การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 193 กำลังซื้อ
บทที่ 193 กำลังซื้อ
บทที่ 193 กำลังซื้อ
เมื่อบริษัทเครื่องสำอางซวงฮวา จำกัดเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ถังซวงวางขายตัวยาเพียงสูตรเดียว มันคือยาที่เธอเคยมอบมันให้กับพานลี่ฮวาลองใช้ก่อนหน้านี้
เหล่าคุณหญิงทั้งหลายต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับพานลี่ฮวา ทุกคนมาที่นี่และพวกเขาได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าผิวของพานลี่ฮวาดูดีขึ้นในทุกวัน ดังนั้นพวกเธอจึงมาที่นี่เพื่อซื้อมันกลับไปสักสองถึงสามชุด แต่เมื่อพวกเธอเห็นสินค้าที่วางขาย ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลี่ฮวา สินค้าของเธอน้อยเกินไปหรือเปล่า? ทำไมมีแค่นี้ล่ะ?”
พานลี่ฮวาได้ยินอย่างนั้นจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ง่ายเลยที่ซวงเอ๋อร์จะผลิตพวกมันออกมาเป็นจำนวนมากในเวลาเพียงเท่านี้ค่ะ เพราะอย่างนั้นอย่าขุ่นเคืองใจกันเลยนะคะ”
ทั้งหมดจึงตระหนักได้ทันทีว่าเครื่องสำอางเหล่านี้ไม่ได้ผลิตในโรงงาน แต่ถังซวงผลิตมันด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องใช้เวลานานและยากลำบาก “ลี่ฮวา จากนี้ไปเธอต้องรีบสร้างโรงงาน และให้คนอื่น ๆ มาช่วยเหลือสาวน้อยถังซวงได้แล้วนะ สาวน้อยตัวเล็กแค่นี้ไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ด้วยตัวคนเดียวแน่”
“ไม่ต้องกังวลค่ะ ในอนาคตสินค้าย่อมมีมากขึ้นแน่นอน แต่จะไม่มากเกินไปนัก เพราะสุดท้ายแล้วสินค้าของเราล้วนแต่อยู่ในระดับสูง คนธรรมดาคงไม่สามารถซื้อได้ค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เหล่าบรรดาคุณผู้หญิงทั้งหลายถึงกับหัวเราะร่าแล้วถามว่า “ลี่ฮวา ฉันลืมถามไปเสียสนิทเลยว่ายาบำรุงหนึ่งชุดราคาเท่าไหร่หรือ?”
พานลี่ฮวาตอบด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดร้าน เราควรจะเริ่มต้นด้วยโปรโมชันพิเศษ หนึ่งชุดราคาเพียง 8,000 หยวนเท่านั้น แต่หลังจากนี้จะไม่มีราคานี้อีกแล้วค่ะ”
“โอ้โห… แพงมากจริง ๆ! ลี่ฮวาเธอคิดจะปล้นพวกเรางั้นหรือ”
ในหมู่คนเหล่านี้คือเหล่าคุณหญิงคุณนายที่มีฐานะดี แต่ทุกคนกลับเผยสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด ราคา 8,000 หยวนนี้หากเทียบกันแล้วพวกเธอสามารถใช้มันซื้อเครื่องสำอางได้ตั้งหลายชุด
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว พานลี่ฮวาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหญิงเฉียน ดูเหมือนว่าการรับประกันของฉันยังไม่เพียงพอให้คุณตัดสินใจ เอาเถอะ งั้นลองดูความแตกต่างของใบหน้าฉันเมื่อก่อนกับตอนนี้ดูสิคะ”
คนอื่น ๆ มองใบหน้าของพานลี่ฮวา เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วทั้งหมดจึงรับชมอย่างใจจดใจจ่อ ผ่านไปสักระยะทุกคนถึงกับอุทานออกมาว่า “ลี่ฮวา ผิวของเธอดีขึ้นมากจริง ๆ”
“แน่นอน ทั้งหมดเป็นเพราะยาบำรุงที่ซวงเอ๋อร์ทำให้ ผิวของฉันถึงดีขึ้นขนาดนี้ และชุดที่ขายอยู่ในร้านเป็นชุดที่ฉันกำลังใช้อยู่ค่ะ ส่วนผสมทั้งหมดล้วนแต่เป็นวัตถุดิบชั้นยอด บางอย่างหาได้ยากมาก ดังนั้นราคาของมันจึงไม่สามารถต่ำกว่านี้ได้ แล้วพวกคุณยังต้องคิดอะไรมากอยู่อีกคะว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ?”
ทันใดนั้น คุณหญิงถังเป็นคนแรกที่พูดขึ้นก่อน “ซื้อสิ! ฉันเอาสามชุด!”
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของคุณหญิงถัง พานลี่ฮวาจึงรีบตอบกลับไปว่า “คุณพี่คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากขายนะคะ แต่สินค้าในร้านมีไม่มาก ฉันเลยต้องจำกัดการซื้อไว้ที่สองชุดต่อหนึ่งคนค่ะ”
“อะไรกัน…”
คุณหญิงถังต้องการซื้อผลิตภัณฑ์นี้มานานแล้ว และในที่สุดเธอที่รอจนกระทั่งบริษัทเครื่องสำอางของถังซวงและพานลี่ฮวาเปิด แต่กลับยังไม่สามารถซื้อมันได้ในจำนวนที่ต้องการ “ลี่ฮวา ฉันเห็นแล้วว่าของมีไม่เยอะ ฉันก็เลยต้องการซื้อสามชุด แต่การที่เธอจำกัดไว้แค่สองชุดมันน้อยเกินไปนะ”
พานลี่ฮวาพูดออกมาด้วยใบหน้าลำบากใจ “คุณพี่คะ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วค่ะ อีกอย่างเราจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัวอีกครั้งในอนาคต ฉันจะแจ้งให้คุณพี่ทราบเป็นคนแรกนะคะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว คุณหญิงถังจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย “เอาล่ะ งั้นจัดของให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะกลับบ้านแล้ว อยากจะลองใช้มันเต็มทีแล้ว”
“ค่ะ ได้เลยค่ะ”
เพราะนี่คือวันแรกของการเปิดขาย และมีเครื่องสำอางในร้านไม่มากนัก พานลี่ฮวาจึงทำหน้าที่เป็นทุกอย่างภายในร้าน ทั้งจัดเตรียมสินค้า และแพ็คสินค้าให้กับคุณหญิงถังอย่างรวดเร็ว หลังจากรับเงินแล้ว เธอมีของขวัญเล็กน้อยมอบให้ด้วย “สิ่งนี้ซวงเอ๋อร์ทำมันด้วยตัวเองเลยนะคะ สวยไหมคะ? คุณพี่สามารถใช้มันตกแต่งบนเสื้อผ้าของคุณพี่ได้เลย”
ของขวัญชิ้นเล็กนี้คือเข็มกลัดโบราณดูงดงาม ซึ่งทำให้เสื้อผ้าดูดีขึ้นมาก
เมื่อคุณหญิงถังเห็นเข็มกลัดนี้ เธอชอบมันจนต้องอุทาน “ว้าว… สวยมาก สาวน้อยถังซวงเก่งจริง ๆ นี่เธอทำได้ทุกอย่างเลยหรือไง เข็มกลัดนี้สวยมาก ฉันคิดว่าเธอน่าจะเปิดร้านอะไรก็ได้อย่างที่เธอต้องการได้เลยนะ”
พานลี่ฮวาตอบกลับอย่างภูมิใจ “ใช่ค่ะ ซวงเอ๋อร์ของเราเก่งมากจริง ๆ”
คุณหญิงคนอื่น ๆ เห็นแล้วว่าคุณหญิงถังซื้อของแล้ว พวกเธอก็ไม่คิดยอมแพ้เช่นกัน ทุกคนซื้อคนละหนึ่งชุด แม้แต่คุณหญิงเฉียนที่ซื้อหนึ่งชุดเป็นคนสุดท้ายยังอดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่น “ลี่ฮวา มันแพงมากจริง ๆ ถ้ามันไม่ได้ผล เธอเจอดีแน่”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว พานลี่ฮวายิ้มอ่อนพลางตอบกลับว่า “คุณพี่เฉียน การใช้เครื่องสำอางเพียงอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอนะคะ ถ้าหากคุณพี่นอนดึกทุกวัน ต่อให้ใช้เครื่องสำอางที่ดีที่สุดในโลกก็ไร้ประโยชน์ค่ะ อย่างนี้คุณพี่จึงไม่สามารถโทษเครื่องสำอางของพวกเราได้หรอกนะคะ”
คุณหญิงถังพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นเรื่องใหญ่นะคะ แล้วฉันเองก็นอนหลับไม่สนิทมาสองสามคืนแล้ว เวลาตื่นขึ้นในตอนเช้าทีไร รู้สึกว่าผิวหน้าฉันหม่นหมองจนไม่อยากจะมองหน้าตัวเองทุกที”
พอได้ยินอย่างนั้น คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่คล้อยตามตนเอง คุณหญิงเฉียนก็โกรธจัด เธอหยิบถุงเครื่องสำอางก่อนจะออกจากร้านไปทันที
ทว่าคนอื่น ๆ ไม่สนใจคุณหญิงเฉียน ทั้งยังพูดด้วยความเย้ยหยัน “เครื่องสำอางชุดละ 8,000 หยวน แต่เธอกลับกล้าพูดจาไร้ความรับผิดชอบ ถ้าจ่ายไม่ได้ ก็อย่าซื้อจะดีกว่า แล้วจะมาคบพวกเราทำไมถ้าเงินไม่ถึง”
“ใช่ ฉันได้ยินว่าธุรกิจของตระกูลเฉียนก็ไปได้ดีนะ แต่ทำไมคุณหญิงเฉียนถึงทำตัวตระหนี่ถี่เหนียวอย่างนี้”
“หึ… สุดท้ายก็แค่ผู้หญิงจากตระกูลเล็ก ๆ ความคิดและมุมมองของเธอแตกต่างจากพวกเรามากจริง ๆ”
พานลี่ฮวาเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง “เอาเถอะค่ะ อย่าพูดถึงคุณหญิงเฉียนกันเลยนะคะ วันนี้ฉันไม่มีเวลาแสดงความขอบคุณที่ทุกคนมาร่วมงาน เอาไว้ฉันจะเลี้ยงมื้อค่ำวันหน้าแล้วกันนะคะ”
“ได้สิ ตกลงตามนี้นะ”
หลังจากพานลี่ฮวาพูดอีกสักครู่หนึ่ง เธอก็พูดถึงกฎของร้าน
“เพราะสินค้าทั้งหมดของร้านเราผลิตขึ้นโดยซวงเอ๋อร์เพียงคนเดียว จึงไม่มีสินค้าสต็อกไว้ เราจะใช้การเปิดร้านทุก ๆ สิบวัน หลังจากเราปิดร้านวันนี้แล้ว อีกไม่นานเราจะเปิดอีกครั้งค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว คนอื่น ๆ หัวเราะทันที
“ลี่ฮวา เธอต้องรีบขยายกิจการนี้โดยเร็วนะ ไม่อย่างนั้นมันไม่แตกต่างจากการเล่นขายของ เธอคิดว่าจะสามารถปิดร้านไปนาน ๆ ได้ยังไงกัน”
พานลี่ฮวาหัวเราะแล้วตอบกลับว่า “ถึงยังไงก็ช่างเถอะค่ะ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทำเงินได้มากอะไร แค่ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสที่จะกลับมาดูดีเท่านั้น”
“ฮ่า ๆ … ดี ๆ”
เหล่าคุณหญิงบางคนเห็นด้วย แต่บางคนก็คิดสงสัยจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ลี่ฮวา แล้วสาวน้อยถังซวงไปไหนหรือ? วันนี้เป็นวันเปิดร้านวันแรกแท้ ๆ ยังไม่เห็นมาที่ร้านเลย”
พานลี่ฮวารีบตอบกลับ “ซวงเอ๋อร์มีเรื่องต้องจัดการที่บ้านค่ะ อีกไม่กี่วันสามแม่ลูกก็จะออกจากเมืองก่างเฉิงแล้วค่ะ”
“อะไรนะ… คุณเฮ่อกับคนอื่น ๆ อยากจะออกจากเมืองก่างเฉิง? เมืองก่างเฉิงไม่ดียังไง พวกเขาถึงอยากจะกลับไป”
ความจริงแล้วพานลี่ฮวาก็คิดว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่บ้านเก่าเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็เคารพการตัดสินใจของทั้งสาม “ซวงเอ๋อร์บอกแค่ว่าเธอต้องกลับไปค่ะ พวกเราเลยทำอะไรไม่ได้”
หลังได้ยินพานลี่ฮวาพูดอย่างนั้นแล้ว คนอื่น ๆ จึงไม่ถามอะไรต่ออีก
Comments