การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 315 ไม่มีความสุข

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 315 ไม่มีความสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 315 ไม่มีความสุข

บทที่ 315 ไม่มีความสุข

เมื่อถังซวงและถังเซวี่ยกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าแม่กำลังง่วนอยู่กับการเย็บปัก

“แม่คะ ทำไมถึงปักผ้าเช็ดหน้าอีกล่ะ? ก่อนหน้านี้แม่ก็ปักไว้ตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรือ?” เมื่อเห็นว่าแม่กำลังปักผ้าเช็ดหน้า ถังซวงถามออกไปอย่างสงสัย

ได้ยินลูกสาวคนโตพูดอย่างนั้น เฮ่อหลานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แม่กำลังปักผ้าเช็ดหน้าเป็นของขวัญให้ใครบางคนน่ะจ้ะ ป้ารองของลูกเลือกคนที่จะมาดูตัวกับเหวินรุ่ยแล้ว และเธอจะมาที่บ้านเราเร็ว ๆ นี้ แม่ว่าจะใช้สิ่งนี้เป็นของขวัญให้กับพวกเขาน่ะ”

หลังจากถังซวงได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่รู้ว่าป้ารองหาผู้หญิงแบบไหนมา แล้วพี่รองจะชอบหรือเปล่า”

เมื่อเฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอบีบแก้มของถังซวงพร้อมยิ้มกว้าง “มันไม่ใช่เรื่องของลูกสักหน่อย ไม่ว่าพี่รองจะชอบหรือไม่ชอบ มันก็เป็นเรื่องของเขาจ้ะ”

“ก็จริงค่ะ”

ถังซวงไม่ถามอะไรต่อ

แต่สิ่งที่เธอไม่คิดฝันก็คือเมื่อได้พบกับหญิงสาวที่จะมาดูตัวกับจิงเหวินรุ่ย คนคนนั้นกลับเป็นกัวเฟยน่าที่เธอได้พบในร้านอาหารก่อนหน้านี้

“เป็นเธอเองหรือ”

เมื่อถังซวงเห็นกัวเฟยน่าเดินเข้ามา คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน และเธอไม่คิดจริง ๆ ว่าป้ารองจะเลือกผู้หญิงคนนี้ให้กับพี่เหวินรุ่ย

กัวเฟยน่าเองก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นถังซวง

“เธอ… เป็นเธอจริง ๆ ด้วย”

ในไม่ช้าเธอตระหนักได้ว่านี่คือบ้านตระกูลจิง จึงรีบปิดปากไม่พูดอะไรต่อ แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสำนึกผิด ถ้าวันนั้นเธอรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าคือคนจากตระกูลจิง เธอจะไม่พูดอย่างนั้นออกไปเด็ดขาด แต่ตอนนี้สายไปแล้วที่จะเสียใจ เพราะเรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อเห็นท่าทีของถังซวงกับกัวเฟยน่า เมิ่งผิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ทั้งสองคนรู้จักกันหรือ บังเอิญจังเลยนะจ๊ะ”

“ไม่… ฉันไม่รู้จักเธอค่ะ”

ถังซวงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

กัวเฟยน่ายืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น พร้อมรู้สึกอับอายเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสริมถังซวงว่า “ใช่ค่ะ เราไม่รู้จักกัน”

ส่วนเฮ่อหลานชำเลืองมองลูกสาวคนโตอย่างสงสัยว่าเธอรู้จักคู่ดูตัวของเหวินรุ่ยด้วยหรือไม่

และถังเซวี่ยเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันมองถังซวงด้วยความสงสัย แต่เธอรู้แล้วว่าพี่สาวโกหก จากท่าทีสีหน้า พี่สาวของเธอต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ถังซวงเงียบ ๆ แล้วกระซิบถาม “พี่คะ หล่อนเป็นใครหรือคะ? ทำไมพี่ดูไม่ค่อยพอใจหล่อนเท่าไหร่”

เมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงหัวเราะก่อนจะถามขึ้นว่า “ทำไมล่ะ นี่เธออยากรู้ขนาดนั้นเลยหรือ? ”

“พี่คะ นี่คือการดูตัวของพี่รองเลยนะ ฉันก็ต้องอยากรู้สิ ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดี มันจะเป็นการทำลายชีวิตลูกพี่ลูกน้องของเราเลยนะคะ เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงมองถังเซวี่ยก่อนจะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “เธอพูดอย่างนี้เป็นด้วยหรือ”

“แล้วมันไม่จริงหรือคะ”

ถังเซวี่ยมองถังซวงอย่างไร้เดียงสา เพราะเธอคิดว่าสิ่งที่พูดออกไปมันถูกต้องแล้ว

ซึ่งถังซวงเห็นด้วยแน่นอน เธอจึงไม่คิดปิดบังอะไรอีก และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ฟัง หลังจากนั้นจึงกล่าวเสริมว่า “วันนั้นฉันเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีเพื่อนชายคนสนิทแล้ว แต่ไม่กี่วันเธอกลับมาดูตัวกับพี่รองของพวกเรา ไม่รู้ว่าป้ารองของเรารู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

“อะไรนะ… ไม่ใช่แค่หยาบคายธรรมดาแล้ว แต่นี่ยังมีเพื่อนชายที่สนิทแล้วด้วยเนี่ยนะ”

หลังจากได้ยินคำพูดของถังซวง ถังเซวี่ยรู้สึกโกรธทันที “ไม่ได้การ ต้องบอกป้ารองกับพี่รองให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องถูกหลอกแน่”

หลังจากเห็นท่าทีกระวนกระวายของถังเซวี่ย ถังซวงคว้าเธอเอาไว้ก่อนจะพูดว่า “อย่ากระโตกกระตากสิ พวกเรากำลังจะทานอาหารกัน ยังไงก็ต้องให้จบเรื่องนี้ก่อน”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยสงบลงอย่างรวดเร็ว

อีกด้านหนึ่ง กัวเฟยน่ารู้สึกกังวลใจมาก เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับถังซวงในวันนั้น หญิงสาวก็เคร่งเครียดจนหน้าซีดเผือด ทำไมวันนั้นเธอถึงดื้อรั้นให้ถังซวงขอโทษตัวเองด้วย? ถ้าวันนั้นเธอลุกขึ้นยืนและเดินกลับออกไป ทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้แท้ ๆ

เมิ่งผิงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาว และในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน เธอจับมือกัวเฟยน่าก่อนจะพูดว่า “เฟยน่า เดี๋ยวทานผลไม้ก่อนนะจ๊ะ แล้วค่อยไปทานข้าวกัน”

ได้ยินคำพูดของเมิ่งผิงแล้ว กัวเฟยน่ายกยิ้มก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยเสียงอ่อน “ขอบคุณค่ะคุณป้าเมิ่ง”

เมิ่งผิงได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของลูกชาย เธออดไม่ได้ที่จะกระทุ้งหลังของเขาแล้วพูดว่า “เหวินรุ่ย คุยกับเฟยน่าไปก่อนนะ พวกลูกยังหนุ่มสาว น่าจะมีเรื่องพูดคุยกันเยอะพอดู”

จิงเหวินรุ่ยชำเลืองมองกัวเฟยน่าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงชอบอะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะคุยอะไร”

กัวเฟยน่าได้ยินอย่างนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “คุณชายจิงคะ เป็นความจริงที่เราต่างก็ชอบหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันไป แต่เราสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ฉันถามได้ไหมว่าคุณชายจิงชอบอะไร?”

จิงเหวินรุ่ยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และเขาไม่ตอบกลับไป

เมื่อเห็นว่าจิงเหวินรุ่ยเผยท่าทีเย็นชา กัวเฟยน่าอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง เธอรู้สึกว่าตนเองกระตือรือร้นมาก แต่จิงเหวินรุ่ยกลับมีท่าทีเย็นชา ต่อให้เธอจะสนใจเขามากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์

ถังซวงเห็นท่าทีของทั้งสองชัดเจน เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ฟึ่บ…

หลังจากเห็นว่าพี่สาวของตนกลั้นขำ ถังเซวี่ยรีบกระทุ้งพร้อมกับพูดว่า “พี่อย่าหัวเราะนะ ป้ารองกำลังมา”

ถังซวงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่มุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยให้เห็นว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่

กัวเฟยน่าได้ยินเสียงกลั้นขำของถังซวงจึงหันมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้ เธอจึงก้มศีรษะลงอย่างถ่อมตัว แต่ก็ยังไม่วายที่จะลอบสาปแช่งถังซวงอยู่ในใจ ในเวลาสำคัญอย่างนี้ยัยนี่กล้าที่จะหัวเราะเธองั้นหรือ

จิงเหวินรุ่ยได้ยินเสียงหัวเราะของถังซวงด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างอารมณ์ไม่ดี แต่พอได้ยินอย่างนั้นมันกลับทำให้อารมณ์ของเขาผ่อนคลายมากขึ้น เขาโบกมือชักชวนถังซวงและถังเซวี่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย มานั่งตรงนี้สิ นั่งตั้งไกลมันคุยกันลำบากนะ”

ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเขยิบเข้าไปใกล้ด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง นี่คือการดูตัวของพี่นะคะ ถ้าพวกเรานั่งด้วยมันจะดูไม่ดีหรือเปล่า”

แต่ขณะพูดอย่างนั้น ถังซวงนั่งลงข้างจิงเหวินรุ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ

ส่วนถังเซวี่ยเดินไปนั่งอีกฝั่ง

เมื่อเห็นถังซวง จิงเหวินรุ่ยลอบยกนิ้วให้เธอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “น้องสาว ขอบคุณมากนะ”

แม้กัวเฟยน่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะดูดี แต่จิงเหวินรุ่ยไม่ชอบเธอเอาเสียเลย ดังนั้นเขาไม่มีความสุขกับการดูตัวคราวนี้ และเมื่อมีถังซวงกับคนอื่น ๆ อยู่ใกล้มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด