การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 312 ความคิดของถังเซวี่ย
บทที่ 312 ความคิดของถังเซวี่ย
บทที่ 312 ความคิดของถังเซวี่ย
หลังจากได้ยินถ้อยคำของหลานสาวแล้ว เมิ่งผิงตกตะลึงโดยสมบูรณ์
“อะไร… เธอบอกว่าซวงเอ๋อร์ได้คะแนนเต็ม แล้วยังถูกหักแค่สองคะแนนจากการเขียนบทความ?”
เมิ่งซือเซี่ยพยักหน้าก่อนจะตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ เธอเก่งมากจริง ๆ”
เมิ่งผิงยังคงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายเก่งขนาดไหน เธอเคยได้ยินว่าผลการเรียนของถังซวงดี แต่เธอคิดว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะอยู่ในโรงเรียนเล็ก ๆ อย่างเมืองเวินซานคงจะไม่ได้มีการเรียนการสอนระดับสูงอะไรนัก อีกทั้งเพื่อนร่วมชั้นก็คงอยู่ในระดับกลาง ๆ สิ่งนี้อาจทำให้ถังซวงโดดเด่นขึ้นมาได้ แต่เธอไม่คิดมาก่อนว่าแม้แต่ในเมืองหลวง ผลการเรียนของถังซวงยังอยู่ในระดับสูงสุดด้วยเช่นกัน
เวลานี้แม่ของเมิ่งซือเซี่ย เหยาเหลียงเสียนรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับลูกสาวบุญธรรมของจิงเจ้อหรง เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวของตนกล่าวอย่างนั้น เธอจึงค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับผลการเรียนของลูกสาวตนเอง จึงเอ่ยปากถามอีกครั้งว่า “ซือเซี่ย ถ้าเธอทำคะแนนได้ดีมาก แล้วลูกทำได้กี่คะแนนล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าแม่จับจ้องเธออย่างหนักแน่น เมิ่งซือเซี่ยยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับว่า “ฉัน… ฉันได้คะแนนน้อยกว่าถังซวงแค่แปดสิบคะแนนเท่านั้นเองค่ะ”
“อะไรนะ…”
เหยาเหลียงเสียนรู้สึกว่าถูกสายฟ้าฟาด
“ลูกทำคะแนนได้แย่ขนาดนี้ แต่กลับหัวเราะได้งั้นหรือ? จากนี้ไปแม่จะดูแลการเรียนของลูกทุกคืนก่อนนอน”
“แม่คะ… หนูทำเต็มที่แล้วนะ แต่ถังซวงเก่งเกินไปต่างหาก” เมิ่งซือเซี่ยรีบตอบโต้เพื่อปกป้องตนเอง เพราะยังไงเธอก็ได้คะแนนของสูงกว่าค่าเฉลี่ยในชั้นเรียนเลยนะ
แต่เหยาเหลียงเสียนไม่ฟัง “ถึงอย่างนั้นลูกก็ต้องตั้งใจเรียนทุกคืน!”
เมิ่งผิงเห็นว่าน้องสะใภ้กำลังสั่งสอนลูกสาวตนเอง เธอจึงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป “เหลียงเสียน อย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ”
“ค่ะพี่ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เมิ่งผิงโบกมือหลังได้ยินคำพูดนั้น ก่อนจะกลับมายังบ้านตระกูลจิง
หลังจากมาถึง เมิ่งผิงเห็นถังซวงและถังเซวี่ยกำลังออกกำลังกายที่ลานบ้าน ความจริงแล้วเธอรู้ดีว่าถังซวงตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวันเพื่อวิ่งออกกำลังกาย และถังเซวี่ยก็จะติดตามพี่สาวไปออกกำลังกายด้วยถ้าว่าง แต่พี่สาวคนนี้เป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองมากจริง ๆ
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ออกกำลังกายกันอยู่หรือจ๊ะ”
“ค่ะคุณป้ารอง”
เมื่อถังเซวี่ยเห็นเมิ่งผิงแล้ว เธอกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ถังซวงเองก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน สองพี่น้องกำลังออกกำลังกายใกล้เสร็จแล้ว เมื่อเห็นเมิ่งผิงเดินเข้ามา ทั้งสองจึงเดินตามกลับเข้าไปในบ้าน
หลังเห็นถังซวงและถังเซวี่ยออกกำลังกายเสร็จแล้ว คุณนายจิงกวักมือเรียกให้ทั้งสองนั่งลงก่อน “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ออกกำลังกายหนักเกินไปหรือเปล่า ทำไมถึงออกไปนานจังล่ะ?”
ถังเซวี่ยโน้มตัวเข้าใกล้คุณนายจิงก่อนจะพูดว่า “ไม่นานหรอกค่ะคุณย่า หนูเพิ่งฝึกทักษะต่อสู้กับพี่สาว ถ้าหนูเก่งแล้ว หนูจะปกป้องคุณย่าได้ด้วยนะคะ”
ได้ยินอย่างนั้น คุณนายจิงลูบศีรษะของถังเซวี่ยอย่างเอ็นดูแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ยของย่าเป็นเด็กดีจริง ๆ”
ตั้งแต่มีหลานสาวเพิ่มสองคน คุณนายจิงมีแต่ความสุขในทุก ๆ วัน ในบรรดาหลานสาวทั้งสอง เสี่ยวเซวี่ยอ่อนหวานและใกล้ชิดกับพวกเขามากกว่า ส่วนถังซวงยังคงเป็นคาดเดาไม่ได้เสมอ แม้หลานสาวทั้งสองจะมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่พวกเธอก็น่ารักและมีจิตใจที่ดีเหมือนกัน
หลังได้เห็นว่าแม่สามีเอ็นดูถังซวงและถังเซวี่ยมากขนาดนั้น เมิ่งผิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “คุณพ่อกับคุณแม่อยากได้หลานสาว แต่ฉันกับน้องสะใภ้กลับมีลูกชายเสียอย่างนั้น แบบนี้ก็ถือว่าทั้งคู่เป็นหลานสาวที่มาเติมเต็มให้กับพวกเราสินะคะ”
คุณนายจิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดเสริมว่า “ใช่แล้ว ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเก่งทั้งคู่เลย”
“ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าซวงเอ๋อร์ได้ที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้ ยกเว้นแต่การเขียนบทความที่ถูกหักไปสองคะแนน วิชาอื่นก็ได้เต็มหมดเลยค่ะ”
“จริงหรือ?”
เมื่อคุณนายจิงได้ยินอย่างนั้น เธอเผยความตื่นเต้นผ่านใบหน้าชัดเจน “ซวงเอ๋อร์ของย่าเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ใช่ค่ะ เก่งมากเลยล่ะ ฉันได้ยินจากซือเซี่ยว่าคะแนนสอบของซวงเอ๋อร์สูงกว่าเธอตั้งแปดสิบคะแนน ซวงเอ๋อร์ของพวกเราเก่งมากเลยค่ะ”
คุณนายจิงถึงกับพยักหน้าอย่างภูมิใจ “ซวงเอ๋อร์ของย่าเก่งมาก วันนี้ย่าจะให้ในครัวเพิ่มอาหารสักสองสามอย่าง คืนนี้เรามาทานอะไรดี ๆ กันเถอะจ้ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เมิ่งผิงรีบลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “คุณแม่คะ อย่างนั้นฉันจะไปที่ห้องครัวเองค่ะ”
คุณนายจิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “จ้ะ รีบไปเร็วเข้า”
หลังจากทุกคนกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น ครอบครัวจิงที่เหลือทั้งหมดก็ทราบถึงความสำเร็จของถังซวง ทุกคนพร้อมใจกันชื่นชมจนเธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่านี่คือเรื่องใหญ่อะไรนัก
จิงซิวหรงก็ยังคงเป็นจิงซิวหรงเช่นเคย เขากล่าวขึ้นอย่างสบาย ๆ “ซวงเอ๋อร์ของเราเก่งกาจมาตั้งนานแล้ว ทุกคนก็ตื่นเต้นเกินไป”
“ฮ่าฮ่า ใช่ ซวงเอ๋อร์เก่งอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”
จิงเจ้อหรงกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม ความจริงจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าถังซวงทำอะไรไม่ได้บ้าง ในความคิดของเขา ลูกสาวคนโตคนนี้เก่งมาก และสามารถจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
คุณชายจิงเป็นคนแรกที่มอบของขวัญให้
“ปู่ได้ยินที่ย่าของหลานพูดก่อนหน้านี้ ปู่เลยเตรียมสิ่งนี้ไว้ก่อนมื้อเย็นจะเริ่ม ซวงเอ๋อร์ ในอนาคตก็จงตั้งใจเรียนต่อไปนะ” เขาพูดพร้อมกับยื่นกล่องใบเล็กให้
ถังซวงไม่คิดว่าจะได้รับของขวัญเป็นรางวัลสำหรับการสอบ แต่เมื่อผู้อาวุโสมอบสิ่งของให้ เธอจึงต้องยอมรับไว้แต่โดยดี
และคุณชายจิงก็ไม่ลืมที่จะมอบของขวัญให้กับถังเซวี่ยด้วยเช่นกัน “เสี่ยวเซวี่ย ปู่ได้ยินว่าช่วงนี้หลานเองก็พยายามอย่างหนัก และเข้านอนดึกอยู่เสมอ หลานยังเด็กควรจะพักผ่อนให้มากกว่านี้นะ”
“ค่ะคุณปู่”
ถังเซวี่ยรับของขวัญพร้อมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยรู้สึกสงสัยว่าคุณปู่มอบของขวัญอะไรให้กับทั้งสอง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อน อย่างไรแล้วเด็กหญิงกับเด็กชายย่อมได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
หลังเห็นว่าคุณชายจิงมอบของขวัญแล้ว อวี๋มินและเมิ่งผิงก็ไม่ได้อยู่เฉย ทั้งสองให้คำมั่นสัญญาว่าจะหาของขวัญมามอบให้ถังซวงและถังเซวี่ยเช่นเดียวกัน
เป็นเฮ่อหลานที่กล่าวขึ้นจากด้านข้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นี่เป็นการสอบครั้งแรก ทั้งสองจะต้องสอบอีกหลายครั้งหลายคราวในอนาคต มันไม่ดีเลยหากเราจะมอบของขวัญกันทุกครั้งไป”
“อื้ม จริง ๆ แล้วมันก็คงจะมอบทุกครั้งไม่ได้หรอก”
คุณชายจิงหัวเราะพร้อมกับพูดออกมา
ในที่สุดถังซวงก็พูดขึ้นบ้าง “คุณปู่คะ นี่คือการสอบครั้งแรกของพวกเราหลังจากย้ายเข้าเมืองหลวง พวกเราจึงขอรับของขวัญนี้ไว้ แต่หลังจากนี้พวกเราไม่รับแล้วนะคะ”
“ได้ ๆ อย่างนั้นก็ได้”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้นแล้ว คุณชายจิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ถังซวงยังไม่ได้กลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่ตามถังเซวี่ยไปที่ห้องของเธอ
“เสี่ยวเซวี่ย ช่วงนี้นอนดึกหรือ?”
ก่อนหน้านี้เธอรู้มาบ้างว่าถังเซวี่ยอ่านหนังสือจนดึกดื่น หลังจากกล่าวเตือน อีกฝ่ายก็รับปากว่าจะเชื่อฟัง แต่วันนี้คุณปู่จิงเตือนอีกครั้งแล้วแท้ ๆ แต่เสี่ยวเซวี่ยก็ยังคงนอนดึกเช่นเดิม
หลังเห็นว่าถังซวงกำลังกังวล เสี่ยวเซวี่ยพูดออกมาอย่างลำบากใจ “พี่คะ จริง ๆ แล้ว… ก็ไม่ได้ดึกมากหรอกค่ะ ฉันอ่านหนังสือถึงห้าทุ่มเท่านั้นเอง”
“ช่วงนี้เนื้อหายากหรือ? ฉันบอกแล้วไง ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามมาตรง ๆ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยเงยหน้าขึ้นมองถังซวงแล้วพูดต่อว่า “พี่คะ ฉันไม่คิดว่าเนื้อหาของมัธยมต้นจะยากขนาดนี้ ฉันนอนดึกเพื่ออ่านหนังสือ… เพราะว่า… ฉัน… อยากจะสอบข้ามชั้นในเทอมหน้าค่ะ”
Comments