การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 513 พ่อและลูกสาวได้พบกัน

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 513 พ่อและลูกสาวได้พบกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 513 พ่อและลูกสาวได้พบกัน

บทที่ 513 พ่อและลูกสาวได้พบกัน

หัวเฟยเฟิ่งได้ยินเฮ่อหลานเรียกตนว่า ‘แม่’ เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป กอดเฮ่อหลานก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อดกลั้น

ยิ่งเห็นหัวเฟยเฟิ่งเป็นอย่างนี้แล้ว เฮ่อหลานยิ่งรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“แม่คะ เราควรจะดีใจไม่ใช่หรือ อย่าร้องไห้เลยนะคะ”

“ใช่จ้ะ ๆ เราไม่ควรร้องไห้ ควรจะหัวเราะมากกว่า”

หัวเฟยเฟิ่งรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะยกยิ้มให้เฮ่อหลาน เธอลูบใบหน้าของเฮ่อหลานและพูดว่า “ลูกสาวของฉันโตขนาดนี้ แต่ก็ยังสวยไม่สร่าง”

“แม่คะ…”

เฮ่อหลานเองก็ตื่นเต้นมาก และยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้

จากนั้นจิงเจ้อหรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “คุณแม่ครับ อาหลาน ผลการตรวจอยู่นี่แล้ว ลองดูก่อนนะครับ”

หัวเฟยเฟิ่งรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องดู แต่เฮ่อหลานยังรับมาดู ทันทีที่เห็นผลการตรวจ เธอก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานดีใจมากแค่ไหน หัวเฟยเฟิ่งยิ่งรู้สึกผิดและนึกเสียใจมากขึ้น “ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เองที่ไม่ยอมตามหาลูกให้เร็วกว่านี้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ ยังไงแม่ก็ไม่เคยยอมแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดนี่เป็นความผิดของคนอื่น อย่าเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองเลยนะคะ”

หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับอย่างขมขื่น “ใช่ ทั้งหมดเป็นความผิดของถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา เราสองคนแม่ลูกคงไม่ต้องแยกจากกันนานหลายปีอย่างนี้”

ในตอนท้าย หัวเฟยเฟิ่งกล่าวถึงการกลับไปหาตระกูลถัง

“อาหลาน อีกสองวันเรากลับไปที่บ้านตระกูลถังกันไหม…”

“กลับตระกูลถัง…”

เฮ่อหลานได้ยินข้อเสนอของหัวเฟยเฟิ่งแล้วนิ่งเงียบไปครู่ เธอไม่รู้ว่าควรจะกลับไปดีไหม “แต่… คนอื่นยังไม่รู้ว่าฉันเป็นลูกสาวของแม่ แม้แต่คุณพ่อ… ก็ยังไม่รู้”

หัวเฟยเฟิ่งเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ถังคุนหาวยังไม่รู้เรื่องนี้”

นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าการหายตัวไปของลูกสาวอาจเกี่ยวข้องกับถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋ อีกทั้งหลานอี้ไป๋ยังชอบถังคุนหาว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกเขาจึงไม่ลึกซึ้งเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป

นอกจากนี้ เธอยังตามหาลูกสาวอยู่นาน ส่วนสามีกลับค่อย ๆ หมดหวัง คิดว่าลูกสาวของตนตายไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งแย่ลงทุกวัน

ในฐานะบุตรสาวคนโตที่แท้จริงของตระกูลถัง แน่นอนว่าลูกสาวของเธอต้องกลับไป ไม่อย่างนั้นลูกสาวของครอบครัวรองจะฉวยโอกาส

“แม่จะบอกให้พ่อทราบเอง และขอให้เขามารับเรา จากนั้นเราจะกลับบ้านด้วยกันนะ”

แต่เฮ่อหลานหันมองจิงเจ้อหรงอย่างไม่รู้ตัว “อาเจ้อ คุณว่ายังไงคะ?”

ได้ยินเฮ่อหลานพูดอย่างนั้นแล้ว หัวเฟยเฟิ่งเองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองจิงเจ้อหรง เธอรู้ว่าลูกเขยคือคนตัดสินใจทุกอย่างในครอบครัว

ส่วนจิงเจ้อหรงกลับกังวลเมื่อนึกถึงถังคุนเฉินที่บุกมาทำร้ายถังซวง เขาพูดว่า “แม่ครับ การกลับไปที่ตระกูลถังจะเป็นเรื่องอันตราย… คนพวกนั้นบุกมาทำร้ายซวงเอ๋อร์ถึงที่นี่เลยนะครับ”

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ต่อให้ฉันจะอยู่ที่นี่ แต่เรื่องทั้งหมดก็ถูกจัดการเรียบร้อย ถ้าเรากลับตระกูลถัง มันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่”

จิงเจ้อหรงได้ยินหัวเฟยเฟิ่งพูดอย่างนั้นแล้วก็ผ่อนคลายลง

หลังจากถังซวงและถังเซวี่ยกลับจากโรงเรียน พวกเขาก็รู้ผลการตรวจสอบสายเลือด ทั้งหมดจึงเรียกคุณยายอย่างรักใคร่ แม้แต่เฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนก็ยังเรียกหญิงชราว่าคุณยายเช่นกัน

เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของถังซวงและคนอื่น ๆ แล้ว หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพูดต่อ “พวกเธอทุกคนเป็นเด็กดีจริง ๆ เดี๋ยวอีกสองวันคุณตาของพวกเธอจะมาที่นี่ แล้วเราจะกลับไปตระกูลถังด้วยกันไหม?”

ทว่าถังซวงไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรักจากบุคคลที่เรียกว่าตา แต่เธออยากรู้เรื่องราวบางอย่างของตระกูลถัง

“คุณยายคะ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลถังให้พวกเราฟังได้ไหม ยังไงซะเราก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเลย”

หัวเฟยเฟิ่งได้ยินแล้วรีบกล่าวตอบ “ได้สิ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะยายประมาทและไม่ได้บอกก่อนเองจ้ะ” หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวของตระกูลถัง

“ตอนนี้คนที่เป็นผู้นำตระกูลคือผู้เฒ่าถัง พ่อของคุณตาหลาน และย่าทวดถังยังมีชีวิต ผู้เฒ่าทั้งสองคนดีกับยายเสมอมา นอกจากตาของพวกหลานแล้ว พวกเขามีลูกชายคนเล็กชื่อถังคุนเฉิน ถังคุนเฉินแต่งงานกับหลานอี้ไป๋และให้กำเนิดบุตรสาวชื่อถังหวยรุ่ย หลังจากที่หล่อนแต่งงาน เธอก็ให้กำเนิดบุตรสาวอีกครั้งชื่อถังอวี้สือ เพราะเหตุผลนี้ถังคุนเฉินกับหลานอี้ไป๋จึงเป็นคุณตาและคุณยายของถังอวี้สือ”

ได้ยินแล้วถังซวงจึงพูดขึ้นว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถังอวี้สือเรียกถังคุนเฉินว่าคุณตา เพราะว่าพ่อของเธอเป็นลูกเขย”

“ใช่ ครอบครัวของเราที่สูญเสียลูกสาวไป พวกเขาเองก็ให้กำเนิดแต่ลูกสาว ถังหวยรุ่ยเองก็ไม่มีลูกชาย หล่อนจึงคิดจะให้ถังอวี้สือสืบทอดตระกูลถังในอนาคต… พวกเขาวางแผนกันได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะได้สืบทอดตำแหน่งนี้ เพราะคนจากสายเลือดครอบครัวใหญ่นั้นดีกว่าพวกเขามาก!”

หัวเฟยเฟิ่งหันมองเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้ม “สำหรับพวกเราแล้ว อาหลานยอดเยี่ยมที่สุด”

เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชม แต่เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับคำยกย่องอะไรเลย

หลังจากนั้นหัวเฟยเฟิ่งก็กล่าวถึงบางสิ่งที่ตระกูลถังทำได้ดี ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือทักษะการแพทย์ “ตระกูลถังสืบทอดกันมากว่าห้าร้อยปี เด็กทุกคนจะได้เรียนรู้ทักษะการแพทย์ ตอนนี้ในหมู่คนรุ่นใหม่ ทักษะการแพทย์ของถังอวี้สือคือระดับแนวหน้า แต่พรสวรรค์ของเธอกลับไม่เพียงพอ และยังไม่เชี่ยวชาญการฝังเข็มโบราณเก้าชนิด ซึ่งคือทักษะการแพทย์ที่ทรงพลังที่สุดของตระกูล เพราะอย่างนั้นเธอจึงพยายามออกไปข้างนอกเพื่อทำความเข้าใจกับทักษะการแพทย์อื่น ๆ มาเสริมให้กับตัวเอง”

ในตอนท้ายของประโยค แววตาของหัวเฟยเฟิ่งเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“มีแค่ถังคุนเฉินและคนอื่นเท่านั้นที่มองว่าถังอวี้สือยอดเยี่ยม และมัวแต่เยินยอเธอในทุกวัน แต่ท้ายที่สุดแล้วถังอวี้สือก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ทักษะการฝังเข็มโบราณเก้าชนิด หากคนอื่นรู้เข้าคงจะหัวเราะเยาะ”

ถังซวงจึงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่ถังอวี้สือมาที่มหาวิทยาลัยชิงหวาก็เพราะเธอกำลังเผชิญหน้ากับสภาวะตีบตันในทักษะทางการแพทย์ของตระกูลถัง”

“ใช่จ้ะ”

หัวเฟยเฟิ่งจำได้ว่าถังซวงและถังอวี้สือเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะสอบถาม “ซวงเอ๋อร์ แล้วหลานสนใจเรื่องการแพทย์ไหม?”

“ค่ะ หนูกับถังอวี้สืออยู่สาขาวิชาเดียวกัน”

ได้ยินอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งรีบกล่าวชมเชย “ซวงเอ๋อร์ของยายแข็งแกร่งมาก หลานจะต้องแข็งแกร่งกว่าถังอวี้สือคนนั้นแน่นอน”

ถังซวงถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนั้น “คุณยายยังไม่รู้เลยว่าทักษะการแพทย์ของหนูเป็นยังไง ทำไมถึงมั่นใจว่าดีกว่าถังอวี้สือล่ะคะ?”

“ไม่เห็นยากเลย เพราะยายเชื่อว่าหลานเก่งกาจกว่าถังอวี้สือแน่นอน แม้ตอนนี้อาจจะไม่เก่งเท่า แต่ในอนาคตหลานจะเก่งกาจกว่า” ในสายตาของหัวเฟยเฟิ่ง ลูกหลานของเธอจะต้องเป็นผู้มีอำนาจและแข็งแกร่งที่สุด

“คุณยายไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเก่งกว่าถังอวี้สือแน่นอน”

ถังซวงเห็นแววตาและความมั่นใจของหัวเฟยเฟิ่ง ในสายตาของหญิงชราคนนี้มีเพียงพวกเธอเท่านั้น หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากหัวเฟยเฟิ่งบอกเล่าถึงเรื่องราวในตระกูลถังแล้ว เธอนั่งคุยกับถังซวงและคนอื่น ๆ ต่ออีก

อีกด้านหนึ่ง ขณะหัวเฟยเฟิ่งและครอบครัวของลูกสาวกำลังสนุกสนาน ถังคุนหาวก็ได้รับข้อความจากภรรยา และเขาคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อรู้ว่าภรรยาที่เคยอยู่แต่ในบ้านเข้าเมืองหลวงไปแล้ว เขาก็รีบเข้าเมืองหลวงด้วยทันที

แต่หัวเฟยเฟิ่งกลับดูเย็นชาเมื่อเห็นว่าถังคุนหาวมาถึง ในแววตาหญิงชราเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อหันกลับมาหาเฮ่อหลาน ใบหน้าของเธอกลับมาอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดูเหมือนเคย

“อาหลาน นี่ถังคุนหาว บิดาผู้ให้กำเนิดของลูกจ้ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด