การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 185 ฉันทำอะไรได้บ้าง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 185 ฉันทำอะไรได้บ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 185 ฉันทำอะไรได้บ้าง

บทที่ 185 ฉันทำอะไรได้บ้าง

เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

“ฉัน… ฉันก็ไม่รู้ พวกเราแค่อยากได้เงินเท่านั้น”

คนที่เป็นหัวหน้ากำลังจะร้องไห้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนจ้าง และไม่คิดสงสัยสักนิดว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดที่อีกฝ่ายมีเงิน พวกเขาย่อมยินดี

ถังซวงบดขยี้เท้าของเธออย่างสบาย ๆ ก่อนจะมองจูรุ่ยแล้วพูดว่า “เธออยากรู้ไหมว่าใครคิดทำร้ายเธอ?”

จูรุ่ยกัดริมฝีปากก่อนจะพยักหน้า “อืม ฉันอยากรู้”

“ดี”

ถังซวงหันมองทั้งสามคนแล้วพูดว่า “พวกแกไปติดต่อกับคนคนนั้นหลังจากจบเรื่องนี้ซะ เพราะไม่อย่างนั้นพวกแกก็คงจะไม่ได้รับเงินส่วนที่เหลือ” คนส่วนใหญ่ย่อมให้เงินมัดจำก่อนจะสั่งงาน แล้วให้เงินที่เหลือหลังจากทำงานเสร็จแล้ว ดังนั้นทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าจึงยังมีประโยชน์

“ฉันจะติดต่อเธอให้”

ในสายตาของทั้งสาม ถังซวงไม่ต่างจากนักฆ่า พวกมันไม่กล้าที่จะฉวยโอกาสอะไรเพื่อหลบหนีทั้งนั้น แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ก็ยังพยักหน้ารับปาก

เมื่อถังซวงได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอยืนขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นพวกแกก็ทำตามแผนต่อไป และส่งข่าวไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

“ครับ”

หัวหน้าพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าที่จะขัดใจถังซวง

ถังซวงหันมองจูรุ่ยแล้วพูดว่า “จัดการตัวเองซะ แล้วไปหามันคนนั้น คนที่พยายามจะทำร้ายเธอ”

“ค่ะ”

จูรุ่ยลูบใบหน้า มีความไม่พอใจฉายชัดในแววตา เธอคิดว่าตัวเองไม่เคยสร้างความขุ่นเคืองให้กับใคร แล้วใครในโลกนี้กันที่ต้องการทำร้ายเธอ?

หัวหน้า เหล่าเอ้อร์และเหล่าซานลุกขึ้นพร้อมร่างกายที่เจ็บปวด แววตาหลุบต่ำลงของพวกเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะหากถูกถังซวงจับได้ เธอคงไม่ปล่อยทั้งสามไปแน่ ความเย็นชาในแววตาของสาวน้อยคนนี้ทำให้พวกเขายิ่งหวาดกลัว อีกทั้งเธอดูเหมือนไม่สนใจชีวิตของมนุษย์คนใด ถ้าพวกเขาคิดต่อต้าน คงไม่รอดแน่

“เร็วเข้าสิ”

หลังเห็นว่าทั้งสามมัวโอ้เอ้ ถังซวงขมวดคิ้วแน่น

“พวกเราไปแล้ว ไปแล้วครับ”

ทั้งสามพยายามฝืนทนต่อความเจ็บปวดพร้อมรีบเดินออกไป เมื่อมาถึงหัวมุมถนนถัดมาอีกสองซอย คนที่เป็นหัวหน้าหันมองถังซวงด้วยใบหน้าประจบก่อนจะพูดว่า “พวกเราตกลงกันว่าถ้าทำงานสำเร็จแล้ว เราจะมาพบกันที่นี่ แล้วก็…” ขณะพูดอย่างนั้นเขาเหลือบมองจูรุ่ยแล้วพูดว่า “มอบรูปถ่ายของผู้หญิงคนนี้ให้กับอีกฝ่าย แล้วเงินที่เหลือก็จะเป็นของพวกเรา”

ใบหน้าของจูรุ่ยกลายเป็นสีแดงเมื่อถูกจ้องมอง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ

ถังซวงเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินเช่นนั้น และพูดว่า “พอได้แล้ว เราจะรอที่ด้านหลัง แล้วพวกแกไปด้านหน้า รอให้ใครสักคนเข้ามาหา จำไว้ว่าอย่าคิดพยายามตุกติก ถ้าไม่เชื่อ ฉันจะบอกให้รู้เองว่าความเจ็บปวดจริง ๆ แล้วเป็นยังไง”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเย็นชาจากถังซวงแล้ว ทั้งสามก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวก่อนจะพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน “ครับ ๆ พวกเรารู้แล้ว”

ถังซวงพาจูรุ่ยไปด้านหลัง และทั้งสามยืนรอให้ใครบางคนมาพบที่หัวมุมถนน

ประมาณสิบนาทีต่อมา ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสามเธอพูดออกมาว่า “เป็นยังไงบ้าง?”

“เสร็จแล้วครับ”

“แล้วไหนรูปล่ะ?”

“เรื่องนั้น…”

คนที่เป็นเจ้านายขยิบตาให้เหล่าเอ้อร์และเหล่าซาน อีกสองคนก็เข้าใจทันที จากนั้นทั้งสามค่อย ๆ ล้อมรอบผู้หญิงคนนั้นก่อนจะจับกุมเธอไว้โดยตรง

“อ๊ะ… ทำอะไรเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้พวกสารเลว ถ้าพวกแกกล้าทำร้ายฉัน พวกแกจะโดน…”

“พวกแกเจอดีแน่ ไอ้สารเลว ปล่อยฉันนะ”

พวกเขาทั้งสามไม่กล้าลงมือกับถังซวง แต่เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าทั้งสามคนก็คิดจะฉีกร่างของเธอออกเป็นชิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ พวกเขาคงไม่ต้องจับตัวจูรุ่ย และไม่ต้องโดนถังซวงซ้อม ศักดิ์ศรีในฐานะผู้ชายคนหนึ่งย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี

เมื่อเห็นรูปลักษณ์น่าเกลียดของทั้งสามคน ความเย่อหยิ่งก่อนหน้าของหญิงสาวคนนี้หายไป เหลือเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น “พวกแก… อย่านะ”

เวลานี้ถังซวงเดินตรงเข้ามาพร้อมกับจูรุ่ย

“เธอ… เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”

ผู้หญิงคนนั้นยิ่งมีอาการตกตะลึงเมื่อเห็นจูรุ่ย และมองไปที่ถังซวงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เห็นชัดว่าเธอไม่รู้จักถังซวงสักนิด

ถังซวงมองจูรุ่ยแล้วถามว่า “รู้จักเธอไหม?”

“ไม่ค่ะ”

จูรุ่ยพูดออกมาอย่างมั่นใจ แต่เวลานี้เธอคิดว่าบุคคลผู้นี้คือคนที่คิดทำร้ายตน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธก่อนจะก้าวไปด้านหน้าแล้วถามว่า “เธอเป็นใคร? ฉันกับเธอไม่เคยมีอะไรข้องเกี่ยวกัน แล้วทำไมต้องการให้คนพวกนี้ทำร้ายฉันด้วย?”

ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบ

ซึ่งถังซวงเองก็ไม่คิดให้เสียเวลาเลย เธอพูดออกมาสั้น ๆ ว่า “บอกออกมาเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียใจ”

“หึ…”

ผู้หญิงคนนั้นแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา เธอไม่สนใจคำพูดของถังซวงแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ถังซวงก้าวไปด้านหน้าโดยไม่พูดพล่าม ก่อนที่คนอื่น ๆ จะทันได้เห็นการเคลื่อนไหว ผู้หญิงที่จองหองคนนั้นกรีดร้องออกมาไม่ต่างจากหมูถูกเชือด

“อ๊ากก… ฉันเจ็บ…”

“เราจะคุยกันดี ๆ ได้หรือยัง?”

ถังซวงมองผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าเย็นชา

“เธอ… เธอทำอะไรกับฉัน?”

“จุ๊จุ๊…”

ถังซวงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” ขณะที่พูดอย่างนั้น หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหา

เมื่อเห็นถังซวงเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วพูดว่า “อ๊า! ฉันพูดแล้ว ฉันบอกแล้ว จูเหลียนขอให้ฉันทำอย่างนี้ แล้วเธอบอกว่าถ้าสำเร็จ เธอจะให้เงินกับฉันจำนวนมาก”

“อะไรนะ… เป็นจูเหลียนจริง ๆ หรือ?!”

จูรุ่ยไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะตะโกนด้วยความโกรธถึงขีดสุด “ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้ เธอเป็นลูกที่พ่อรักที่สุด ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วทำไมถึงยังคิดทำกับฉันแบบนี้อีก?”

เมื่อเห็นจูรุ่ยเป็นอย่างนี้แล้ว ถังซวงเหลือบมองเธออย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “ในเมื่อรู้แล้วว่าใครทำร้ายเธอ อย่างนั้นฉันจะขอตัวกลับก่อน”

จูรุ่ยยังจมอยู่ในความโศกเศร้า แต่เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว เธอรีบคว้าถังซวงแล้วพูดว่า “พี่ซวงคะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวเลยนะคะ”

“ฉันช่วยเธอหาคนบงการเรื่องนี้ได้แล้ว แล้วจะให้ฉันทำอะไรอีก?”

“ฉัน… ฉัน…”

จูรุ่ยพูดไม่ออกสักพักหนึ่ง แต่เธอสัมผัสได้ว่าถังซวงเป็นคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ และถ้าเป็นอีกฝ่าย เธอจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน

“พี่ซวงคะ พี่คิดว่าฉันควรทำยังไงต่อดีคะ?”

ถังซวงไม่ได้รู้จักจูรุ่ยดีนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเซวี่ย เธอคงไม่คิดช่วยอีกฝ่ายในวันนี้แน่ “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเธอ”

“พี่ซวงคะ พี่ไม่เข้าใจฉัน ฉันเทียบอะไรจูเหลียนไม่ได้เลย ตอนที่อยู่ในบ้านตระกูลจู ฉันก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แล้วพี่ยังบอกให้ฉันตัดสินใจด้วยตัวเองอีกหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด