การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 473 ฝูเซียงหยาง
บทที่ 473 ฝูเซียงหยาง
บทที่ 473 ฝูเซียงหยาง
ได้ยินเหยาหงพูดอย่างนั้น ติงไหลตี้พึมพำแผ่วเบา “เหมาะสมงั้นหรือ? ถังซวงสวยขนาดนั้นเลยหรือไง”
เจียนหวานหว่านเหลือบมองติงไหลตี้ก่อนจะพูดว่า “ถังซวงสวยและมีเสน่ห์กว่าถังอวี้สือด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงคิดว่าถังซวงไม่สวยล่ะ หรือเธอคิดว่าตัวเองสวยกว่า?”
ในหอพักของพวกเธอ ถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงอยู่ด้วยกัน ส่วนเหวินเจ๋อหลิ่วก็อยู่กับถังอวี้สือ ดังนั้นจึงเหลือเธอ เหยาหง และติงไหลตี้ น่าเสียดายที่ทั้งสองคนนี้มาจากชนบท เธอเองก็ไม่ได้ชื่นชอบติงไหลตี้มากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเหยาหงชวน วันนี้เธอคงไม่มาที่โรงอาหารกับหล่อนแน่นอน
ติงไหลตี้หน้าแดงก่ำด้วยความอับอายหลังได้ยินคำพูดของเจียนหวานหว่าน
“เจียนหวานหว่าน เธอ… หมายความว่ายังไง”
เจียนหวานหว่านไม่สนใจติงไหลตี้ เดินตรงไปต่อแถวซื้ออาหารตามลำพัง
ติงไหลตี้มองแผ่นหลังของเจียนหวานหว่านที่เดินออกไป ในแววตาของเผยความขุ่นเคืองออกมา และหันมาพูดกับเหยาหง “เจียนหวานหว่านคนนี้เป็นยังไงกันแน่ เราเห็นว่าหล่อนอยู่คนเดียวก็อุตส่าห์ชวนมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แต่กลับมาพูดอย่างนั้นกับฉัน อีกอย่างฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าตัวฉันสวยกว่าถังซวง”
ได้ยินติงไหลตี้บ่นเสียงดัง เหยาหงเพียงขมวดคิ้วก่อนจะหันมาพูดว่า “พอได้แล้วไหลตี้ รีบไปต่อแถวซื้ออาหารเถอะ”
ความจริงแล้วเหยาหงเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่ติงไหลตี้พูดออกมาไม่ค่อยดีนัก ถังซวงและคู่หมั้นเหมาะสมกันมาก แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่เหมาะ แม้จะไม่ได้พูดมาชัดเจนว่าถังซวงไม่สวย แต่สิ่งที่เจียนหวานหว่านพูดออกมามันถูกต้องแล้ว
เมื่อนึกถึงคำพูดและการกระทำของติงไหลตี้ที่ผ่านมา เหยาหงรู้สึกว่าไม่ควรจะไปสุงสิงกับอีกฝ่ายนักจะดีที่สุด ความคิดบางอย่างของหล่อนค่อนข้างผิดแปลกไปจากคนอื่นจริง ๆ
เหยาหงเดินไปต่อแถวซื้ออาหารโดยไม่สนใจติงไหลตี้ ทำให้เธอยิ่งขุ่นเคือง เธอถูกเมินเฉยใส่อีกครั้งแล้วงั้นหรือ ติงไหลตี้เห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินไปต่อแถวด้วย
ส่วนถังซวงที่ไม่รู้เลยว่าคนอื่น ๆ กำลังโต้เถียงกัน เธอทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว และกำลังพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวน “พี่จะกลับหอพักไหม?”
โม่เจ๋อหยวนส่ายหัว “ไม่ละ ซวงเอ๋อร์ เธอจะไปไหนต่อหรือเปล่า ฉันว่าจะพาไปเดินเล่นสักหน่อย ตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลัย เรายังไม่ได้เดินสำรวจกันเลย…”
“อื้ม ธรรมดาแหละนะ เราเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยกันนี่”
จางเฉียงที่อยู่ข้าง ๆ ดูจะประหลาดใจ
“แค่จะไปเดินเล่นจู๋จี๋กัน ทำไมต้องพูดจาอ้อมค้อมด้วยล่ะ?” พูดจบ เขาลุกขึ้น “เอาละ พวกเราอย่าไปรบกวนดีกว่า ไปกันเถอะ”
หม่าเจินผิงและคนอื่น ๆ ยืนขึ้นตาม ๆ กัน “เราว่าจะกลับไปที่หอพัก พวกนายไปเดินเล่นกันได้เลย”
ในหมู่พวกเขา มีเพียงชิงเต๋อเหรินที่ยังไม่ได้ยืนขึ้น แต่หันมองต้วนเฟิ่งหยิงด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนจะถามว่า “เพื่อนร่วมชั้นต้วน ถังซวงยังไม่กลับหอพัก อย่างนั้นให้ฉันไปส่งเธอดีไหม”
ได้ยินที่ชิงเต๋อเหรินพูด จางเฉียงและคนอื่น ๆ หันมองเขาอย่างประหลาดใจ ก่อนหันมองต้วนเฟิ่งหยิงและรีบกล่าวสนับสนุน “ใช่ ๆ เพื่อนร่วมชั้นต้วน เดี๋ยวพวกเราไปส่ง กลับกันเถอะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นผู้ชายหลายคนกำลังรายล้อมตนก็รีบลุกขึ้นก่อนจะกล่าวปฏิเสธ “ไม่ละ ฉันกลับคนเดียวได้ค่ะ” พูดจบ เธอโบกมือให้ถังซวงก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เห็นต้วนเฟิ่งหยิงวิ่งออกไปเร็วจี๋ ถังซวงถึงกับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ส่วนชิงเต๋อเหรินหันมองเพื่อนของตัวเอง “พวกนายทำให้เพื่อนร่วมชั้นต้วนของฉันกลัวแล้วเนี่ย”
จางเฉียงขึ้นเสียงใส่ทันที “นี่… ทำไมโทษพวกฉันล่ะ”
หม่าเจินผิงและคนอื่น ๆ ไม่คิดว่านี่เป็นความผิดของพวกเขาด้วยเหมือนกัน
“ใช่ บางทีเพื่อนร่วมชั้นต้วนอาจจะกลัวนายมากกว่านะ”
“นี่… พวกนายยังกล้าว่าฉันอีกหรือ” ชิงเต๋อเหรินวิ่งไล่ทุบจางเฉียงและคนอื่น ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่โดน ตีไม่โดน”
จางเฉียงและหม่าเจินผิงวิ่งหนีพร้อมหัวเราะลั่น
ชายหนุ่มที่สดใสและยังอ่อนเยาว์ สามารถยิ้มอย่างไร้เหตุผลออกมาได้ง่าย ๆ เพียงแค่มองพวกเขาก็รู้สึกสนุกสนานและมีความสุขมากแล้ว
เห็นเพื่อนร่วมห้องวิ่งหนีไปหมดแล้ว โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ “วุ่นวายกันจริง ๆ เจ้าพวกนี้”
ถังซวงยิ้ม “แบบนี้ไม่ดีหรือ? นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต มันควรจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้นี่คะ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารพร้อมกับถังซวง
ทันทีที่ทั้งสองคนเดินลงบันได พวกเขาบังเอิญเจอกับถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วพอดี
ถังอวี้สือเห็นว่าถังซวงเดินมา ก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนร่วมชั้นถังซวง ทานมื้อเที่ยงแล้วหรือ?”
เพราะถังอวี้สือยกยิ้มตลอดเวลา ถังซวงเองก็จำเป็นต้องยิ้มตอบเช่นกัน “ฉันกินเรียบร้อยแล้วละ ว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”
“เร็วจัง”
ขณะพูด ถังอวี้สืออดไม่ได้ที่จะหันไปมองโม่เจ๋อหยวน เมื่อครู่เธอไม่ได้มองชัด ๆ แต่ทันทีที่เห็นเขา เธอรู้สึกว่าแววตาของตนเป็นประกายอย่างปิดไม่มิด ทั้งที่เธอเคยพบเจอผู้ชายหล่อเหลามามากมาย แต่ไม่เคยพบเจอใครที่เหมือนกับเขาคนนี้มาก่อน เป็นผู้ชายที่ทำให้เธอถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะได้
แม้จะเห็นว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนสนิทสนมกัน แต่ถังอวี้สือก็ยังคงถามออกไป
“เพื่อนร่วมชั้นถังซวง นี่ใครหรือ?”
ถังซวงแนะนำอย่างสบาย ๆ “นี่คู่หมั้นของฉันเอง โม่เจ๋อหยวน”
“คู่หมั้น…”
แม้เธอพอจะเดาได้ แต่ถังอวี้สือก็ตัวชาวาบ ก่อนจะกล่าวชื่นชม “พวกเธอสองคนเหมาะสมกันมากจริง ๆ”
“ขอบคุณนะ”
หลังจากพูดจบ เธอพยักหน้าให้กับถังอวี้สือก่อนจะออกจากโรงอาหารพร้อมกับโม่เจ๋อหยวน
ทว่าถังอวี้สือยังเหลือบมองแผ่นหลังของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ก่อนจะเดินเข้าโรงอาหารต่อ
เหวินเจ๋อหลิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ถังอวี้สืออดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงโม่เจ๋อหยวนที่เพิ่งพบเจอ “คุณหนูคะ เด็กคนนั้นหล่อมาก คุณอยากให้ฉันไปสืบเรื่องของเขาให้ไหม?”
ถังอวี้สือเหลือบมองเหวินเจ๋อหลิ่วก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ไม่ได้ยินหรือไง นั่นคือคู่หมั้นของถังซวง? จะไปสนใจทำไมว่าคู่หมั้นของหล่อนเป็นใครมาจากไหน”
เหวินเจ๋อหลิ่วตอบกลับอย่างไม่พอใจ “มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่าเขาจะเป็นคู่หมั้นของถังซวง ตราบใดที่…”
ก่อนจะพูดจบ เหวินเจ๋อหลิ่วหันไปเห็นสายตาเย็นชาของถังอวี้สือ จึงรีบสงบปากสงบคำ
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดมากเลย”
“ค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงเดินเล่นในมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าสถานที่นี้ค่อนข้างกว้าง ทั้งสองเดินไปสักพัก ก็ยังไม่สามารถเดินได้ครบ และเพราะอากาศค่อนข้างร้อนพอสมควร พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะกลับ
“ไปเถอะถังซวง กลับไปที่หอพักดีกว่า จะได้งีบสักหน่อย”
ถังซวงพยักหน้า หลังจากโม่เจ๋อหยวนมาส่งเธอที่หอพักแล้ว เธอก็ล้างหน้าล้างตาก่อนจะงีบหลับสักครู่
คาบเรียนช่วงบ่ายคือวิชาเภสัชวิทยา อาจารย์เป็นชายวัยกลางคน ผอมสูง เขากล่าวแนะนำตัวเอง “สวัสดีนักศึกษาทุกคน ผมชื่อฝูเซียงหยาง และจากนี้จะเป็นอาจารย์ประจำวิชานี้”
ในตอนท้าย ฝูเซียงหยางกวาดสายตามองรอบห้องก่อนจะถามขึ้นว่า “ถังซวง อยู่ไหม?”
………………………………………………
Comments