การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 509 เกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น
บทที่ 509 เกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น
บทที่ 509 เกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น
เมื่อได้ยินที่หัวเฟยเฟิ่งพูดอย่างนั้น เฮ่อหลานยังคงไม่เข้าใจ “อะไร… ลูกของใครหรือคะ?”
“ลูก… ลูกของแม่…”
แต่หัวเฟยเฟิ่งตื่นตระหนกมากหลังจากได้พบเจอกับเฮ่อหลาน เธอไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีกและเพียงเรียกหาอีกฝ่ายว่าลูกของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนถังซวงที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาว่า “แม่คะ คนคนนี้อาจจะเป็นคุณยายของเราค่ะ”
“อะไรนะ…”
เฮ่อหลานที่ยังคงตกตะลึง หลังจากได้ยินลูกสาวพูด เธอก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เธอหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยสีหน้าว่างเปล่าและสับสนไม่น้อย ตอนที่เธอยังเด็ก เธอมักจะจินตนาการเสมอว่าพ่อแม่ในสายเลือดของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นคนอย่างไร ขณะเดียวกันก็เจ็บปวดที่ถูกทอดทิ้ง และเมื่ออายุมากขึ้น เธอก็ค่อย ๆ ลืมเรื่องนี้ไป
เดิมทีเธอคิดว่าคงไม่มีวันได้รู้ถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวเองแล้ว แต่ไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะมีผู้อ้างว่าเป็นแม่ของเธอปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเห็นความประหลาดใจและสับสนของเฮ่อหลาน หัวเฟยเฟิ่งค่อย ๆ สงบลง
เธอหันมองเฮ่อหลานอย่างสงบก่อนจะพูดว่า “เธอต้องเป็นลูกของฉันที่หายออกจากบ้านไปนานหลายปีแน่นอน ฉันเป็นแม่ของเธอ ชื่อหัวเฟยเฟิ่ง” ในตอนท้ายของถ้อยคำ จิตสังหารรุนแรงฉายชัดในน้ำเสียงและแววตา “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะถังคุนเฉินและหลานอี๋ไป๋กับคนของพวกเขา ถ้าไม่มีพวกมัน ลูกจะไม่มีวันจากแม่ไปแน่นอน”
ถังซวงเองก็คิดอย่างนั้น และรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเธอหันมองเฮ่อหลานก่อนจะพูดว่า “แม่คะ เราลองฟังเรื่องราวในตอนนั้นกันก่อนเถอะค่ะ”
เฮ่อหลานที่ได้ยินลูกสาวคนโตพูดก็พยักหน้ารับ “จ้ะ”
เห็นว่าเฮ่อหลานยินดีรับฟัง หัวเฟยเฟิ่งเผยสีหน้ายินดีออกมาและรีบบอกกล่าวสิ่งที่เธอได้กระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ลูกจ๋า ให้แม่เล่าเรื่องครอบครัวของเราก่อนนะ”
หัวเฟยเฟิ่งยืดตัวขึ้นก่อนจะพูดคุยเกี่ยวกับตระกูลถัง
“ลูกยังมีคุณปู่ คุณย่าอยู่ด้วย และตอนนี้ปู่ของลูกเป็นผู้นำตระกูลถัง พ่อของลูกชื่อถังคุนหาวเป็นลูกชายคนโต คนที่ซวงเอ๋อร์ได้เจอวันนี้คือถังคุนเฉิน ลูกชายคนเล็กของคุณปู่”
ก่อนหัวเฟยเฟิ่งจะพูดต่อ เฮ่อหลานกล่าวแทรกอย่างช่วยไม่ได้ “อะไร… วันนี้ซวงเอ๋อร์ได้พบกับคนตระกูลถังด้วยหรือ?”
ถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานราวตระหนักได้ถึงเรื่องราวบางอย่าง ก่อนจะหันมองถังซวงแล้วถามขึ้นว่า “พี่คะ วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนถึงบาดเจ็บแบบนี้”
เฟิงเยี่ยหานเองก็พูดขึ้นเช่นกัน “ใช่ คนที่คอยปกป้องพวกคุณหายไปไหนหมด?” เฟิงเยี่ยหานเองก็สงสัยขึ้นมาเพราะไม่เห็นใครเลย
ได้ยินถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานพูด เฮ่อหลานหันมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างกังวลใจ “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกลูกได้รับบาดเจ็บไหม? ทำไมเรามัวนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เห็นความกังวลของเฮ่อหลานอย่างนั้น ถังซวงรีบพูดขึ้นว่า “แม่คะ พวกเราสบายดีค่ะ แม่ไม่เชื่อทักษะการแพทย์ของหนูหรือ ที่เรายังอยู่ตรงนี้เพราะว่าพวกเราไม่เป็นอะไรค่ะ”
เธอเห็นแล้วว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนสบายดี และเมื่อคิดถึงทักษะการแพทย์ของลูกสาวคนโต เฮ่อหลานเองค่อย ๆ ผ่อนคลายลง แล้วยังไม่ลืมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ถังซวงบอกกล่าวเรื่องนี้สั้น ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “แม่คะ ฟังคุณยายอธิบายก่อนเถอะค่ะ บางทีอาจจะมีอะไรก็ได้”
“นี่มันมากเกินไปแล้ว แล้วถ้าพวกเขาโผล่มาอีกล่ะ? พวกเขาต้องการจับกุมลูกไปเพราะว่าเป็นสายเลือดตระกูลถังงั้นหรือ?”
สุดท้ายเฮ่อหลานก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหันมองหัวเฟยเฟิ่งแล้วถามต่อว่า “แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นคะ? ถ้าฉันเป็นลูกสาวของคุณจริง ๆ แล้วทำไมฉันจึงหายไป?”
“แม่ไม่มีหลักฐานเรื่องในตอนนั้นเลย แต่ถ้ารวมกับเหตุการณ์ในวันนี้แล้ว และการคาดเดาของแม่ไม่ผิด นั่นหมายความว่าถังคุนเฉินกับคนอื่น ๆ เป็นคนทำร้ายลูก และทำร้ายซวงเอ๋อร์ด้วย”
จากนั้นหัวเฟยเฟิ่งก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
เธอกับถังคุนหาวรักกันจนได้แต่งงานกัน และเมื่อเธอให้กำเนิดบุตรสาว ครอบครัวมีความสุขมาก แต่หลังจากเด็กหญิงคนนั้นอายุครบเดือน หล่อนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งออกค้นหาอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่พบเด็ก สุดท้ายหัวเฟยเฟิ่งเริ่มตั้งสติและคิดสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดนี้
ใช่แล้ว การสืบหาของเธอทำให้เธอพบตัวบุคคลต้องสงสัยจริง ๆ
นั่นคือแม่บ้านตระกูลถัง หลังจากที่เธอใช้วิธีการมากมาย สุดท้ายแม่บ้านยอมจำนนและบอกว่าเด็กถูกฆ่าไปแล้ว หล่อนหลบซ่อนในตระกูลถังเพื่อแก้แค้น แต่ไม่สามารถลงมือกับใครได้ จึงลงมือกับเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องแทน
หัวเฟยเฟิ่งไม่ยอมรับสิ่งนี้ เธอโศกเศร้าจนเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืน
และเธอก็ไม่ยอมรับว่าลูกสาวของตนตายแล้ว บีบบังคับแม่บ้านคนนั้นว่าหล่อนเอาเด็กไปทิ้งที่ไหน แต่ก่อนที่เธอจะทันได้รีดความจริง อีกฝ่ายกลับกินยาพิษเพื่อฆ่าตัวตายเสียแล้ว
ทุกคนจึงคิดว่าเด็กตายแล้ว แต่หัวเฟยเฟิ่งเพียงคนเดียวที่ไม่เชื่อ เธอยังคงค้นหาต่อไปจนกระทั่งผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็ยังไม่พบเจอ เธอโศกเศร้าและเอาแต่เก็บตัวในบ้านไม่ออกไปไหนอีกเลย
กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว หัวเฟยเฟิ่งเริ่มอธิบายอย่างรวดเร็ว “แต่แม่ไม่เคยยอมแพ้ที่จะตามหาลูก แม่เพียงแสร้งทำอย่างนั้นเพื่อให้คนในตระกูลคิดว่าแม่ยอมแพ้เท่านั้น ความจริงแม่ยังแอบตามหาลูก ไม่เคยมีวันไหนเลยที่หยุดพัก”
เฮ่อหลานไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว เธอมองเส้นผมสีขาวของหัวเฟยเฟิ่งก่อนจะถามอย่างอดไม่ได้ “เส้นผมนี้… เปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืนเพราะค้นหาฉันไม่พบหรือคะ?”
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งได้ยินเฮ่อหลานถามอย่างนั้น ก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอกถ้าผมของแม่จะหงอกขาวอย่างนี้ สุดท้ายแล้วในอนาคตมันก็จะกลายเป็นสีขาวอยู่ดี ก็แค่เร็วขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น”
เฮ่อหลานมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความว่างเปล่า ตอนนี้เองที่เธอตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายกังวลและเจ็บปวดมาก อีกทั้งยังไม่เคยหยุดพักในการตามหาเธอแม้สักวัน
แต่เป็นถังซวงที่ถามขึ้นว่า
“แล้วถ้าเป็นแม่บ้านที่ต้องการบุกเข้ามาแก้แค้น แต่ทำไมคุณถึงสงสัยถังคุนเฉินกับคนอื่นล่ะคะ?”
ได้ยินอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพราะว่าแม่รู้ถึงความปรารถนาของหลานอี้ไป๋น่ะสิ”
กล่าวออกมาอย่างนั้นแล้ว แววตาของหัวเฟยเฟิ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“นับตั้งแต่ถังคุนเฉินแต่งงานกับหลานอี้ไป๋ แม่รู้สึกว่าเธอค่อนข้างทำตัวประหลาด เธอมักจะทำตัวเย็นชาใส่แม่เสมอทุกครั้งที่ได้พบกัน แต่หลังจากเด็กหายตัวไปแล้ว เธอกลับริเริ่มที่จะมาเอาอกเอาใจแม่อยู่นาน ช่วงแรก ๆ แม่ยังคงโศกเศร้าเลยไม่รู้ถึงความผิดปกติเหล่านั้น แต่หลังจากแม่เก็บตัวเงียบและไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมด แม่จึงค้นพบความผิดปกติ”
“ลองทายสิว่าแม่เจออะไร ฮ่าฮ่า… นังแพศยาหลานอี้ไป๋ชอบถังคุนหาว คราวแรกที่หล่อนเย็นชากับแม่ เพราะแม่เป็นภรรยาของถังคุนหาว และยิ่งแม่คิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติมากเท่านั้น แม่เลยลอบจับตามองครอบครัวของถังคุนเฉินอย่างลับ ๆ ด้วย แล้วยังส่งคนของแม่ออกไปทั่วโลกเพื่อตามหาลูก”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเฮ่อหลานยิ่งกลายเป็นสับสน
ถังซวงรีบถามต่อ
“แล้วถังคุนเฉินรู้ไหมคะว่าภรรยาของเขาหลงรักพี่ชายของตัวเอง?”
…………………………………………………
Comments