การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 485 ทะเลาะ

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 485 ทะเลาะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 485 ทะเลาะ

บทที่ 485 ทะเลาะ

แม้ถังซวงจะเห็นความตื่นตระหนกของติงไหลตี้ แต่แววตาของเธอยังคงเย็นชาเช่นเคย เพราะหล่อนสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว

ตอนที่หยินอี้บอกเธอเรื่องนี้ ตัวเธอเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ติงไหลตี้กล้าทำเรื่องเหล่านี้ได้ยังไง นั่นคือญาติของเธอ น้องสาวของติงไหลตี้คงรักพี่สาวคนนี้มาก เกรดของเธอดีกว่าติงไหลตี้ด้วยซ้ำ แต่เด็กสาวที่อ่อนโยนและจิตใจดีกลับถูกทำลายชีวิตเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของติงไหลตี้

ถังซวงเหลือบมองติงไหลตี้อีกครั้งก่อนจะหันมองทางอื่น

ภายในห้องเรียนเกิดเสียงดังวุ่นวาย จนหวังอี้เดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เขาหันมองนักศึกษาทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “เงียบหน่อย การบรรยายจะเริ่มแล้ว”

นักศึกษาทั้งหมดรีบไปนั่งลงกับที่ก่อนจะหยุดปาก

ติงไหลตี้ที่ยังคงสับสนและประหลาดใจ เมื่อเห็นทุกคนนั่งลง เธอเองก็ต้องรีบนั่งลงด้วยเช่นกัน

โดยมีหวังอี้มองอย่างไม่วางตา

เมื่อชั้นเรียนจบลง ติงไหลตี้ที่สับสนค่อย ๆ ทำใจให้สงบ เมื่อเห็นว่าหวังอี้เดินออกไปแล้ว เธอลุกตามเขาไปทันที “อาจารย์หวัง ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ”

หวังอี้หยุดฝีเท้าก่อนจะหันมองติงไหลตี้ เขาพยักหน้ารับก่อนจะพูดว่า “ไปที่ห้องพักครูเถอะ”

ติงไหลตี้ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบตามไป

เมื่อมาถึงห้องพักครู ติงไหลตี้ร้องไห้อย่างหนัก

“อาจารย์หวัง ตอนนี้มีคนแพร่กระจายข่าวลือเกี่ยวกับฉันค่ะ คนพวกนั้นทำเกินไปแล้ว ช่วยฉันหาต้นตอของเรื่องนี้ทีได้ไหมคะ ทำไมคน ๆ นั้นถึงใจร้ายใส่ความฉันอย่างนี้”

เวลานี้ ติงไหลตี้อยากจะค้นหาต้นตอของเรื่องนี้บ้างแล้ว

เธอสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดมีถังซวงอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถังซวงถูกนินทาและคราวนี้บังเอิญว่าเป็นเธอ อีกอย่างถังซวงก็พูดว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าถังซวงเป็นคนทำ และเพราะถังซวงบอกให้อาจารย์หวังช่วยตรวจสอบเรื่องราวของข่าวลือได้ เธอก็ต้องทำได้ด้วย

หวังอี้ที่ได้ยินติงไหลตี้พูด ใบหน้าของเขากลายเป็นเย็นชาก่อนจะหยิบกองเอกสารขึ้นมาแล้วโยนมันตรงหน้าของอีกฝ่าย

“คุณควรจะพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีก่อน”

ใจของติงไหลตี้เต้นอย่างบ้าระส่ำ เธอเริ่มมองเอกสารตรงหน้าทันที

เมื่อเห็นข้อมูลในนั้น เธอยิ่งตื่นตระหนกกว่าเดิม นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับน้องสาว และยังมีรายละเอียดว่าเธอหลอกลวงให้น้องสาวแต่งงานกับชายแก่ที่ยังไม่แต่งงานด้วย “นี่มัน… มาจากไหน”

ติงไหลตี้มีหน้าซีดเซียว จนหวังอี้กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่คือข้อมูลที่พวกเราได้รับและเราติดต่อกลับไปที่บ้านเกิดของคุณ ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง คุณจะต้องถูกผมสอบสวนเรื่องราวหลังจากนี้ แล้วที่คนอื่น ๆ พูดคือเรื่องจริง มันไม่ใช่ข่าวลือ”

“ไม่… ไม่…”

ติงไหลตี้กำเอกสารในมือไว้แน่นจนปลายนิ้วซีดขาว ในใจยิ่งตื่นตระหนกและว้าวุ่น เวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรดี

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ บ้านเกิดของเธออยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก เรื่องพวกนี้จะแพร่มาถึงเมืองหลวงได้ยังไง?

หวังอี้มองติงไหลตี้ที่กำลังตัวสั่นก่อนจะเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “นักศึกษาติงไหลตี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กลับไปที่ห้องเรียนก่อน คุณมีคาบเรียนต่อไป” หลังพูดจบแล้ว เขาให้ติงไหลตี้ออกไป เพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ นักศึกษาคนนี้มีจิตใจที่ต่ำทรามเกินกว่าจะรับไหว ต่อให้ผลการเรียนจะดีแค่ไหน เขาก็จะไม่ประทับใจเธอแน่นอน

เพียงแต่ว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นที่บ้านเกิดของติงไหลตี้ และมันเป็นเรื่องครอบครัวของเธอเอง ต่อให้มหาวิทยาลัยจะทราบเรื่อง แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสิน

ด้านติงไหลตี้ที่ถูกหวังอี้ไล่ออกมา เดินออกจากห้องพักครู

เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียน เธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้คนที่นินทา คนพวกนั้นไม่รู้เลยว่าเธอต้องลำบากแค่ไหนตั้งแต่ยังเด็ก เธอพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้เรียนหนังสือ พวกเขาไม่รู้อะไรเลย แต่ทำไมถึงมีสิทธิ์มาต่อว่าเธออย่างนี้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ติงไหลตี้พลันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

อีกด้านหนึ่ง ต้วนเฟิ่งหยิงเห็นติงไหลตี้ไม่กลับเข้ามาเรียน เธออดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูของถังซวงว่า “ถังซวง รู้ไหมติงไหลตี้ไปไหน? เธอถึงกับไม่ยอมมาเข้าเรียน หรือว่าเธออายเกินกว่าจะเข้าเรียน?”

ถังซวงเหลือบมองต้วนเฟิ่งหยิงก่อนจะเขียนลงบนกระดาษ ‘ฉันไม่รู้หรอกว่าหล่อนจะอายหรือไม่อาย แต่ถ้าเธอยังพูดอยู่อีก อาจารย์จะตำหนิเธอแน่นอน’

เห็นถังซวงเขียนตอบกลับอย่างนั้น ต้วนเฟิ่งหยิงรีบกลับมานั่งตัวตรงและไม่ได้พูดอะไรต่อ

หลังจากชั้นเรียนช่วงเช้าสิ้นสุดลงแล้ว ถังซวงบอกลาต้วนเฟิ่งหยิงก่อนจะเดินไปที่ประตู ทว่าเธอกลับได้พบกับติงไหลตี้อีกครั้ง

“ถังซวง เธอเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องของฉันหรือ? ทำไมเธอถึงใจร้ายแบบนี้? เธอไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” ขณะพูด ติงไหลตี้ก็ก้าวขาเข้าหาถังซวงอย่างเกรี้ยวกราด

ถังซวงหันมองติงไหลตี้ก่อนจะแสยะยิ้ม กล่าวอย่างไม่แยแส “ติงไหลตี้ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้เลย อย่าเที่ยวใส่ร้ายคนอื่นสิ”

“ไม่ใช่งั้นหรือ? เธอเกลียดที่ฉันปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเธอ ตอนนี้เธอเลยใช้วิธีเดียวกันเพื่อตอบโต้ฉันไงล่ะ”

ถังซวงโบกมือปฏิเสธ “เธอคิดผิดแล้ว เรื่องของฉันเป็นข่าวลือจริง ๆ แต่เรื่องของเธอเป็นความจริง ตัวฉันเองยังนึกไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนใจร้ายได้ขนาดนี้ แม้แต่น้องสาวที่ดีกับเธอเสมอมา เธอยังทำกับน้องได้ คนอย่างเธอน่ะรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ”

“หุบปาก เธอไม่รู้อะไรและไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาเรื่องที่ฉันทำ”

“ฮ่า ๆ… น่าขยะแขยงชะมัดที่เธอมีความมั่นใจในตัวเองขนาดนี้”

ถังซวงรังเกียจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ เธอเดินผ่านอีกฝ่ายไปโดยไม่คิดสนใจ

“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”

ติงไหลตี้ยังคงมาขวางทาง ถังซวงจึงส่งสายตาเย็นชาและจ้องมองติงไหลตี้อย่างไร้อารมณ์

“เธอ…”

ติงไหลตี้เห็นอย่างนั้น ถึงกับก้าวขาไม่ออก เธอจำได้ว่าถังซวงเคยมีสีหน้าแบบนี้เมื่อครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้มันน่ากลัวกว่ามาก ราวกับในใจของหล่อนว่างเปล่าเหมือนหลุมไร้ก้น ส่วนตัวเธอเป็นเพียงมดตัวน้อยที่จะถูกถังซวงบดขยี้ได้ตลอดเวลา

เมื่อเห็นติงไหลตี้ขยับออกไป เธอรีบออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับไปวิจัยยาต่อที่บ้าน

ตอนนี้ติงไหลตี้ที่ยืนอยู่ สับสนและทำอะไรไม่ถูกอยู่สักครู่หนึ่ง

หลังจากถังซวงกลับมาถึงบ้าน เธอรับประทานอาหารง่าย ๆ ก่อนจะยุ่งกับการทดลอง ยังไงเธอก็ตอบตกลงเข้าร่วมโครงการของฝูเซียงหยางไปแล้ว เธอจึงต้องรีบทำงานให้เสร็จโดยเร็ว

เมื่อใกล้ถึงเวลา ถังซวงออกจากบ้านและกลับไปที่มหาวิทยาลัย เพราะหนังสือเรียนคาบบ่ายอยู่ที่หอพัก เธอจึงต้องกลับไปที่หอพักก่อน

“ถังซวง เธอมาเอาอะไรที่หอพักหรือ? ฉันคิดว่าเธอจะไปที่ห้องเรียนก่อนซะอีก”

ต้วนเฟิ่งหยิงโบกมือเรียกถังซวง

ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ฉันมาเอาหนังสือน่ะ” แต่ทันทีที่เธอเข้ามาในหอพัก เธอพบว่าบรรยากาศภายในห้องกำลังเคร่งเครียด ดูเหมือนติงไหลตี้กำลังทะเลาะกับเหวินเจ๋อหลิ่วอยู่

“เหวินเจ๋อหลิ่ว เธอทำเกินไปแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด