การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 386 บังเอิญ
บทที่ 386 บังเอิญ
บทที่ 386 บังเอิญ
หลังจากตระกูลเฮ่อกลับไปแล้ว บ้านตระกูลจิงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
โชคดีที่หลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นยังอยู่ต่อ เฮ่อหลานจึงมาพูดคุยกับทั้งสองคนบ่อยครั้ง แต่ยิ่งเธอได้ใกล้ชิดกับทั้งสองคนมากเท่าไหร่ เธอยิ่งสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลุงหลี่กับอาจารย์มันไม่ธรรมดา เหมือนสิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้จะถูกต้อง
“อาเจ้อ คุณว่าอาจารย์กับลุงหลี่ดูสนิทกันมากเกินไปไหมคะ?”
เฮ่อหลานไม่อาจระงับความอยากรู้ไว้ได้ เธอจึงพูดคุยเรื่องนี้กับจิงเจ้อหรง
เมื่อจิงเจ้อหรงได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น เขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงกอดเธอเบา ๆ พร้อมพาเธอนั่งลงบนโซฟาก่อนจะยกยิ้มปลอบโยน “อาจารย์กับลุงหลี่อายุไล่เลี่ยกัน ไม่ดีหรือครับถ้าพวกเขาจะสนิทกัน”
เฮ่อหลานมองจิงเจ้อหรงอย่างสงสัยก่อนจะถามกลับไปว่า “คุณดูไม่แปลกใจอะไรเลย หรือคุณรู้อะไรคะ?”
“ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามีอะไร ผมก็เห็นเหมือนที่คุณเห็นนั่นแหละ”
เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “แล้ว… ฉันควรหาโอกาสถามอาจารย์ดีไหม จริง ๆ ฉันรู้สึกว่าอาจารย์กับลุงหลี่เหมาะสมกันมากเลยนะคะ”
จิงเจ้อหรงกอดเฮ่อหลานเอาไว้ก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องไปถามหรอก ถ้าคำถามของคุณทำให้อาจารย์กับลุงหลี่อับอาย มันจะไม่ดีกับพวกท่าน เอาอย่างนี้มั้ยครับ เราปล่อยให้พวกเขาพูดออกมาเองหลังจากพวกเขาพร้อมดีกว่า”
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานเลิกคิดมากทันที เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ค่ะ ฉันจะไม่สงสัยเรื่องของอาจารย์และลุงหลี่อีกแล้วค่ะ”
วันถัดมาเป็นวันเสาร์ ถังซวงไปโรงเรียนได้สองสามวันแล้ว และตอนนี้วันหยุดก็มาถึงอีกครั้ง โม่เจ๋อหยวนเองก็มาที่บ้านตระกูลจิงอย่างสม่ำเสมอ
ตระกูลจิงได้พบเจอกับโม่เจ๋อหยวนแทบทุกวัน ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะถือว่าโม่เจ๋อหยวนเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาไปซะแล้ว ความสุภาพในคราวแรกเริ่มเลือนหายไป เหลือไว้เพียงความเป็นกันเองราวกับครอบครัวเดียวกัน
“เจ๋อหยวน อยู่ทานมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นที่นี่นะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณยาย”
โม่เจ๋อหยวนเรียกคุณชายจิงและคุณนายจิงว่าคุณตาคุณยายแล้ว ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนมีความสุขมาก “ซวงเอ๋อร์อยู่ที่บ้านน่ะจ้ะ รีบเข้าไปหาเธอเถอะ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าและยกยิ้มก่อนจะตรงไปยังลานบ้านของถังซวง
“ซวงเอ๋อร์ ฉันหาหนังสือที่เธออยากได้คราวก่อนเจอแล้วนะ”
ถังซวงที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จ เช็ดเหงื่อบนใบหน้าด้วยผ้าขนหนู หลังจากได้ยินที่โม่เจ๋อหยวนพูด เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “พี่ยังจำหนังสือเล่มนั้นได้อยู่หรือคะ แล้วพี่ไปเจอมันที่ไหน?”
โม่เจ๋อหยวนวางหนังสือที่เขานำมาด้วยบนโต๊ะ
“ฉันขอให้คนรู้จักช่วยหาให้น่ะ นอกจากหนังสือคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ที่เธอเคยพูดถึงแล้ว ฉันยังได้หนังสือพีชคณิตมาด้วยนะ ได้ยินว่าเนื้อหาด้านในดีพอสมควรเลย”
เบื้องบนได้ยืนยันมาว่าจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่เพียงแค่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเตรียมตัวให้ดี แม้เขาจะมั่นใจในตัวเองและซวงเอ๋อร์มาก แต่โม่เจ๋อหยวนก็อยากจะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบและรัดกุมที่สุด เขาจึงขอให้ใครบางคนช่วยหาหนังสือเหล่านี้ให้
ถังซวงวางผ้าขนหนูลงก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาดู เธอยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นคราวหน้าเรามาอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยกันนะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้า
จู่ ๆ ถังซวงก็นึกถึงถังเซวี่ยขึ้นมา “พี่โม่ ฉันว่าจะไปถามเสี่ยวเซวี่ยว่าเธออยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหมน่ะ” หากถังเซวี่ยสามารถเข้าใจทุกอย่างในหนังสือที่โม่เจ๋อหยวนนำมาได้ เธอก็จะสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันได้
“ลองถามเสี่ยวเซวี่ยสิ”
แม้ถังเซวี่ยจะไม่ฉลาดเท่ากับถังซวง แต่โม่เจ๋อหยวนก็รู้ว่าถังเซวี่ยเก่งมาก เรียกได้ว่าคนธรรมดาเทียบกับเธอไม่ติดเลยล่ะ
ถังซวงนึกได้อย่างนั้น ก็มุ่งหน้าไปถามถังเซวี่ยทันที
หลังจากถังเซวี่ยได้ยินที่พี่สาวถาม เธอส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า “ยังดีกว่าค่ะ ฉันยังไม่คิดจะเข้ามหาวิทยาลัยตอนนี้ ฉันอยากจะเรียนในโรงเรียนมัธยมให้ดีก่อน” แม้เธอจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็ว แต่เธอก็รู้สึกว่าการมีพื้นฐานที่มั่นคงเป็นสิ่งที่จำเป็น
“เสี่ยวเซวี่ย เรามีหนังสือมากมาย ถ้าสามารถเข้าใจทั้งหมดนี้ เธอก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นะ”
เสี่ยวเซวี่ยคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจตอบว่า “พี่คะ ช่วงนี้ฉันจะตั้งใจเรียนแล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า ตอนนี้ฉันยังไม่ได้เรียนในชั้นมัธยมปลายเลย ฉันไม่อยากจะรีบร้อนเกินไปค่ะ”
“อืม อย่างนั้นก็ตั้งใจเรียนนะ ถ้าไม่เข้าใจอะไรสามารถถามฉันหรือพี่โม่ได้เลย”
ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ฉันจะตั้งใจเรียนค่ะ”
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงกลับมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เสี่ยวเซวี่ยว่ายังไงบ้าง?”
“เสี่ยวเซวี่ยอยากจะค่อยเป็นค่อยไปน่ะ เธออยากจะใช้ชีวิตในโรงเรียนมัธยมก่อนค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “อืม จากผลการเรียนของเสี่ยวเซวี่ย เธอจะไม่เป็นไรแน่นอน”
ถังซวงพยักหน้ารับ หลังจากนั้นทั้งสองเริ่มอ่านหนังสือ จนกระทั่งเกอชิงเหม่ยเดินเข้ามาบอกกล่าวให้พวกเขาไปทานมื้อเที่ยง
“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน มากินข้าวก่อนเร็วเข้า ไว้มาอ่านต่อตอนบ่ายเถอะนะจ๊ะ”
เห็นเกอชิงเหม่ยเข้ามา ถังซวงยิ้มก่อนจะพูดว่า “อ้าวป้าเกอ วันนี้ไม่ได้ออกไปทำงานหรือคะ?” ช่วงนี้เกอชิงเหม่ยมัวแต่ยุ่งอยู่กับโรงงานเย็บปักในเมืองหลวงจนไม่ได้พบหน้าใคร
“วันนี้ป้าว่างจ้ะ เลยกลับมาทานข้าวด้วย เดี๋ยวตอนบ่ายป้าก็ไปแล้ว นี่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเองจ้ะ เลยแวะมาเรียกพวกเธอสองคนไปทานข้าวด้วยกัน”
“งั้นไปกันเถอะค่ะป้าเกอ”
หลังมื้อเที่ยงผ่านพ้นไป ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอ่านหนังสือต่ออีกสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นโม่เจ๋อหยวนออกไปก่อน จึงไม่ได้อยู่ทานมื้อเย็นที่นี่
เดิมทีโม่เจ๋อหยวนต้องการทานมื้อเย็นที่บ้านตระกูลจิง แต่เพื่อนคนหนึ่งมาพบเขาและบอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากพูดคุย เขาจึงต้องรีบออกไปพบเพื่อนที่ร้านอาหารในเมือง
แต่ก่อนที่โม่เจ๋อหยวนจะไปถึงร้านอาหาร เขาเห็นคนคุ้นเคยบนถนน
“ชุนหยาน…”
โม่เจ๋อหยวนมองเห็นถังชุนหยานยืนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้านหน้า คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ความจริงวันนี้เขาไม่เห็นถังชุนหยานที่บ้านตระกูลจิงเลย จึงคิดว่าซวงเอ๋อร์คงใช้เธอออกมาทำธุระด้านนอก แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะออกมาเดินซื้อของกับผู้ชาย
โม่เจ๋อหยวนกำลังจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ทว่าเพื่อนของเขาก็มาถึงพอดี
“เจ๋อหยวน มาเมื่อไหร่เนี่ย? รอนานไหม?”
โม่เจ๋อหยวนหันศีรษะกลับไปทางต้นเสียงก่อนจะตอบกลับว่า “ฉันเพิ่งมาน่ะ ไม่นานหรอก” หลังจากนั้นเขาหันศีรษะกลับมา แต่ถังชุนหยานและผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว
“เจ๋อหยวน นายมองหาอะไรน่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนได้สติกลับมาอีกครั้ง เขารีบส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก ซิงหมิน เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ”
“อื้ม”
เหอซิงหมินเดินตามโม่เจ๋อหยวนเข้าไปในร้านอาหาร
ทั้งสองได้พบกันครั้งล่าสุดที่เมืองไห่เฉิง เหอซิงหมินทำงานที่เดียวกับเขา แม้อีกฝ่ายจะแก่กว่าโม่เจ๋อหยวนหลายปี แต่เขาก็รู้สึกว่าตนกับโม่เจ๋อหยวนมักจะมีเรื่องให้พูดคุยกันไม่รู้จบ ครั้งนี้ก็ด้วยเช่นกัน เขาพบเจอปัญหาบางอย่างและต้องการปรึกษาเรื่องนี้กับโม่เจ๋อหยวนทันที
โม่เจ๋อหยวนและเหอซิงหมินแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาไปหาถังซวง เขาเล่าเรื่องที่เจอถังชุนหยานให้เธอฟัง
—————————————————-
Comments