การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 512 ผลการตรวจ

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 512 ผลการตรวจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 512 ผลการตรวจ

บทที่ 512 ผลการตรวจ

ถังซวงพยักหน้ารับให้คำพูดของหัวเฟยเฟิ่ง “ค่ะ”

เมื่อเห็นว่าคุณยายกับพี่สาวมีเรื่องจะพูดคุยกัน ถังเซวี่ยก็ยกยิ้มก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า “คุณยาย พี่คะ งั้นหนูไปก่อนนะ” หลังพูดจบ เด็กสาวรีบวิ่งออกไปทันที แต่กลับพบเฟิงเยี่ยหานกับโม่เจ๋อหยวนยืนรออยู่ด้านนอก

“เสี่ยวเซวี่ย…”

เฟิงเยี่ยหานเห็นว่าถังเซวี่ยออกมาแล้ว เขารีบก้าวเท้าเข้าหาทันทีก่อนจะหันมองด้านหลังแล้วถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย คุณออกมาคนเดียวหรือ?”

“พอดีว่าคุณยายมีเรื่องจะพูดคุยกับพี่น่ะ ฉันก็เลยออกมาก่อน”

เฟิงเยี่ยหานยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวผมพากลับไปที่ลานนะ”

โม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานมาด้วยกัน จึงได้ยินที่เสี่ยวเซวี่ยพูดเมื่อครู่ เขาหันมองถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นพวกนายกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะรอถังซวง”

“อื้ม งั้นพวกเรากลับก่อนนะ”

เฟิงเยี่ยหานพาถังเซวี่ยเดินออกไปทันที

ส่วนโม่เจ๋อหยวนยังนั่งรอที่เดิม

อีกฝั่งหนึ่ง หัวเฟยเฟิ่งหันมองถังซวงก่อนจะถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ซวงเอ๋อร์ ยายขอถามเรื่องชีวิตความเป็นอยู่แม่ของหลานตั้งแต่เด็กได้ไหม? ยายอยากรู้ว่าแม่หลานต้องพบเจอกับอะไรบ้าง”

“คุณยายอยากรู้จริง ๆ หรือคะ?”

ได้ยินถังซวงกล่าวออกมาอย่างนั้น ในใจของหัวเฟยเฟิ่งตื่นตระหนกและสัมผัสได้ทันทีว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินย่อมไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แต่สุดท้ายเธอก็ยังพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อื้ม ยายอยากรู้จริง ๆ”

“ค่ะ อย่างนั้นหนูจะเล่าให้ฟัง”

ถังซวงไม่ได้ปิดบังอะไร เธอเล่าทุกสิ่งของเฮ่อหลานตั้งแต่เด็กจนโต และไม่ได้เล่าด้วยอารมณ์ใด ๆ เพียงแค่พูดอย่างตรงไปตรงมา และเมื่อพูดถึงวันที่เข้าตระกูลถัง หัวเฟยเฟิ่งก็โกรธจนเอามือทุบโต๊ะโดยไม่รู้ตัว

“กลั่นแกล้งกันขนาดนี้เลยหรือ มันมากเกินไปแล้ว ตระกูลถังกล้าดียังไงมารังแกลูกสาวของฉัน พวกมันทั้งหมดจะไม่ตายดีแน่นอน” หลังพูดจบ หัวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นทันที เธอคิดจะไปฆ่าล้างตระกูลถังเดี๋ยวนี้ แต่หลังจากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าตระกูลถังคือต้นกำเนิดของถังซวงและถังเซวี่ย คือบิดาผู้ให้กำเนิด

พอนึกถึงเรื่องนั้น หัวเฟยเฟิ่งก็ฟื้นคืนสติกลับมาและคิดว่าตัวเองเกรี้ยวกราดมากเกินไป เธอจึงหันกลับมาหาถังซวง แต่กลับพบว่าในแววตาของถังซวงยังคงราบเรียบเช่นเคย ไม่มีแม้อารมณ์ในแววตา

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเธอจึงเข้าใจว่าหลานสาวคนนี้ไร้เยื่อใยใด ๆ กับตระกูลถัง หัวเฟยเฟิ่งจึงโล่งใจขึ้นมา

“คุณยายคะ อย่ารีบร้อนไปเลยค่ะ”

เมื่อเห็นถังซวงพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้เธอรีบร้อน หัวเฟยเฟิ่งก็สงบจิตใจลงขณะมองโต๊ะที่เธอทุบจนแหลกตรงหน้า ก็เผยความกระอักกระอ่วนออกมาก่อนจะเอ่ยปาก “ขอโทษจ้ะ เมื่อครู่ยายควบคุมอารมณ์ไม่ได้” ดูเหมือนว่าเมื่อครู่เธอจะเล่นใหญ่เกินไปหน่อยจนโต๊ะตรงหน้าพัง

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย เดี๋ยวหนูให้คนมาทำความสะอาดมันเอง”

หัวเฟยเฟิ่งที่ได้ยินยิ่งรู้สึกละอายใจ “ซวงเอ๋อร์ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวยายจัดการเอง อย่าให้วุ่นวายคนอื่นเลยนะ”

เห็นหัวเฟยเฟิ่งคิดจะลงมือเก็บกวาดมันด้วยตัวเอง ถังซวงก็รีบคว้าเธอเอาไว้ “คุณยายคะ ปล่อยไว้อย่างนี้แหละค่ะ เดี๋ยวหนูให้คนมาทำความสะอาดมันทีหลัง หรือไม่เดี๋ยวหนูทำเองก็ได้ค่ะ”

หัวเฟยเฟิ่งหยุดชะงักทันที

โม่เจ๋อหยวนได้ยินเสียงดังจากด้านใน เขาเลยเกรงว่าจะมีเรื่องร้าย จึงพุ่งเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต และเห็นว่าโต๊ะตรงหน้าพังลง เขาก็หันมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ แต่ก็เข้าใจได้รวดเร็วก่อนจะยกยิ้มให้หัวเฟยเฟิ่ง “อ๋อ โต๊ะพังนี่เอง อย่างนั้นผมกับซวงเอ๋อร์จะช่วยกันทำความสะอาดนะครับคุณยาย”

หัวเฟยเฟิ่งยกยิ้มเขินอาย “อย่าทำเลยจ้ะ ให้คนมาทำแล้วกันนะ”

ถังซวงยิ้มรับ แล้วเรียกคนเข้ามาจัดการ

หลังจากเก็บกวาดเศษซากเหล่านั้นออกไปแล้ว หัวเฟยเฟิ่งขอให้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนนั่งลงอีกครั้ง “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวโม่ ยังไงนั่งคุยกับยายก่อนนะ”

ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธ นั่งลงพูดคุยกับหัวเฟยเฟิ่งต่อ

“ซวงเอ๋อร์ เล่าต่อเถอะ ยายอยากรู้จริง ๆ ว่าตระกูลถังจะเลวทรามได้มากแค่ไหน”

ถังซวงพูดต่อในสิ่งที่เธอและแม่ประสบพบเจอในตระกูลถัง จนกระทั่งบอกเล่าถึงการหย่าร้างระหว่างเฮ่อหลานกับถังเจี้ยนกั๋ว “หลังจากนั้นแม่ก็เจอกับลุงจิง และก็ได้พบว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร จนมีความสุขเหมือนทุกวันนี้ ตอนนี้ลุงจิงเลยกลายเป็นพ่อของเสี่ยวเซวี่ยกับหนูค่ะ”

นับตั้งแต่ที่เฮ่อหลานหย่าร้างกับถังเจี้ยนกั๋ว ชีวิตของเธอก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ พอได้ยินอย่างนั้นหัวเฟยเฟิ่งก็ยกยิ้ม เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ จิงเจ้อหรงเป็นพ่อของหนู ยายคิดว่าเขาเป็นคนดีแล้วยังปฏิบัติกับเฮ่อหลานเป็นอย่างดี ดีจริง ๆ จ้ะ”

“ใช่ค่ะ พ่อเป็นคนดีจริง ๆ”

หัวเฟยเฟิ่งถามสิ่งต่าง ๆ ที่เธออยากรู้ต่อ และเมื่อเห็นว่ามันเริ่มดึกแล้ว เธอยกยิ้มก่อนจะพูดกับถังซวงและโม่เจ๋อหยวน “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวโม่ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ นี่ดึกมากแล้ว”

“ค่ะคุณยาย อย่างนั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ คุณก็รีบพักผ่อนด้วยนะคะ”

หลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจากไปแล้ว ใบหน้าของหัวเฟยเฟิ่งกลายเป็นเย็นชาอีกครั้ง

แม้ว่าตอนนี้ชีวิตของเฮ่อหลานจะดีขึ้น แต่เฮ่อหลานต้องทนทุกข์ทรมานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลูกสาวที่เธอโหยหาทุกลมหายใจกลับถูกรังแก เรื่องนี้เธอไม่อาจปล่อยไปได้

แน่นอนว่าผู้ที่ผิดที่สุดในเรื่องนี้คือถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ หากไม่ใช่เพราะสองคนนั่น เฮ่อหลานจะไปอยู่ในที่ที่ไม่สมควรได้อย่างไร แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยพวกเขาไปเช่นกัน

หัวเฟยเฟิ่งคิดวางแผนไว้มากมายก่อนจะผล็อยหลับไป

วันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานและหัวเฟยเฟิ่งออกจากบ้านพร้อมกับจิงเจ้อหรงเพื่อไปตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด

“เอาละอาหลาน เราทำได้แค่รอผลการตรวจเท่านั้น แต่ในใจของแม่ แม่มั่นใจมากว่าลูกคือลูกของแม่ แต่ในเมื่อลูกต้องการจะตรวจ แม่ก็จะตรวจให้ลูกสบายใจ”

เมื่อเห็นความมั่นคงในแววตาของหญิงชรา เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ อย่างนั้นเรามารอฟังผลกันนะคะ”

จิงเจ้อหรงถามผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนจะมองหัวเฟยเฟิ่งและเฮ่อหลานพร้อมบอกกล่าวกับทั้งสองว่า “การตรวจนี้จะใช้เวลาประมาณห้าวันนะครับ”

“ค่ะ”

เพราะผลลัพธ์ยังไม่ออก หัวเฟยเฟิ่งจึงยังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิงต่อไป และเมื่อถึงวันที่ผลลัพธ์ออกมาแล้ว จิงเจ้อหรงเดินมาบอกเธอด้วยความตื่นเต้น ซึ่งเธอเองก็ตื่นเต้นเช่นกันจึงรีบถามไปว่า “ลูกเขย เธอเป็นลูกเขยของฉันใช่ไหม?”

จิงเจ้อหรงเห็นความตื่นเต้นและกังวลของหัวเฟยเฟิ่งก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คุณแม่ครับ ผมเป็นลูกเขยของแม่ครับ”

จิงเจ้อหรงทราบผลการตรวจแล้ว ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนสรรพนามและเรียกอีกฝ่ายว่าแม่

เฮ่อหลานและหัวเฟยเฟิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็ได้ยินคำนั้น ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นน้ำตาไหลเอ่ออาบแก้มสองข้าง

หัวเฟยเฟิ่งเป็นผู้ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เดินไปหาเฮ่อหลานก่อนจะกอดไว้แน่นอย่างโหยหา “อาหลาน ลูกสาวของแม่ ในที่สุดแม่ก็ได้พบเจอลูกสักที”

เฮ่อหลานที่สัมผัสถึงความอบอุ่นในอ้อมแขน กลับหวาดกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน

แต่ทันใดนั้นเธอสัมผัสได้ว่ามีน้ำหยดที่ต้นคอทีละหยด ๆ เธอจึงตระหนักว่านั่นคือหยาดน้ำตาของหัวเฟยเฟิ่ง

“แม่คะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด