การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 353 งานเลี้ยงฉลองของถังเซวี่ย

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 353 งานเลี้ยงฉลองของถังเซวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 353 งานเลี้ยงฉลองของถังเซวี่ย

บทที่ 353 งานเลี้ยงฉลองของถังเซวี่ย

ซ่างสยงเยี่ยยืนปกป้องเกอชิงเหม่ยโดยไม่ขยับตัวไปไหน สายตาของเขายังคงจับจ้องหูเยว่และหลิวก่วงซิ่วอย่างรังเกียจ

เมื่อเห็นซ่างสยงเยี่ยที่ปกป้องเกอชิงเหม่ยขนาดนี้ หลิวก่วงซิ่วยิ่งไม่สบอารมณ์ เขามองอดีตคู่หมั้นและผู้ชายคนใหม่ของเธอด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว พวกสุนัขสองตัวนี้ร่วมมือกันทำให้เขากับแม่ต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน คอยดูเถอะ เขาจะเอาคืนอย่างสาสม!

แต่ก่อนที่หลิวก่วงซิ่วจะทันได้พูดอะไร เสียงจิงเจ้อหรงก็ดังขึ้นสร้างความประหลาดใจ

“พี่สาว คุณชายซ่าง ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”

ได้ยินน้ำเสียงของจิงเจ้อหรงด้านข้าง เกอชิงเหม่ยอุทานออกมาด้วยความแปลกใจไม่ต่างกัน “อาเจ้อ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

ซ่างสยงเยี่ยเห็นจิงเจ้อหรงเดินเข้ามา จึงกล่าวทักทายอีกฝ่าย

หลิวเชาเดินเข้ามาพร้อมกับจิงเจ้อหรง เวลานี้สายตาของหลิวเชาจับจ้องที่หลิวก่วงซิ่วและหูเยว่ ถ้อยคำเย็นชาหลุดออกมาจากปากของเขา “หลิวก่วงซิ่ว นายทำอะไรน่ะ?”

ทันทีที่เห็นหลิวเชา หลิวก่วงซิ่วรีบก้าวมาด้านหน้าอย่างสุภาพ

“พี่เชา มาได้ยังไงครับเนี่ย เราไปทานมื้อเย็นด้วยกันดีไหมครับ?”

หลิวเชาและหลิวก่วงซิ่ววัยไล่เลี่ยกัน ทว่าหากนับจริง ๆ แล้วหลิวก่วงซิ่วแก่กว่าหลิวเชา แต่เพราะหลิวเชาคือทายาทสายตรงของตระกูลหลิว หลิวก่วงซิ่วจึงมีสถานะต่ำต้อยกว่าเขามาก ครอบครัวของหลิวก่วงซิ่วอยู่ในเมืองหลวงอย่างยากลำบาก ดังนั้นจึงต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลักไว้ให้มากที่สุด

ซึ่งหลิวเชาปฏิเสธทันทีเมื่อได้รับคำเชิญ

“ไม่ล่ะ ฉันมีนัดแล้ว”

ขณะที่หลิวก่วงซิ่วกับหลิวเชากำลังพูดคุยกัน จิงเจ้อหรงเดินเข้าไปหาเกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยเพื่อกล่าวทักทาย เขาแนะนำหลิวเชาให้ทั้งสองรู้จัก “พี่สาวครับ คุณชายซ่าง นี่เพื่อนสนิทของผมเองครับ หลิวเชา” จากนั้น ทั้งหมดก็ทำความรู้จักกัน

“สวัสดีค่ะสหายหลิว”

เกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยทักทายหลิวเชาอย่างเป็นกันเอง

หลิวก่วงซิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองจิงเจ้อหรงและหลิวเชาสลับกันไปมา จากนั้นหันมองเกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูงุนงงอย่างปิดไม่มิด เกอชิงเหม่ย หญิงสาวไร้หัวนอนปลายเท้าที่มาจากชนบทรู้จักหลิวเชาและจิงเจ้อหรงด้วยงั้นหรือ? มากไปกว่านั้น ผู้ชายคนนั้นยังเรียกเธอว่าพี่สาว?

