การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 370 ปกป้อง
บทที่ 370 ปกป้อง
บทที่ 370 ปกป้อง
หลังจากที่ผู้เฒ่าฉินได้ยินที่ถังซวงพูดแล้ว เขากล่าวออกมาโดยไม่ต้องคิดว่า “แน่นอน ตราประทับของฉันก็ต้องอยู่ในห้องทำงาน…”
แต่เวลานี้เขาหยุดพูดกะทันหันเพราะจดจำบางสิ่งได้ เมื่อไม่นานนี้หลานสาวของเขาเอาตราประทับไป เวลานั้นเธอยอมรับความผิดทั้งหมดและรีบนำมันมาส่งคืนให้ แต่ช่วงเวลาสองวันนั้นตราประทับส่วนตัวไม่ได้อยู่กับเขา เพราะที่อยู่แท้จริงของมันคือในห้องทำงานส่วนตัวและถูกซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ แววตาของผู้เฒ่าฉินเคร่งเครียด และเริ่มคาดเดาถึงบางสิ่ง
แม้ในหัวใจจะสงสัย เขาก็กล่าวอย่างเรียบเฉย “ทุกวันนี้ฉันก็ยังใช้ตราประทับนั้นอยู่”
ถังซวงสังเกตท่าทีของผู้เฒ่าฉินตั้งแต่แรกจนจบ ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเธอก็ไม่ปล่อยให้คลาดสายตา เธอสัมผัสได้ว่าขณะที่เขาหยุดกล่าวไปชั่วขณะ ผู้เฒ่าฉินมีบางอย่างเปลี่ยนไป
ส่วนเฉินซิ่งเหวินหันมองผู้เฒ่าฉินพร้อมกับพูดว่า “คุณฉินครับ อย่างนั้นคุณก็คงต้องออกไปกับพวกเรา”
ติงเหอได้ยินอย่างนั้น ก็หันมองผู้เฒ่าฉินโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงรีบยอมรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตน “เลขาเฉินครับ ถ้าต้องการจับใครสักคน จับผมไปเถอะครับ”
ผู้เฒ่าฉินโบกมือให้ติงเหอก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ติงเหอพอได้แล้ว เพราะคุณไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว”
“ผู้เฒ่า…”
ติงเหอรู้จักผู้เฒ่าฉินดีกว่าใคร และจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาเวลานี้ เขาพอจะทราบแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าฉินแน่นอน และบุคคลที่น่าสงสัยที่สุดคือหลานสาวของผู้เฒ่าฉิน
แต่เห็นแววตาเคร่งขรึมของผู้เฒ่าฉินแล้ว ติงเหอพูดไม่ออก เขาเข้าใจสิ่งที่ชายชราต้องการจะสื่อทันทีว่าอย่าพูดอะไรอีก
ถังซวงชำเลืองมองผู้เฒ่าฉิน ก่อนจะหันมองติงเหอสลับกัน เธอสัมผัสได้ว่าติงเหอน่าจะรู้บางอย่าง เพราะสีหน้าของเขาดูแปลกไปจนเห็นได้ชัด
“ติงเหอ ถ้าคุณรู้อะไรก็เพียงแค่บอกมา ไม่อย่างนั้นคุณฉินจะถูกพาตัวเข้าไปสอบสวนแล้วนะคะ”
ก่อนที่ติงเหอจะพูดอะไร ผู้เฒ่าฉินชิงพูดขึ้นมาก่อน “ไม่จำเป็นต้องถามอะไรติงเหออีกแล้ว เขาก็แค่อ่านจดหมายของฉันแล้วทำตามคำสั่ง เขาไม่รู้อะไร”
ได้ยินอย่างนั้น ติงเหอก้มศีรษะลงทันที เขาไม่คิดจะพูดอะไรอีก
เห็นอย่างนั้น ถังซวงขมวดคิ้วแน่น และเฉินซิ่งเหวินก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักเช่นกัน
ขณะนี้ พ่อบ้านตระกูลฉินที่เงียบตั้งแต่ต้นกล่าวขึ้นว่า “นายท่านครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนตราประทับส่วนตัวของคุณอยู่กับคุณหนูหรูเหมิ่งหรือครับ เป็นไปได้ไหมว่า… คุณหนูหรูเหมิ่งจะเป็นคนทำเรื่องนี้?”
“พ่อบ้าน คุณพูดเรื่องอะไรกัน? เรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้น”
ถังซวงหันมองผู้เฒ่าฉินด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณฉินถึงปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ เพราะกำลังปกป้องหลานสาวนี่เอง”
หลังจากเฉินซิ่งเหวินได้ยินพ่อบ้านพูดอย่างนั้น เขาส่งคนออกไปเรียกฉินหรูเหมิ่งมาทันที
“เลขาเฉิน ในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผมคนเดียว อย่าเอาคนอื่นมายุ่งเลยครับ”
แต่เฉินซิ่งเหวินไม่สนใจ เมื่อฉินหรูเหมิ่งถูกพาตัวมาที่นี่ เขาจับจ้องเธอด้วยแววตานิ่งเฉยก่อนจะพูดว่า “ฉินหรูเหมิ่ง พวกเราทราบทุกอย่างที่คุณทำหมดแล้ว ตอนนี้คุณแค่สารภาพออกมา แล้วโทษหนักจะกลายเป็นเบา”
ได้ยินอย่างนั้น ฉินหรูเหมิ่งตกตะลึง สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
แต่เธอกลับคืนสีหน้าเรียบเฉยอย่างรวดเร็วแล้วเผยรอยยิ้มแข็งทื่อออกมา “ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมฉันต้องสารภาพผิดด้วยล่ะคะ?”
ได้ยินฉินหรูเหมิ่งพูดอย่างนั้นแล้ว เฉินซิ่งเหวินหัวเราะออกมาทันที เขาตอบกลับว่า “ฉินหรูเหมิ่ง คุณเลียนแบบลายมือของปู่ตัวเอง แล้วยังขโมยตราประทับส่วนตัวเพื่อที่จะหลอกลวงให้ติงเหอไปลักพาตัวคุณถังซวง สิ่งที่คุณทำลงไป มันกำลังจะทำให้ตระกูลฉินต้องพังพินาศ”
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะฉินหรูเหมิ่งยังเด็ก เธอไม่เคยต้องพบเจอแรงกดดันมหาศาลอย่างนี้มาก่อน
ได้ยินอย่างนั้น ความกังวลฉายชัดในแววตา แม้จะไม่ได้แสดงออกมากนักแต่มันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนอื่นได้ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ล้วนแต่ฉลาดและมีไหวพริบ ไม่มีปล่อยให้มันหลุดรอดสายตาไปสักคน
แววตาของเฉินซิ่งเหวินเปล่งประกายออก เขาพูดต่อ “แล้วคุณรู้ไหมว่าปู่ของคุณยอมสารภาพเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อปกป้องคุณ ไม่อย่างนั้นคุณฉินก็ต้องถูกโทษสูงสุด ขณะเดียวกันถ้าตระกูลฉินไร้ซึ่งคุณฉินแล้ว มันก็เป็นเพียงตระกูลไร้ค่า ไม่มีใบหน้าจะพบเจอใคร”
ผู้เฒ่าฉินหันมองเฉินซิ่งเหวินก่อนจะพูดว่า “เลขาเฉิน คุณกำลังสร้างความหวาดกลัวให้เด็กคนนี้ ฉันบอกว่าฉันเป็นคนทำทุกอย่างเอง รีบพาฉันออกไปเร็วเข้า”
“คุณปู่…”
ก่อนหน้านี้ฉินหรูเหมิ่งเกลียดชังปู่ที่บอกให้เธอยอมเลิกรากับโม่เจ๋อหยวน และรู้สึกรำคาญที่เขาไม่เคยต่อสู้เพื่อตนเลย แต่เวลานี้ปู่ของเธอกลับยอมรับผิดแทนเธออย่างไม่ลังเล เธอรู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำร้ายเขา อีกทั้งหากไม่มีปู่คอยปกป้อง ในอนาคตเธอคงจะไม่ได้สุขสบายอย่างทุกวันนี้
แต่ฉินหรูเหมิ่งก็ยังคงลังเล หากเธอยอมรับสารภาพผิดทุกอย่างแล้ว อย่างนั้น… สิ่งที่รอเธออยู่คืออะไร
เมื่อเห็นความลังเลของฉินหรูเหมิ่ง ผู้เฒ่าฉินยิ่งรู้สึกผิดหวังขึ้นมา
แม้เขาจะตัดสินใจที่จะปกป้องหลานสาวคนนี้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่สำนึก เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่ใจ
Comments