การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 170 ระวัง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 170 ระวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 170 ระวัง

บทที่ 170 ระวัง

หลังจากถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของพี่สาว เธอก็คิดอยากไปแต่ยังลังเล “แต่พี่คะ… ฉันขี่ม้าไม่เป็น?”

ก่อนที่ถังซวงจะพูดอะไร พานลี่ฮวาก็ยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรเลยเสี่ยวเซวีย ปล่อยให้คนที่สนามแข่งม้าจัดการให้ดีกว่า เธอจะได้เล่นกับม้าตัวที่เชื่องที่สุดแน่นอน แล้วค่อยเรียนรู้มันก็ได้ เธอไปที่นั่นได้เลยถ้าอยากไป”

ถังซวงก็คิดแบบเดียวกัน

“เสียวเซวี่ย ถ้าเธออยากไปก็ไปเถอะ”

ถังเซวี่ยยิ้มแล้วตอบรับ ” ฉันอยากไป”

หลังจากเห็นว่าถังเซวี่ยตกลงแล้ว เฮ่อเจียรุ่ยก็พูดขึ้นจากด้านข้าง “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะพาพวกเธอไปเอง ฉันก็ไม่ได้ขี่ม้านานแล้ว จะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”

ผู้เฒ่าเฮ่อเหลือบมองหลานชายตัวเอง “เจียรุ่ย หลานอย่าเอาแต่เล่น ดูแลซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวียด้วย”

“ครับปู่ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลทั้งสองคนอย่างดีเลย”

วันรุ่งขึ้น เฮ่อเจียรุ่ยพาถังซวงและถังเซวี่ยออกไปแต่เช้าตรู่ “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ที่เราไปที่นั่นแต่เช้า มันจะทำให้พวกเขาจัดม้าที่ดีให้ จากนั้นก็ค่อยเริ่มเรียนรู้กันต่อ”

“พี่เจียรุ่ย ฉันต้องรบกวนพี่แล้ว”

ถังเซวี่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับการเดินทางวันนี้ เด็กสาวออกจากบ้านอย่างมีความสุข

เฮ่อเจียรุ่ยได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย วันนี้ฉันจะสอนเธอให้ดีที่สุดเพื่อเธอได้ขี่ม้าให้เก่งเลย”

“ขอบคุณค่ะพี่ ฉันจะตั้งใจเรียน”

ถังเซวี่ยตอบกลับด้วยแววตาสดใส ก่อนจะมองถังซวงแล้วพูดว่า “พี่คะ หลังจากพี่ชายสอนฉันแล้ว เดี๋ยวฉันจะมาสอนพี่ทีหลังนะ”

ถังซวงพยักหน้าอย่างสบาย ๆ “ได้ ๆ”

อันที่จริงเธอก็ขี่ม้าได้ แต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะมันอาจทำให้ใครหลายคนประหลาดใจ เธอควรเรียนรู้มันสักหน่อยแล้วค่อยแสดงความสามารถที่แท้จริงออกไป

เมื่อทั้งสามมาถึงสนามแข่งม้า พานลั่วเฉิงก็มารออยู่ที่นี่แล้ว

“พี่เจียรุ่ย ในที่สุดพี่ก็มา”

เฮ่อเจียรุ่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพานลั่วเฉิงอยู่ที่นี่ “ลั่วเฉิง นายมาเร็วเกินไปรึเปล่า?”

“วันนี้ผมต้องเตรียมม้า เลยมาก่อนเวลาน่ะ” ขณะพูดพานลั่วเฉิงกลับเอาแต่มองถังซวงและถังเซวี่ยก่อนจะพูดว่า “น้องสาวทั้งสองรีบเข้ามาด้านในเถอะ วันนี้ต้องสนุกมากแน่ ๆ”

หลังจากเห็นท่าทีกระตือรือร้นของพานลั่วเฉิงแล้ว เฮ่อเจียรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ลั่วเฉิง ดูนายจะเป็นพี่ชายที่ดีนะ ยังไงซะในอนาคตนายจะต้องดูแลซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยให้ดีด้วย”

“ไม่ต้องกังวลเลยครับพี่เจียรุ่ย ผมจะดูแลน้องสาวทั้งสองคนอย่างดีแน่นอน”

เมื่อวานนี้พานลั่วเฉิงมีบางอย่างต้องทำ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดคุยกับถังซวงและน้องสาวมากนัก แต่วันนี้เขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงพยายามหาหัวข้อมาพูดคุยกับถังซวงมากมาย “น้องถัง ฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลย เธอเคยมาก่างเฉิงรึเปล่า?” เขาได้รู้เรื่องของเธอมานิดหน่อยแต่ก็ไม่แน่ใจนัก รู้เพียงว่าเด็กสาวเป็นลูกสาวของน้องสาวลุงเฮ่อก็เท่านั้น

ถังซวงชำเลืองมองพานลั่วเฉิงก่อนจะพูดว่า “ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก”

“โอ้ แล้วหลังจากนี้เธอจะอยู่ที่ก่างเฉิงเลยไหม?”

เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยและเย็นชาของถังซวง พานลั่วเฉิงยิ่งสนใจเธอมากขึ้นไปอีก โดยคิดว่าตนทั้งหล่อ และมีความสามารถ ผู้หญิงคนอื่นมักจะวิ่งตามเขาเสมอ แต่ถังซวงคนนี้กลับนิ่งเฉยแตกต่างจากคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง

แต่ถังซวงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่เป็นประกายของพานลั่วเฉิง เธอคิดว่าอีกฝ่ายคือหลานชายของพานลี่ฮวา ดังนั้นจึงพยายามอดทนแล้วตอบกลับว่า “ไม่ค่ะ ฉันจะกลับหลังจากวันหยุดปีใหม่นี้”

“อ่า… ไม่ได้อยู่ก่างเฉิงหรือ เสียดายจัง”

พานลั่วเฉิงไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบเช่นนี้ เพราะใครต่างก็รู้ว่าก่างเฉิงเจริญกว่าที่อื่นมากแค่ไหน แต่ถังซวงและน้องสาวกลับอยากจะกลับไป เมื่อเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ถังซวงก็หันไปหาเฮ่อเจียรุ่ยแล้วถามว่า “พี่คะ คอกม้าอยู่ไหนหรือ? เราไปเลือกม้ากันตอนนี้เลยไหม?”

“อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเอง สนามแข่งม้าที่นี่ใหญ่ที่สุดในก่างเฉิงแล้ว ม้าของฉันก็ได้รับการเลี้ยงจากที่นี่แหละ วันนี้ฉันก็จะพามันออกไปวิ่งด้วย” เฮ่อเจียรุ่ยพูดและพาถังซวงกับถังเซวี่ยตรงไปด้านหน้า

หลังจากเห็นอย่างนี้แล้ว พานลั่วเฉิงจึงรีบตามไป และพยายามพูดถึงม้าของเขาด้วย

“ฉันก็เลี้ยงม้าที่นี่ไว้เหมือนกัน เป็นม้าสีขาว สวยมากเลยนะ เดี๋ยวฉันพาไปดู”

ถังซวงและถังเซวี่ยเมินพานลั่วเฉิงและคิดว่าเขาค่อนข้างน่ารำคาญ ทั้งที่เพิ่งได้พบกัน แต่อีกฝ่ายกลับพูดไม่หยุด

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง พานลั่วเฉิงก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับท่าทีเย็นชาอย่างนี้มานานแล้ว จึงไม่พูดอะไรอีก ในใจมีแต่ความผิดหวัง

เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงคอกม้า พนักงานดูแลก็รีบมาหาทันที

“คุณชายเฮ่อ คุณชายพาน ไม่เจอกันนาน ต้องการนำม้าออกไปรึเปล่าครับ?”

เฮ่อเจียรุ่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม พามาที่นี่เลย และผมขอม้าที่เชื่อง ๆ สักสองตัวให้กับน้องสาวสองคนของผมด้วย”

“ครับคุณชายเฮ่อ”

หลังได้ยินคำพูดของเฮ่อเจียรุ่ย ผู้ดูแลคอกม้ากลับไปนำม้าออกมาทันที ขณะที่คนอื่น ๆ ก็เริ่มไปเลือกม้าตัวอื่น

“คุณชายเฮ่อ ม้าตัวนี้ไม่สูงมาก แล้วก็เชื่องมากด้วยครับ เหมาะกับสุภาพสตรีทั้งสอง”

ถังซวงมองถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ม้าตัวนี้ดูดีมาก เธอใช้ตัวนี้ได้”

ถังเซวี่ยมองม้าตรงหน้าพร้อมพูดว่า “พี่คะ พี่ควรเลือกก่อนสิ”

“ไม่เป็นไร ฉันเลือกเองได้”

หลังจากเห็นว่าพี่สาวปฏิเสธ ถังเซวี่ยจึงไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับยอมรับม้าตัวนั้น

“เสี่ยวเซวี่ย เธอควรลองม้าตัวนี้”

“ค่ะ”

หลังได้ยินแล้ว พนักงานนำม้าออกมาทันที ก่อนจะหันมองเสี่ยวเซวียด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ลองจับมันดูก่อนนะครับ”

ถังเซวี่ยยื่นมือของเธอออกไปสัมผัสหัวของม้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เจ้าม้ากลับส่ายหัวและถูไถหัวของมันเข้ากับฝ่ามือของถังเซวี่ยอย่างออดอ้อน ดูเหมือนมันจะเชื่องมากทีเดียว

“ว้าว… น่ารักจัง”

ถังเซวี่ยมองม้าสีน้ำตาลแดงตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น และแววตาเป็นประกาย”

“เสี่ยวเซวี่ย หลังจากพี่สาวเธอเลือกม้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปด้านนอก แล้วฉันจะสอนวิธีขี่ม้าให้”

เมื่อพานลั่วเฉิงได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขาจึงรู้ว่าถังซวงและถังเซวี่ยขี่ม้าไม่เป็น เวลานี้เขาจึงได้โอกาส “ฉันสามารถสอนเธอได้นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยพี่เจียรุ่ยสอนด้วย มันน่าจะเร็วกว่า”

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ ถังซวงก็ค่อย ๆ เดินออกไป เธอมองม้าทุกตัวในคอกแต่กลับไม่รู้สึกถูกชะตากับม้าตัวไหนเลย แม้ว่าม้าพวกนี้จะเป็นพันธุ์ดี แต่เธอรู้สึกว่าไม่ได้ต้องการพวกมันสักนิด

“พี่คะ… พี่ชอบตัวไหนหรือ?”

เมื่อเห็นว่าถังซวงเดินออกไป ถังเซวี่ยก็ตะโกนถาม และจะเดินไปหาพี่สาวของตน

แต่ขณะที่ถังเซวี่ยก้าวออกไปสองสามก้าว จู่ ๆ ก็มีม้าตัวหนึ่งควบตรงมายังถังซวงอย่างรวดเร็ว

“พี่คะ… ระวัง…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด