การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 408 ไม่เปลี่ยนสีหน้า

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 408 ไม่เปลี่ยนสีหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 408 ไม่เปลี่ยนสีหน้า

บทที่ 408 ไม่เปลี่ยนสีหน้า

ได้ยินที่เฟิงเยี่ยหานพูด ถังเซวี่ยก็ยกยิ้ม

“อ้อ คุณมาทานอาหารที่นี่หรือ บังเอิญจัง” เธอรู้ว่าเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องภายในตระกูลของเฟิงเยี่ยหาน แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ความผิดของเขา คนชั่วช้าแท้จริงคือเฟิงเยี่ยหรงต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเฟิงเยี่ยหานทราบต้นเหตุทั้งหมด เขารีบบุกไปที่เมืองไห่เฉิงเพื่อจัดการทุกอย่างทันที นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

ยิ่งกว่านั้น เมื่อเทียบกับตู้จ้งเหลียนตรงหน้า เธอรู้สึกว่าเฟิงเยี่ยหานดีกว่าเขามาก

เฟิงเยี่ยหานที่เห็นรอยยิ้มเบาบางบนใบหน้าของถังเซวี่ยพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

ตู้จ้งเหลียนมองชายเคร่งขรึมตรงหน้าพูดคุยกับถังเซวี่ยก็รู้สึกจิตใจระส่ำระส่าย พอหลุดจากภวังค์จึงพูดขึ้นว่า “คุณเป็นใคร? ปล่อยผมนะ แล้ว… สหายถังเซวี่ยกับผมรู้จักกัน เราพูดคุยกันดี ๆ คุณเป็นใครมาจากไหนถึงเข้ามาขัดจังหวะอย่างนี้”

เฟิงเยี่ยหานเหลือบมองตู้จ้งเหลียนอย่างเย็นชา “ผมไม่เห็นรู้สึกเลยว่าเธอจะรู้จักกับคุณ? ก็เห็นอยู่นี่ว่าเสี่ยวเซวี่ยไม่อยากคุยด้วย แต่เป็นคุณที่ตามตอแยเธอไม่จบไม่สิ้น”

ได้ยินเฟิงเยี่ยหานเรียกหญิงสาวตรงหน้าว่าเสี่ยวเซวี่ยอย่างสนิทสนม ตู้จ้งเหลียนจึงตระหนักได้ว่าทั้งสองรู้จักกัน และรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาทันที

ชายร่างสูงตรงหน้าหล่อเหลา รูปร่างดี ผิวขาวสะอาด และดูมีภูมิฐาน เพียงมองครั้งแรกก็เห็นชัดว่าด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้คงสามารถดึงดูดใจหญิงสาวได้มากมายแค่ไหน

“แล้วทำไมถึงคิดว่าผมตอแยเธอล่ะ? ก็ผมกับสหายถังเซวี่ยรู้จักกันจริง ๆ”

ถังเซวี่ยเหลือบมองตู้จ้งเหลียนด้วยสายตารังเกียจก่อนจะโต้กลับว่า “เราไม่รู้จักกัน และได้พบกันเพียงสองครั้งเท่านั้น ฉันบอกย้ำหลายครั้งว่าไม่ต้องการให้คุณมาส่ง พวกเราเดินกลับเองได้! อีกอย่างเพื่อนของฉันก็อยู่ด้วย เขาจะเป็นคนไปส่งพวกเราเอง”

ได้ยินว่าถังเซวี่ยบอกอีกฝ่ายว่าเขาเป็นเพื่อนเธอ เฟิงเยี่ยหานก็ยกยิ้มมุมปาก

ส่วนหม่าเสี่ยวชุ่ยถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า

ในเสี้ยววินาที ชายผู้เย็นชาก่อนหน้ากลับยกยิ้มอบอุ่นละลายภูเขาน้ำแข็งทั้งหมด มันดูดีเสียจนไม่อยากจะละสายตา ทำให้หม่าเสี่ยวชุ่ยรู้สึกว่าทุกคนรอบตัวของถังเซวี่ยดูดีมาก ไม่ว่าจะพี่สาว พี่เขย และยังสหายตรงหน้าคนนี้อีก แม้แต่พ่อแม่ของเธอยังดูดีเลย

แต่ทว่าสายตาของเฟิงเยี่ยหานจับจ้องไปยังถังเซวี่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่คิดสนใจหม่าเสี่ยวชุ่ยเลยแม้แต่น้อย และเมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย เขากลับพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ครับ เดี๋ยวผมจะไปส่ง”

ตู้จ้งเหลียนอ้ำอึ้งอยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นแววตาเย็นชาและใบหน้าไม่แยแสของเฟิงเยี่ยหาน เขานิ่งสนิทไม่กล้าขยับตัว หัวใจสั่นสะท้านจนไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก

เฟิงเยี่ยหานเหลือบมองตู้จ้งเหลียนอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย กลับกันเถอะครับ”

“ว่าแต่… คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมล่ะ?”

เฟิงเยี่ยหานเดินไปหยุดยืนด้านข้างของถังเซวี่ยแล้วยกยิ้มน้อย ๆ “ไม่เป็นไรหรอก ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เราไปกันเถอะ”

“อื้ม… ค่ะ”

กระทั่งทั้งสามเดินออกไปไกลลิบ ตู้จ้งเหลียนจึงหลุดจากภวังค์

เขาหวาดกลัวชายเมื่อครู่จริง ๆ มันน่าอับอายเหลือเกิน แถมผู้ชายคนนั้นดูจะมีท่าทีแปลก ๆ กับถังเซวี่ยด้วย

เพื่อนร่วมชั้นของตู้จ้งเหลียนเดินเข้ามา และเห็นว่าตู้จ้งเหลียนยังยืนเฉย จึงถามด้วยความสับสน “จ้งเหลียน นายไม่ได้จะไปส่งพวกเธอกลับหรือ? ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”

ใบหน้าของตู้จ้งเหลียนยิ่งบิดเบี้ยวที่ได้ยินอย่างนั้น

“พวกเธอกลับเองแล้ว เราก็กลับกันเถอะ”

“อื้ม กลับเถอะ”

เฟิงเยี่ยหานเดินข้างถังเซวี่ย และลอบมองเธอเงียบ ๆ

แม้จะไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งสองคน แต่เขาก็รู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก เขามาที่เมืองหลวงเพราะอยากพบเจอถังเซวี่ย แต่ต้องลอบมองห่าง ๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะตู้จ้งเหลียนมารบกวนหล่อน เขาก็คงไม่ปรากฏตัว…

เขากลัวว่าถังเซวี่ยจะเกลียดเขาไปแล้ว แต่จากสถานการณ์คราวนี้ทำให้เขารู้ว่าเสี่ยวเซวี่ยไม่ได้เกลียดเขา และยังยิ้มให้เขาเมื่อพบเจอ ทำให้หัวใจที่เจ็บปวดมานานเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

หม่าเสี่ยวชุ่ยหันมองถังเซวี่ย และเหลือบมองเฟิงเยี่ยหานสลับกัน ในแววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น… เมื่อเดินไปสักครู่หนึ่ง เธอหันไปหาถังเซวี่ยแล้วกล่าวด้วยความลังเล “เสี่ยวเซวี่ย ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำน่ะ เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ” หลังพูดจบ เธอวิ่งออกไปทันทีพร้อมโบกมือลาจากระยะไกล

ถังเซวี่ยไม่สามารถรั้งหม่าเสี่ยวชุ่ยได้เลย เพราะเธอวิ่งออกไปไกลแล้ว

ส่วนเฟิงเยี่ยหานมองตามแผ่นหลังของหม่าเสี่ยวชุ่ย และพยักหน้าพร้อมยกยิ้ม ดูเหมือนว่าเพื่อนคนนี้ของเสี่ยวเซวี่ยจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีนี่

“เสี่ยวเซวี่ย ในเมื่อเพื่อนของคุณกลับไปแล้ว งั้นผมไปส่งนะ”

“ค่ะ”

ถังเซวี่ยเดินต่อไป และนึกได้ว่าเฟิงเยี่ยหานยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ให้ฉันพาไปซื้ออะไรรองท้องหน่อยไหมคะ นี่ยังไม่ถึงเวลาเรียนช่วงบ่ายเลย ฉันพอมีเวลานิดหน่อย”

เฟิงเยี่ยหานตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด

“ครับ”

ถังเซวี่ยพาเฟิงเยี่ยหานเดินไปตามถนนและซื้อขนมมากมายให้

“เฟิงเยี่ยหาน รีบกินจะได้อิ่ม นี่ เค้กถั่วเขียวนี้อร่อยมากเลยนะ ลองชิมดูสิ”

เฟิงเยี่ยหานกัดเค้กถั่วเขียวอย่างเชื่อฟัง รสหวานมันของเค้กนี้อัดแน่นเต็มปากของเขา แต่สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนแปลงเพียงเอ่ยปากขึ้นว่า “อร่อยครับ”

“ใช่ อร่อยมากเลย งั้นลองกินเค้กไส้ถั่วนี่ดูสิ”

เฟิงเยี่ยหานยังคงกินต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ประดับรอยยิ้มอบอุ่น ทั้งหมดนี่คือขนมที่เขาไม่ชอบ แต่เขาก็ยังกลืนมันลงคอ

เห็นว่าเฟิงเยี่ยหานกินขนมอบเหล่านี้ได้ ถังเซวี่ยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายชอบกินอะไร

“ถ้าคุณชอบ ไว้ฉันจะซื้อให้อีกครั้งหลังจากคุณกลับนะ”

แน่นอนว่าเฟิงเยี่ยหานไม่ปฏิเสธ เขาเพียงพยักหน้า “ครับ”

ทั้งสองเดินไปด้วยกัน และพูดคุยกันตลอดทาง ไม่นานก็มาถึงโรงเรียนของถังเซวี่ย

“เฟิงเยี่ยหาน ขอบคุณที่มาส่งนะคะ แต่คุณจะกลับเมื่อไหร่หรือ? ถ้ามีเวลา ให้ฉันเลี้ยงอาหารสักมื้อไหม?” เธอต้องขอบคุณเฟิงเยี่ยหานในวันนี้มาก ถังเซวี่ยรู้สึกดีที่เขาเข้ามาช่วยเหลือ และอยากจะเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นการขอบคุณ

“ผมจะกลับมะรืนนี้ครับ”

“งั้นพรุ่งนี้มาทานมื้อเที่ยงด้วยกันนะคะ”

เฟิงเยี่ยหานพยักหน้า ก่อนจะลอบมองสร้อยคอเพชรสีชมพูที่ลำคอของเธอ

สร้อยคอนี้เข้าคู่กับชุดของถังเซวี่ยมาก ทุกอย่างเหมาะสมจนยากจะละสายตา

ถังเซวี่ยเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานจ้องมองสร้อยคอของตน และนึกได้ว่าถังเจี้ยนกั๋วก็ทำงานกับเฟิงเยี่ยหานด้วย เขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน เธอจึงกล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า “สร้อยคอเส้นนี้ไม่เข้ากับชุดฉันหรือ? ไม่สวยหรือคะ?”

“อืม… สวยมากเลยล่ะ”

เฟิงเยี่ยหานกล่าวตอบรับทันที “ตอนที่ผมเห็นเพชรสีชมพูนี้ครั้งแรก ผมคิดว่ามันต้องเหมาะกับคุณมากแน่”

ถังเซวี่ยหยุดชะงักไปก่อนจะถามว่า “หรือว่า… คุณเป็นคนซื้อสร้อยเส้นนี้?”

เฟิงเยี่ยหานนึกได้ทันทีว่าเขาได้มอบของขวัญผ่านถังเจี้ยนกั๋วไป เขาจึงรีบส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “เปล่าครับ ผมแค่ช่วยเลือกน่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด