การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 510 ถังคุนหาว

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 510 ถังคุนหาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 510 ถังคุนหาว

บทที่ 510 ถังคุนหาว

พอได้ยินที่ถังซวงพูด หัวเฟยเฟิ่งยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “อื้ม เขาไม่รู้ แล้วทำไมยายต้องบอกเขาล่ะ? ปล่อยให้เขารักหลานอี้ไป๋สุดหัวใจและอยู่กับคนที่ไม่เคยรักเขาไปตลอดชีวิตมันจะไม่ดีกว่าหรือ? สองคนนี้เหมาะสมกันจะตาย”

ดวงตาของหัวเฟยเฟิ่งมีแต่ความเกลียดชัง

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น หลานอี้ไป๋ และถังคุนเฉิน ลูกสาวของเธอคงจะไม่มีวันหายไป

ถังซวงได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว “ก็จริงนะคะ”

แต่เธอกลับสงสัยเรื่องแม่บ้านมากกว่า “เรื่องแม่บ้านถูกสืบทราบภายหลังหรือคะ? แล้วทำไมหล่อนถึงบอกว่าฆ่าเด็กไปแล้ว?”

กล่าวถึงเรื่องนี้ หัวเฟยเฟิ่งเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน

“ยายเดาว่าเป็นถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ที่ต้องการเอาชีวิตเด็กตั้งแต่แรก แต่เพราะเกิดเหตุบางอย่างทำให้แม่บ้านพาเด็กไปที่อื่น และเลือกที่จะไม่ฆ่าเธอ”

หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะหันมองเฮ่อหลาน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความยินดี

“โชคดีที่ลูกไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นแม่ไม่รู้จะมีชีวิตอย่างไรแล้ว”

เฮ่อหลานยังคงรู้สึกไม่เชื่อ “แต่ว่า… นี่จะเป็นเรื่องผิดพลาดไหมคะ?”

“ไม่ ไม่ผิดพลาดแน่นอน แม่จำได้ชัดเจนว่าลูกมีปานอยู่ตรงไหน”

ดวงตาของเฮ่อหลานชะงักค้างทันที เธอมีปานที่เอวจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น… คนตรงหน้าของเธอคือมารดาผู้ให้กำเนิดจริงงั้นหรือ?

ถังซวงกล่าวขึ้นมาเสียงอ่อนโยน “แม่คะ เธอน่าจะเป็นคุณยายจริง ๆ เพราะเธอรู้ว่าปานของแม่อยู่ตรงไหน แต่ถ้าหากต้องการความสบายใจ เราสามารถตรวจสอบได้นะคะ”

หัวเฟยเฟิ่งส่ายศีรษะ “ไม่ ลูกเป็นลูกสาวของแม่แน่นอน” หลังกล่าวอย่างนั้น หล่อนถามเสียงแผ่ว “แม่ขอเรียกลูกว่าอาหลานได้ไหม?”

เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอมีชื่อว่าเฮ่อหลาน เพราะอย่างนั้นจึงต้องการเรียกหล่อนว่าอาหลานด้วย

เฮ่อหลานที่ได้ยินคำพูดของหัวเฟยเฟิ่งก็พยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ค่ะ แต่เรามาตรวจสอบกันก่อนจะดีกว่า” ความจริงเธอเองก็เกือบจะมั่นใจแล้วว่าหัวเฟยเฟิ่งตรงหน้าคือมารดาผู้ให้กำเนิด แต่เธอก็ยังต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัด เพื่อไม่ให้มันผิดพลาดภายหลัง

แม้หัวเฟยเฟิ่งอยากจะปฏิเสธ แต่เห็นเฮ่อหลานก็ยังยืนกรานอย่างนั้น เธอจึงยอมตกลง “จ้ะ”

ตอนนี้แววตาของหัวเฟยเฟิ่งยังไม่ละจากเฮ่อหลานเลย เธอยังคงจ้องมองเฮ่อหลานอย่างรักใคร่ราวกับต้องการกอดรัดเฮ่อหลานเอาไว้ไม่ให้หายไปไหนอีก จนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปคว้ามือของเฮ่อหลานเอาไว้ “อาหลาน… ลูกของแม่…”

ทันทีที่เอ่ยคำนี้ หัวเฟยเฟิ่งเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นว่าลูกสาวยังไม่ตาย โชคดีที่สามีของเธอเข้าใจ และยินยอมให้เธอตามหาลูกสาวต่อไป จนกระทั่งเธอได้พบลูกสาวจริง ๆ

เห็นว่าหัวเฟยเฟิ่งร้องไห้อีกครั้ง เฮ่อหลานพยายามอดกลั้นเอาไว้จนดวงตาแดงก่ำ

เวลานี้ถังซวงเห็นบางอย่างจึงถามหัวเฟยเฟิ่งว่า “คุณยายคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่นี่แล้ว แล้ว… คุณตาล่ะคะ?”

เธอได้ยินเรื่องราวของถังคุนหาวจากปากของหัวเฟยเฟิ่งเท่านั้น และหลานอี้ไป๋ก็หลงรักถังคุนหาว ดังนั้นเด็กสาวจึงไม่ค่อยมั่นใจว่าถังคุนหาวรู้เรื่องนี้ไหม

“คุณยายคะ ถังคุนเฉินไม่รู้ว่าภรรยาของเขาชอบพี่ชายของตัวเอง แล้ว… คุณตารู้เรื่องนี้ไหมคะ?”

หัวเฟยเฟิ่งส่ายศีรษะ “เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณยายกับคุณตาตามหาแม่ด้วยกันหรือคะ?”

เฮ่อหลานหันมองหัวเฟยเฟิ่ง

หัวเฟยเฟิ่งรู้ว่าถังซวงต้องการถามอะไร และเธอไม่คิดจะปกปิดเรื่องไหนทั้งนั้น จึงตอบกลับออกไปตรง ๆ ว่า “แน่นอนว่าคุณตาของหลานรู้สึกเหมือนกับยาย เขาไม่เชื่อว่าอาหลานตายแล้ว และยังตามหาอยู่เสมอ แต่สุดท้าย… ตาก็ไม่เชื่อการคาดเดาของยาย คิดว่าครอบครัวของน้องชายไม่มีวันทำร้ายอาหลาน”

เธอสงสัยว่าแม่บ้านคนนั้นถูกถังคุนเฉินและคนอื่น ๆ บงการเบื้องหลัง แต่สามีของเธอไม่เชื่อ เพราะเขาถือว่าถังคุนเฉินและคนอื่นคือคนในครอบครัวเสมอมา

เมื่อเห็นใบหน้าของเฮ่อหลานกับถังซวงไม่ยินดีนัก หัวเฟยเฟิ่งกล่าวอย่างเร่งรีบ “ความจริงแล้ว… คุณตาของหลานให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก และไม่เคยหยุดคิดถึงอาหลานเลย”

ถังซวงกล่าวขึ้นมา “แล้วทำไมวันนี้คุณตาถึงไม่มาหรือคะ? เป็นเพราะยายกลัวว่าเขายังคงเชื่อใจน้องชายตัวเอง และข่าวทั้งหมดจะรั่วไหลหลังจากที่ยายบอกเขาใช่ไหม ยายเลยมาที่นี่คนเดียว”

“ยาย…”

หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหลานสาวคนนี้จะคาดเดาทุกสิ่งที่เธอคิดได้ เพราะเธอกังวลมากจึงมาที่นี่คนเดียว และโชคดีที่ถังคุนเฉินไม่ได้พาใครมามากมาย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถช่วยเหลือถังซวงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ และ… ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอยังพูดไม่หมด

สามีของเธอยังมีความหวังมากล้นในสองปีแรก แต่แล้วหลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ยอมแพ้ แม้จะรู้สึกว่าลูกสาวของเขาตายไปแล้ว และยอมรับว่าแม่บ้านคนนั้นฆ่าลูกสาวของเขาจริง ๆ แต่สิ่งที่หัวเฟยเฟิ่งสามารถยอมรับได้แม้เขาจะสูญเสียความหวัง คือเขายังยอมให้เธอพาคนออกค้นหาเสมอมา นี่คือเหตุผลที่เธอยังรักเขาอยู่

เห็นท่าทางของหัวเฟยเฟิ่งอย่างนั้น ถังซวงและคนอื่น ๆ ยิ่งไม่เข้าใจ

ถังคุนหาวต้องการตามหาลูกสาวก็จริง แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก และไม่คิดสงสัยอะไรในตัวถังคุนเฉินเลย

ขณะทุกคนกำลังพูดคุยกัน คุณนายจิงเดินเข้ามา เธอได้ยินว่ามีเสียงพูดคุยกันจึงคิดว่ามีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน เลยออกมาดู ส่วนจิงเจ้อหรงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน เขาเพิ่งลงจากรถและกำลังเดินเข้าบ้าน

จิงเจ้อหรงเห็นดวงตาของเฮ่อหลานแดงก่ำ ก็รีบเข้าหาเธอแล้วถามทันทีว่า “อาหลาน เกิดอะไรขึ้นครับ?”

เห็นจิงเจ้อหรงอย่างนั้น เฮ่อหลานรีบรุดไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว เธอจับมือเขาแน่นก่อนจะพูดว่า “ฉันสบายดีค่ะ แต่ว่า… แค่ตื่นเต้นและสับสนนิดหน่อย”

จิงเจ้อหรงเห็นว่าอารมณ์ของเฮ่อหลานค่อนข้างซับซ้อนจริง ๆ เขาหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความสงสัย

ตอนนี้หัวเฟยเฟิ่งเองก็หันมองจิงเจ้อหรงเช่นกัน ชายตรงหน้าอายุน้อยมาก จนเธอแปลกใจ อีกทั้งถังซวงและถังเซวี่ยก็ยังเด็ก ดูท่าพ่อของพวกเธอก็คงจะอายุน้อยไม่ต่างกัน

“อาหลาน นี่ใครหรือ?”

จิงเจ้อหรงเองก็อยากรู้เช่นกัน เขาคาดเดาว่าอารมณ์ที่ซับซ้อนของภรรยาคงจะเกี่ยวข้องกับหญิงชราผู้นี้แน่นอน

คุณนายจิงก้าวเข้ามาด้วยเช่นกันก่อนจะหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความสงสัย และรอฟังเฮ่อหลานแนะนำ

“นี่หัวเฟยเฟิ่งค่ะ บางทีเธออาจจะ… เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของฉัน”

“อะไรนะ…”

คุณนายจิงและจิงเจ้อหรงหันมองหัวเฟยเฟิ่งด้วยความประหลาดใจ แต่จิงเจ้อหรงเป็นคนฟื้นคืนสติก่อนแล้วกล่าวทักทายหัวเฟยเฟิ่งด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ ผมชื่อจิงเจ้อหรง เป็นสามีของอาหลาน”

“สวัสดี”

หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับคำทักทายของจิงเจ้อหรง ขณะเดียวกันเธอเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา สามีของลูกสาวเธอค่อนข้างดูดีไม่น้อย

ทันทีที่คุณนายจิงได้ยินว่าหัวเฟยเฟิ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเฮ่อหลาน เธอยิ่งกระตือรือร้น พาหัวเฟยเฟิ่งออกไปคุยด้วยที่ด้านข้าง

ถังซวงจึงมีโอกาสเล่าทุกอย่างให้จิงเจ้อหรงฟังว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด