การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 268 เฟิงเยี่ยยง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 268 เฟิงเยี่ยยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 268 เฟิงเยี่ยยง

EnjoyBook

บทที่ 268 เฟิงเยี่ยยง

ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนแดงก่ำเพราะคำถามของถังซวง แต่เขาพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ฉันคิดว่าถ้าฉันกับเธอใส่มันพร้อมกัน มันก็น่าจะมีชื่อของพวกเราสลักเอาไว้ อีกอย่างฉันสลักไว้ที่ด้านในของนาฬิกา จะได้ไม่ดึงดูดสายตาน่ะ”

แม้ถังซวงจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งระหว่างเธอกับโม่เจ๋อหยวน เมื่อเห็นเขายังไม่แสดงท่าทีอะไร เธอเพียงยกยิ้มและไม่ถามอะไรต่อ

หลังจากนั้นโม่เจ๋อหยวนยกยิ้มมุมปากไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าถังซวงถอดนาฬิกาเรือนเดิม แล้วใส่เรือนที่เขาเพิ่งมอบให้ แววตาของชายหนุ่มเปล่งประกายด้วยความยินดี

“ซวงเอ๋อร์ วันนี้ฉันไม่ค่อยยุ่งเท่าไร ไปเดินเล่นรอบ ๆ โรงงานกันไหม? ความจริงแล้วที่นี่มีที่สวย ๆ เยอะเลยนะ”

ถังซวงไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ค่ะ งั้นไปกันเถอะ”

ถังซวงเดินเล่นกับโม่เจ๋อหยวนอยู่นาน จากนั้นจึงกลับมารับประทานอาหารที่โรงอาหาร

“ซวงเอ๋อร์ วันที่เธอกลับ ฉันจะไปส่ง”

“ค่ะ”

ถังซวงพยักหน้า เธอบอกโม่เจ๋อหยวนว่าตนพักอยู่ที่ใด ก่อนจะพูดว่า “อย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“อืม เดินทางปลอดภัยนะ”

อีกด้าน ถังเซวี่ยวาดภาพตั้งแต่เช้า และเธอเริ่มหิวแล้ว จึงคิดจะออกไปหาอะไรกินด้านนอก ทว่าทันทีที่เธอเดินออกจากที่พัก เธอได้พบกับถังเจี้ยนกั๋ว

เมื่ออีกฝ่ายเห็นถังเซวี่ย ใบหน้าของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะวิ่งไปด้านหน้าเด็กสาวแล้วถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย แกอยู่ที่นี่หรือ?”

เมื่อเห็นถังเจี้ยนกั๋ว ถังเซวี่ยขมวดคิ้วพร้อมถามออกไปตรง ๆ “คุณมาทำอะไรที่นี่?”

“ฉัน…”

เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของถังเซวี่ย ความกระตือรือร้นก่อนหน้าของถังเจี้ยนกั๋วก็ค่อย ๆ จางหายไป เขารู้แล้วว่าสำหรับสามแม่ลูก เขาคือคนแปลกหน้าที่ห่างเหินกันไปนานแสนนาน ดังนั้นเขาจึงตอบออกไปอย่างไม่ค่อยมีหวังเท่าไรนัก “ฉัน… มาหาแก”

“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาพบฉันอีก เราควรจะห่างกันไว้ ยิ่งห่างมากเท่าไรยิ่งดี”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเจี้ยนกั๋วกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาบึ้งตึงอย่างอดกลั้นไม่ไหว ทว่าต้องเก็บทุกสิ่งเอาไว้แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมายื่นให้

“เสี่ยวเซวี่ย นี่คือสิ่งที่ฉันได้มาจากการทำงานทั้งหมด ฉันให้แก”

ถังเซวี่ยมองกระเป๋าเงินสีดำตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ทว่าเธอไม่คิดจะยอมรับมัน เด็กสาวส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้เงินฉัน เก็บเอาไว้ใช้เองเถอะค่ะ…”

ในตอนท้ายเธอกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฉันไม่อยากรับเงินของคุณอีก แต่ถ้าเมามาก็อย่ามาขอเงินพวกเราก็พอ”

ในอดีตถังเจี้ยนกั๋วไม่เคยควักเงินตนเองสักครั้ง เขามักจะขอเงินจากเฮ่อหลานอยู่เสมอ ถ้าวันไหนที่เขาเมา และเฮ่อหลานไม่ยินดีจะมอบเงินให้ เขาก็มักจะทุบตีเธอ

“ฉันไม่ดื่มแล้ว และฉันจะไม่ขอเงินพวกแกอีกเด็ดขาด ตอนนี้ฉันสามารถหาเงินได้แล้ว”

เวลานี้ถังเซวี่ยหันหน้าหนี แล้วเดินผ่านถังเจี้ยนกั๋วไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า “เรื่องนั้นคุณไม่จำเป็นต้องบอกฉัน ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของถังเซวี่ย ถังเจี้ยนกั๋วจึงเข้าใจว่าเธอจะไม่มีวันยอมรับเขาได้อีก แม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอึดอัดเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวเช่นนี้ เขาจึงก้าวขาตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว

“ถังเจี้ยนกั๋ว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”

เฟิงเยี่ยหานขมวดคิ้วขณะมองชายที่กำลังเดินตามถังเซวี่ย จากนั้นเขาเดินไปหยุดยืนด้านหน้าของถังเซวี่ยเพื่อปิดกั้นสายตาของถังเจี้ยนกั๋ว

ถังเจี้ยนกั๋วที่ไม่คิดว่าจะได้พบเฟิงเยี่ยหานที่นี่ก็รู้สึกประหลาดใจ

ส่วนถังเซวี่ยก็ตกใจเมื่อเห็นเฟิงเยี่ยหานเช่นกัน

“สหายเฟิง คุณมาทำอะไรที่นี่?”

“ผมมาตามหาเธอ”

เฟิงเยี่ยหานหันกลับมายิ้มให้ถังเซวี่ย “เธอไม่อยากเห็นหน้าของถังเจี้ยนกั๋วอีกแล้วใช่ไหม?”

ถังเซวี่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ใช่ คุณเป็นเจ้านายของเขา คุณบอกให้เขาออกไปได้ไหม?”

“ได้สิ”

หลังเฟิงเยี่ยหานตอบกลับ เขาหันมองถังเจี้ยนกั๋วแล้วพูดว่า “นายกลับไปก่อน คุณถังเซวี่ยไม่อยากเห็นหน้านาย”

ถังเจี้ยนกั๋วกำกระเป๋าเงินในมือแน่น ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ครับ งั้นผมจะกลับก่อน”

หลังถังเจี้ยนกั๋วออกไปแล้ว ท่าทีของถังเซวี่ยก็กลับมาเป็นปกติ ทุกครั้งที่เห็นถังเจี้ยนกั๋ว ภาพในอดีตที่โหดร้ายตั้งแต่เด็กจนโตยังตามหลอกหลอนเธอ เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากพบเจอเขาอีก

เฟิงเยี่ยหานชำเลืองมองถังเซวี่ยพร้อมกับความคิดมากมายในศีรษะ ก่อนจะพูดว่า

“ไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวผมจะย้ายถังเจี้ยนกั๋วไปอยู่ที่อื่น คุณจะไม่เห็นหน้าเขาอีก” นับตั้งแต่เขารู้ว่าถังเจี้ยนกั๋วเป็นพ่อของถังเซวี่ย เฟิงเยี่ยหานก็ลอบสืบเสาะเรื่องราวอย่างลับ ๆ เขาถึงรู้อดีตอันเลวร้ายของเธอ

เมื่อถังเซวี่ยได้ยินอย่างนั้น เธอก็ส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่สาวจะออกจากเมืองไห่เฉิงแล้ว และฉันจะไม่มาเจอเขาอีก”

“เธอจะกลับแล้วหรือ?”

ถังเซวี่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันกับพี่สาวมาเยี่ยมเพื่อนน่ะ นี่ก็ถึงเวลากลับแล้ว”

“อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่ง”

ถังเซวี่ยโบกมือพลางพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่สาวกลับเองได้”

เฟิงเยี่ยหานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปส่งพวกเธอในวันกลับ เขาเห็นว่าถังเซวี่ยไม่พูดอะไรต่อ จึงถามว่า “คุณถังเซวี่ยกำลังจะไปไหนหรือ?”

“ว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อยน่ะค่ะ”

“งั้นให้ผมเลี้ยงมื้อนี้เถอะครับ ผมรู้จักร้านอาหารดี ๆ เยอะเลย”

ถังเซวี่ยกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานรู้จักเมืองนี้ดี และคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่มีเจตนาร้ายอะไร เธอเลยยอมให้เขาพาไปกินข้าว

หลังทั้งสองมาถึงร้านอาหาร เฟิงเยี่ยหานก็เริ่มสั่งอาหารอย่างชำนาญ พร้อมถามถังเซวี่ยว่าไม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่

ทว่าถังเซวี่ยส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับว่า “ไม่มีค่ะ”

“ครับ งั้นลองพวกนี้ดู”

เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ถังเซวี่ยรู้สึกประหลาดใจมาก “มันอร่อยทุกจานเลยค่ะ”

เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยชอบ เฟิงเยี่ยหานก็ยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ถ้าคุณถังเซวี่ยชอบ พรุ่งนี้ผมจะพามาอีก”

เขามองแววตาสดใสของถังเซวี่ย และนึกไปถึงตอนที่เธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้ที่ก่างเฉิง เขารู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่แค่สวยหรือน่ารักอย่างเดียว แต่ยังใจดีและอ่อนโยนแตกต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยพบมา

“ไม่ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปกินข้าวกับพี่สาว”

“ไม่เป็นไรครับ ก็ให้พี่สาวมาด้วยสิ”

ก่อนถังเซวี่ยจะปฏิเสธ เสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“เฮ้… นั่นพี่หรือเปล่า? ทำไมวันนี้ถึงโผล่มากินข้าวที่นี่ล่ะ?”

ถังเซวี่ยหันไปตามทิศทางของเสียง ก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลายืนอยู่

แต่พอเห็นสีหน้าของผู้มาใหม่ ใบหน้าของเฟิงเยี่ยหานพลันเย็นชา “เฟิงเยี่ยยง มาที่นี่ได้ยังไง?”

“โธ่ พี่ชายสุดที่รัก ผมก็มาทานอาหารน่ะสิ” จากนั้นเฟิงเยี่ยยงมองถังเซวี่ยอย่างสนใจ “พี่ครับ ไม่คิดจะแนะนำสาวสวยคนนี้ให้ผมรู้จักหน่อยหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด