การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 398 ถาม
บทที่ 398 ถาม
บทที่ 398 ถาม
ตู้จ้งเหว่ยประหลาดใจที่ได้ยินเสียงของตู้จ้งเหลียน และเมื่อเขาหันหลังกลับมาเขาก็เห็นว่าตู้จ้งเหลียนยืนอยู่ข้าง ๆ ตนแล้ว
“พี่ใหญ่ ไปซื้อของหรือครับ ผมไปด้วยได้มั้ย แล้วจากนั้นเราค่อยไปกินข้าวกันต่อ”
ตู้จ้งเหว่ยปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
“ไม่ล่ะ เรายังต้องซื้อของอีกเยอะ และไม่รู้ว่าจะกินข้าวเมื่อไหร่ บางทีอาจจะไม่กินด้วยซ้ำน่ะ”
เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แววตาตู้จ้งเหลียนพลันเข้มขึ้นฉับพลัน แต่เขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปซื้อของด้วย” ในตอนท้าย ตู้จ้งเหลียนหันมองถังเซวี่ยก่อนจะลอบพิจารณาใบหน้าไร้ที่ติของเธออย่างหื่นกาม
นับตั้งแต่ถังเซวี่ยเริ่มออกกำลังกายพร้อมกับถังซวง เหมือนกับเธอจะมีประสาทสัมผัสพิเศษบางอย่าง และสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากแววตาของตู้จ้งเหลียน จนไม่พอใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าน้องชายของตู้จ้งเหว่ยคนนี้จะเป็นคนหยาบคายสินะ
“พี่ชุนหยาน พี่กับพี่ตู้ซื้อของกันไปเถอะค่ะ ฉันกับเสี่ยวชุ่ยจะไปแล้ว”
หลังกล่าวจบ เธอดึงหม่าเสี่ยวชุ่ยออกไปทันที
“อ๊ะ… เดี๋ยว…”
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยจากไป ตู้จ้งเหลียนอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ถังเซวี่ยไม่สนใจ และเดินออกไปพร้อมกับหม่าเสี่ยวชุ่ยทันที
ทันทีที่ถังเซวี่ยจากไป ตู้จ้งเหลียนถึงกับมีสีหน้าบูดบึ้ง เขาขมวดคิ้วหันมองตู้จ้งเหว่ยแล้วถามด้วยความไม่พอใจ “พวกพี่ไม่ได้มาด้วยกันหรือ ทำไมเธอถึงออกไปก่อน?”
“แล้วใครบอกแกว่าพวกเรามาด้วยกัน? ฉันก็เพิ่งได้เจอเสี่ยวเซวี่ยกับเสี่ยวชุ่ยเมื่อกี้นี้เอง”
ตู้จ้งเหลียนได้ยินอย่างนั้นก็หันมองตู้จ้งเหว่ยก่อนจะหันมองถังชุนหยาน สีหน้าของเขาสับสนและเต็มไปด้วยคำถาม “อ้อ พี่ใหญ่ของผมกำลังซื้อของกับคุณถังนี่เอง เอาเถอะ อย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้ว พวกพี่จัดการธุระตัวเองเถอะ”
หลังจากไปร่วมงานหมั้นของถังซวงคราวนั้น ตู้จ้งเหลียนได้พบกับถังชุนหยาน และทราบว่าอีกฝ่ายเป็นน้องสาวของถังซวง แต่เขาไม่รู้ว่าตู้จ้งเหว่ยกับถังชุนหยานกำลังซื้อของตามลำพัง และไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อเพราะยังไงถังเซวี่ยก็จากไปแล้ว
เมื่อเห็นตู้จ้งเหลียนออกไปแล้ว ถังชุนหยานหันมองตู้จ้งเหว่ยก่อนจะถามว่า “น้องชายของพี่รู้เรื่องของเราแล้ว เขาจะกลับไปพูดเรื่องนี้ที่บ้านไหม?”
ตู้จ้งเหว่ยรีบตอบกลับทันที “ชุนหยาน ต่อให้เขาจะกลับไปพูดพล่ามที่บ้านก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อยากให้ทุกคนรู้เหมือนกันว่าพวกเรากำลังคบกัน”
“แล้วพี่ไม่กลัวว่าพ่อจะไม่เห็นด้วยหรือ?”
ตู้จ้งเหว่ยกล่าวเสียงเข้ม “ต่อให้พ่อของฉันไม่เห็นด้วย แล้วมันทำไมล่ะ? ฉันชอบเธอ เขาบังคับฉันไม่ได้ ยังไงฉันก็จะย้ายออกจากบ้านอยู่แล้ว เธอไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเขาเลย เมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันนะ”
“ใครอยากจะใช้เวลากับพี่กันล่ะ”
ถังชุนหยานรู้สึกเขินอายกับคำพูดตรงไปตรงมาของตู้จ้งเหว่ย เธอตีแขนของเขาเบา ๆ แต่ในใจพลันผ่อนคลายความกังวลไปมากโข
ใช่แล้ว เธอเพียงแค่ลองคบหากับตู้จ้งเหว่ยเท่านั้น ไม่เห็นต้องคิดมากเลย นี่ยังไม่ใช่เวลาจะกังวลเรื่องพ่อแม่ของอีกฝ่าย แต่เมื่อต้องกล่าวถึงเวลานั้นเธอจะต้องไม่ทำตัวให้ขายหน้า และเธอจะไม่ทำให้พี่สาวซวงกับคนอื่น ๆ ต้องอับอายเพราะตัวเองแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ถังชุนหยานเดินซื้อของต่อ เพราะยังมีของที่อยากจะซื้อมากมาย
อีกด้านหนึ่ง หลังจากถังเซวี่ยและหม่าเสี่ยวชุ่ยทานอาหารเสร็จ ทั้งสองคนแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อถังเซวี่ยกลับมาถึง เธอวิ่งไปหาถังซวงและโม่เจ๋อหยวนที่ยืนอยู่หน้าประตู “พี่คะ เพิ่งกลับมาหรือคะ?”
“ใช่ พวกเราไปซื้อของกันมาน่ะ” ถังซวงยกยิ้มก่อนจะถามต่อว่า “เสี่ยวชุ่ยล่ะ? กลับไปแล้วหรือ? แล้ววันนี้เธอซื้ออะไรมาบ้างเนี่ย?”
“ซื้อมาเยอะเลยค่ะ ซื้อของกินมาฝากทุกคนด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมนะ”
ทันทีที่เห็นว่าน้องว่าที่ภรรยาถือถุงมากมายในมือ โม่เจ๋อหยวนรีบเข้าช่วยเหลือทันที
ถังเซวี่ยก็ไม่เกรงใจ เธอยื่นถุงทั้งหมดให้โม่เจ๋อหยวน แล้วเธอดึงถังซวงมาใกล้เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
“พี่คะ ตอนที่ฉันกับเสี่ยวชุ่ยกำลังซื้อของด้วยกัน เราบังเอิญเจอพี่ชุนหยานกับพี่ตู้ด้วย ทั้งสองคนกำลังซื้อของอยู่ แต่โชคร้ายมากที่พวกเราไปเจอกับน้องชายของพี่ตู้เข้า”
“ฉันจำได้ลาง ๆ ว่าน้องชายของตู้จ้งเหว่ยชื่อตู้จ้งเหลียนใช่มั้ย”
ถังเซวี่ยพยักหน้ารับ “ค่ะ เขาคิดว่าพวกเราสี่คนเดินซื้อของด้วยกัน เลยอยากไปด้วย และยังบอกว่าเขาจะไปทานอาหารกับพวกเราด้วย ไร้มารยาทสิ้นดี”
ถังซวงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ตู้จ้งเหลียนอยากทานอาหารกับเธองั้นหรือ?”
“ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่ชอบสายตาของเขาที่มองฉันเลย”
เมื่อถังเซวี่ยอยู่กับพี่สาว เธอมักจะพูดออกไปทุกสิ่ง และเวลานี้เธอรู้สึกไม่ชอบตู้จ้งเหลียนจริง ๆ
เว้นเพียงตู้จ้งเหว่ย ถังซวงเองก็ไม่ค่อยชอบตระกูลตู้เช่นกัน เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อไม่ชอบเขา ก็ควรอยู่ให้ห่างจากพวกเขา เราไม่จำเป็นต้องไปพูดคุยกับคนพวกนั้นหรอก”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะ”
หลังจากทั้งสามคนเดินเข้าประตู ถังเซวี่ยหยุดเดินก่อนจะกล่าวกับถังซวงและโม่เจ๋อหยวนว่า “พี่คะ ฉันจะเอาของไปให้แม่กับป้าเกอก่อน พวกพี่คุยกันไปก่อนนะ” เด็กสาวกล่าวพร้อมหยิบข้าวของและทิ้งที่เหลือให้ทั้งสองคน ก่อนจะออกไป
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “เด็กคนนี้นี่”
โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเช่นกัน
“ซวงเอ๋อร์ เธออายุเยอะกว่าเสี่ยวเซวี่ยแค่สองปีเอง แต่กลับเรียกเสี่ยวเซวี่ยว่าเด็กน้อยซะแล้ว”
“ฮ่าฮ่า อย่างนั้นฉันก็เด็กเหมือนกันค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนขยี้หัวของถังซวงด้วยความเอ็นดู “ใช่ ตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ แต่ถ้าเป็นสาวเมื่อไหร่เธอก็จะมาเป็นเจ้าสาวของฉันไง”
แม้มันจะดูไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ถังซวงกลับรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่น่าประหลาด หลังจากเหลือบมองเขาแล้ว เธอพูดขึ้นว่า “ฉันอยากจะถามบางอย่างกับคุณปู่หน่อยน่ะค่ะ”
“เธออยากรู้เรื่องของคุณเว่ยหรือ?”
ถังซวงพยักหน้า “ค่ะ ฉันคิดว่าคุณเว่ยจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แม้แต่ผู้อาวุโสจูยังปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพเลย ฉันเลยอยากรู้เรื่องนี้น่ะค่ะ”
ความจริงมันเป็นเพราะสิ่งที่เว่ยเหิงกล่าวไว้ก่อนหน้านี้มากกว่า ที่ว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างน่าประหลาด
ในคราวแรกเธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรนัก และรู้สึกว่ามีคนบนโลกมากมายที่หน้าตาคล้ายกัน แต่เพราะคุณเว่ยพูดว่าคล้ายกับเขาเคยพบเธอที่ไหนสักแห่งเนี่ยสิ
เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว เธอกับเสี่ยวเซวี่ยมีใบหน้าที่คล้ายกับแม่ของตัวเอง และแม่ของเธอก็เป็นเด็กกำพร้าที่มีคุณยายเฮ่อในหมู่บ้านเถาฮวาเลี้ยงดู และอาศัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เรื่องที่ว่าตนเองเป็นใครและมีบ้านอยู่ที่ไหน หรือมีญาติพี่น้องบ้างหรือเปล่า แม่ของเธอไม่เคยรู้ พอได้ยินสิ่งที่คุณเว่ยพูด ถังซวงจึงรู้สึกตะหงิดใจเรื่องนี้ขึ้นมา
“งั้นเราไปหาคุณปู่กันเถอะ”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมาหาผู้เฒ่าจิง เขาโบกมือต้อนรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามว่า “วันนี้พวกเธอไม่ได้ไปหาผู้อาวุโสจูหรือ? กลับมาเร็วจังเลยล่ะ”
“คุณปู่คะ เราไปพบผู้อาวุโสจูมาแล้ว และยังเจอคุณเว่ยด้วยค่ะ คุณปู่รู้จักเขาไหมคะ?”
Comments