ใบหน้าของหูเยว่เองก็เผยความตื่นตระหนกไปตาม ๆ กัน

เธอไม่เข้าใจว่าเกอชิงเหม่ยรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้มีเพียงซ่างสยงเยี่ย แต่หลังจากนั้นจิงเจ้อหรงก็ปรากฏตัวขึ้น มิหนำซ้ำยังรู้จักกับหลิวเชาจากตระกูลใหญ่ด้วย พอเลิกรากับลูกชายของตนแล้ว ชีวิตของผู้หญิงคนนี้กลับดีขึ้นงั้นหรือ? นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอคิดฝันจริง ๆ

ขณะที่หูเยว่และหลิวก่วงซิ่วกำลังสงสัย จิงเจ้อหรงยิ้มและเชื้อเชิญให้เกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน

เกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยไม่ปฏิเสธ พวกเขาย้ายไปนั่งโต๊ะสำหรับสี่คนทันที

เมื่อเห็นว่าหลิวก่วงซิ่วยังยืนที่เดิม หลิวเชาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ทำไมถึงยังไม่ออกไปอีกล่ะ? คุณสองคนกำลังรบกวนมื้ออาหารของคนอื่นอยู่นะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลิวก่วงซิ่วถึงกับได้สติ เขายกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ครับพี่เชา อย่างนั้นผมขอตัวนะ” ระหว่างที่ปากพูด เขาก็ดึงหูเยว่กลับไปยังบริเวณโต๊ะของตัวเอง

หูเยว่ยังคงไม่พอใจ แต่เมื่อหลิวเชาอยู่ที่นี่ เธอไม่กล้าที่จะแผลงฤทธิ์นัก ทำได้เพียงกลับที่นั่งอย่างหดหู่

จิงเจ้อหรงหันศีรษะกลับไปมองหลิวก่วงซิ่ว จึงรู้ว่าคน ๆ นั้นคือชายที่ทอดทิ้งเกอชิงเหม่ยที่ถังซวงเคยเล่าให้ฟัง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเขาที่นี่

“พี่สาว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

เกอชิงเหม่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี”

เห็นว่าเกอชิงเหม่ยดูสบาย ๆ ราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ใจ จิงเจ้อหรงจึงโล่งอก

ส่วนหลิวเชามองเกอชิงเหม่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เวลานี้เขาตระหนักได้ว่าเพื่อนของเขาเพิ่งถามถึงความสัมพันธ์ของตนกับหลิวก่วงซิ่ว และดูเหมือนตอนนี้หลิวก่วงซิ่วจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับเกอชิงเหม่ยซะแล้ว เขาเลยเลือกไม่พูดอะไรในเวลานี้

จิงเจ้อหรงกลัวว่าเกอชิงเหม่ยกับซ่างสยงเยี่ยจะอึดอัดเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนไม่คุ้นเคยอย่างหลิวเชา จึงเริ่มบทสนทนาให้ทุกคนผ่อนคลายเพื่อบรรยากาศที่ดีบนโต๊ะอาหาร

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงและหลิวเชายังมีเรื่องต้องพูดคุยกัน ซ่างสยงเยี่ยกับเกอชิงเหม่ยจึงขอตัวกลับก่อน

เกอชิงเหม่ยมองซ่างสยงเยี่ยที่เดินอยู่ข้างกายพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายซ่างคะ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันขอบคุณมากนะคะ”

ซ่างสยงเยี่ยส่ายศีรษะ ยกยิ้มก่อนตอบกลับว่า “สหายเกอ มันเป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้วครับ แต่คราวหน้าคุณต้องระวังด้วยนะครับ ถ้าคุณพบสองแม่ลูกคู่นั้นอีก รีบหนีให้เร็วอย่าเข้าใกล้พวกเขาเด็ดขาด” ก่อนหน้านี้เขาเห็นสายตาของหลิวก่วงซิ่วที่จับจ้องเกอชิงเหม่ยอย่างโกรธแค้น จึงอดไม่ได้ที่จะกังวล

“ค่ะ ฉันจะระวังตัว”

เกอชิงเหม่ยตัดสินใจอยู่ในเมืองหลวงต่อสักพักหนึ่ง เป็นเรื่องยากที่เธอจะรู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้พบกับหลิวก่วงซิ่วอีกหรือไม่ หากเธออยู่คนเดียวจะต้องระวังตัวให้มาก เพราะหลิวก่วงซิ่วนั้นไม่ใช่คนดีอะไรนัก

หลังจากทั้งสองกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง ทั้งสองก็บังเอิญพบกับถังซวงและถังเซวี่ยที่เพิ่งกลับมาเช่นกัน

เมื่อเห็นใบหน้ามีความสุขของถังเซวี่ยแล้ว เกอชิงเหม่ยจึงเอ่ยถาม “เสี่ยวเซวี่ย มีเรื่องอะไรดี ๆ หรือเปล่าจ๊ะ? ดูเหมือนหลานจะมีความสุขเชียว”

ถังเซวี่ยก็รีบโผเข้าหาพร้อมพูดว่า “ป้าเกอคะ ผลสอบของหนูออกแล้ว หลังจากนี้หนูจะได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายเหมือนกับพี่แล้วค่ะ”

เกอชิงเหม่ยได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขทันที “เสี่ยวเซวี่ยของป้าเก่งมากจริง ๆ”

หลังจากทั้งหมดเข้ามาในบ้าน ตระกูลจิงที่เหลือก็ทราบผลการสอบของถังเซวี่ย

ใบหน้าของคุณนายจิงเต็มไปด้วยความภูมิใจและตื่นเต้น “เสี่ยวเซวี่ยของย่าเก่งมากเลยจ้ะ เพิ่งเข้าเรียนแท้ ๆ แต่กลับสามารถสอบข้ามระดับได้แล้ว เก่งจริง ๆ” เธอพูดพร้อมกับกุมมือถังเซวี่ยเอาไว้แน่น

เฮ่อหลานยิ่งมีความสุขไม่แพ้กัน เธอภูมิใจในตัวลูกสาวทั้งสองคนมาก

คุณชายจิงสั่งให้คนครัวออกไปซื้อของทันที “คืนนี้เราจะฉลองให้กับเสี่ยวเซวี่ย มาทานอาหารอร่อย ๆ กันเถอะ”

เมื่อจิงเจ้อหรงกลับมา และทราบเรื่องราวทั้งหมด เขากล่าวยินดีกับถังเซวี่ยอย่างอบอุ่น “เสี่ยวเซวี่ย ลูกพ่อเก่งมากจริง ๆ ในที่สุดผลของความพยายามก็ส่งผลแล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกมากเลยนะ”

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”

ถังเซวี่ยเห็นว่าจิงเจ้อหรงตื่นเต้นไปกับตน เธอยิ่งมีความสุข ชีวิตของเธอในทุกวันนี้ราวกับความฝัน การได้อยู่กับครอบครัวอบอุ่นและได้รับความรัก มันเป็นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอด และหลังจากนี้มันจะต้องดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ครอบครัวหนึ่งและสองของตระกูลจิงก็ทราบข่าวเรื่องนี้ด้วย

ทันทีที่จิงเหวินรุ่ยและจิงเหวินหยวนเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของตนยอดเยี่ยมเพียงใด พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งการเปรียบเทียบทันที

“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เธอสองคนเก่งมากจริง ๆ เราสองคนเทียบกับพวกเธอไม่ได้เลย”

จิงซิ่วหรงหันมองลูกชายและหลานชายด้วยความรังเกียจ “เพิ่งรู้หรือว่าพวกแกสองคนเทียบกับน้องสาวของตัวเองไม่ได้? พวกเธอเพิ่งจะเรียนไม่กี่ปีแต่กลับประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ลองนึกถึงตอนที่แกสองคนยังอยู่ในโรงเรียนสิ แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างระหว่างนักเรียนยอดเยี่ยมกับนักเรียนยอดแย่แล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากจบประโยค

ทุกคนเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงฉลองให้กับเสี่ยวเซวี่ย ในช่วงท้ายของมื้ออาหาร เสี่ยวเซวี่ยได้รับของขวัญจากทุกคน และเพียงพริบตาเดียวเธอก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่ำรวยไปซะแล้ว

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด