การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 328 บังคับ
บทที่ 328 บังคับ
บทที่ 328 บังคับ
เมื่อเห็นเฮ่อหลาน จูรุ่ยจึงรีบยิ้มและกล่าวทักทายว่า “สวัสดีค่ะคุณเฮ่อ ดีใจที่ได้พบคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูรุ่ย เฮ่อหลานก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันก็ดีใจที่ได้พบกับคุณ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานและจูรุ่ยรู้จักกัน เมิ่งผิงรู้สึกประหลาดใจมากและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลูกชายของตัวเองอีกครั้งและถามว่า “เหวินรุ่ย ลูกรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร?”
จิงเหวินรุ่ยส่ายหน้าและพูดว่า “ผมไม่รู้จักครับ คุณจูคนนี้มาถามทางผม แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังมองหาบ้านของเรา และคนที่เธอมาหาคือซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ย ผมเลยพาเธอมาที่นี่ครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเมิ่งผิงก็เต็มไปด้วยความผิดหวังและไม่มีความหวังใด ๆ กับลูกชายของตัวเองอีก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังทักทายจูรุ่ยอย่างอบอุ่น “หนูมาหาซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยนี่เอง เดี๋ยวฉันจะให้เหวินรุ่ยไปเรียกลูกพี่ลูกน้องของเขามานะจ๊ะ” ขณะที่พูด เธอเหลือบมองลูกชายของตัวเองแล้วพูดว่า “ทำไมลูกยังยืนอยู่อีก ทำไมไม่รีบไปเรียกลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของลูกมาล่ะ”
ถ้าเฮ่อหลานรู้จักคุณจู แสดงว่าถังซวงและถังเซวี่ยก็ต้องรู้จักเธอด้วย และสาวงามคนนี้ก็มาหาหลานสาวสองคน
จิงเหวินรุ่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และไปหาถังซวงและถังเซวี่ย
เฮ่อหลานเชิญจูรุ่ยให้นั่งลง จากนั้นอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณจู ทำไมเธอถึงมาที่ปักกิ่งล่ะ แล้วนี่มาหาซวงเอ๋อร์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ก่างเฉิงห่างไกลจากปักกิ่งมาก เธอจึงสงสัยว่าทำไมจูรุ่ยถึงมาหาลูกสาวคนโตของตัวเองไกลขนาดนี้
“คุณเฮ่อคะ หนูมาเที่ยวที่ปักกิ่งน่ะค่ะ เลยถือโอกาสแวะมาหาถังซวงและถังเซวี่ย”
เมื่อเห็นว่าจูรุ่ยเอาแต่เรียกตัวเองว่าคุณเฮ่อ เฮ่อหลานก็รู้สึกไม่ชินเพราะนี่ไม่ใช่ก่างเฉิงและตัวเองก็แต่งงานแล้ว เธอจึงรีบแนะนำว่า “คุณจู เธอเรียกฉันว่าน้าเฮ่อเถอะ”
จูรุ่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ค่ะน้าเฮ่อ อย่างนั้นก็เรียกหนูว่าเสี่ยวรุ่ยแทนคุณจูก็ได้”
“ตกลงจ้ะ”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เมิ่งผิงที่อยู่ด้านข้างมีความสงสัยเล็กน้อย แม้แต่อวี๋มินก็สงสัย แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดสำเนียงให้ถูกต้อง แต่เธอก็ยังมีสำเนียงทางใต้ซึ่งสามารถรู้ได้ทันที
“อาหลาน เธอรู้จักคุณจูได้ยังไงหรือ”
“ฉันพบกับเธอตอนที่พาซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยไปก่างเฉิงก่อนหน้านี้น่ะค่ะ ฉันจำได้ว่าในตอนนั้นซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยสนิทกับเสี่ยวรุ่ยมาก”
เมิ่งผิงและอวี๋มินพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เสี่ยวรุ่ยมาจากก่างเฉิงนี่เอง” แต่พวกเธอก็ยิ่งสงสัยว่าทำไมจูรุ่ยถึงมาจากก่างเฉิงคนเดียวเพื่อมาหาหลานสาวของพวกเธอ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ในเวลานี้จิงเหวินรุ่ยพาถังซวงและถังเซวี่ยเข้ามา
ถังซวงและถังเซวี่ยประหลาดใจมากเมื่อเห็นจูรุ่ย และถังเซวี่ยเป็นคนแรกที่ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “เสี่ยวรุ่ย เธอมาทำอะไรที่ปักกิ่งกัน แล้วทำไมไม่บอกเราสักหน่อยล่ะ ถ้ารู้ เราก็คงไปรับเธอแล้ว”
เมื่อจูรุ่ยเห็นถังเซวี่ยและถังซวง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเซวี่ย พี่ซวง ยินดีที่ได้พบค่ะ”
จูรุ่ยก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกอดทั้งสองคนไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ดวงตาก็ยังแดง
เมื่อเห็นจูรุ่ยแบบนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะลูบไหล่เธออย่างปลอบโยน เธอรู้สึกว่าจูรุ่ยดูจะดีใจเกินไป และตรงนี้ก็มีคนอยู่มากเกินไป เธอจึงไม่ถามคำถามอะไรอีก แต่มองไปที่แม่ของตัวเองและพูดว่า “แม่คะ เราขอพาเสี่ยวรุ่ยไปคุยด้วยกันนะคะ”
“ได้จ้ะ พวกลูกคุยกันดี ๆ ล่ะ เสี่ยวรุ่ยเพิ่งมาปักกิ่งคงยังไม่มีที่พักใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็พักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”
จูรุ่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนี้และพูดว่า “ได้ค่ะน้าเฮ่อ รบกวนด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกเราทุกคนมีความสุขที่เธอมาที่นี่นะ”
เฮ่อหลานพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันไปพูดกับลูกสาวทั้งสองว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ลูกพาเสี่ยวรุ่ยไปเถอะ แล้วแม่จะขอให้ครัวทำอาหารเพิ่ม”
“ตกลงค่ะ”
หลังจากนั้นถังซวงและถังเซวี่ยก็พาจูรุ่ยไป ส่วนเฮ่อหลานก็ไปที่ครัวพร้อมกับอวี๋มินและเมิ่งผิง
จนเหลือเพียงจิงเหวินรุ่ยคนเดียว และเขาก็เห็นว่าแม่ของเขาไม่แม้แต่จะมองตัวเองเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ประโยคแรกที่เธอพูดกับเขา ชายหนุ่มจนใจส่ายหน้ากับตัวเองและเดินกลับไปที่ห้อง
อีกด้านหนึ่งถังซวงและถังเซวี่ยพาจูรุ่ยไปที่ห้อง และดึงอีกฝ่ายให้นั่งลง
ถังซวงถามตรงประเด็น “เสี่ยวรุ่ย เธอมาปักกิ่งคนเดียวหรือ?”
จูรุ่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันมาที่นี่คนเดียว”
ถังเซวี่ยถามด้วยความสงสัยต่อทันที “เสี่ยวรุ่ย ทำไมจู่ ๆ ถึงคิดจะมาที่ปักกิ่งล่ะ แล้วเธอจะอยู่ที่นี่กี่วัน?”
“ฉันไม่รู้จะอยู่กี่วัน ยังไม่ได้กำหนดเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “เสี่ยวรุ่ย เกิดอะไรขึ้นในก่างเฉิงหรือเปล่า?”
จูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ใช่ค่ะ มีบางสิ่งที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ พ่อของฉันถูกจูเหลียนและแม่กรอกหูให้ฉันไปแต่งงานกับชายแก่คนหนึ่งเพื่อครอบครัวน่ะ”
“แล้ว… เธอเลยหนีออกมา?”
ถังซวงไม่คิดว่านี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริง เพราะก่อนหน้านี้จูรุ่ยได้ทำให้พ่อภูมิใจมาแล้ว
จูรุ่ยรู้ว่าถังซวงกำลังสงสัย เธอจึงพูดอย่างเย้ยหยัย “แม้ว่าฉันจะแสดงความสามารถของฉัน แต่พ่อก็ไม่ได้สนใจฉันมากกว่าเมื่อก่อนสักเท่าไหร่ ในความคิดของเขา จูเหลียนและแม่ของเธอคือคนที่สำคัญที่สุด” ดวงตาของจูรุ่ยเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นจูรุ่ยเป็นเช่นนี้ ถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะลูบหลังเธอและพูดว่า “เสี่ยวรุ่ย อย่าโกรธไปเลย ถ้าเธอไม่ต้องการแต่งงาน ถึงเขาจะเป็นพ่อของเธอ แต่เขาก็บังคับให้เธอแต่งงานไม่ได้หรอก”
จูรุ่ยส่ายหน้าและพูดอย่างขมขื่นว่า “เขาอาจจะบังคับจริง ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะใช้ฉันเพื่อแลกกับผลประโยชน์แบบนี้ แล้วพ่อของฉันจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูรุ่ย ถังเซวี่ยก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจและพูดว่า “เสี่ยวรุ่ย ทำไมพ่อของเธอถึงทำแบบนั้น”
เธอรู้จากพี่สาวว่าพ่อของจูรุ่ยต้องพึ่งพาแม่เลี้ยงในการเริ่มต้นธุรกิจและขยายธุรกิจของเขา แต่เขาก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้จูรุ่ยเจอกับเรื่องเลวร้าย และให้จูเหลียนที่น่ารังเกียจคนนั้นคอยกดขี่ข่มเหงและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ในตอนแรกจูรุ่ยรู้สึกแย่ แต่หลังจากได้ยินคำปลอบโยนจากถังซวงและถังเซวี่ย เธอก็ดีขึ้นมาก
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ขอบคุณพวกเธอมาก อันที่จริงตอนแรกฉันไม่อยากมาที่ปักกิ่งเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะฉันได้พบกับคุณซ่างและเขาพูดถึงพวกเธอขึ้นมา ฉันจึงมาที่นี่ และฉันก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกแล้ว หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของพวกเธอ ฉันก็รู้สึกมีพลังขึ้นมา แม้ว่าพ่อจะให้ฉันแต่งงาน แต่ฉันต้องเชื่อฟังเขาด้วยหรือ ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด และจะทำให้จูเหลียนลูกสาวคนโปรดของเขาแต่งงานแทนให้ได้”
หลังพูดจบ ดวงตาของจูรุ่ยก็มืดมนลง
Comments