การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 552 ของสะสม
บทที่ 552 ของสะสม
บทที่ 552 ของสะสม
เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวเฟยเฟิ่งพูด ถังคุนเฉินถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะกล่าวสบถด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หัวเฟยเฟิ่ง หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของผมกับอี้ไป๋เป็นยังไง เราจะไม่เลิกรากันเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของพี่”
“ฮ่า… นายคงจะไม่รู้สินะว่าภรรยาสุดที่รักของนายน่ะหลงรักถังคุนหาวผู้เป็นพี่ของนาย”
“หัวเฟยเฟิ่ง…”
หลานอี้ไป๋เหลือบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธแค้น
แม้แต่ถังคุนหาวยังเลิกคิ้วแล้วหันมองหัวเฟยเฟิ่ง “เฟยเฟิ่ง พูดเรื่องอะไร? เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องจะมาพูดเล่นหรือไง”
ถังซวงและคนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้นานแล้ว พวกเขาจึงไม่ประหลาดใจนัก แต่เพียงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหัวเฟยเฟิ่งจึงเลือกช่วงเวลานี้
ผู้เฒ่าถังและแม่เฒ่าถังเองก็ได้ยินเช่นกัน แม่เฒ่าถังยิ่งโกรธจัด “หัวเฟยเฟิ่ง เธอคิดจะใส่ร้ายสะใภ้รองงั้นหรือ!”
“ฉันไม่ได้ใส่ร้าย สร้อยคอที่หลานอี้ไป๋สวมใส่เอาไว้คือสิ่งที่จะพิสูจน์เรื่องนี้”
หลานอี้ไป๋ที่ได้ยินอย่างนั้น รีบปิดลำคอของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีสายตาของทุกคนจับจ้องพวกเธอทั้งสองอยู่แล้ว และเมื่อเห็นหลานอี้ไป๋ร้อนตัว ทุกคนยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ
แต่ถังคุนเฉินเย้ยหยันออกมา “สร้อยคอที่อี้ไป๋สวมใส่อยู่คือของขวัญหมั้นหมายจากตระกูลถัง นอกจากสร้อยคอเส้นนี้แล้ว ยังมีเครื่องประดับที่ถูกส่งให้เป็นของหมั้น พี่คิดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นหลักฐานได้ยังไง? เพื่อที่จะใส่ความพวกเรา พี่ถึงกับดึงสามีตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องเลยหรือ!”
หัวเฟยเฟิ่งเงยหน้าขึ้นมองแม่เฒ่าถังก่อนจะกล่าวต่อ “ฉันรู้ว่านี่คือของขวัญหมั้น แต่… สิ่งที่พวกคุณไม่รู้นี่คือสร้อยคอที่ถังคุนหาวเป็นคนเลือก เพราะฉะนั้นหลานอี้ไป๋จึงรักมันมาก และสวมใส่มันไว้ตลอดเวลา”
แม่เฒ่าถังกำลังจะปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ขณะจะอ้าปากพูด เธอกลับนึกถึงเรื่องบางอย่างได้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที
หากหัวเฟยเฟิ่งไม่กล่าวถึง เธอคงลืมไปแล้วว่าตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับการช่วยลูกชายคนเล็กเลือกของขวัญหมั้น และเจ้าใหญ่ก็มาในเวลานั้น เธอจึงบอกให้เขาเข้าไปดู เวลานั้นเจ้าใหญ่ชี้ไปที่สร้อยคอเส้นหนึ่งและบอกว่าสิ่งนี้ดูสวยมาก เธอจึงเลือกสร้อยคอเส้นนั้นไปด้วย
เมื่อเห็นท่าทีของแม่เฒ่าถัง หัวเฟยเฟิ่งถึงกับหัวเราะ “ดูเหมือนว่าคุณก็รู้อยู่แล้วว่าถังคุนหาวเป็นคนเลือกสร้อยเส้นนั้นตั้งแต่แรก”
“ฉัน… เขา…”
แม่เฒ่าถังรู้สึกว่าเธอต้องกล่าวโต้แย้ง แต่กลับไม่สามารถเอ่ยปากได้
ส่วนผู้เฒ่าถังคล้ายจะเข้าใจบางอย่าง จึงหันมาจ้องมองแม่เฒ่าถังก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม “ทำไมคุณถึงไม่พูดออกไปว่าเครื่องประดับนั้นเป็นคุณที่เลือกให้เจ้ารอง?”
“อื้ม ฉันเป็นคนเลือก แต่มันไม่ใช่เส้นนั้น”
แม่เฒ่าถังรู้สึกตัวขึ้นมา จึงพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ
สีหน้าของเธอชัดเจนเกินกว่าจะโกหก คนอื่น ๆ จึงเริ่มเชื่อสิ่งที่เธอพูด และสัมผัสได้ว่าสิ่งที่หัวเฟยเฟิ่งกล่าวออกมาเป็นความจริง
แม้แต่ถังคุนหาวเองก็ยังหันมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ และจดจำได้ทันที คราวนั้นแม่เอ่ยปากถาม และเขาก็ชี้ไปอย่างสุ่ม ๆ เขาจดจำเหตุการณ์นั้นได้ แต่จดจำสร้อยเส้นนั้นไม่ได้
ถังคุนเฉินที่ไม่เชื่อในคราวแรก ตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
เขาหันมองหลานอี้ไป๋ด้วยแววตาสับสนก่อนจะกล่าวถามเสียงแผ่ว “อี้ไป๋ ที่หัวเฟยเฟิ่งพูดเป็นความจริงหรือ? สร้อยคอที่คุณใส่อยู่เป็นสร้อยที่พี่ใหญ่เลือกหรือ?”
หลานอี้ไป๋ที่เห็นแววตาของถังคุนเฉินก็สงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว
“อะไร… คุณไม่เชื่อคำพูดของฉัน แต่เชื่อถือคำพูดของหัวเฟยเฟิ่งมากกว่า แล้วจะมาถามฉันทำไม? ฟังหัวเฟยเฟิ่งคนเดียวก็คงพอแล้วแหละ”
หลานอี้ไป๋ไม่ยอมรับ ถังคุนเฉินจึงกล่าวถามอีกครั้ง “แล้วสร้อยนั่นอยู่ไหน? เอามันออกมาให้คนดูสิว่าใช่สร้อยที่พี่ใหญ่เลือกหรือเปล่า”
หลานอี้ไป๋ได้ยินชัดเจน แต่เธอกลับไม่เคลื่อนไหว
เมื่อเห็นว่าหลานอี้ไป๋ยังนิ่งเฉย ถังคุนเฉินก็ตะโกนลั่น “หลานอี้ไป๋ ผมบอกให้คุณถอดสร้อยออกมาไง!” เขาตระหนักได้ถึงบางอย่างที่เขาไม่เคยสนใจมาก่อน ถ้าภรรยาของเขาชอบถังคุนหาวจริง ๆ ทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล
ดวงตาของถังคุนเฉินกลายเป็นสีแดงก่ำเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ส่วนทุกคนหันมองหลานอี้ไป๋เพราะอยากรู้ว่าเธอสวมใส่สร้อยคอเส้นไหนอยู่
ถังหวยรุ่ยมองแม่ของตัวเองอย่างไม่เชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนแต่แปลกประหลาด ไม่ว่ายังไงแม่ของเธอก็ควรจะรักพ่อเพียงคนเดียว จะไปชอบลุงใหญ่ได้ยังไง? มันจะ… เป็นไปได้ยังไง
ยิ่งเห็นแม่ปฏิเสธที่จะถอดสร้อยคอออก ถังหวยรุ่ยก็เริ่มสัมผัสได้ว่าสิ่งต่าง ๆ อาจเป็นอย่างที่หัวเฟยเฟิ่งกล่าว
ด้านผู้เฒ่าถังออกคำสั่งเด็ดขาด และหันไปกล่าวกับหลานอี้ไป๋ “สะใภ้รอง ถอดสร้อยออกมาให้เจ้าใหญ่ดูซะ แล้วฉันจะคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตราบใดที่เจ้าใหญ่บอกว่าเขาไม่ได้เลือกสร้อยเส้นนี้ ทุกอย่างก็จบ และความจริงจะได้ปรากฏ”
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ถ้าถังคุนหาวไม่ยอมรับ ทุกอย่างก็จะจบลง
หลานอี้ไป๋เข้าใจคำพูดของผู้เฒ่าถัง เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังคุนหาว และพบว่าเขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย แววตาของเธอวูบไหวก่อนจะยอมถอดสร้อยที่คอออกมา
มันคือสร้อยคอทองคำ มีลูกปัดทองคำสามเม็ดประดับไว้ แม้มันจะเก่า แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี และยังคงเงางามเช่นเคย
“เจ้าใหญ่ ลองดูสิ แกเคยเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อนไหม?”
ผู้เฒ่าถังหันมองถังคุนหาวและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แน่นอนว่าถังคุนหาวเข้าใจว่าผู้เฒ่าถังหมายถึงอะไร เขาลืมไปแล้วว่าสร้อยเส้นนั้นหน้าตาเป็นยังไง และเมื่อเห็นหลานอี้ไป๋หยิบมันออกมา เขาก็จดจำได้ทันทีว่านี่คือสร้อยที่เขาเลือกเอาไว้
ขณะถังคุนหาวกำลังคิดว่าควรจะตอบอย่างไร หัวเฟยเฟิ่งหัวเราะออกมา “ผู้เฒ่าถัง คุณคิดว่าคนอื่นโง่หรือไง? ที่คุณพูดคือการขู่คุนหาวชัด ๆ ถ้าหากเขาปฏิเสธก็หมายความว่าพวกคุณสมรู้ร่วมคิดกันนะคะ”
“เธอ…”
หัวเฟยเฟิ่งฉีกหน้าของผู้เฒ่าถังอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำอย่างโกรธจัด
แต่หัวเฟยเฟิ่งไม่แยแสแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอพูดถัดมายิ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“หลานอี้ไป๋ยังเก็บนาฬิกาที่ถังคุนหาวทิ้งไปแล้วไว้ด้วย ถ้าเขาได้เห็นมัน เขาจะรู้ทันทีว่ามันคือของ ๆ เขา”
หลานอี้ไป๋หันมองหัวเฟยเฟิ่งอย่างตื่นตระหนก สีหน้าของเธอมีเพียงความสับสน ไม่รู้เลยว่าทำไมผู้หญิงตรงหน้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้
ทว่าหัวเฟยเฟิ่งเพียงมองถังคุนเฉิน “ถ้าคุณให้ใครสักคนเข้าไปค้นห้องของหลานอี้ไป๋ ก็น่าจะพบความจริง ฮ่าฮ่า… ผู้หญิงคนนี้รักสามีของฉันจริง ๆ”
Comments