การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 330 ร้านสาขา

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 330 ร้านสาขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 330 ร้านสาขา

บทที่ 330 ร้านสาขา

หลังทานข้าวเช้าเสร็จ ถังซวงกับถังเซวี่ยมองไปที่จิงเหวินรุ่ย และจูรุ่ย เมื่อเห็นพวกเขาพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว ก็ไม่มีอะไรพูดอีก “พี่รอง เสี่ยวรุ่ย งั้นทั้งสองคนไปเที่ยวเล่นกันให้สนุกนะ พวกเราไปโรงเรียนแล้ว”

จูรุ่ยยิ้มและโบกมือให้ถังซวงกับถังเซวี่ย “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย รีบไปโรงเรียนเถอะ เราก็จะออกแล้วเหมือนกัน”

หลังจากทุกคนออกไปแล้ว ก็แยกย้ายกันไป ถังซวงกับถังเซวี่ยไปโรงเรียน ในขณะที่จิงเหวินรุ่ยพาจูรุ่ยไปเที่ยวห้าง

“เธอจะซื้ออะไรหรือเปล่า? แล้วพกตั๋วมาด้วยไหม?”

แม้จิงเหวินรุ่ยจะไม่เคยไปก่างเฉิงมาก่อน แต่ก็รู้เรื่องต่าง ๆ ที่นั่น การซื้อของในก่างเฉิงนั้นสะดวกมาก ไม่เหมือนที่นี่ที่ยังต้องใช้ตั๋วทุกอย่าง

“ฉันยังไม่มีเลยค่ะ”

หลังจากได้ยินคำพูดของจิงเหวินรุ่ย จูรุ่ยถึงได้สติกลับมา เธอมองจิงเหวินรุ่ยพร้อมถามด้วยดวงตาเป็นประกาย “แล้วคุณมีไหมคะ? ฉันขอซื้อจากคุณได้หรือเปล่า”

“ผมพอมีอยู่ แต่ว่ามีไม่มากหรอก”

จูรุ่ยไม่ถือสาอะไร พลางเร่งเร้าให้จิงเหวินรุ่ยควักออกมาเร็ว ๆ “คุณมีเท่าไหร่ ขายต่อให้ฉันได้มั้ยคะ”

แน่นอนว่าจิงเหวินรุ่ยไม่อยากได้เงินของจูรุ่ยอยู่แล้ว

“ไม่ต้อง ผมให้คุณหมดเลย คุณเป็นเพื่อนซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ย งั้นคุณก็เป็นเพื่อนของผมด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จูรุ่ยอดมองจิงเหวินรุ่ยไม่ได้ และพบว่านัยน์ตาเขาสว่างสดใส แต่ในแววตากลับราบเรียบ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จริงหรือคะ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ จากนี้ไปฉันเรียกคุณว่าพี่จิงได้ไหม”

นอกจากถังซวงกับถังเซวี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าพี่ ทำให้จิงเหวินรุ่ยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ทว่าหลังจากฟังไปหลายครั้งก็เริ่มชิน ทั้งสองเดินเข้าห้างไปพลางคุยไปพลาง

เมื่อจูรุ่ยรู้ว่าเฮ่อหลานตั้งท้องก็อยากซื้อของขวัญให้เธอมาตลอด หลังจากเข้าไปในห้างเลือกดูนั่นดูนี่แล้ว ในที่สุดก็ได้ผ้าคลุมไหล่กับชุดเด็กอ่อนที่ชอบมา

จิงเหวินรุ่ยเห็นของที่จูรุ่ยซื้อ จึงรู้ว่าเธอซื้อให้ใคร เมื่อเห็นเธอยังอยากเดินซื้อของต่อ เขาเลยพาเธอไปร้านอื่น

จูรุ่ยคิดละเอียดรอบคอบมาก แม้ตั๋วจะมีไม่มาก แต่เธอก็ยังซื้อของขวัญให้กับทุกคนในครอบครัวจิง

จนพวกเขากลับไป คุณนายจิงและคนอื่น ๆ ก็ได้รับของขวัญจากจูรุ่ย “คุณย่าคะ ก่อนหน้านี้หนูมาอย่างเร่งรีบ จึงไม่ได้เตรียมอะไรมาให้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”

คุณนายจิงมองลูกปัดในมือ ก่อนเอ่ย “เสี่ยวรุ่ย เด็กคนนี้ทำไมถึงได้ขี้เกรงใจขนาดนี้ ครั้งต่อไปไม่ต้องซื้ออะไรมาแล้วนะ”

เมิ่งผิงกับอวี๋มินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยตาม “ใช่แล้วเสี่ยวรุ่ย แค่หนูมาเป็นแขกที่นี่ เราทุกคนก็ดีใจแล้ว”

“คุณย่า ป้าอวี๋ ป้าเมิ่ง ของพวกนี้ล้วนเป็นน้ำใจของหนู ทุกคนต้องรับเอาไว้นะคะ อีกอย่างของพวกนี้พี่จิงก็ช่วยเลือกด้วย หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ”

เมื่อได้ยินจูรุ่ยเรียกจิงเหวินรุ่ย เมิ่งผิงอดมองลูกชายตัวเองอีกครั้งไม่ได้ และมองไปที่จูรุ่ย แต่เมื่อนึกได้ว่าจูรุ่ยเป็นคนก่างเฉิง อยู่สองสามวันก็กลับแล้ว ในใจเธอก็ห่อเหี่ยวลง

ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น หลังจากเธออยู่เที่ยวในเมืองปักกิ่งสักพัก จูรุ่ยก็เตรียมตัวกลับ

“เสี่ยวรุ่ย กลับไปแล้วก็ระวังตัวให้มากนะ”

ถังเซวี่ยยังคงเป็นห่วงจูรุ่ยเล็กน้อย อีกทั้งช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนจูรุ่ย เพราะต้องไปเรียน เธอจึงรู้สึกผิดมาก

จูรุ่ยเห็นเช่นนี้ ก็รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวี่ยไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันจะระวังตัว เธอกับพี่ซวงต้องสู้ ๆ นะ ตั้งใจเรียน การเรียนรู้ให้มากเป็นเรื่องที่ดีเสมอ”

ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันจะพยายามเต็มที่”

ถังซวงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยกับจูรุ่ยเหมือนกัน สุดท้ายก็ส่งขวดโถต่าง ๆ ให้เธอ “ข้างในนั้นคือยาที่ฉันกลั่นออกมาเอง ชื่อยาและปริมาณการใช้ฉันเขียนให้เธอแล้ว ยาบางอย่างก็สามารถช่วยเธอในตอนสำคัญได้ เธอต้องพกติดตัวตลอดนะ”

จูรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็รีบมองขวดโถเหล่านั้น เมื่อเห็นผลของยาบางชนิด ก็มองถังซวงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนกล่าวขอบคุณทันที “พี่ซวง ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ ถ้ามียาพวกนี้ ต่อให้กลับก่างเฉิง ฉันก็เบาใจไม่น้อย”

ยาบางชนิดสามารถช่วยเธอในช่วงเวลาคับขันได้จริง ๆ

ถังซวงยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ฉันหวังว่าเธอจะไม่ต้องใช้มันนะ”

“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”

จูรุ่ยเอ่ยตาม แต่เธอรู้ว่านี่มันเป็นไปไม่ได้

หลังจากจูรุ่ยกลับจากปักกิ่งไปก่างเฉิงแล้ว ชีวิตของถังซวงกับถังเซวี่ยก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง นอกจากตั้งใจเรียนแล้ว สิ่งที่พวกเธอสนใจมากที่สุดคือเฮ่อหลาน โชคดีที่เฮ่อหลานสุขภาพดี กิน ๆ นอน ๆ ทุกวัน ชีวิตสุขสบายมาก

แต่สิ่งที่ทำให้ถังซวงกับคนอื่น ๆ ไม่คาดคิดคือ หลังจากจูรุ่ยกลับไป พานลี่ฮวาก็มาหาเธอที่นี่

ตอนเฮ่อหลานเห็นพานลี่ฮวา ก็ตะลึง “พี่สะใภ้ พี่มาได้ยังไง แล้ว… พี่มาคนเดียวหรือ?”

เมื่อพานลี่ฮวาเห็นเฮ่อหลาน บนใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “อาหลาน เธอท้องอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงไม่บอกเราล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูตระกูลจูกลับไปแล้วบังเอิญพูดบอกเรา พวกเราคงยังไม่รู้เรื่องนี้”

“พี่สะใภ้คะ ตอนแรกฉันวางแผนว่ารอให้ถึงสามเดือนก่อนค่อยบอกทุกคนน่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พานลี่ฮวารีบกล่าว “ที่เธอคิดก็ถูก แต่เรารู้เร็วก็ดีเหมือนกัน จะได้มาเยี่ยมเธอเร็ว ๆ คราวนี้ฉันมาคนเดียว พี่ใหญ่กับเจียรุ่ยช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งน่ะ”

เฮ่อหลานได้ยิน รีบส่ายหน้าเอ่ย “พี่สะใภ้ พี่มาที่นี่ได้ฉันก็แปลกใจมากแล้ว ให้พี่ใหญ่กับเจียรุ่ยทำงานตัวเองไปน่ะดีแล้ว ไม่ต้องมาเยี่ยมฉันหรอกค่ะ”

พานลี่ฮวายิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ “อาหลาน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอท้อง เราก็ต้องมาดูอยู่แล้ว อีกอย่างครั้งนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับซวงเอ๋อร์พอดี เลยตรงมาที่นี่เลยน่ะ”

พี่สะใภ้พูดอย่างช้า ๆ บนใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอด ดูอารมณ์ดีมาก

จวบจนพานลี่ฮวาเห็นถังซวงกับถังเซวี่ย ก็เป็นตอนที่ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว

“คุณป้า มาได้ยังไงคะ มาเยี่ยมเราหรือ”

ถังเซวี่ยเห็นพานลี่ฮวาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข แถมยังดึงเธอมาถามเรื่องราวตระกูลเฮ่อ เธอเองก็ไม่ได้เจอตายายของเธอมานานแล้ว

พานลี่ฮวาเล่าเรื่องในครอบครัวด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็พูดถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ด้วย “หลังจากที่ครอบครัวรู้ว่าอาหลานท้อง ก็อยากจะมาเยี่ยม แต่มีแค่ป้าที่ว่าง แล้วป้าก็อยากจะมาคุยกับซวงเอ๋อร์ด้วย”

ถังซวงมองไปที่พานลี่ฮวา พลางเอ่ยถาม “คุณป้ามีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ?”

“มีจริง ๆ นั่นแหละ”

เมื่อถังซวงกับพานลี่ฮวาหาโอกาสคุยกัน ในที่สุดเธอก็รู้ว่าป้าของเธอกำลังหารืออะไรกับเธอ

“คุณป้ามีแผนจะเปิดร้านสาขาเหรอคะ?”

พานลี่ฮวาพยักหน้า “ใช่ ป้าอยากเปิดอีกร้านในก่างเฉิง ตอนนี้ร้านขายเครื่องสำอางร้านเดียวไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้คนจำนวนมากได้ ดังนั้นป้าจึงอยากเปิดอีกร้านหนึ่ง เพียงแต่เรื่องนี้ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับเธอ หากเธอตัดสินใจเปิดก็เปิด หากเปิดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด