การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 524 ถังหลาน
บทที่ 524 ถังหลาน
บทที่ 524 ถังหลาน
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่และผู้เฒ่าตระกูลรองตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว หลังจากนั้นผู้เฒ่าถังจึงทราบเรื่อง
แม่เฒ่าถังได้ยินอย่างนั้นอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย “เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ อย่างนั้นฉันจะรีบไปเตรียมของก่อน”
ผู้เฒ่าถังเองก็ยังคิดว่ามันรวดเร็วมาก เดิมทีเขาคิดว่าอาจจะเป็นเดือนหน้า แต่เมื่อตอนนี้วันเวลาถูกกำหนดแล้ว และผู้เฒ่าตระกูลเป็นคนตัดสินใจ เขาไม่ควรจะพูดอะไรมาก “อื้ม รีบหน่อยแล้วกัน”
แม่เฒ่าถังมีสิ่งต้องทำมากมาย และเธอก็ไม่ลืมที่จะแจ้งให้ลูกชายคนโตกับครอบครัวทราบด้วย
หลังจากหัวเฟยเฟิ่งรู้เรื่องราว เธอหันมาบอกเฮ่อหลานทันที “อาหลาน วันเปิดโถงบรรพบุรุษถูกกำหนดแล้วคืออีกห้าวันข้างหน้า ชื่อของลูกจะถูกบันทึกไว้ในรายชื่อของตระกูลเรา” กล่าวจบ ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตาเอ่อล้นอีกครั้ง ลูกสาวของเธอยังมีชีวิตและจะได้กลับสู่ตระกูลถังอย่างถูกต้องแล้ว
พอเห็นว่าแม่ร้องไห้อีกแล้ว เฮ่อหลานยิ้มก่อนจะพูดปลอบโยน “แม่คะ นี่เป็นเรื่องน่ายินดี เราควรจะยิ้มสิคะ”
“จ้ะ ๆ ควรจะยิ้มมากกว่า”
หัวเฟยเฟิ่งกะพริบตาไล่ความเปียกชุ่มในดวงตา ก่อนจะยกยิ้มสดใสให้เฮ่อหลาน
ส่วนถังคุนหาวที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นความอบอุ่นระหว่างแม่ลูก เขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉา นับตั้งแต่ได้เจอกับลูกสาว เขาไม่ได้พูดคุยกับเธออย่างดี และเธอยังไม่ได้เรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทำเขาหดหู่ใจไม่น้อย
เฮ่อหลานกำลังพูดคุยกับหัวเฟยเฟิ่ง จึงไม่ได้สนใจถังคุนหาวแม้แต่น้อย
อีกด้าน ถังคุนเฉินมีหน้าบิดเบี้ยวเมื่อได้รับข่าวกำหนดวันเปิดโถงบรรพบุรุษ
ถังหวยรุ่ยหันมองพ่อของตนด้วยความประหม่า “พ่อคะ โถงบรรพบุรุษกำลังจะเปิดอีกครั้งแล้ว หลังจากนี้เฮ่อหลานจะกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของหนู และหนูจะไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลถัง… เราควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ?”
ถังคุนเฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงหันไปหาหลานอี้ไป๋ “อี้ไป๋ แล้วแผนการต่อไปของเราล่ะ?”
หลานอี้ไป๋ส่ายศีรษะ “ยังไม่ถึงเวลาค่ะ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก”
“แม่คะ เรื่องราวดำเนินมาขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่รีบอีกล่ะคะ? เราควรหยุดเฮ่อหลานไม่ให้หล่อนได้บันทึกชื่อลงในลำดับวงศ์ตระกูล และไล่กลับบ้านไปให้เร็วที่สุดสิคะ”
“นังโง่ หุบปากไปซะ”
หลานอี้ไป๋หันมองถังหวยรุ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “ก่อนหน้านี้แกเพิ่งเห็นเหวินเจ๋อหลิ่วกล่าวขอโทษถังซวงไม่ใช่หรือ? รู้ไหมว่ามันทำให้ครอบครัวของพวกเราต้องอับอายแค่ไหน? เพราะแกสร้างปัญหา แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถจัดการได้ นับตั้งแต่วันนี้หยุดคิดที่จะจัดการอะไรได้แล้ว แกมันไม่มีความสามารถและยังน่ารังเกียจ ไม่รู้ว่าในตระกูลของเราพูดคุยเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว”
ถังหวยรุ่ยได้ยินแล้วสงบปากลงทันที
เธอไม่ได้คิดถึงสถานการณ์นี้มาก่อน และก็ไม่ได้ตระหนักถึงมันจนกระทั่งถูกผู้เป็นแม่ดุด่า เวลานี้เธอจึงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ เธอทำได้แค่ตำหนิเหวินเจ๋อหลิ่วสำหรับความคับข้องใจทั้งหมดที่ตนรู้สึก ในเมื่อหล่อนไม่มีความสามารถก็ไม่ควรจะไปยั่วยุถังซวงไม่ใช่หรือ? ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีก
ถังคุนเฉินเห็นบุตรสาวถูกภรรยาตำหนิอย่างนั้น เขาหันไปมองแล้วกล่าวขึ้นว่า “เอาละหวยรุ่ย ไม่ต้องไปทำให้แม่ของแกโมโหหรอก ต่อให้เฮ่อหลานจะขึ้นมาอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลแล้วยังไง? แกไม่ต้องห่วงหรอก”
เห็นพ่อพูดอย่างนั้นแล้ว ถังหวยรุ่ยจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบและกลืนทุกสิ่งอย่างลงท้องไป
ไม่นานนัก ถังอวี้สือก็ทราบข่าวนี้ แม้เธอจะไม่มีความสุข แต่ก็มั่นใจแล้วว่าเฮ่อหลานจะได้เคารพบรรพบุรุษ และกลับคืนสู่ตระกูล ซึ่งไม่มีใครเปลี่ยนแปลงอะไรได้
ในวันเปิดโถงบรรพบุรุษ เฮ่อหลานตื่นแต่เช้า
“อาเจ้อ ไปเรียกซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยแล้วค่อยไปที่นั่นพร้อมกันดีกว่าค่ะ”
จิงเจ้อหรงพยักหน้า ก่อนจะคว้ามือของเฮ่อหลานเอาไว้แล้วถามว่า “อาหลาน คุณกังวลไหม?”
เมื่อคืนนี้เฮ่อหลานนอนไม่หลับ และเขาสัมผัสได้ เขาจึงคิดว่าภรรยาของเขาคงจะกังวลหรือตื่นเต้น
แต่เฮ่อหลานกลับส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้กังวลอะไร”
“แล้วเมื่อคืนที่คุณพลิกตัวไปมาล่ะ? ดูเหมือนคุณนอนไม่หลับนะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานก็ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันคิดถึงฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยน่ะสิ ไม่รู้เด็กสองคนนั้นจะคิดถึงเราไหม เราไม่ได้เจอพวกเขาตั้งนาน เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อีกอย่างคุณพ่อกับคุณแม่คงจะเหนื่อยที่ต้องดูแลพวกเขาตลอดทั้งวันคืน”
เห็นสีหน้าเป็นกังวลของเฮ่อหลานแล้ว จิงเจ้อหรงยกยิ้มแล้วกล่าวปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พ่อกับแม่ต้องดูแลพวกเขาอย่างดี อีกอย่างที่บ้านมีคนอยู่ตั้งเยอะแยะ ไม่เป็นอะไรหรอก”
เฮ่อหลานโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะกล่าวถึงวันกลับบ้าน
“อาเจ้อ หลังจากวันนี้ที่ฉันเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว เราจะได้กลับบ้านกันนะคะ”
เห็นเฮ่อหลานอยากกลับบ้านขนาดนี้ จิงเจ้อหรงทำได้เพียงพยักหน้ารับ “ครับ เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลย”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน ถังซวงและคนอื่น ๆ เดินเข้ามา
“แม่คะ พร้อมหรือยังคะ? เดี๋ยวเราไปห้องโถงบรรพบุรุษกันเลยไหม?”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จ้ะ เรารีบไปที่นั่นกันดีกว่า”
ทันทีที่เฮ่อหลานมาถึงโถงบรรพบุรุษ ถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งเองก็รออยู่ก่อนแล้ว
หัวเฟยเฟิ่งโบกมือให้กับเฮ่อหลานทันที “อาหลาน มานี่เร็วเข้า”
เฮ่อหลานเดินเข้าหาแม่ด้วยรอยยิ้ม
หัวเฟยเฟิ่งเองก็ยกยิ้มมีความสุข “อาหลาน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผู้เฒ่าตระกูลกับคนอื่น ๆ ยังมาไม่ถึง พิธีจะเริ่มขึ้นหลังจากคุณพ่อคุณแม่กับผู้เฒ่าตระกูลมาถึงน่ะจ้ะ”
ทันทีที่พูดจบ ผู้เฒ่าถังและแม่เฒ่าถังเดินเข้ามา ตามด้วยกลุ่มของผู้เฒ่าตระกูล และคนอื่น ๆ อีกมากมาย
“อาหลาน ใกล้ถึงเวลาแล้ว พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
ในอดีต ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่โถงบรรพบุรุษตระกูลถัง แต่อย่างไรก็ตามครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงปกครองตระกูลถัง นอกจากนี้ผู้หญิงบางคนยังเก่งกาจในการจัดการสิ่งต่าง ๆ มากกว่าผู้ชาย ทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตระกูลถังจึงไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
เฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วแล้วเดินตามเข้าไป
ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ติดตามพวกเขาเข้าสู่โถงบรรพบุรุษด้วยเช่นกัน
ทันทีที่พิธีเริ่มต้นขึ้น ผู้เฒ่าตระกูลนั่งเป็นประธานใหญ่ในเหตุการณ์สำคัญนี้ พิธีการทั้งหมดคือการระลึกถึงบรรพบุรุษและหวนคืนกลับสู่ตระกูล
ถังหวยรุ่ยและถังอวี้สือมีสีหน้าบิดเบี้ยวออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลถึงกับนั่งเป็นประธานพิธีด้วยตัวเอง แต่พวกเธอก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะพิธีนี้นับว่าเป็นพิธีที่สำคัญมาก
ด้านผู้เฒ่าตระกูลไม่คิดสนใจเรื่องวุ่นวายด้านล่าง เขาหันมองเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถังหลาน… นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอคือสมาชิกของตระกูลถัง”
ได้ยินผู้เฒ่าตระกูลเรียกขานตนเองว่าถังหลาน คราวแรกเธอยังนิ่งเงียบ แต่สักครู่หนึ่งเธอก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ค่ะ”
เมื่อถังหลานได้รับการลำดับชื่อบนวงศ์ตระกูลถังแล้ว เธอก็กลายเป็นสมาชิกของตระกูลถังโดยสมบูรณ์
ในคราวแรก ทุกคนคิดว่าพิธีกำลังจะจบลงแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นโดยไม่คาดคิด “ผู้เฒ่าตระกูล ลูกสาวของท่านลุงถูกค้นพบแล้วและได้หวนคืนสู่ลำดับวงศ์ตระกูลถัง อย่างนั้นลูกของเธอก็ควรอยู่ในลำดับของวงศ์ตระกูลด้วยไหม? เพราะพวกเขาทั้งหมดถือว่าเป็นลูกหลานของตระกูลถังด้วยเช่นกัน”
…………………………………………………
Comments