การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 526 ถังเซวี่ยนำโชค

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 526 ถังเซวี่ยนำโชค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 526 ถังเซวี่ยนำโชค

บทที่ 526 ถังเซวี่ยนำโชค

ด้วยเพราะทุกคนเป็นพยาน ถังซวงและถังเซวี่ยก็ได้ถูกนำชื่อเข้าลำดับวงศ์ตระกูลถัง

แม้ถังคุนเฉิน ถังหวยรุ่ย และคนอื่น ๆ จะไม่ยินดีเพียงใดแต่มันก็ไร้ประโยชน์ สองพี่น้องกลายเป็นสมาชิกของตระกูลถังอย่างเป็นทางการไปแล้ว

ด้านผู้เฒ่าถังและแม่เฒ่าถังยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ถังอวี้สือเติบโตมาในตระกูลถัง พวกเขาจึงมีสัมพันธ์อันดีกับหลานสาวผู้นี้ แต่ถังซวงและถังเซวี่ยเป็นลูกสาวของถังหลาน และเป็นทายาทที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เพียงแต่อดไม่ได้ที่จะนึกเสียดายที่ไม่สามารถเอาลูกชายของถังหลานเข้าสู่วงศ์ตระกูล เพราะถังหลานกับจิงเจ้อหรงไม่เห็นด้วย

“อย่างนั้นพิธีการในวันนี้ก็จบลงแล้ว เชิญแยกย้ายกันไปได้”

ผู้เฒ่าตระกูลมองฝูงชนพร้อมกล่าวคำออกมา

ทุกคนได้ยินอย่างนั้นจึงเดินออกจากสถานที่แห่งนี้

ถังหลานและจิงเจ้อหรงพาถังซวงกับคนอื่น ๆ กลับออกไป

“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อีกสองวันแม่จะกลับบ้านแล้ว ที่เรามาที่ตระกูลถังก็เพื่อมาพบเจอญาติของเรา และตอนนี้ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็ถึงเวลากลับเสียทีน่ะจ้ะ”

ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อคะ แม่คะ หนูก็อยากกลับบ้านเหมือนกันค่ะ ถึงเวลาที่หนูต้องไปเรียนแล้ว อีกอย่างเฟิงเยี่ยหานต้องกลับเมืองไห่เฉิงเพื่อจัดการธุระด้วย แค่มาเยือนตระกูลถัง เรื่องในเมืองไห่เฉิงล่าช้าไปมากแล้ว”

“ใช่ค่ะ หนูก็ขาดเรียนไปหลายวิชาเลย”

ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับการเรียนของเธอ และอยากกลับบ้านเหมือนกัน

พอเห็นลูกสาวสองคนอยากกลับบ้าน ถังหลานก็หัวเราะก่อนจะพูดว่า “อื้ม อย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปบอกตากับยายก่อน แล้วพวกเราก็ค่อยกลับบ้านกันนะจ๊ะ”

ถังหลานจะพูดคุยกับถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งให้พวกเขาทราบว่าตนตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถังคุนหาวได้ทราบ เขาถึงกับประหลาดใจ

“อาหลาน ลูกเพิ่งจะมาที่นี่เองไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่อยู่ต่ออีกสักพักล่ะ? ความจริงแล้วพ่อยังไม่ได้พาลูกไปพบเจอตระกูลถังอย่างถูกต้องเลยนะ”

เมื่อเห็นความไม่ยินดีในแววตาของถังคุนหาว ถังหลานเปิดปากกล่าวว่า “พ่อคะ หนูมีลูกอีกสองคนรออยู่ที่บ้าน หนูเป็นห่วงพวกเขาเลยอยากจะกลับไปหาค่ะ”

“อาหลาน…”

ในที่สุดเขาก็ได้ยินถังหลานเรียกขานเขาว่าพ่อเสียที ถังคุนหาวรู้สึกว่าดวงตาของตนเปียกชื้นเล็กน้อย รีบตอบกลับทันที “อื้ม อย่างนั้นพ่อจะไปส่งเอง”

“ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อ เดี๋ยวพวกเรากลับเองดีกว่า”

หัวเฟยเฟิ่งที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นว่า “ใช่ คุณไม่ต้องออกไปหรอก เพราะฉันจะไปกับอาหลานเอง และจะไปอยู่ในเมืองหลวงสักพักด้วย”

“คุณจะไปอยู่ที่เมืองหลวงหรือ?”

ถังคุนหาวไม่เคยได้ยินหัวเฟยเฟิ่งพูดอย่างนี้เลย จึงค่อนข้างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน

หัวเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับก่อนจะพูดว่า “ใช่ ฉันได้เจอกับลูกสาวทั้งที ก็เลยอยากจะใช้เวลากับเธอให้มาก”

ถังคุนหาวที่ได้ยินก็ถึงกับพูดไม่ออก เขาเพียงพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “อื้ม อย่างนั้นคุณก็ไปอยู่ที่เมืองหลวงสักพักก็ได้”

“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองถังคุนหาว แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอกำลังจะเข้าเมืองหลวง เธอเลยจะไปจัดเตรียมข้าวของ “อาหลาน เดี๋ยวแม่กลับไปเก็บข้าวของก่อนนะ อีกสองวันพวกเราจะได้เดินทางกัน”

แต่สุดท้าย เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของตน

“ถังคุนหาว คุณอยู่ที่บ้านและตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ให้คุณพ่อกับคุณแม่อธิบายมาโดยเร็วที่สุด ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่เจออะไรแปลก ๆ จริง ๆ”

“ผมเข้าใจแล้ว”

ถังคุนหาวพยักหน้ารับคำ ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพ่อกับแม่จะมีคำตอบให้หรือไม่ เพราะยังไงถังคุนเฉินก็เป็นลูกชาย และอาหลานก็ยังสบายดี เขาไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่จะให้คำตอบกับตนอย่างไร

หลังจากถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งออกไปแล้ว ถังซวงและถังเซวี่ยก็ออกจากบ้านหลังใหญ่กลับไปยังลานเล็กของตน

นับตั้งแต่ถังซวงยืมตำรับยาโบราณเล่มนั้นมา เธอพยายามศึกษามันและลองดูหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวเสมอมา ตอนนี้เธอกำลังจะกลับเมืองหลวงแล้ว และต้องคืนมันในเร็ววัน ในช่วงสองวันที่เหลือนี้เธอจึงอยากจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันให้มากที่สุดก่อน

โม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงกำลังอ่านตำรับยาอีกแล้ว เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ซวงเอ๋อร์ ผู้เฒ่าตระกูลบอกว่าใบสั่งยาในตำรับยานี้ไม่สามารถกลั่นเป็นยาจริง ๆ ได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมเธอยังอ่านมันอยู่อีกล่ะ? ถ้ามันมีประโยชน์จริง ๆ ผู้เฒ่าตระกูลก็คงจะทำสำเร็จไปนานแล้ว และคงไม่พูดว่ามันเป็นของไร้ประโยชน์หรอก” ความจริงแล้วเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจึงมีเพียงตระกูลถังที่เปิดได้ แต่ถึงแม้จะเปิดมันได้ มันกลับไร้ประโยชน์เสียนี่

แล้วเขายังเห็นว่าถังซวงล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง จึงเริ่มเชื่อว่ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ ขึ้นมา

ถังซวงได้ยินอย่างนั้น ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากตำรับยา สายตายังคงจดจ่อแต่กล่าวตอบว่า “ต่อให้ฉันจะล้มเหลว แต่ผู้เฒ่าตระกูลกับคนอื่น ๆ ก็ล้มเหลวเหมือนกัน ฉันคิดว่าใบสั่งยานี้เป็นของจริง และที่พวกเราทุกคนล้มเหลวเพราะวิธีการของพวกเราไม่ถูกต้อง… บางทีอาจจะมีตำรับยาอีกเล่มที่สามารถไขความกระจ่างได้”

ถึงเธอจะคิดอย่างนี้ก็จริง มันคงจะดีหากมีหนังสืออีกเล่มเพื่ออธิบายการกลั่นยาของใบสั่งยาพวกนี้

“คราวแรกฉันคิดว่าจะถามผู้เฒ่าตระกูลก็คงจะทราบได้ แต่ว่า… ผู้เฒ่าตระกูลและคนอื่น ๆ ต่างไม่ประสบความสำเร็จ เป็นไปได้ว่าคงจะไม่มีหนังสืออีกเล่ม” ถังซวงปฏิเสธความคิดแรกของเธอทันที

“ซวงเอ๋อร์ อย่าคิดมากเลย เราออกไปเดินเล่นกันสักหน่อยไหม?”

ถังซวงส่ายศีรษะ “ไม่ล่ะ ฉันอยากจะลองอีกครั้ง” เวลานี้เธอไม่มีวัตถุดิบปรุงยาเหลือแล้ว เธอจึงไปขอบางอย่างจากถังคุนหาว และขอเครื่องมือสำหรับกลั่นยามาด้วย

“ซวงเอ๋อร์ หลานกำลังศึกษาตำรับยาเล่มนั้นอยู่หรือ? อย่าพยายามเลยดีกว่านะ ใบสั่งยาพวกนั้นเป็นของปลอม ไม่มีวิธีการกลั่นมันหรอก”

ก่อนถังซวงจะตอบกลับ หัวเฟยเฟิ่งกล่าวขึ้นก่อนว่า “ในเมื่อซวงเอ๋อร์อยากจะลองก็แค่เอาของให้เธอ คุณนี่พูดมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ถังคุนหาวกำลังอ้าปากตอบ แต่ก็คิดว่าไม่พูดอะไรดีกว่า ก่อนจะมอบวัตถุดิบปรุงยาจำนวนมาก และเครื่องมือที่มีประโยชน์อีกหลาย ๆ อย่างให้

“คุณตา คุณยาย อย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ”

ถังซวงยังคงกลั่นยาต่อไป โม่เจ๋อหยวนเองก็ไม่คิดรบกวนแล้ว “ซวงเอ๋อร์ อย่างนั้นฉันไม่กวนแล้วดีกว่า”

“ค่ะ”

หลังโม่เจ๋อหยวนจากไป ถังซวงเริ่มกลั่นยาอีกครั้ง

แต่สุดท้ายเธอยังคงล้มเหลว

“แปลกจัง มันมีปัญหาตรงไหนนะ? ใบสั่งยาดูปกติมาก แล้วทำไมถึงไม่ได้ผล?”

ขณะถังซวงกำลังวิเคราะห์อย่างหนัก แต่ทันใดนั้นถังเซวี่ยก็เดินเข้ามา

“พี่คะ ไปดูวิวบนยอดเขาไหมคะ? ฉันได้ยินมาว่าวิวบนนั้นสวยมากเลยนะ”

เมื่อถังเซวี่ยเข้ามาที่นี่ เธอเห็นว่าถังซวงกำลังอ่านตำรับยาอยู่ ริมฝีปากของพี่สาวแห้งเหือด เธอจึงรีบรินน้ำชาให้ “พี่คะ อ่านมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย? ดื่มชาสักหน่อยแล้วค่อยอ่านต่อเถอะ หรือออกไปเดินเล่นด้วยกันไหม ฉันเห็นพี่อ่านมาหลายวันแล้วนะ”

ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา

“อื้ม อย่างนั้นเราไปชมวิวบนยอดเขากันเถอะ” ขณะพูดอย่างนั้น เธอเอื้อมมือไปรับถ้วยชาจากมือของถังเซวี่ย และเมื่อถังเซวี่ยดึงมือกลับไป ถังซวงรู้สึกเจ็บแปล๊บที่นิ้วนาง ก่อนจะเห็นเลือดออกที่ปลายนิ้ว

ถังเซวี่ยเองก็สังเกตเห็นสิ่งนั้นเช่นกัน เธอรีบถามออกไปอย่างกังวล “พี่คะ เจ็บไหม?”

ขณะพูด เธอรีบถอดแหวนที่นิ้วออก

ถังซวงมองแหวนด้วยความสงสัยก่อนจะถามว่า “สำหรับป้องกันตัวหรือ?”

ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะ เฟิงเยี่ยหานให้ฉันมา เขาบอกว่าให้ฉันสวมใส่มันเพื่อป้องกันตัว แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยใส่มันเลย หลังจากนั้นเขาก็ถามฉันอยู่สองสามครั้ง ฉันก็เลยใส่มันจนลืมไปแล้วว่าใส่อยู่ เลยเผลอข่วนมือของพี่ ฉัน…”

ก่อนถังเซวี่ยจะพูดจบ เธอจ้องมองตำรับยาพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก

“พี่… พี่คะ… ดูนั่น”

ถังซวงรีบหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว และเห็นอักษรสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษบนตำรับยาโบราณ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด