนข้างเก่า แล้วแต่เลยว่าเธอจะทำยังไงกับมัน”

เฮ่อหลานรีบพูดต่อว่า “พี่ใหญ่ มันดีมากแล้วค่ะ”

ที่พูดออกไปอย่างนี้ก็ไม่ผิด ลานนี้เล็กก็จริงแต่มันก็เพียงพอสำหรับคนไม่กี่คน และห้องก็สะอาดมาก เห็นได้ว่ามีคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นประจำ

หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว เฮ่อจื่อกุยก็โล่งใจ และมันก็คลายกังวลให้เขาได้มาก เขาเข้าไปทำความสะอาดด้านในแล้วพาเฮ่อหลานกับคนอื่น ๆ ออกไปเพื่อรับประทานอาหารเย็น

ถังซวงมองตึกข้างถนนและคนเดินเท้าไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอรู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างดูแปลกใหม่ไปเสียหมด ในปัจจุบันเมืองหยางเฉิงนี้ยังไม่พัฒนามาก มันจึงไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่าในยุคที่เธอจำได้ แต่ยังไงมันก็ยังดีกว่าเมืองเวิงชาน

แต่เพราะพวกเขาต้องรีบเดินทางในวันรุ่งขึ้น ทั้งหมดจึงกลับมาที่บ้านพักหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

เมื่อตื่นขึ้นมา เฮ่อจื่อกุยพาถังซวงและคนอื่น ๆ ไปที่ท่าเรือ พวกเขาจะเดินทางโดยเรือ

เดิมทีถังซวงคิดว่าการจะไปก่างเฉิงคราวนี้อาจจะยากลำบาก แต่ไม่ได้คาดคิดว่าลุงเฮ่อจื่อกุยจะจัดการทุกสิ่งอย่างเสร็จสิ้น เห็นได้ชัดว่าเขาเคยเข้าออกก่างเฉิงมาก่อน นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าตระกูลเฮ่อมีอิทธิพลมากในเมืองก่างเฉิง และพวกเธอคงจะได้รับความสะดวกสบายไปตลอดทาง

“อ่า… ในที่สุดก็มาถึงสักที”

เมื่อก้าวเข้าสู่เขตแดนเมืองก่างเฉิง เฮ่อจื่อกุยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นเขามองเห็นรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ไม่ไกล จึงหันไปพูดกับสามแม่ลูกเพื่อเชิญชวนขึ้นรถ

ทั้งเฮ่อหลานและถังซวงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ยังไงซะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเดินทางไปต่างประเทศ และตอนนี้พวกเธอก็อยู่ในก่างเฉิงซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เวลานี้ความวุ่นวายภายในเมืองก่างเฉิงทำให้รู้สึกตัวเกร็งมากกว่าในเมืองหยางเฉิงซะอีก

ถังซวงมองบ้านเมืองตรงหน้า นอกจากรู้สึกถึงความเจริญกว่าที่อื่น เธอก็ไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่านี้ เวลานี้เด็กสาวช่วยพยุงเฮ่อหลานและถังเซวี่ยขึ้นรถ ขณะเดียวกันก็ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง “แม่คะ เสี่ยวเซวี่ย เป็นยังไงบ้าง สีหน้าของทั้งสองคนไม่ค่อยดีเลย หรือว่าจะเมาเรือ?”

เฮ่อหลานรีบส่ายหัวเมื่อได้ยินอย่างนั้นพร้อมตอบว่า “ไม่ใช่ ๆ บางทีแม่อาจจะเหนื่อยมากน่ะ”

ถังเซวี่ยตอบกลับเช่นกัน “ฉันก็ไม่ได้เมาเรือค่ะ”

หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงจึงผ่อนคลาย ก่อนจะหันมองเฮ่อเจียรุ่ยแล้วถามว่า “พี่คะ จากที่นี่ใช้เวลานานไหมกว่าจะถึงบ้าน?”

“ไม่นานหรอก สักสิบนาทีน่ะ”

เฮ่อจื่อกุยอยู่ด้านข้างยกยิ้มก่อนจะพูดเสริมว่า “ใช่ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ถ้ารู้สึกเหนื่อยก็งีบหลับได้เลยนะ”

ระยะทางไม่ไกลมาก และหลังจากพูดคุยกันสักครู่ พวกเขาก็มาถึงบ้านตระกูลเฮ่อ

เมื่อมองคฤหาสน์ที่กินพื้นที่ไปครึ่งภูเขาตรงหน้า ถังซวงเลิกคิ้วสูงอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้ว่าตระกูลเฮ่อร่ำรวย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะร่ำรวยมากขนาดนี้

ส่วนเฮ่อหลานและถังเซวี่ยมองด้านหน้าด้วยความตกตะลึง แต่สีหน้าของพวกเธอกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อพบกับผู้เฒ่าเฮ่อเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น

“อาจื่อ ในที่สุดทั้งสองคนพ่อลูกก็กลับมาที่บ้านสักที”

หลังจากเปิดประตู คู่รักผมขาวก็เดินออกมาด้วยกัน ทันทีที่พวกเขาเห็นเฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ย ทั้งหมดก็ยกยิ้มยินดี จากนั้นหันมองเฮ่อหลานและลูกสาว

“เอ่อ… ส่วนเธอคือลูกสาวของเสี่ยวเหยียนใช่ไหม ยินดีที่ได้พบนะ”

หลังจากมองเฮ่อหลานแล้ว ผู้เฒ่าเฮ่อเหมือนได้พบกับน้องสาวของตนเอง เฮ่อเหยียนก็สวยมากเช่นกันเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก เหมือนกับเฮ่อหลานไม่มีผิด “มา ๆ เข้ามาด้านในก่อน”

ชายชราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลานี้เขากำลังหลั่งน้ำตาออกมา

หญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ เองก็น้ำตาไหลอย่างเงียบ ๆ ด้วยเช่นกัน

เฮ่อหลานมองผู้เฒ่าทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าสร้อย เธอไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรเวลานี้

แต่เฮ่อจื่อกุยที่อยู่ข้าง ๆ กลับพูดขึ้นว่า “พ่อครับ แม่ครับ เป็นอะไรกันหรือ? พ่อกับแม่ทำให้น้องสาวผมกลัวแล้วนะ เข้าไปนั่งข้างในดี ๆ กันเถอะ เดินทางมาตั้งนาน ผมยังเหนื่อยเลย นับประสาอะไรกับผู้หญิงทั้งหมดนี้”

“โอ้ ใช่ ๆ เข้ามาด้านในก่อน”

หญิงชราเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว เธอจูงมือเฮ่อหลานเข้าไปด้านใน ก่อนจะมองถังซวงและถังเซวี่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เธอสองคนคือหลานสาวของเสี่ยวเหยียนสินะ สวยเหมือนกันไม่มีผิด” ต้องบอกว่าทั้งสามแม่ลูกมีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง

หลังจากได้ยินที่ภรรยาพูด ในที่สุดผู้เฒ่าเฮ่อก็ฟื้นคืนสติกลับมา และพาทุกคนเข้าไปข้างใน

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว หญิงวัยกลางคนใบหน้าสวยงามก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้ “จื่อกุย เจียรุ่ย กลับมาแล้วหรือ กินผลไม้ก่อนสิ” ขณะที่พูด เธอหันมองเฮ่อหลานและลูกสาวทั้งสองก่อนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “อา… นี่คืออาหลานและลูกสาวสองคนใช่ไหม? สวยจริง ๆ”

เฮ่อจื่อกุยแนะนำคนข้าง ๆ ให้รู้จักทันที “อาหลาน นี่คือภรรยาของฉันเอง พานลี่ฮวาเป็นพี่สะใภ้ของเธอน่ะ” จากนั้นเขาแนะนำพวกเธอกับพ่อแม่และภรรยาของเขา “นี่คือน้องเฮ่อหลาน ส่วนนั่นถังซวง และนี่ถังเซวี่ย”

“โอ้ สวัสดี ๆ”

ผู้เฒ่าเฮ่อทักทายสามแม่ลูกอย่างตื่นเต้น แต่ในไม่ช้าความเศร้าก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้ง

“ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็จะได้พบเสี่ยวเหยียนอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นจริงเลยสักนิด น้องตัวแสบนั่นหนีจากฉันไป และฉันก็ไม่ได้พบกับเธออีกเลย ก่อนที่คนเป็นพ่อกับแม่จะสิ้นลม สิ่งที่พวกเขาต้องการคือตามหาเธอให้พบ แต่ฉันก็ไม่คาดคิดว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว”

ในตอนท้าย ผู้เฒ่าเฮ่อยิ่งโศกเศร้าอย่างหนัก ดวงตาของเขาแดงก่ำ

“พ่อครับ อาเล็กต้องไม่อยากเห็นพ่อเจ็บปวดแน่ ไม่ต้องเสียใจหรอกครับ”

หลังเห็นว่าพ่อกำลังโศกเศร้า เฮ่อจื่อกุยจึงพยายามปลอบประโลม

และเฮ่อหลานรีบพูดต่อว่า “ใช่ค่ะ ผู้เฒ่าเฮ่อไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ ถ้าแม่รู้ว่าวันนี้ฉันได้มาพบกับคุณ ท่านจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ และยังไงท่านต้องไม่อยากเห็นว่าพี่ชายตัวเองโศกเศร้าอย่างนี้แน่”

หลังจากได้ยินเฮ่อหลานพูดอย่างนั้นแล้ว ผู้เฒ่าเฮ่อก็สงบใจ จากนั้นเขามองเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “เธอช่วยเล่าเรื่องแม่ของเธอให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?”

“แน่นอนค่ะ”

เฮ่อหลานบอกชายชราตรงหน้าเกี่ยวกับทุกอย่างของเฮ่อเหยียน ทุกสิ่งที่เธอจดจำได้ เธอได้เล่ามันออกไปทั้งหมด

ผู้เฒ่าเฮ่อก็ตั้งใจฟังทุกถ้อยคำ และเมื่อได้ยินว่าน้องสาวของตนเสียชีวิตเมื่อเฮ่อหลานอายุได้สิบแปดปี ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นอีกครั้ง

“พ่อครับถ้ายังเศร้าอย่างนี้ อาหลานและคนอื่น ๆ ก็จะเศร้าตามไปด้วยนะครับ”

หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว ผู้เฒ่าเฮ่อสงบใจอีกครั้ง แต่บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ที่ขึ้นลงอย่างไม่สามารถควบคุม ชายชราที่มีจิตใจอ่อนแอ ใบหน้าของเขาจึงไม่ค่อยสู้ดีนักก่อนจะเป็นลม

“คุณตา…”

[1] หยางเฉิง คือ กวางโจว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด