การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 471 ปฏิบัติอย่างแตกต่าง
บทที่ 471 ปฏิบัติอย่างแตกต่าง
บทที่ 471 ปฏิบัติอย่างแตกต่าง
โม่เจ๋อหยวนยิ้มกว้างให้ถังซวงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ซวงเอ๋อร์เรากลับกันเลยไหม?”
ถังซวงพยักหน้า “ค่ะ ตอนแรกฉันว่าจะกลับมาเก็บของที่ห้องก่อนแล้วค่อยไปหาพี่ทีหลัง ไม่คิดว่าพี่จะมารออยู่แล้ว”
ต้วนเฟิ่งหยิงที่อยู่ด้านข้างของถังซวงหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ถังซวง นี่ใครหรือ?”
ถังซวงแนะนำอย่างไม่ปิดบัง “นี่คู่หมั้นของฉันเอง ชื่อโม่เจ๋อหยวน เขาก็ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชิงหวาเหมือนกัน”
“โห… เขาเป็นคู่หมั้นของเธองั้นหรือ”
ต้วนเฟิ่งหยิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ กล่าวชมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ถังซวง เธอกับคู่หมั้นเหมาะสมกันจัง พอยืนอยู่ข้างกันราวกับกิ่งทองกับใบหยกแน่ะ ถ้าฉันกินข้าวกับเธอ ฉันคงจะเจริญอาหารจนกินอีกชามเลยมั้งเนี่ย”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นแนะนำเพื่อนร่วมชั้นกับโม่เจ๋อหยวน
“นี่เพื่อนร่วมชั้นของฉันน่ะ ชื่อต้วนเฟิ่งหยิง”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าให้ต้วนเฟิ่งหยิง “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ สวัสดี”
ต้วนเฟิ่งหยิงรีบกล่าวทักทายกับโม่เจ๋อหยวนก่อนจะหันไปหาถังซวง “ถ้ามีอะไรจะไปเก็บข้างบน ก็ฝากฉันไปแล้วกันนะ เธอจะได้ไม่ต้องขึ้นไปข้างบน”
“ไม่ได้ หนังสือพวกนี้ค่อนข้างหนักเอาการ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเอง”
ต้วนเฟิ่งหยิงเลยแสร้งทำเป็นสบาย ๆ ด้วยการยกหนังสือเพียงมือเดียว “ไม่ต้องห่วง ฉันแข็งแรงอยู่แล้ว เอามันมาให้ฉันเถอะ”
เห็นอีกฝ่ายแข็งแรงขนาดนั้น ถังซวงถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นหนังสือให้ “เอาละ ถังซวง เธอกลับไปได้แล้ว ฉันก็จะขึ้นไปข้างบนเหมือนกัน”
ต้วนเฟิ่งหยิงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จนโม่เจ๋อหยวนถึงกับประหลาดใจ “เพื่อนร่วมห้องของเธอแข็งแกร่งจัง ดูกระตือรือร้นไม่เบา”
“ค่ะ ดูแล้ว เธอน่าจะพอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง”
ถังซวงหันกลับมาหาโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดขึ้นว่า “เราก็กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
หลังจากทั้งสองกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง เฮ่อหลานมาพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน วันนี้รายงานตัวเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ทุกอย่างราบรื่น สบายมาก”
เฮ่อหลานโล่งใจขึ้นมา หันไปหาโม่เจ๋อหยวนแล้วเอ่ยปากชวน “เจ๋อหยวน ยังไงก็อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะจ๊ะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้ม
อีกด้านหนึ่ง หลังจากต้วนเฟิ่งหยิงวางหนังสือของถังซวงไว้ที่เตียงของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็ปีนขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง
ในตอนนี้ ติงไหลตี้และเหยาหงกลับมาแต่เห็นว่าต้วนเฟิ่งหยิงอยู่คนเดียว จึงถามขึ้นว่า “ต้วนเฟิ่งหยิง ทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะ ถังซวงไม่ได้กลับมาด้วยหรือ?”
“ถังซวงกลับไปบ้านแล้ว เธอบอกว่าจะกลับบ้านทุกวัน”
ได้ยินอย่างนั้นติงไหลตี้พูดอย่างช่วยไม่ได้ “มีบ้านอยู่แล้ว ทำไมถึงเช่าหอพักอีกนะ”
เหยาหงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ก็เพราะพักเที่ยงมันกินเวลานานน่ะสิ เธอเลยอยากพักผ่อนในช่วงเที่ยงไง”
ต้วนเฟิ่งหยิงพยักหน้ารับ “ใช่ ถังซวงจะมาพักที่นี่แค่ช่วงเที่ยง”
“อย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ช่วยทำความสะอาดอะไรเลยหรือ?”
แม้ติงไหลตี้จะบ่นพึมพำ แต่เพราะหอพักนี้ไม่ได้ใหญ่มาก เหยาหงและต้วนเฟิ่งหยิงจึงได้ยินมันชัดเจน เหยาหงถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ไหลตี้ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ?”
ต้วนเฟิ่งหยิงหันมองติงไหลตี้ด้วยสายตาเย็นชา “ถังซวงเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหวา สามารถอยู่ในหอพักได้ ยิ่งไปกว่านั้นนักศึกษาทุกคนก็มีหอพักของตัวเอง ถังซวงมีสิทธิ์อยู่ในหอพักนี้ นี่เธอกำลังทำตัวขวางคลองหรือเปล่า?”
“ฉัน… ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ติงไหลตี้เห็นว่าเหยาหงและต้วนเฟิ่งหยิงเริ่มจริงจังขึ้นมา จึงโบกมือและรีบปฏิเสธ
ต้วนเฟิ่งหยิงเองไม่ชอบติงไหลตี้ตั้งแต่แรกพบ เธอจึงไม่คิดสนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป
ส่วนเหยาหงก็จัดหนังสือของตัวเองให้เข้าที่และไม่พูดอะไรต่อ
ติงไหลตี้เห็นท่าทางของทั้งสองคนแล้ว เธอก็หดหู่ลงมาก
ส่วนด้านถังซวงที่ไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะตัวเอง เวลานี้กำลังทานมื้อเย็นกับครอบครัว
“เสี่ยวเซวี่ย เปิดเทอมใหม่แล้วเป็นยังไงบ้าง?”
ถังเซวี่ยยกยิ้มกว้าง “สบายดีค่ะ ทุกคนในห้องเรียนก็นิสัยดีมาก”
ได้ยินถังเซวี่ยตอบอย่างนั้นแล้ว ถังซวงก็โล่งอก
หลังโม่เจ๋อหยวนทานมื้อเย็นเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้าน จึงกล่าวลากับถังซวง “ซวงเอ๋อร์ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันมารับนะ แล้วเดี๋ยวไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน”
“ค่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนขี่จักรยานมารับถังซวงที่หน้าบ้าน และไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน
“ซวงเอ๋อร์ ลงตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันจะไปหอพักก่อน”
“ค่ะ รีบไปเถอะ”
ถังซวงโบกมือให้โม่เจ๋อหยวนก่อนจะเดินเข้าหอพัก
หลังจากมาถึง คนอื่น ๆ ก็ตื่นกันหมดแล้ว
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นถังซวงมา ก็รีบโบกมือพร้อมจะกล่าวทักทาย “ถังซวง มาแล้วหรือ กินข้าวเช้าหรือยังจ๊ะ? ไปโรงอาหารด้วยกันไหม”
“ฉันกินมาแล้วละ”
ถังซวงยิ้มก่อนจะยื่นกล่องอาหารแล้วพูดว่า “นี่ ฉันเอาอาหารเช้ามาฝาก ยังร้อนอยู่เลย”
เมื่อวานต้วนเฟิ่งหยิงแบกหนังสือขึ้นมาให้เธอ เช้านี้ถังซวงจึงขอให้ป้าอ้วนจัดอาหารเช้าเพิ่มให้เป็นพิเศษ “ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ฉันเลยลองเลือก ๆ มาน่ะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงดีใจมาก รับกล่องอาหารมาและเปิดออก ก็เจอกับอาหารที่ดูน่ากินมากด้านใน เธอรีบกล่าวขอบคุณ “โห ถังซวง ฉันชอบกินมากเลยละ ขอบคุณนะ”
“อย่างนั้นรีบกินเถอะ”
ติงไหลตี้ที่เห็นถังซวงนำอาหารเช้ามาให้ต้วนเฟิ่งหยิง ก็ยิ่งรู้สึกอิจฉา ทำไมถังซวงถึงปฏิบัติต่อเธอแตกต่างจากคนอื่นนักล่ะ
“ถังซวง เธอเอาอาหารเช้ามาให้ต้วนเฟิ่งหยิงคนเดียวหรือ? ฉันนึกว่าทุกคนจะได้ซะอีก”
ติงไหลตี้กล่าวออกมากึ่งหยอกล้อ ก่อนจะหันมองเจียนหวานหว่านและเหวินเจ๋อหลิ่วอย่างขอแรงสนับสนุน
แต่เจียนหวานหว่านและเหวินเจ๋อหลิ่วกลับเพิกเฉย หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้วทั้งสองเดินออกจากหอพักโดยไม่พูดไม่จา
เหยาหงเองอยู่กับติงไหลตี้เสียมาก เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธจึงอดไม่ได้ที่จะพูดชวน “ไหลตี้ ไปโรงอาหารด้วยกันเถอะ จะได้เข้าชั้นเรียน”
“อื้ม”
ติงไหลตี้พยักหน้ารับคำชวนก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเหยาหง
หลังจากติงไหลตี้จากไปแล้ว ต้วนเฟิ่งหยิงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ทำไมติงไหลตี้ถึงจุ้นไปซะทุกเรื่องขนาดนี้นะ? ฉันล่ะเบื่อจะมองหน้าหล่อนจริง ๆ”
ถังซวงที่ได้ยินหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอาละ รีบกินข้าวเช้าเถอะ อย่าเอาคนที่เราไม่ชอบหน้ามาเป็นอารมณ์เลย”
ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ถังซวงเคยคิดว่าเธอจะเข้ากันได้ดีกับเพื่อนร่วมชั้น แต่ดูท่านอกจากต้วนเฟิ่งหยิงแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีใครน่าคบหาสักเท่าไหร่ อย่างเช่นติงไหลตี้ที่ชอบพูดประชดประชันคนนั้น ที่มีเพียงเหยาหงที่อยู่กับติงไหลตี้ได้ และเจียนหวานหว่านกับเหวินเจ๋อหลิ่วก็ไม่คิดผูกมิตรกับคนอื่น ๆ เลย
ต้วนเฟิ่งหยิงได้ยินถังซวงพูดก็พยักหน้ารับ “อื้ม ยังไงสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการกินอยู่แล้ว”
หลังจากกินเสร็จ เธอไปที่ห้องเรียนพร้อมกับถังซวง
Comments